คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : War and Sacrifice. Episode 3: I hope you'll be better soon.
“นายทหารนั่นเราเอามันไว้ไม่ได้...”
“อะไรนะครับ ท่านกำลังหมายความว่า...”
ทหารผู้ที่ท่าทางจะมียศใหญ่พอสมควรค่อยๆหันมาหลังจากที่นาซีคนนั้นกำลังลากเสียงอยู่เพื่อรอคำตอบ เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในคำพูดของทหารคนนั้น
"คุณฝึกเขาให้เป็นเครื่องจักรสังหาร และให้งานนั่นไปทำ ตอนนี้เขาแทบจะเป็นบ้าตายแล้วนะคุณรู้รึเปล่า"
"ผมทราบครับท่าน"เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ"แต่นั่นคืองานของเขา"
"ใช่ผมรู้ แต่คุณรู้รึเปล่าว่าเขากำลังหวนกลับมาฆ่าเราทุกคน เพราะงานบ้าๆนั่นน่ะ"
นาซีหนุ่มก้มหน้าลง เขาหัวเราะเบาๆอย่างขบขันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีก
"อย่าลืมสิครับ...ท่านเป็นคนมอบหมายงานนี้ให้เขาเอง"
"ใช่..."เขาหรี่ตาลงนิดหน่อย
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังประตูห้อง เขายกมือขึ้นจับลูกบิดประตูแล้วทำท่าจะหมุนมัน แต่แล้วเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง
"ผมก็หวังว่าเขาจะดีขึ้นในเร็วๆนี้นะครับ"
....
...
..
.
"อ..อะไรนะ"
หญิงสาวขมวดคิ้วขึ้นทันทีหลังจากที่เขาพูดจบ คำพูดเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวราวกับไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไป เธอมองลึกเข้าไปยังดวงตาไร้แววคู่นั้นด้วยท่าทีที่แฝงไปด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มยังคงเผยอมุมปากขึ้นยิ้มอยู่เหมือนเดิม มือขวาของเขาดันผนังที่เธอยืนพิงในขณะนั้น แสงจันทร์สาดส่องผ่านเข้ามาทำให้ใบหน้าอีกด้านหนึ่งของเขาเป็นเงามืด ยิ่งทำให้ดูน่าลึกลับขึ้นไปอีกเท่าตัว
"คุณจำคำพูดของผมไม่ได้แล้วสินะ...ในวันนั้นผมพูดว่าอะไร...ลองนึกดูสิ"
"เดี๋ยวนะ คุณ..."เธอลากเสียง ในหัวกำลังประมวลความคิดต่างๆจนเธอนึกถึงคำพูดของเขาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว"...คุณไม่ได้พูดเล่นหรอกเหรอเนี่ย...?"
เขาหัวเราะเบาๆ
"คิดว่าหน้าอย่างผมพูดเล่นเป็นด้วยเหรอ ...เฟราไลน์"
เธอเริ่มจะลำดับเหตุการณ์ได้ทีละน้อย วันนั้น...ในวันที่เขากำลังสอนเปียโนให้เธอแต่เธอกลับบอกว่าเล่นเป็นแล้ว....และเขาก็พูดออกมาว่า....
"...คุณจะต้องจ่ายคืนผมสองเท่า"
เขาพูดขึ้นมาในที่สุดราวกับกำลังเฉลยคำถามให้เธอ แอดเลอร์อยากจะก้าวเดินออกจากตรงนี้...แต่ฤทธิ์ของไวน์ทำให้เธอแทบจะไม่มีสติอยู่กับตัวเลย...การมองเห็นของเธอเริ่มจะเสื่อมถอย ยิ่งมองเห็นสายตานั่นทำให้เธอทำท่าจะยืนไม่ไหว...
"คาร์ล..."
เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วบางจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่เขายังคงฟังทุกๆคำของเธออยู่เสมอ
"ว่าไง..."
"....คุณมัน..เสียสติไปแล้วชัดๆ..."
เขายังคงเผยอยิ้มมุมปาก การที่เธอเริ่มจะสกัดความกลัวให้เขาเห็นมันทำให้เขารู้สึกสนุกขึ้นมาเป็นว่าเล่น...
"ใช่...คงจะเป็นแบบนั้น..ล่ะมั้ง"
เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาโอบเธอเอาไว้ในขณะที่เธอเริ่มจะหมดสติ ภาพที่เธอเห็นเป็นครั้งสุดท้ายในตอนนั้นคือพื้นถนนที่แฉะไปด้วยน้ำและกองขยะที่ตั้งเกลื่อนอยู่...แล้วเธอก็ผล็อยหลับไป...
....
...
..
.
พรึ่บ!
แอดเลอร์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากฤทธิ์ของไวน์แดงที่เธอดื่มไปทำให้เธอรวบรวมสติได้ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรนัก ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างไรอย่างนั้นล่ะ เธอใช้แขนทั้งสองดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ แล้วมองไปรอบๆห้อง...ไม่อยากจะเชื่อเลย..นี่มันห้องพักของเธอที่เจ้าของห้องเพิ่งจะไล่เธอออกไปเพราะไม่จ่ายค่าห้องไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แต่มันไม่น่าจะเป็นความจริงเลยสักนิด..หากนี่ไม่ใช่ความจริงอย่างที่เธอคิดละก็ มันก็คือความฝัน...หรือภาพลวงตา..
