ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERO ZONE

    ลำดับตอนที่ #4 : [QUEEN] Ordinary World (1)

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 62


    12/28/2018

    Ordinary World (1)

    [ C I V I E S ]

     

    [ฉันชื่อ...]

    […]

    [เมื่อก่อนคนอื่นจะเรียกฉันว่าควีน]

    [ทำไมน่ะเหรอ? ไม่อยากจะโม้หรอก]

    [ก็ฉันเป็นนักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตที่เก่งที่สุดในชิคาโกนี่?]

    […ให้ตาย นี่ขนาดไม่อยากโม้นะ]

    [เอาเป็นว่า ต่อจากนี้คือเรื่องราวของฉัน]

     

     3 วันหลังการระบาด

    ทุกอย่างแลดู 'เละเทะ' ไปเสียหมด

    ลองจินตนาการภาพเดิมที่เมืองนี้เคยเป็นสิ ฉันยังจำตอนที่ยืนชมวิวริมระเบียงจากคอนโดชั้นสามสิบของตัวเอง อากาศหนาวยามค่ำคืนโชยมาสัมผัสแขน ไฟหลากสีสะท้อนระยับราวกับดวงดาว แต่ตอนนี้แสงไฟเดียวที่ฉันเห็นก็คือ...แสงตะเกียง

    มันแย่สุดๆ เลยล่ะ

    แต่ที่แย่กว่านั้นคือการที่จะต้องมานั่งบอกตัวเองทุกวันว่า ฉันคงไม่มีวันหนีออกจากที่นี่ไปได้แน่

    หลังจากการระบาดของโรคติดต่อปริศนา ชิคาโกก็กลายเป็นเมืองปิด เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ประกาศจะดังขึ้น ฉันยังหมุนตัวอยู่กลางลานน้ำแข็ง สวมรองเท้าสเก็ต วิ่งโลดแล่นไปบนลานลื่นสีใสอย่างอิสระ แต่เมื่อเสียงนิ่งๆ ของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นหายนะ

    ฉันถูกโค้ชลากตัวออกมาจากลานแข่งขันทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เอ่ยลาผู้ชม ใบหน้าของเขาในตอนนั้นแลดูหวาดผวาเหลือเกิน ทำไมกันนะ? ฉันสงสัย แต่แล้ว...ฉันก็ได้รู้คำตอบเมื่อออกมาข้างนอกเมืองอีกครั้ง

    ทุกอย่างแลดู 'เละเทะ' ไปเสียหมด

    ...ใช่ เละเทะจริงๆ

    ทั้งรถพยาบาล ตำรวจ คนป่วย ราวกับเมืองนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นลานผู้อพยพอะไรทำนองนั้นล่ะ ฉันทำได้เพียงแค่เหลือบตามองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะโดนโค้ชลากขึ้นรถไป เมื่อรถสตาร์ท คนขับก็พาฉันกับโค้ชออกไปจากบริเวณนั้นโดยทันที ฉันตัดสินใจอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นภาพรอบตัว ทั้งรถพยาบาลที่ขับผ่านไปคันแล้วคันเล่า เสียงไซเรนที่ดังกึกก้อง...

    ผู้คน...กับซากศพ

    ให้ตายสิ

    ในตอนนั้นฉันคิดว่าสิ่งที่กำลังเห็นเป็นอะไรที่แย่สุดๆ แล้ว มันยังมีอะไรที่แย่กว่านี้เกิดขึ้นอีก ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าบางสิ่งกำลังเข้ามาใกล้ และในวินาทีนั้นรถทั้งคันก็ถูกกระแทกด้วยแรงมหาศาล

    คิว!

    ฉันรู้สึกราวกับตัวเองกำลังอยู่ในห้วงอวกาศ ลอยเคว้งคว้างอยู่ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง รถลิมูซีนสีดำตีลังกาอย่างรุนแรงก่อนจะพลิกคว่ำในที่สุด โชคดีที่ฉันคาดเข็มขัดเอาไว้เลยไม่เป็นอะไรมาก แต่...

