ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERO ZONE

    ลำดับตอนที่ #20 : [ANNA] Way Out

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 62


    1/4/2019

    Way Out

    [ R O G U E ]

     

    แอนนาค่อยๆ ฟื้นคืนสติอย่างยากลำบาก

    รอบตัวยังคงเต็มไปด้วยความมืดมิด เห็นได้จากสภาพพื้นที่อันแสนหนาวเหน็บกับค่ายทหารก็พอเดาได้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หญิงสาวขยับตัว มือสัมผัสได้ถึงเตียงที่กำลังรองรับร่างกายของตนเอง แถมศีรษะก็ยังคงปวดระบมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นทำให้นึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดได้แม้มันจะเลือนรางก็ตาม ในตอนที่เข้าปะทะกับกลุ่มผู้ป่วย...ก่อนที่เธอจะสลบไป

    เสียงคลื่นวิทยุดังในความเงียบงัน นัยน์ตาพยายามปรับให้เข้ากับทัศนวิสัยโดยรอบ เธอมองเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แสงจากตะเกียงพอที่จะทำให้มองเห็นใบหน้านั่นเล็กน้อย เสียงคำพูดของชายคนนั้นดังก้องอยู่ในความเงียบ มือของเขาถืออุปกรณ์สื่อสารเอาไว้ วูล์ฟฟ์? แอนนาพยายามเพ่งมองไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายที่บัดนี้เต็มไปด้วยบาดแผลมากกว่าเก่า

    “ครับ วีไอพีอยู่กับเรา”

    ปลายสายตอบกลับด้วยเสียงคลื่นซ่าๆ หญิงสาวเงี่ยหูฟังแต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลย ในตอนนั้นเองชายหัวโล้นก็เหลือบมาเห็นพอดี ตอนนี้เขารู้ว่าสมาชิกโร้กหน้าใหม่ได้สติกลับมาแล้ว วูล์ฟฟ์ส่งสายตาบอกให้เธออยู่นิ่งๆ ก่อนจะหันไปจดจ่อกับวิทยุสื่อสารอีกครั้ง

     [รายงานหน่อย เจ้าหน้าที่เป็นยังไงบ้าง]

    ชายหนุ่มชะงัก สีหน้าไม่สู้ดีเท่าที่ควร แอนนาขมวดคิ้ว ภาพที่เห็นยังคงพล่าเบลอ อาการปวดหัวปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เธอรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่พันอยู่รอบศีรษะ ราวกับมีใครคนหนึ่งทำแผลให้เธอก่อนหน้านี้ ร่างบางตัดสินใจเอนตัวลงบนเตียงอีกครั้ง พยายามทำใจให้สบายขณะรอฟังคำพูดของวูล์ฟฟ์

    “...ผมกับแอนนาได้รับความช่วยเหลือจากคอร์เทซ”

    [บาร์ทล่ะ?]

    “ท่านครับผมเกรงว่า—“เขาลากเสียง”บาร์ทเลทท์จะอยู่ในสถานะ MIA

    [...]

    [รับทราบ เราจะช่วยเท่าที่ได้]

    [เอาตัวรอดจากที่นั่นแล้วไปจุดนัดพบ เวลาเครื่องลง 6:00]

    “รับทราบ หกโมงเย็น”

    [มาเธอร์ จบการสื่อสาร]

    นี่มันแย่สุดๆ วูล์ฟฟ์กัดฟันพูด แล้วทันใดนั้นเองบุคคลปริศนาก็เดินออกมาจากเงามืดเบื้องหลัง ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูไม่คุ้นตาเลย หล่อนสวมเสื้อผ้าลำลองทับด้วยชุดกาวน์สีขาว เรือนผมบลอนด์ทองถูกรวบเอาไว้บนศีรษะ แอนนากระพริบตา เธอเห็นหล่อนเดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูอาการของผู้ป่วย แสงไฟฉายขนาดเล็กในมือนั่นสาดกระทบลงบนดวงตาของเธอ หญิงสาวหลับตาในทันใด แสงจ้านั่นทำให้รู้สึกมึนงงมากกว่าเก่า

    แต่อย่างน้อยในตอนนี้เธอก็รู้สึกตัวแล้ว

    “โชคดีที่เพื่อนคุณไม่ติดเชื้อ”หญิงนิรนามคนนั้นเอ่ย

    “ก็นะ นักข่าวนี่?”