ฟึ่บ..
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากเตียงไม้เก่าๆก่อนจะเดินไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันกับเตียง ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม...โต๊ะตัวนั้นยังคงรกไปด้วยตำราเรียนวิชาต่างๆของเธอและพวกปากกาดินสอก็ยังคงวางอยู่ในแก้วที่เอาไว้ใส่มัน และที่ขาดไม่ได้คือจดหมายฉบับนั้น...จดหมายที่นาซีคนนั้นเขียนถึงเธอ..
ไวเท่าความคิด แอดเลอร์รีบสาวเท้าเดินไปยังโต๊ะตัวนั้นก่อนจะหยิบจดหมายนั่นขึ้นมาดู น่าแปลกที่มันไม่ใช่จดหมายฉบับเดิมที่เคยมีแต่การบรรยายถึงจุดประสงค์ยาวเยียดของพวกนาซีนั่น หากแต่ว่ามันกลับกลายเป็นข้อความสั้นๆหนึ่งบรรทัดแทนพร้อมกับซองสีขาวที่วางเอาไว้ข้างๆมัน เธอเริ่มจะหยิบมันขึ้นมาก่อนจะอ่านมันในใจอย่างช้าๆ..
..I hope you'll be better soon...Fraulein..
เธออ่านมันสักครู่ก่อนจะเผยอปากขึ้นยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว ต่อจากนั้นเธอก็ละสายตาไปมองซองสีขาวนั่นแทน...เธอค่อยๆหยิบมันขึ้นมาก่อนจะพลิกไปด้านหลัง อย่างที่เธอนึกไว้ไม่มีผิด...ตราสวัสติกะนาซียังกาอยู่ตรงมุมซองเหมือนเดิม เธอเริ่มจะแกะซองออกมาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อในซองนั้นมันคือ....เงินจำนวนหนึ่งพอจะทำให้เธอใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในเร็ววัน...
เธอวางมืออยู่บนซองสีขาวที่บรรจุเงินจำนวนหนึ่งอยู่ด้านใน ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงช้าๆ...เธอยังคงจำเขาคนนั้นได้ดีเสมอ นาซีหนุ่มนิสัยแปลกๆคนนั้น..ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเธอ...หญิงสาวหวังเอาไว้ว่าเธอน่าจะได้เจอกับเขาอีกสักครั้งในเร็วๆนี้...
"ขอบคุณสำหรับเงินนะ..."
แอดเลอร์พูดแล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยปัดขึ้นมองด้านบนนิดหน่อยก่อนจะกล่าวต่อ...
"..พันตรีเบิร์ต คาร์ล..."
...
ในขณะเดียวกันนั้น...
ชายหนุ่มเผลอยิ้มกรุ่มกริ่มออกมาทันที ป่านนี้เธอคงจะเห็นซองจดหมายของเขากับเงินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วแน่นอน แอดเลอร์เป็นเด็กสาวที่อัจฉริยะแต่น่าสงสาร ในโรงเรียนนั่นแทบจะไม่มีใครเข้าหาเธอเลยสักคนเดียว ส่วนญาติที่คอยส่งเงินมาให้เธอเรียนต่ออยู่ดีๆก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปเสียอย่างนั้น อดีตของเธอก็ไม่ต่างจากอดีตของเขามากเท่าไรนักหรอก
วันนี้เขาถูกหัวหน้าเรียกตัวให้กลับมาเบอร์ลิน ทุกๆครั้งที่เขาถูกเรียกไปมักจะมีแต่เรื่องที่ไม่ดีไปเสมอ งานของเขาอาจจะจบลงก็ได้ถ้าหากมีเรื่องใหญ่จริงๆรอเขาอยู่เบื่องหน้า ซึ่งเขาจะเดินหันหลังกลับไปจากมันไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะคนที่คอยจะผลักเขาลงในเหวนั่นก็มีแต่...ไอ้หัวหน้าหน่วยเฮงซวยนั่นคนเดียว...เอมิลล์ วอลทซ์..
เขาขับรถเลี้ยวเข้าไปด้านในค่ายของพวกนาซีนั่น ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วรีบสาวเท้าเดินไปยังอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่มีธงของนาซีประดับอยู่ทั้งสองด้านของอาคาร เขาจำได้ลางๆว่าเคยมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนเองนี่ คราวนี้เขาต้องกลับมารับชะตากรรมในที่แห่งนี้อีกแล้วเหรอ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!
ตึก...ตึก..ตึก...
"ไงเบิร์ต!"
นั่นฟังดูเป็นเสียงที่กำลังเรียกเขาอยู่ มันเป็นเสียงที่เข่คุ้นเคยมากและหวังว่าเจ้าของเสียงจะอยู่ไม่ไกลจากเขามากเท่าไร เบิร์ตหันไปรอบๆก่อนจะสังเกตเห็นชายในเครื่องแบบคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงมุมของทางเดิน เขาเดินมาหาเขาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ครับ หัวหน้า?"