    “ไม่...”

    ไม่นะ...ไม่

    คงไม่ต้องบอกก็รู้ ฉันเสียโค้ชคนสนิทของฉันไปในวันนั้น

    ด้วยสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด มืออันสั่นเทาเริ่มเอื้อมไปปลดเข็มขัดออก ร่างของฉันถูกทิ้งลงในทันทีเมื่อถอดสายเข็มขัด ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างกาย ฉันมองลงไปบนเข่าข้างหนึ่งของตนเอง เศษกระจกหล่นกระจายเต็มไปหมด ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหลบเลี่ยงมัน จนกระทั่งตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายว่าจะต้องหนีออกไปจากรถคันนี้

    ความเจ็บปวดไม่เป็นอุปสรรคเลยเมื่อต้องการจะเอาชีวิตรอด ฉันเอื้อมมือไปดึงล็อกขึ้น แต่ทว่าเมื่อพยายามเปิดประตูออกไป กลับดูเหมือนว่าบานประตูจะติดกับอะไรบางอย่าง ฉันสับสน ปากพึมพำอย่างสิ้นหวังก่อนจะเริ่มใช้เท้าเตะประตูแรงๆ เสียงตึงดังซ้ำอยู่สองสามครั้ง

    และประตูก็เปิดออกในที่สุด

    ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ 'นรก' เท่านั้น

    ...นรกบนดิน


    แต่...

    นับจากตอนนั้น ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผ่านมานานมากแล้ว ตอนนี้ชิคาโกกลายเป็นเมืองร้าง สิ่งเดียวที่ฉันเห็นตลอดการเดินทางบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ คือรถจำนวนมากที่ถูกจอดทิ้งเอาไว้ กระดาษหนังสือพิมพืพาดหัวข่าวตัวโตว่า "โรคปริศนาระบาดทั่วเมือง" ฉันกระชับสายสะพายกระเป๋าขึ้นบนไหล่ที่แลดูจะหนักกว่าปกติ สายตากวาดมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

    พวกนั้นอาจจะโผล่มาตอนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะซอกตึกข้างๆ หรือมันอาจจะกำลังแอบซุ่มอยู่ตามซากรถรอดักเหยื่ออยู่ ด้วยเหตุนั้นเองฉันถึงต้องระวังให้มากขึ้น แม้แต่ก่อนจะไม่เคยเป็นพวกขี้ระแวงแบบนี้ก็ตาม

    เกล็ดหิมะปลายเดือนธันวาคมร่วงลงบนเสื้อคลุม ฉันใช้มือปัดออกเบาๆ หลังจากหาจุดพักชั่วคราวได้ มือเปิดกระเป๋าแล้วหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะเปิดฝาแล้วดื่มแก้กระหายไปแล้ว แต่ทว่าในตอนนี้ ถ้าคุณหาน้ำหรืออาหารได้ คุณจะต้องแน่ใจอย่างสูงว่าบรรจุภัณฑ์ของมันไม่ได้ชำรุด ก็นะ...ตามประกาศเขาว่าไว้อย่างนั้น ใครไม่เชื่อก็คงโง่น่าดูเลยล่ะ ฉันพลิกขวดพลาสติกในมือไปมาเล็กน้อย ตรวจดูให้ละเอียดว่ามัน 'ปลอดภัย' จริงๆ และเมื่อแน่ใจแล้วจึงจะเปิดฝาดื่ม

    ที่พักชั่วคราวของฉันในตอนนี้คือหลังถังขยะในตรอกมืดแห่งหนึ่ง คงจะอนาถใจน่าดูเลยนะถ้ามีคนมาเห็นราชินีนั่งกินอาหารอยู่ข้างกองขยะแบบนี้ และฉันก็คงจะดีใจไม่น้อยเลยถ้าหากคนๆ นั้นเดินผ่านมาจริงๆ คงจะเพราะความคิดแบบนี้ละมั้งถึงทำให้ฉันชอบชะโงกหน้าออกไปดูด้านนอกอยู่เรื่อย ตรงหน้าคือถนนอันแสนว่างเปล่า รถแต่ละคันจอดระเกะระกะไร้ซึ่งระเบียบ หิมะเกาะอยู่เต็มกระจกหน้า สภาพเมืองชิคาโกดูเหมือนจะยังปกติอยู่แต่...