    “ฉ...ฉันอยู่..ที่ไหน”

    น้ำเสียงนั่นฟังดูเหนื่อยล้า แอนนาลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะพยายามเรียกสติของตนเองกลับมา เธอรู้สึกเหมือนไม่ได้พักมาเป็นชาติ เรี่ยวแรงที่เคยมีก่อนหน้านี้หดหายไปจนหมด แถมที่ยิ่งไปกว่านั้นศีรษะก็ยังคงมึนตึบ เหมือนกับมีใครเอาค้อนมาทุบอะไรทำนองนั้น

    “ที่หลบภัยของคอร์เทซ”

    “คอร์เทซ..?"

    หญิงสาวเจ้าของชื่อพยักหน้าทักทายเล็กน้อย แอนนาขมวดคิ้ว ท่าทางแลดูสับสน แล้วคำพูดของเฟเธอร์ก็ดังสะท้อนขึ้นมาในความทรงจำ เขาเคยพูดว่า ดร.เอริกา คอร์เทซ คือแพทย์หญิงที่เป็นเป้าหมายของหน่วยแซค แถมที่ยิ่งไปกว่านั้นนายทหารหนุ่มกลับพูดอยู่แว่วๆ ว่าหมอคนนี้น่าจะตายไปแล้ว เหตุเพราะว่าหล่อนกบดานอยู่ในเขตอันตรายแห่งซีโรโซน แต่ในตอนนี้ก็คงชัดเจนแล้วว่าเฟเธอร์คิดผิด 

    "แล้ว...บาร์ทเลทท์--"

    "เราหาเขาไม่เจอ"

    เพียงแค่นั้นก็พอจะทำให้สติหวนกลับมาทั้งหมด อยู่ๆ แอนนาก็ลุกขึ้นยืน เธอต้องไปหาเขา บางทีในตอนที่เข้าปะทะกับคนกลุ่มนั้นบาร์ทเลทท์อาจจะเกิดพลัดหลงไป เขายังคงอยู่ข้างนอก แถมการอยู่ข้างนอกในซีโรพอยท์ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการฆ่าตัวตาย ถึงแม้ในตอนนี้สภาพของเธอจะดูไม่ได้แค่ไหน แต่ขอแค่ให้เขาปลอดภัยก็พอ...

    ไม่ทันไรที่จะได้ลุกขึ้นจากเตียง ใครคนหนึ่งก็มาห้ามเธอเอาไว้ก่อน ใบหน้าของแพทย์หญิงคอร์เทซปรากฎขึ้น แม้มันจะเลือนรางแต่ก็ยังพอมองเห็นได้ ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ต้องการให้เธอขยับเขยื้อนร่างกายเกินจำเป็น แอนนาจำใจเอนตัวลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง สภาพแบบนี้คงไปไหนได้ไม่ไกลแน่ อย่าว่าแต่จะออกไปช่วยคนอื่นเลย ตอนนี้แม้แต่ตนเองเธอก็แทบจะไม่รอดอยู่แล้ว หญิงสาวนึกขำเบาๆ ในใจให้กับความห้าวหาญที่มี ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะอยากออกไปช่วยบาร์ทเลทท์ถึงขนาดนี้

    “เสียใจด้วย”วูล์ฟฟ์เอ่ย เขาเก็บเครื่องมือสื่อสารกลับเข้ากระเป๋าเสื้อ”แต่งานนี้คอร์เทซสำคัญกว่า”

    “คุณจะ..ทิ้งเขาเหรอ..?”