"อย่าพูดแบบนั้นสิสหาย เพื่อนเก่าอุตส่าห์มาหาสักทีทำหน้าให้มันมีความสุขหน่อยเซ่!"เขาพูดพลางยื่นมือมาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ"แหม่ๆๆ เป็นไงบ้างได้ไปอังกฤษน่ะ"
"ก็..."เขาลากเสียงนิดหน่อย"เหมือนเดิมนั่นล่ะครับ"
ชายในเครื่องแบบสีดำหัวเราะอย่างขำขันก่อนจะเริ่มพูดต่อ
"แล้วงานล่ะ ลากเด็กอังกฤษได้มากี่คนแล้ว หืม?"
เบิร์ตยกมือขึ้นล้วงเข้าไปในเครื่องแบบของเขาก่อนจะคว้หยิบบางอย่างออกมา มันเป็นรูปถ่ายเก่าๆใบหนึ่ง
"คนนึงครับ"เขาพูดพร้อมกับชูรูปถ่ายในมือให้ผู้เป็นหัวหน้าดู
เมื่อเขาได้ดูรูปนั่นแล้วก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ชายหนุ่มยื่ยมือไปหยิบรูปถ่ายใบนั้นมาดูอย่างรวดเร็ว บุคคลในรูปช่างคุ้นตาเขายิ่งนัก...
"เอ--นายได้ตัวแม่สาวนี่มาเหรอเบิร์ต ลูกหลานใครวะหน้าคุ้นๆ"เขาพูดพลางพินิจมองดูรูปถ่ายใบนั้น"สวยไม่เบาเลยวะ"
"อย่าบอกนะครับว่าคุณจำเธอไม่ได้ ก็ลูกสาวของดร.ไคลร์ไงละครับ"
เมื่อได้ยินดังนั้นสีหน้าของชายหนุ่ทตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
"เฮ้ย...นายได้ตัวเธอมาหรือนี่!? ให้ตายสิ! นายมันโตรตเจ๋งเลยเบิร์ต ลูกสาวของไคลร์ติดเชื้ออัจฉริยะมาจากพ่อมากเลยแน่ๆ.."เขาลากเสียง"นายทำไงเนี่ยถึงได้ตัวเธอมาน่ะ"
เขาหัวเราะในลำคอนิดหน่อย
"ก็ไม่เชิงได้ตัวหรอกครับ ส่วนที่คุณถามว่าผมจะได้ตัวเธอมาได้ยังไงผมก็จะบอกให้เลยว่า..."
ชายหนุ่มลากเสียงอีกครั้ง ทำให้หัวหน้าของเขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัยทันทีทันใด
"...อย่าบอกนะว่า...เบิร์ต..นาย..."
"ครับ?"
"อย่าบอกนะว่าใช้เสน่ห์ลากตัวเธอเข้ามาน่ะ! ให้ตายสินายนี่มันยิ่งกว่าเจ๋งอีก!!"
เบิร์ตยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างเหนื่อยใจนิดหน่อย เขากลุ้มกับนิสัยของหัวหน้าของเขามากมาตลอด มัลเลอร์เป็นทหารที่ขยันและอดทนมากที่สุดคนหนึ่ง แต่เขาออกจะไปทางคนประสาทเพี้ยนมากกว่า เบิร์ตเคยได้ยินมาแว่วๆเหมือนกันว่าเขาเคยสูญเสียน้องสาวไปตอนเพิ่งเข้ามาประจำการครั้งแรก ซึ่ง..มันน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้กระมัง
"ใจเย็นครับหัวหน้า ผมไม่เชิงว่าจะได้ตัวเธอหรอกนะครับ...แต่อีกไม่นาน.."เบิร์ตลากเสียง"...เธอก็จะมากับผมเอง"
มัลเลอร์ปรบมือเสียงดังลั่นไปทั่วช่องทางเดิน ทำให้เป็นจุดสนใจของเหล่าทหารที่ยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นและหันมามองพวกเขา แต่เมื่อเจอกับสายตาเพชฌฆาตของ
มัลเลอร์ที่จ้องกลับไปยังพวกนั้นก็ทำให้พวกนั้นพากันเลิกสนใจพวกเขาไปเลยทันที
"เหอะ มองหน้าหาเรื่องรึไงพวกนี้นี่"เขากล่าวอย่างไม่พอใจก่อนจะหันมาพูดกับเบิร์ต อีกครั้งหนึ่ง"แต่ยังไงนายก็ยังอยู่ในขั้นดีเยี่ยมอยู่ดีนั่นแหละน่า--ให้ฉันเลี้ยงเหล้านายดีมั้ยเนี่ย"
"อะไรนะครับ?"