    ความคิดทั้งหมดนั้นหยุดลงเมื่อฉันได้ยินเสียงกรีดร้อง

    "ช่วยด้วย!!"

    "ใครก็ได้--! ช่วยพวกเราที!!"

    มือแทบจะอ่อนปวกเปียกเมื่อได้ยินเสียงของชายหญิงสองคนนั้น ฉันตัดสินใจพับฝาอาหารกระป๋องลงมาปิดก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋า ขณะนั้นเองก็พยายามชะโงกออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอก สิ่งที่ฉันเห็นคือร่างของชายหนุ่มและหญิงสาาวคู่หนึ่ง พวกเขากำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา ท่าทางแลดูหวาดกลัวสุดขีด

     ในวินาทีนั้นเองเสียงนึ่งก็ดังขึ้น ปัง! ฉันสะดุ้งเฮือก ถ้าไม่ได้ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองก็คงจะกรี๊ดแตกไปแล้ว ร่างของหนึ่งในสองคนนั้นล้มลงบนพื้นหิมะ เสียงผู้หญิงกรีดร้องลั่น เดาว่าคนที่ล้มลงไปน่าจะเป็นผู้ชาย

    "เดวิด! ไม่นะ!"

    "ไปซะอลิซ! ไป!"

    พระเจ้า...

    ฉันอยากให้ตัวเองมีความกล้ามากกว่านี้ ฉันอยากออกไปช่วยสองคนนั้น พวกเขาเป็นคนปกติกลุ่มแรกที่ฉันเห็นตลอดสามวันนี้ เพราะนอกจากคนอื่นๆ แล้ว...ก็ไม่มีใครอีกเลย ฉันกัดฟันแน่น ความเห็นใจเมื่อครู่แทบจะมลายหายไปในทันทีเมื่อหวนนึกถึงความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้น 

    กลุ่มคนปริศนาที่เดินตามหลังสองคนนั้นปรากฏกายต่อหน้าฉัน พวกเขาสวมชุดเสื้อกันหนาวมิดชิด มือทั้งสองข้างถูกป้องกันอย่างดีด้วยถุงมือหนา ใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากกันแก๊ส ฉันค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหลบด้านถังขยะ แต่ในตอนนั้นเองก็ยังคงเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ผู้หญิงคนนั้น...อลิซ เธอไม่ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอกเลย หญิงสาวพยายามใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดพยุงร่างอันหนักอึ้งขึ้นมา แต่ในทันใดนั้นเอง...

    ปัง!

    เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และคนที่เหนี่ยวไกก็คือหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พวกนั้นเอง ร่างของเดวิดล้มลงบนพื้นอีกครั้งในสภาพจมกองเลือด คราวนี้เขาคงไม่รอดแล้วจริงๆ ฉันกำหมัดแน่น สายตาจับจ้องไปยังสิ่งที่ปรากฏอย่างไม่ลดละ ผู้หญิงคนเดิมพยายามตะเกียกตะกายเข้าไปหาคนรักของตัวเอง ฉันเห็นน้ำตาที่อาบอยู่บนใบหน้าของเธอ ก่อนที่ร่างในชุดป้องกันสีเหลืองสว่างจะเดินเข้าไปหาเธอ

    หญิงสาวเงยหน้าขึ้น ปากพยายามพึมพำร้องขอชีวิตจากชายคนนั้น แต่ทว่าสิ่งเดียวที่ฉันได้ยิน...