    เขาเงียบ

    “ฟังนะ เด็กใหม่อย่างคุณไม่รู้จักการทำงานของโร้กหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วีไอพี สำคัญที่สุด เราต้องพาคอร์เทซไปจุดนัดพบ เรื่องอื่นค่อยว่าทีหลัง”

    นั่นฟังไร้มนุษยธรรมชะมัด

    ถ้าตอนนี้เธอมีเรี่ยวแรงพอละก็ อย่าหวังเลยว่าวูล์ฟฟ์จะได้พูดประโยคต่อไปออกมา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกยาว พยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ นัยน์ตามองเห็นสภาพโดยรอบชัดเจนขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว เอาไงต่อดีล่ะ? เธอตั้งคำถาม ก็คงต้องทำตามที่วูล์ฟฟ์บอก เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างเธอจะยอมทิ้งบาร์ทเลทท์เอาไว้ แต่ยังไงซะเมื่อกี้นี้ก็พูดแล้ว เธอเป็นแค่เด็กใหม่และยังไม่รู้วิธีการทำงานของโร้กหรือหน่วยแซค

    ทั้งที่ลึกๆ แล้วก็ยังเอาแต่ตั้งคำถามกับตนเอง ถึงเธอจะไม่รู้จักกับบาร์ทเลทท์ดีเท่าวูล์ฟฟ์ แต่เราจะต้องทิ้งเขาไว้ที่นี่จริงๆ งั้นเหรอ สภาพในซีโรพอยท์เองก็ไม่ต่างไปจากนรกบนดิน ต่อให้ผู้รอดชีวิตจะมีฝีมือหรืออาวุธมากแค่ไหน ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะออกไปจากที่นี่

    เอริกา คอร์เทซยังคงวุ่นอยู่กับการจัดกระเป๋า อ้างอิงจากสิ่งที่คนในวิทยุบอกแล้ว ตอนนี้พวกเขามีเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงในการเอาตัวรอดจากที่นี่ สิ่งเดียวที่วูล์ฟฟ์ยังเป็นกังวลอยู่ก็คือเป้าหมายของเขา จริงอยู่ที่คอร์เทซจะดูแลตัวเธอเองได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เขาสบายใจขึ้นเลยสักนิด ชายหนุ่มหยิบปืนพกกระบอกสุดท้ายขึ้นมา ยังเหลือแม็กกาซีนสำรองอีกแค่สามแม็กเท่านั้น ถ้าหมดนี่ก็คงต้องเผ่นป่าราบลูกเดียว

    หลังจากนั่งพักให้ตนเองหายปวดหัวสักระยะแล้ว ในที่สุดเรี่ยวแรงก็กลับมาเป็นปกติ แอนนาลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะเก็บรวบรวมสัมภาระใส่กระเป๋าเป้บ้าง โชคดีที่ในโกดังร้างของคอร์เทซยังมีของหลงเหลืออยู่ พวกเขาคงจะใช้ประโยชน์จากของพวกนี้ได้ในการเดินทาง นอกจากสิ่งของทั่วไปแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยเอกสารจำนวนมาก คอร์เทซน่าจะทำการวิจัยเรื่องโรคระบาดนี่อย่างลับๆ ในซีโรพอยท์ และข้อมูลที่หล่อนมีเองก็สำคัญมาก เพราะมันอาจจะนำไปสู่การสร้างยารักษาได้

    คงไม่ต้องรอให้ใครมาถามความพร้อม ตอนนี้เวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก เจ้าหน้าที่โร้กทั้งสองคนเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก้าวต่อไปคือการพาคอร์เทซไปที่จุดนัดพบ หญิงสาวคว้ากล้องถ่ายรูปตัวโปรดมาคล้องคอเอาไว้ ตอนนี้สภาพของมันเองก็ดูแย่ไปไม่ต่างจากเจ้าของนัก ยังโชคดีที่ตอนนั้นมันยังไม่พังเอาเสียก่อน อย่างที่บอกว่ากล้องนี่สำคัญกับเธอมากแค่ไหน

    “ให้ตายสิ หวังว่าจะไม่เจอพวกนั้นอีกนะ”

    วูล์ฟฟ์คงหมายถึงพวก ผู้ป่วยแหงล่ะ สภาพแบบนั้นใครยังจะอยากวิ่งเข้าไปเจออีก แอนนาหัวเราะเบาๆ แต่ในขณะเดียวกันสีหน้าของคอร์เทซกลับจริงจังกับเรื่องนั้นมาก

    “คุณไม่น่าโจมตีพวกเขา”แพทย์หญิงเอ่ย

    “สภาพอย่างนั้นจะให้ทำไงล่ะ? บอกให้ไปไกลๆ งั้นเหรอ? คงไม่ได้มั้ง”