"อ้าว!"เขาเผลออุทานออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ"ก็ไปร้านเหล้าไง จิบเหล้าสักแก้วท่ามกลางพวกสาวๆ ดีจะตาย"
"ขอบคุณมากครับแต่ไม่ดีกว่า"
เบิร์ตปฏิเสธคำชวนของหัวหน้าทันทีที่เขาพูดจบ ไม่แปลกหรอกที่เขาจะปฏิเสธคนอื่นทันทีทันควันแบบนี้ เขาเองก็ไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าเท่าไรหรอก ช่วงนี้งานกองพะเนินเต็มโต๊ะอยู่ด้วย มันก็ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไรที่จะมานั่งจิบเหล้าสบายใจเฉิบท่าม กลางสาวเสิร์ฟเป็นสิบกระมัง
"โอเค แล้วแต่นายเลยละกัน"
เบิร์ตพยักหน้ารับคำพูดของเขานิดหน่อย
"...แต่อย่าลืม.."มัลเลอร์พูดต่อ"...มัดใจแม่สาวนั่นให้ได้ เธอเหมาะที่จะมาเป็นนาซีที่สุด"
"ครับ...แน่นอน"
ไม่ทันทีหัวหน้าของเขาจะเอ่ยปากพูดอะไรต่อ ทหารยศผู้น้อยคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเขาด้วยความเร็วพลางกระซิบบอกอะไรบางอย่างให้เขาได้ยินก่อนจะขอตัวลาไปเมื่อมัลเลอร์พยักหน้ารับแล้ว
"ท่าทางงานจะเข้าแล้วนะเนี่ย ขอตัวก่อนนะสหาย แล้วเจอกัน"
เขาพยักหน้ารับคำหัวหน้าของเขาอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไป ท่าทางที่โต๊ะทำงานของเขาก็น่าจะมีแต่งานกองพะเนินอยู่เยอะน่าดู พอจบงานที่นี่ก็ต้องกลับไปลอนดอนอีก เขาหวังว่าตอนนี้แอดเลอร์น่าจะปลอดภัยจากพวกเด็กอันธพาลพวกนั้นจนกว่าจะหมดวัน เขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะกลับมาที่นี่มากเท่าไรหรอก...
...จะอย่างไร...สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา เขาต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับดร.ไคลร์ให้ได้...
ในที่สุดก็ถึงโต๊ะทำงานของเขา อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดเดียว ตอนนี้โต๊ะของเขาเต็มไปด้วยเอกสารหลายแผ่นตั้งพะเนินจนล่วงลงจากโต๊ะไปแล้วบ้าง ครั้งก่อนมันก็ไม่เยอะขนาดนี้นี่...ชายหนุ่มเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองแล้วเดินไปหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งออกมาจากกองเอกสารนั่น มันเป็นแผนผังของสถานที่อะไรสักอย่างถ้าเขาลองคิดดู บนหัวมุมมีตัวเลขปรากฎอยู่ แต่บางตัวก็จางหายไปแล้วบ้าง
เขาลากเก้าอี้มานั่งก่อนจะเริ่มค้นดูเอก
สารอื่น ส่วนใหญ่ก็เป็นรายงานที่เขาต้องเขียนกับเอกสารลับที่เขาต้องไขมันให้ออก ตอนนี้เขาแทบจะไม่ได้เริ่มต้นมันเลยสักนิดเดียว แบบนี้ก็คงจะไปเดินเล่นต่อไม่ได้แล้วละสิ
ชายหนุ่มยื่นมือไปหยิบปากกาในแก้วใส่ปากกามาหนึ่งเล่ม แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ตั้งอยู่ตรงมุมโต๊ะนั่น...มันคือรูปถ่าย..
ฟึ่บ...
เบิร์ตยื่นมือไปหยิบรูปถ่ายนั่นมาพลิกดู มันคือรูปของแอดเลอร์...ในรูปเธอดูมีสีหน้าที่ไม่ต่างจากความจริงเท่าไรนัก ในความคิดของเขา...เธอจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียวถ้าหากว่าเธอมีเพื่อนสักคน แต่ตอนนี้...มันแทบจะไม่มีความหวังนั่นอยู่เลยด้วยซ้ำ..
เขามองรูปของเธอตาไม่กระพริบ ใบหน้าสะสวยของเธอหันเอียงไปด้านขวาเล็กน้อยบวกกับนัยน์ตาสีน้ำเงินที่หันมาทางกล้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากดูราวกับมีสีชมพูเรื่อน่าสัมผัสทั้งๆที่อยู่ในรูปขาวดำ แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น...เข็มแข็ง...และอ่อนแอในเวลาเดียวกัน...เขายังคงจำตอนที่เธอเมาไวน์ไม่ได้สติเช่นตอนนั้นได้ดี ในตอนนั้นเธอดูเป็นเช่นกับหญิงสาวคนอื่นๆมากที่สุด...แม่สาวเจ้าของผมสีน้ำตาลคนนี้กำลังทำให้เขาสติหลุด...
"เฮ้ยคาร์ล!"
พรึ่บ!
เขาสะดุ้บตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเรียกนั่นดังเข้ามาในหัวจนปลุกเขาให้ตื่นจากความฝัน สิ่งแรกที่เขาทำหลังจากนั้นคือการวางรูปคว่ำเอาไว้ที่เดิม...ก่อนจะหันไปทางต้นเสียง..
"มีอะไร"
"จดหมายจ่าหน้าซองถึงนาย เพิ่งมาเมื่อกี้เอง"
"ขอบคุณ"เขากล่าวพลางยื่นมือไปรับมันมา จดหมายจากใครกัน?
เขาเริ่มจะทิ้งงานไปอีกครั้วแล้วหันมาสนใจจดหมายในมือแทน เจาแกะจดหมายช้าๆก่อนจะดึงกระดาษภายในซองออกมาเพื่อเตรียมอ่าน เพียงแวบแรกก็รู้แล้วว่าใครส่งมา....