    "ทุกคนจะต้องถูกชำระล้าง"ชายคนนั้นเว้นวรรค"...ตามประสงค์ของพระเจ้า"

    "ไม่..ด...ได้โปรดเถอะ--"

    ฉันรู้ว่ามันสายไปแล้ว

    เมื่อคนพวกนั้นปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจะเผาผลาญทุกชีวิตด้วยเปลวเพลิง คำพูดสวยหรูที่กล่าวถึงพระเจ้านั้นก็แค่น้ำผึ้งที่คอยชะโลมจิตใจพวกเขาตอนฆ่าคน สิ่งต่อมาที่ฉันเห็นคือชายร่างสูงอีกคน เขาค่อยๆ สาวเท้าก้าวเข้ามาตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น ด้านหลังสะพายถังอะไรบางอย่าง มือของเขาถืออุปกรณ์ที่แลดูคล้ายกับปืนเอาไว้แน่น

    ใบหน้าภายใต้หน้ากากกันแก๊สจับจ้องไปยังเหยื่อตรงหน้า

    ต่อให้หล่อนพยายามจะร้องขอชีวิตมันก็สายไปแล้ว

    ฉันรีบดึงตัวกลับที่เดิมในทันที เปลวไฟสว่างวาบเป็นประกายรอบจุดนั้น มันร้อนมากเสียจนฉันเองก็รับรู้ได้แม้จะอยู่ห่างออกมา เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังก้องอยู่ในความเงียบงัน เป็นเสียงกรีดร้องอันแสนทรมานกับร่างกายที่กำลังแหลกสลายเพราะเปลวเพลิง ฉันหลับตาสนิท กัดฟันแน่น มือเกร็งเสียจนไม่รู้สึกถึงความหนาวเหน็บรอบตัวเอง นี่ฉันต้องทนฟังเสียงร้องของผู้หญิงคนนั้นอีกนานแค่ไหนนะ?

    โลกนี้โหดร้ายชะมัด

    แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นชะตากรรมของพวกเราทั้งสิ้น

    เสียงกรีดร้องนั่นเงียบหายไปแล้ว ฉันเอาแต่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างถังขยะ...ไม่รู้ตัวเลยว่ายกมือขึ้นปิดหูตั้งแต่เมื่อไหร่ ในทันทีที่เอามือออก คนพวกนั้นก็เริ่มพูดอะไรบางอย่าง แม้จะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะชะโงกหน้าออกไปดูอีกครั้ง ที่เห็นคือชายสวมชุดสีเหลืองอ่อนแบบที่พวกกู้ภัยใส่กำลังจดบันทึกอะไรบางอย่าง ในขณะเดียวกันไอ้คนที่ถือปืนพ้นไฟก็เดินเข้ามาสมทบ ทิ้งให้ร่างของสองชายหญิงต้องตายอย่างทรมานในกองเพลิงของตนเอง

    ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่มีความสำนึกผิดในแววตาของพวกมันเลย

    ราวกับการฆ่าคนพวกนี้เป็นเพียงกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งอะไรทำนองนั้นเลยล่ะ

    "รายที่ 13 และ 14..."

    "ผมเชื่อว่าต้องมีเยอะกว่านี้แน่ครับบอส"

    "ใช่...แล้วเราจะต้องไปตามหาพวกนั้น"

    "พวกเขาต้องได้รับการชำระล้าง"

    "ถูกต้อง พวกเขาต้องได้รับการชำระล้าง..."


    ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง

    ฉันเริ่มก้าวขาออกไปด้านนอกเมื่อคนพวกนั้นเดินหายไปไกลแล้ว รู้สึกแย่เหลือเกินเมื่อต้องทนมองร่างไร้วิญญาณของสองคนนี้ เปลวไฟที่ลุกท่วมร่างของพวกเขายังคงลุกโชติช่วง ละลายเอาหิมะที่อยู่ๆ รอบไปจนหมด ฉันทำได้เพียงกัดฟันและกำหมัดแน่นๆ ในใจภาวนาว่าขออย่าให้เป็น...เหมือนคนพวกนี้

    ให้ตายสิ ฉันคิดถึงโลกภายนอกที่สุดเลย

    เมื่อไหร่ถึงจะได้กลับออกไปนะ?


           
    Z Y C L O N
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×