    “ขอล่ะ พวกเขาก็แค่คนที่อยู่ในนี้ อย่าลืมสิว่าครั้งหนึ่งแล้ว—“

    “ผมรู้น่าว่าคนพวกนั้นเคยเป็นอะไร”

    แต่นั่นก็ไม่ใช่การรับประกัน วูล์ฟฟ์เป็นพวกที่ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหามากกว่า ถ้าดูจากเหตุการณ์ในตอนนั้นเขาคงจะลั่นไกจนกระสุนหมดแน่ แต่ยังไงซะยึดสิ่งที่คอร์เทซพูดไว้ก็คงดี แอนนาเองก็ไม่อยากฆ่าคนพวกนั้นเหมือนกัน อย่างที่รู้ว่าเธอไม่ใช่เจ้าหน้าที่ เธอเป็นแค่นักข่าว และนักข่าวก็ฆ่าใครไม่ได้ด้วย

    “จำเอาไว้นะ คุ้มกันคอร์เทซ”

    “โอเค...”

    “อย่าให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด ถ้าเธอตายภารกิจนี้ก็จบ”

    วูล์ฟฟ์กำชับคำสั่งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายขณะสวมหน้ากากป้องกัน หญิงสาวพยักหน้ารับ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้คือนรกของจริง...

    พวกเขาจะต้องเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้

     

     

    แม้สี่วันผ่านไปแต่สภาพในดินแดนต้องห้ามนี่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เสียงครวญครางของเหล่าผู้ป่วยดังระงมไปทั่ว ซากอาคารถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีแสงรำไรจากดวงตะวัน หมอกหนาจนบดบังทัศนวิสัยโดยรอบ ลึกลงไปในความเงียบสงัดนี่ก็ยังมีเสียงของสรรพสัตว์เหลืออยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงหนูหรือเสียงนก 

    แอนนาได้ข้อสังเกตบางอย่างจากการเข้ามาในซีโรพอยท์ ดูเหมือนว่าเขตนี้จะเต็มไปด้วยนกเรเวนจำนวนมาก รูปร่างมันดูคล้ายกับอีกา..แต่ไม่ใช่ เสียงกระพือปีกของมันดังกระหึ่ม ปากส่งเสียงกรีดร้องชวนให้รู้สึกขนลุก ทำให้ดินแดนที่ถูกหลงลืมนี่กลายเป็นฉากในบ้านผีสิงดีๆ นี่เอง สองเท้าก้าวอย่างระมัดระวัง พวกเขาเดินฝ่าฝูงนกเรเวนขนาดย่อมที่เกาะอยู่บนเสาชิงช้า มันโบยบินสู่อากาศ ราวกับว่าการมีอยู่ของมนุษย์ทั้งสามคนเป็นภัยคุกคามแก่ตนเอง

    สยองชะมัด วูล์ฟฟ์คิด ตอนนี้เขากับแอนนาจะต้องพยายามไปให้ถึงทางออกโดยเร็วที่สุด มีเวลาเหลืออีกไม่มากก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะมารับ แต่ถึงแม้ว่าภารกิจจะสำคัญที่สุด ลึกๆ แล้ววูล์ฟฟ์เองก็อยากไปตามหาหัวหน้าทีมของเขา ตอนที่ได้รับการช่วยเหลือจากคอร์เทซ อยู่ๆ บาร์ทเลทท์ก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา ไม่เห็นแม้กระทั่งปืนที่ชายหนุ่มถือมาด้วย เหตุการณ์นั้นทำให้เขาหวนนึกถึงเรื่องที่เคยเล่าให้แอนนาฟัง ท่าทางที่นี่จะหลอนใช่ย่อยเลยล่ะ

    แต่ทันใดนั้นเอง ร่างกำยำหยุดชะงัก ดูเหมือนว่ามีอะไรขวางทางพวกเขาอยู่ มือส่งสัญญาณให้คนที่ตามมาหยุดเดินด้วย

    หญิงสาวทั้งสองคนมองไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายชี้

    "พวกนั้นดูไม่เหมือนกับผู้ป่วยเลยนะ"