แต่เดี๋ยวนะ...ประโยคในจดหมายมัน...
"ทำไมคุณไม่อยู่กับฉันแค่วันเดียวทำให้ฉันโดนถึงขนาดนี้เลยล่ะ..."
แอดเลอร์...ให้ตายสิ!
อีกด้านหนึ่ง..
1 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
วันนี้แอดเลอร์มาโรงเรียนเช้ากว่าทุกวัน เพราะว่าต้องมาดูแลเขตรักษาควาทสะอาดของห้องอีก ท่าทางวันนี้เธอน่าจะได้ทำความสะอาดคนเดียวอีกแล้วเหมือนกับที่ผ่านๆมา เธอก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมพวกที่อยู่ห้องเดียวกันกับเธอถึงไม่ลงมาทำความสะอาดเขตรับผิดชอบของตัวเอง เขาอาจจะไม่ว่าง...หรือไม่สนใจที่จะทำ...
ท้องฟ้ายังคงไม่สว่างมากเท่าไรนัก เธอได้ยินเสียงของแมลงที่ร้องระงมกันอยู่แถวๆสวนหย่อมของโรงเรียน น้ำค้างยังคงเกาะอยู่ที่ใบไม้ใบหญ้าเป็นแสงระยิบระยับราวกับเพชรยามต้องกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านเมฆออกมาริบหรี่ แอดเลอร์เดินไปที่บริเวณหลังอาคาร ตรงนี้อันตรายสำหรับพวกนักเรียนเสมอเพราะเป็นที่อยู่ของพวกรุ่นพี่อันธพาลทั้งหลาย ตอนนี้เธอหยุดคิดก่อนว่า...จะทำอย่างไรหากจะเข้าไปตรงนั้นอย่างปลอดภัยโดยไม่โดนพวกนั้นทำร้ายเสียก่อน..
นัยน์ตาสีน้ำเงินกรอกมองไปรอบๆว่าจะมีอะไรใช้ได้บ้าง...ริมฝีปากของเธอเม้มเป็นเส้นตรงในขณะที่เธอคิดอยู่..ตอนนี้เธอต้องชะเง้อไปดูก่อนว่าไอ้พวกนั้นอยู่กันหรือเปล่า..
หญิงสาวเริ่มจะทำตามความคิดของตน ..เธอเดินเรียบกำแพงไปเรื่อยๆจนสุดทางก่อนจะตัดสินใจชะเง้อหน้าออกไปดู ไม่มีใครเลย...ไม่มีแม้แต่ควันบุหรี่ที่ปกติจะคลุมบริเวณนั้นอย่างกับหมอก ไม่มีใครเลยสักคนเดียว...คราวนี้คงถึงเวลาเธอไปทำความสะอาดแถวนั้นแล้วล่ะ
น่าแปลกที่วันนี้เขตรับผิดชอบของเธอมันดูสะอาดผิดปกติ มันไม่มีแม้แต่เศษใบไม้ที่เคยล่วงหล่นอยู่ตรงพื้นเลยสักใบ ขยะก็ไม่มีเลยสักนิด...มันก็ไม่มีอะไรที่พอจะรั้งเธอให้อยู่ที่นี่ต่อแล้วนี่..เธอน่าจะกลับไปที่สวนแล้วนั่งอ่านหนังสือแถวนั้นดีกว่า
เธอเอียงคอดูบริเวณนั้นอีกนิดหน่อยว่ามีอะไรอีกหรือเปล่าก่อนจะหันหลังกลับ แต่แล้วทันใดนั้น...
วูบ....
พรึ่บ!
"นี่เป็นการแก้แค้นสำหรับคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์เมื่อวาน!"
เพี่ยะ!
"แล้วก็ที่เธอแย่งที่หนึ่งของฉันไป!"
เพี่ยะ!
"สุดท้าย....เรื่องที่เธอติดไอ้นาซีนั่นอย่างกับปลิง!!"
ผลัก!!
....
...
..
.
ตึกๆๆๆๆ
เบิร์ตรีบกลับมาหาแอดเลอร์ทันทีหลังจากที่ได้รับจดหมาย เขาเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดประตูที่ไม่เคยล็อกเข้าไปด้านในด้วยท่าทางที่หอบนิดหน่อยด้วยความเหนื่อย ตรงหน้าของเขาคือหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนพลิกตัวอยู่บนเตียง เขาเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ก่อนจะเริ่มสนทนากับเธอ...
"มาเร็วจังเลยนะ..."เสียงของเธอฟังดูแผ่วบางมาก ราวกับเธอไร้เรี่ยวแรงที่จะพูด"ไปรษณีย์สมัยนี้เขาส่งจดหมายถึงปลายทางเร็วดีนะเนี่ย..."
"แอดเลอร์...คุณไหวมั้ยเนี่ย..ใครทำร้ายคุณซะขนาดนี้กัน"
หญิงสาวพลิกตัวมาทางเขา เธอมีใบหน้าที่มีแต่แผลฟกช้ำเต็มไปหมด แถมที่ริมฝีปากก็ยังมีคราบเลือดอยู่อีกต่างหาก...เธอถอนหายใจออกมาเบาๆตามความเคยชินเสมอในเวลาที่เธอเครียด เบิร์ตมองหน้าเธอ...ใครกันที่ทำแบบนี้?