    แอนนาได้ยินเสียงคอร์เทซกระซิบ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการเอาชีวิตรอดออกจากซีโรพอยท์จะยากแสนเข็ญแบบนี้ ทั้งสามคนย่องเข้าไปแอบหลังรถฮัมวี วูล์ฟฟ์ชะเง้อออกไปดู แสงไฟฉายจากกลุ่มคนปริศนาสาดส่องไปทั่ว เสียงพูดคุยดังก้องกังวานในความเงียบ  หลังจากใช้เวลาสังเกตอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดเขาก็ได้คำตอบว่าคนพวกนั้นเป็นใคร

    "แหงล่ะ"วูล์ฟฟ์กัดฟันพูด"พวกนั้นมันสวีปเปอร์"

    "สวีปเปอร์? มาทำอะไรในนี้ล่ะ?"

    "จะลองไปถามดูมั้ยเล่า"

    "เพราะฉัน พวกมันมาหาฉัน"

    แอนนาหันกลับไปหาคอร์เทซ สีหน้าของแพทย์สาวเต็มไปด้วยความเป็นกังวลอย่างมาก แม้แต่วูล์ฟฟ์ก็ยังสงสัยไม่แพ้กัน พวกผู้เก็บกวาดจะมาตามหาเธอทำไม แต่พวกมันไม่สนใจเรื่องยารักษาที่หล่อนกำลังคิดค้นอยู่แน่นอน

    "ทำไมล่ะ"

    "คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้หรอกค่ะ"คอร์เทซตอบแอนนา"ไม่มีใครอยากให้ชิคาโกกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นคาร์เทล สวีปเปอร์ หรือแอตลาสต์ คนพวกนั้นไม่ต่างกันหรอก ใครๆ ก็อยากจะครองโลกกันทั้งนั้น"

    "ให้ผมเดานะ สวีปเปอร์มาตามเก็บคุณงั้นใช่มั้ย"

    หญิงสาวพยักหน้าโดยไม่ลังเล ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว วูล์ฟฟ์คงจะนึกภาพออกอยู่ลางๆ แน่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนพวกนั้นได้คอร์เทซไป นอกจากภารกิจของเขาจะล้มเหลวแล้ว เรื่องยารักษานี่ก็จะกลายเป็นเพียงความฝันเพ้อเจ้อ

    ตอนนี้ทางเลือกของพวกเขามีไม่มากจึงทำได้เพียงแอบย่องไปเงียบๆ การเดินฝ่าคนพวกนี้ดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตรายสุดๆ ปืนไฟที่พวกมันสะพายอยู่แต่ละคนก็แทบทำให้ขนพองได้บ้าง แอนนาปล่อยให้คอร์เทซเดินนำหน้าเธอไปก่อน แพทย์สาวก้าวเดินอย่างระมัดระวัง หล่อนพยายามไม่เดินเหยียบสิ่งของบนพื้น อาศัยรถคันใหญ่และกำแพงกระสอบทรายเป็นที่กำบังชั่วคราว

    ทันใดนั้นเองแสงสว่างวูบก็ปรากฏขึ้นในความมืด หนึ่งในนั้นจัดการเผาร่างของผู้ป่วยที่พวกมันพบเจอ ซากศพจำนวนมากถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในกองเพลิงประหนึ่งขยะ พวกผู้เก็บกวาดส่งเสียงหัวเราะกึกก้อง พวกมันคงสะใจที่กระทำแบบนั้นกับคนด้วยกันเอง แม้คอร์เทซจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคนพวกนั้น แต่หล่อนก็ทำอะไรไปได้ไม่มากกว่าเก็บมันเอาไว้ในใจ แพทย์สาวพยายามก้มหน้าลง หวังว่าจะไม่ได้เจอสิ่งโหดร้ายพวกนั้นอีก

    ผู้รอดชีวิตทั้งสามคนสามารถพาตนเองออกมาจากใจกลางของเขตอันตรายได้ในที่สุด ตอนนี้ทางออกอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น แต่โชคร้ายที่จะต้องเดินแอบๆ ย่องๆ ในความมืด ไม่มีแม้กระทั่งแสงไฟฉาย โชคยังดีที่วูล์ฟฟ์สวมหน้ากากมองกลางคืนอยู่ เขาจึงสามารถเดินนำทางให้คนที่เหลือได้ แอนนากำปืนพกในมือเอาไว้แน่นกว่าเดิม หัวใจยังเต้นสะท้านในทรวงอก ความกดดันถาโถมลงมามากกว่าเก่าเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของคนพวกนั้น

    "เฮ้! ดูนี่สิ!"

    ดูเหมือนว่าพวกผู้เก็บกวาดจะเจอร่องรอยของบางสิ่ง...หรือบางคน แน่นอนว่านอกจากทหารกับพลเรือนที่ตายอยู่ในซีโรพอยท์แล้ว ก็ยังมีนกเรเวนกับหนูสกปรกอีกจำนวนไม่น้อยเลย แต่พวกนั้นคงจะใช้ปืนไม่เป็น ในที่สุดพวกมันก็เจอบริเวณที่เจ้าหน้าที่โร้กปะทะกับกลุ่มผู้ป่วย แน่นอนว่าตรงนั้นยังมีซากศพนอนกองอยู่เต็ม แถมรอยทางเท้าของพวกเขาก็ยังคงติดแน่นอยู่บนดิน

    "น่าจะเป็นพวกโร้ก"อยู่ๆ พวกมันก็ฉลาดขึ้นมา"มันมาตามหาคอร์เทซ"

    "หามันให้เจอ"

    ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งแย่ พวกเขารู้ดี ดังนั้นจึงต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด วูล์ฟฟ์ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เขากับแอนนาจะต้องพาคอร์เทซไปส่งที่จุดนัดพบอย่างปลอดภัย แต่ไอ้การที่ต้องมาเจอกับพวกผู้เก็บกวาดนี่กลับทำให้เสียเวลากว่าเดิม ต้องรีบแล้ว ชายหนุ่มคิด ทันใดนั้นเองร่างกำยำก็หยุดเดิน อาจจะเป็นเพราะคลื่นสัญญาณวิทยุที่ส่งเข้ามาก็เป็นได้

    วูล์ฟฟ์กดปุ่มบนเครื่องมือสื่อสาร ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าปลายสายเป็นใคร

    "ครับชีฟ"

    [อีกแค่สามสิบนาที ถึงไหนกันแล้ว]

    "ทางออกซีโรพอยท์ ฟังนะ ผมเจอพวกสวีปเปอร์และอาจจะไปจุดรับตัวช้านิดหน่อย"

    [งั้นเหรอ เสียใจด้วยที่ผมต้องบอกว่าคอร์เทซสำคัญที่สุด]

    [พาเธอกลับมาให้ได้]

    [ต่อให้จะแลกด้วยชีวิต]

    "รับทราบ"

    นี่มันบ้าชัดๆ ชายหนุ่มคิด เขารู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของชีฟอยู่เล็กน้อย แต่ที่อีกฝ่ายพูดมันก็ถูก ไม่ว่ายังไงภารกิจก็สำคัญที่สุด นั่นเป็นสิ่งที่เขายอมรับตั้งแต่ตัดสินใจกลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ วูล์ฟฟ์เงยหน้าขึ้น ตอนนี้ทางออกอยู่ไกลไปเพียงไม่กี่ก้าว แต่ปัญหาก็คือมันไม่ได้ทางสะดวกแบบที่พวกเขาเข้ามาในตอนแรก พวกผู้เก็บกวาดเดินว่อนเต็มไปหมด แสงจากกองเพลิงของพวกมันแตกประกายวูบวาบ แถมที่ยิ่งไปกว่านั้น...