"บอกชื่อคนที่ทำร้ายคุณมาแอดเลอร์"
"บอกแล้วไงล่ะ...จะไปตามฆ่าเธอเพื่อแก้แค้นให้ฉันรึไง"
เขาแสดงสีหน้าที่หนักแน่นขึ้น....ตอนนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใครทำแบบนี้...กับเธอ
"เธอคนนั้น..."เขาลากเสียง"...ผมจะเป็นคนจัดการเธอเอง..."
"รู้เหรอว่าใคร..."
เขาพยักหน้าขึ้นลงนิดหน่อยให้เธอ
"โดโรธี โลดี้...คู่กัดของคุณไง..."
แอดเลอร์หัวเราะในลำคอนิดหน่อย ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงลุกขึ้นนั่งเลยสักนิดหลังจากที่โดนโดโรธีกับพวกพ้องของเธอรุมประชาทัณฑ์มา หญิงสาวพยายามลุกขึ้นนั่งในที่สุด เธอถอนหายใจอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้าก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ...ชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างพินิจ เขาไม่ค่อยชอบเวลาในขณะนี้เท่าไรนัก
"มีบุหรี่มั้ย.."
เธอถามขึ้นเบาๆในขณะที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงนอน ความจริง...เขาก็ไม่อยากยื่นของแบบนี้ให้เธอเท่าไรนักหรอก...แต่ในเมื่อคนมันเครียด...
"ก็ได้ สักครู่"
เขาหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเครื่องแบบที่สวมอยู่ก่อนจะยื่นส่งให้กับหญิงสาว เธอรับมันมาเปิดแล้วหยิบบุหรี่ออกมาม้วนหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจสูบบุหรี่ เธอรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไรหากเธอลองสูบครั้งนี้แล้วติดมัน...แต่การขจัดความเครียดด้วยการสูบบุหรี่ก็อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม...เธอตัดสินใจแล้วจะล้มเลิกไม่ได้เด็ดขาด
หญิงสาวเอาบุหรี่ม้วนนั้นเข้าไปในปากก่อนจะคาบมันเอาไว้--เธอยื่นมือขอไฟแช็กจากชายหนุ่มแต่เขาส่ายหัว...
"เดี๋ยวผมจุดบุหรี่ให้คุณก็ได้"
"แล้วแต่.."
เบิร์ตหยิบไฟแช็กออกมาอีก ไฟแช็กของเขาเป็นไปแช็กรูปร่างคลาสสิกรุ่นแรกและมีฝาปิดสีเงินวาว เขายื่นมันไปจุดบุหรี่ให้เธอก่อนจะปิดฝากไฟแช็กแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเครื่องแบบ หญิงสาวหลับตาพริ้ม--เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจมากขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตั้งแต่พ่อของเธอจากไปเธอก็อยากทำตัวเลวๆเพื่อคลายความเศร้า...ทั้งพยายามดื่มเหล้าในกล่อง..สูบบุหรี่ของพ่อที่เขาตั้งทิ้งเอาไว้ และ...ฆ่าตัวตาย...แน่นอน เธอโดนขวัดขวางโดยญาติๆของเธอและโดนดุในที่สุด เพราะตอนนั้นเธอยังมีค่า...ใครที่ปกป้องคนในตระกูลแอดเลอร์คนสุดท้ายไว้ได้จะเป็นคนได้รับมรดกส่วนหนึ่ง...มันเป็นข้อความหนึ่งในพินัยกรรมที่พ่อของเธอเขียนไว้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทนไหว...และไม่สนใจมรดกกองนั้นอีกต่อไป
หญิงสาวพ่นควันสีขาวออกมาจากปากเบาๆอย่างสบายอกสบายใจ เธอหลับตาพริ้มพลางก้มหน้าลงราวกับกำลังซ่อนใบหน้าที่ฟกช้ำของตนเอง มือขวาของเธอคีบบุหรี่เอาไว้...ควันจากปลายบุหรี่โชยไปตามลม กลื่นฉุนของมันอาจทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยกลิ่นนี้เกิดจามออกมาได้ ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตาเป็นห่วงนิดหน่อย...ถึงเธอจะหมดหนทางขนาดนี้ก็ไม่เห็นจะต้องเดินตามรอยของเขาเลยสักนิดเดียว...
"คุณไม่เห็นว่าต้องใช้มันเลยนี่"
"คุณไม่เข้าใจ..."เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วบางพลางส่ายหัว"...ชีวิตฉันมันไม่มีอะไรดีเลยด้วยซ้ำ.."
เขาก้มหน้าลง..ใช่..ชีวิตของเธอไม่มีอะไรดีเลยสักนิดเดียว แต่ถ้าหากเทียบกับเขา...เธอโชคดีกว่าเขามากเป็นเท่าตัว..