    มันไม่ได้มีแค่พวกสวีปเปอร์แน่ ความคิดนั้นประดังขึ้นเมื่อเหลือบไปให้กลุ่มคนสวมหน้ากากบาลัคคลาวาที่ยืนรวมอยู่ นั่นมันคาร์เทล! วูล์ฟฟ์เหงื่อตก เป็นไปไม่ได้ที่สองฝ่ายนี้จะมาร่วมมือกัน แต่ยังไงเขาก็ปล่อยให้พวกมันเอาตัวหล่อนไปไม่ได้ ชายหนุ่มหยุดเดินอีกครั้ง เขาหันไปหาอีกสองคนด้านหลังก่อนจะเริ่มนัดแผน เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันยากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว

    "ฟังนะ"เขากระซิบ"ทางออกอยู่ตรงนั้น เราต้องวิ่ง"

    แอนนาพยักหน้า"โอเค--"

    "วิ่งตามผมมาติดๆ อย่าออกนอกเส้นทางเด็ดขาด! และพยายามอยู่ในกำบังเข้าไว้"

    หญิงสาวเหลือบมองไปยังรถบรรทุกตรงหน้า นั่นคงจะเป็นกำบังที่เขาพูดถึง แม้จะไม่รู้ว่าตนเองจะทำแบบที่อีกฝ่ายพูดได้หรือเปล่า แต่สุดท้ายแอนนาก็ตอบตกลง ทันใดนั้นการหลบหนีก็เริ่มต้นขึ้น วูล์ฟฟ์เร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิมแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเงียบ ในขณะที่สองคนข้างหลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามมา ด้านนอกกำบังบัดนี้เต็มไปด้วยกลุ่มติดอาวุธ ทั้งคาร์เทลและสวีปเปอร์ พวกมันแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยในการตรวจพื้นที่ ถ้าไม่ระวังก็คงถูกจับได้ง่ายๆ

    พวกเขายังคงสาวเท้าต่อไป ทันใดนั้นเอง...เคร๊ง! อยู่ๆ โชคชะตาก็เล่นตลกกับเธอ สายสะพายกล้องถ่ายรูปดันขาดสะบั้นลงอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันก็ยังดีอยู่แท้ๆ แอนนาแทบกรีดร้องลั่นตอนที่กล้องของเธอร่วงลงบนพื้น แต่เธอต้องไปต่อ คอร์เทซเองก็เห็นเช่นนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเดินกลับไปเก็บเลยสักคน ตอนนี้ทางหนีสำคัญที่สุด เวรเอ้ย! แอนนาสบถอย่างเงียบๆ แต่ถ้าวูล์ฟฟ์รู้มีหวังโดนสวดยาวแน่

    ถึงจะมีอุปสรรคเข้ามาขวางอยู่บ้าง สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงประตูทางออกจนได้ แน่นอนว่าด้านนอกยังคงเต็มไปด้วยสมาชิกแก๊งค์อาชญากร นับแล้วจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบคน รวมถึงพวกสะพายปืนไฟอีกสาม แค่ปืนพกคงฝ่ากระสุนไรเฟิลของพวกมันไปไม่ได้แน่ ทั้งสามตัดสินใจหยุดนิ่งอีกครั้งด้านหลังกระสอบทราย ในใจก็ยังภาวนาขอให้ไอ้พวกที่เดินตรวจอยู่ข้างในนั่นไม่หันมาเห็นตนเองเสียก่อน

    ไม่มีทางเลือกแล้ว นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ วูล์ฟฟ์รู้สึกหัวเสียกว่าเก่า ชายหนุ่มต้องทำการตัดสินใจอย่างเร่งด่วนภายใต้สถานการณ์อันแสนกดดันเช่นนี้ นาฬิกายังคงเดินต่อไป เหลือเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีในการพาตัววีไอพีไปส่ง ชายหัวโล้นตัดสินใจหันไปหาเจ้าหน้าที่คนใหม่ แอนนามองหน้าเขากลับ เธอไม่อยากเดาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เพราะถ้ามันเป็นจริง...วูล์ฟฟ์คงบ้าไปแล้วแน่ๆ

    "นี่มันแย่ละ คุณคงต้องรับช่วงต่อ"

    "ด..เดี๋ยว! หมายความว่าไง--"

    "ไม่เห็นเหรอ!?"ชายหนุ่มกัดฟันพูด"ไอ้พวกเวรนั่นอยู่แทบทุกที่! แล้วเวลาก็เหลือแค่ไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น คุณต้องพาคอร์เทซไปที่จุดรับตัว"

    วูล์ฟฟ์ตัดสินใจมอบวิทยุประจำตัวให้กับหญิงสาว แอนนารับมันมาด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอเหลือบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เธอรู้แล้วว่าที่อีกฝ่ายคิดมันคือความจริง เขาจะเป็นตัวล่อให้เธอ! นี่มันบ้าชัดๆ! แม้แต่คอร์เทซเองก็ดูไม่เห็นด้วย ไม่มีใครเห็นด้วยกับแผนฆ่าตัวตายนั่นแน่ แต่ถ้าถามว่ามีทางเลือกอื่นมั้ย...ก็ไม่

    ท่ามกลางสถานการณ์อันแสนจะกดดัน แอนนาตัดสินใจรับเครื่องมือสื่อสารนั่นมาถือเอาไว้ เขาไม่ให้ทางเลือกอื่นกับเธอเลย ไม่เลยสักนิด เธอไม่ใช่พวกชอบทิ้งคนอื่นไว้กลางทางเพื่อเอาตัวรอด หญิงสาวพยายามขอร้องอีกฝ่ายด้วยสายตาอีกครั้ง อย่า... แต่วูล์ฟฟ์ก็ปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า ทำลายความหวังดีของเธอจนวินาทีสุดท้าย

    "เอานี่ไปด้วย"

    วูล์ฟฟ์ส่งอะไรบางอย่างให้ มันคือป้ายชื่อของเขา แอนนาไม่อยากจะรับมันเอาไว้แต่ก็ช่วยไม่ได้

    "วูล์ฟฟ์--"

    "บาร์ทเลทท์ยังอยู่ในนั้น ผมไม่ไปไหนแน่ถ้าไม่มีหมอนั่น"

    ทั้งสองมองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เสียงร้องตะโกนของพวกสวีปเปอร์จะดังขึ้นอีกรอบ พวกมันคงจะเจอร่องรอยอะไรเพิ่มเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ที่หายไปในซีโรพอยท์ ตอนนี้พวกเขาต้องรีบสุดๆ แล้ว วูล์ฟฟ์ก้มหน้าลง ชายหนุ่มมองป้ายชื่อในมือของเจ้าหน้าที่น้องใหม่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะเขารู้ชะตากรรมต่อจากนี้ของตนเองดีกว่าใคร แต่อย่างน้อยการเสียสละในครั้งนี้ก็ทำให้ภารกิจสำเร็จ

    และอีกอย่าง..เขาไม่ยอมไปไหนแน่ ตราบใดที่หัวหน้าทีมยังถูกทิ้งอยู่ในดินแดนต้องห้ามนี้

    ช่างหัวชีฟสิ เขาต้องไปตามหาบาร์ทเลทท์ให้เจอ

    "ดูแลตัวเองด้วยล่ะ แอนนา แมคฟิลด์"

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขาที่เธอได้ยิน ทันใดนั้นเองร่างสูงก็ยืนขึ้น แอนนาเฝ้ามองการกระทำของอีกฝ่ายอยู่ห่างๆ ขณะพาตัวคอร์เทซหนีออกไป ตอนนี้ทั้งคาร์เทลและผู้เก็บกวาดต่างหันไปสนใจวูล์ฟฟ์ พวกมันลืมมองประตูทางออกไปโดยปริยาย นั่นจึงเป็นโอกาสทองในการหลบหนีของพวกเขา

    กลุ่มคนติดอาวุธหันมองไปตามทิศทางเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ร่างสูงกำยำของชายหัวโล้นในชุดเสื้อกันหนาวตัวหนาเดินเข้าไปใกล้ วูล์ฟฟ์ถอดเอ็นวีจีทิ้ง ริมฝีปากแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะอ้าแขนทั้งสองออก สายตานับสิบคู่ต่างจับจ้องไปยังเจ้าหน้าที่หนุ่มเพียงคนเดียว แม้แต่ปืนทุกกระบอกเองก็เริ่มจะเล็งไปทางเขาเช่นกัน ทันใดนั้นวูล์ฟฟ์ก็ส่งเสียงหัวเราะ ใบหน้าระรื่นหันมองไปรอบตัวด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท

    "ไหนล่ะไอ้พวกเวร"


    "ไม่อยากได้ลายเซ็นต์จากเจ้าหน้าที่โร้กคนสุดท้ายกันรึไง?"

           
    Z Y C L O N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×