หญิงสาวคลี่ยิ้มบางๆ เธอทิ้งก้นบุหรี่ที่มีไฟติดอยู่นิดหน่อยลงบนพื้นก่อนจะใช้เท้าเหยียบมันจนมันมอดไป..ถึงจะเป็นครั้งแรกเธอก็ไม่มีอาการอะไรอย่างเช่นสำลักควันอะไรเทือกนั้นด้วยซ้ำ เธอรู้สึกว่าชินกับสิ่งที่เธอกระทำอยู่ ทั้งๆที่เพิ่งจะกระทำเพียงครั้งแรก
"วันนี้ฉันมีสอบเปียโน"
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาแวบๆก่อนจะก้มลงกลับไปมองพื้นอีกครั้ง
"แล้วไงล่ะ.."เขาถามในขณะที่ก้มหน้าอยู่"..จะบอกว่าสิ่งที่ผมสอนคุณไปมันไม่มีความหมายกับคุณแล้วสินะ.."
แอดเลอร์หัวเราะในลำคอเบาๆด้วยความขัน ฟังดูน้ำเสียงของเขาออกแนวผิดหวังนิดหน่อย ที่เธอหัวเราะก็เพราะว่าน้ำเสียงของเขานั่นล่ะ...เธอไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้ของเขามาก่อนเลย..
"เปล่าหรอก...ถึงฉันจะได้สอบก็เถอะนะ.."เธอลากเสียงในขณะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา"..แต่สิ่งที่คุณสอนฉันน่ะ...มันมีค่าซะยิ่งกว่าคะแนนสอบอีกนะ"
หญิงสาวค่อยๆเผยอปากขึ้นยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่นอีกครั้งก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม เบิร์ตปัดสายตาขึ้นมองเธออย่างสนใจแล้วลุกขึ้นยืน เขารู้ตัวว่าจะต้องทำอะไรต่อไปหลังจากที่เดินออกไปนอกห้องนี้...เขาจะต้องจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอหนักเช่นนี้..
"ผมต้องไปแล้ว"
"เชิญ.."
เบิร์ตยิ้มมุมปากให้เธอแล้วเปิดประตูออกไปด้านนอก เขาถอนหายใจเบาๆ..เธอเพิ่งจะเมาไวน์มาไม่นาน...คราวนี้เธอก็สูบบุหรี่อีก เขาสงสัยว่าเธอเข้าใจตนเองดีหรือเปล่า นิสัยของเธอก็คือหลงคิดว่าชีวิตของตนมันบัดซบเสียยิ่งกว่าอะไรดี มองโลกในแง่ร้ายและเครียดแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ ความจริงเขาไม่ค่อยชอบนิสัยของเธอเท่าไรนักหรอก...แต่..
...แต่เขาต้องรักษาสัญญา..และหยุดติเตียนเธอเสียที...
...
..
.
"เธอไม่ได้เห็นเมื่อเช้าสินะ!"
"อะไรเหรอด็อตธี"
หญิงสาวเจ้าของผมยาวสยายสีน้ำตาลอ่อนกระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะเรียนของตนก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้าง นัยน์ตาสีมรกตเพ่งมองไปยังเพื่อนสาวอย่างใจเย็นในขณะที่กำลังยิ้มอยู่ ท่าทีเพื่อนสาวคนนั้นของเธอกับคนอื่นๆดูสนใจเธอเต็มที่ โดโรธีหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า...มันคือกระจกบานเล็กที่เธอพกติดตัวประจำ หญิงสาวยกขึ้นมาส่องใบหน้าสะสวยของตนอย่างหลงใหลจนทำให้เหล่าเพื่อนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องที่เธอพูดค้างเอาไว้เมื่อครู่เกิดฉุนขึ้นมา เพราะอยากรู้เรื่องนั้นนั่นเอง
"บอกมาหน่อยเถอะน่า! ฉันอยากรู้"ใครบางคนพูด ในขณะที่เสียงอื้ออึงก็ดังระงมขึ้นมาทันที
"ก็ได้ๆ ชิ! ฉันยังไม่ได้แต่งทรงผมเสร็จเลยด้วยซ้ำ"
เด็กสาวเก็บกระจกบานเล็กในมือใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนๆของเธอ
"ยัยนาซีนั่นโดนยำเละไปเลยล่ะ!"
"เฮ้ย! จริงเหรอเนี่ย เธอเล่นงานนังนั่นซะน่วมสินะ!? ให้ตายสิ! เธอนี่แน่จริงๆเลยโดโรธี!!"
ราวกับได้รับการชมเชยจากเพื่อนทั้งห้อง โดโรโธีอ้าแขนรับมันไว้อย่างเต็มใจแต่ไม่นานนักห้องเรียนก็ค่อยๆเงียบลง มีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องนี้..
โดโรธีหันไปมองตรงประตูอย่างรวดเร็ว พลันชายในเครื่องแบบสีดำสนิทก็เดินเข้ามาในห้องเรียน เขาเผยอยิ้มให้เธอเล็กน้อยจนเธออดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มหวานกลับให้กับชายหนุ่มในเครื่องแบบคนนั้น เขาพยักหน้ารับรอยยิ้มเธอในขณะก้าวเดินมายังโต๊ะของหญิงสาวอย่างใจเย็น
เขาหยุดกึกตรงโต๊ะของเธอพอดี จนทำให้หญิงสาวเกิดสงสัยขึ้นมา
"มีอะไรหรือคะ ฉันช่วยอะไรคุณ...ได้หรือเปล่า?"
"เปล่าครับผมแค่อยากจะ..."
พลันหญิงสาวก็พูดตัดขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบ ทำให้ชายหนุ่มถึงกับปัดสายตาเหลือบไปมองเธอ
"คุณคงอยากจะชวนฉันไปไหนสินะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ!"
เบิร์ตหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างเยือกเย็น เขาก็ไม่ค่อยชอบคนที่ไร้มารยาทเช่นนี้เลย...แต่เขาเกลียดคนที่หลงตนเองมากกว่า..
"เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น"
"เอ่อ..มีเรื่องอะไรเหรอคะ"เธอกลับมาตีสีหน้าปกติทันที
เขากรอกตามองไปรอบห้องอย่างเหนื่อยใจ และค่อยๆวางแขนของตนลงบนหลังของหญิงสาว เธอเอียงคอมองเขาสักครู่ราวกับกำลังถามว่า...คุณจะทำอะไร?
และทันใดนั้น...เขาก็เพิ่มแรงกดที่มือให้มากขึ้นจนตัวของหญิงสาวโน้มลงไป ใบหน้าของเธอคุบลงบนโต๊ะเรียน นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ! นี่เขาจะทำอะไรเธอกัน!? เธอทำอะไรผิดงั้นเหรอ!?
"อ้อ..เรื่องน่ะมีแน่..."ชายหนุ่มก้มลงไปกระซิบที่หูของเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น"...เฟราไลน์ครีนัส แอดเลอร์ เขามาฟ้องผมว่าคุณ..กับพวกของคุณรุมทำร้ายเธอจนมาเรียนไม่ได้..ผมอยากจะรู้จริงๆเลยว่ามันจริงหรือเปล่า.."
ไม่มีอะไรตอบกลับมาให้เขาได้ยิน หญิงสาวเอาแต่เงียบ...ดวงตาเบิกพล่านด้วยความตกใจอย่างสุดขีด หัวใจเต้นสะท้านไม่เป็นจังหวะ เธอรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากร่างของชายในเครื่องแบบอย่างแรงกล้า เธอไม่อยากจะนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่เธอกับกลุ่มอันธพาลอีกสี่คนรุมทำร้ายบุคคลที่เขากำลังพูดถึง แถมยังเอาเงินจำนวนหนึ่งในกระเป๋าเสื้อของเธอไปด้วย...วันนี้เธอไม่สามารถรับประกันได้เลยว่า..เธอจะรอดจากเงื่อมมือเขาหรือเปล่า
"บอกมาสิ...บางทีโทษหนักอาจจะกลายเป็นเบาก็ได้นะ..โลดี้..."
"โอเคๆๆ...ฉ..ฉันยอมแล้ว"
หญิงสาวหลับตาปี๋ เธอไม่เคยรู้สึกกลัวมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ในขณะเดียวกันเธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนนักเรียนทั่วห้องไปโดยปริยาย ทุกคนมองตรงมาที่เธอเป็นสายตาเดียว...เบิร์ตค่อยๆคลายแขนที่กดหลังเธอออกช้าๆ เขากระตุกยิ้มราวกับว่าเขาเป็นผู้ชนะในเหตุการณ์นี้ เขากรอกสายตามองไปยังเด็กนักเรียนทั่วห้อง..ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้หน้านักเรียนพวกนั้น
"จำเอาไว้ซะ..."เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก"...พวกคุณโชคร้ายแล้วที่ผมมาประจำห้องนี้ ต่อไป...หากผมได้ข่าวร้ายจากปากเฟราไลน์ครีนัส แอดเลอร์อีก...อย่าหวังว่าจะรอดไปได้นะ.."
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ เขาก้มลงไปมองโดโรธีอีกครั้ง
"เอาเงินของผมคืนมา"
"เงินอะไร!? ฉ...ฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ!!"
ปัง!
เบิร์ตฟาดมือลงบนโต๊ะไม้ด้วยท่าทางหัวเสียสุดขีด เขาใช้สายตาอำมหิตข่มขวัญหญิงสาวแหกกระเจิงจนเธอเริ่มทำอะไรไม่ถูก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจล่วงมือไปในกระเป๋าอย่างละล้าละลังแล้วหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมายื่นให้แก่ชายหนุ่ม เขากระตุกยิ้มอย่างพอใจและเดินออกไปด้านนอกท่ามกลางสายตาของเด็กหนุ่มสาวทั้งหลายในห้องนั่น
....
...
..
.
ตึก...ตึก...ตึก..
เสียงฝีเท้าดังก้องอยู่ตรงทางเดิน แสงอาทิตย์ยามสายสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกมายังพื้นทางเดินนั่น ชายหนุ่มในเครื่องแบบสีดำเอามือทั้งสองข้างซุกกระเป๋ากางเกงในระหว่างที่ก้าวเดินตรงไปหมายจะออกไปด้านนอกโรงเรียนแห่งนี้ เขากระตุกยิ้มราวกับเป็นผู้ชนะ...เป้าหมายต่อจากนี้ของเขาคือการกลับเอาเงินนี่ไปให้หญิงสาวคนนั้น...
...เทพธิดาประจำตัวเขา..
-----------------------------
ความคิดเห็น