ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ZERO ZONE

    ลำดับตอนที่ #13 : [PEARCE] All I Want (1)

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 62


    12/31/2018

    All I Want (1)

    [ C A R T E L ]

     

    และแล้ววันสุดท้ายของปีก็มาถึง

    ถ้าจะให้นึกย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนๆ เทศกาลปีใหม่คงจะเป็นอะไรที่น่าตั้งตารอสำหรับใครหลายคน หลังจากได้รับของขวัญวันคริสมาสต์แล้ว  เมื่อถึงวันที่ 31 ของเดือนธันวาคม ทุกคนก็จะเดินทางไปเข้าร่วมเทศกาลเฉลิมฉลองตามจุดต่างๆ ของเมือง ดูพลุไฟหลากสีท่ามกลางหิมะโปรยปราย ฉลองกันให้สุดเหวี่ยงด้วยเครื่องดื่มหลากชนิด มีความสุขกับวันสุดท้ายของปีก่อนจะถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

    เพียร์สคิดถึงเทศกาลปีใหม่ในความทรงจำนั้น เมื่อก่อนถ้าถึงวันที่ 31 เขากับเอเดลจะพาชาร์ลส์ไปเดินเที่ยวแถวๆ เทศกาลเฉลิมฉลองตรงใจกลางเมือง เลือกซื้อของขวัญตามที่ต้องการ เมื่อเสร็จแล้วจึงปิดท้ายด้วยการเดินไปแถวริมแม่น้ำ เขาจำภาพในตอนนั้นได้ดี...และไม่มีวันลืม สีสันของพลุ แสงประกายวาบบนท้องฟ้ามืดสนิท ลมเย็นยามปลายปีพัดมาปะทะใบหน้า เกล็ดหิมะติดเต็มหมวกที่ชาร์ลส์สวมอยู่จนเขาต้องใช้มือลูบมันออกให้เด็กน้อย

    สำหรับเขาแล้ว...วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี จะเป็นวันเดียวที่เขาได้กลับมาเจอหน้าครอบครัวอีกครั้ง หลังจากฟันฝ่าอุปสรรคในสายงานผิดกฎหมายมานาน เมื่อถึงวันฉลอง เพียร์สจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งตัวตนอาชญากรผู้แสนจะเลือดเย็น มันดูไม่น่าเชื่อ แต่ขอเพียงให้ได้เจอครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง...เขาก็สาบานจะยอมสละทุกอย่างที่มี

    ทว่า...นั่นเป็นเพียงอดีตอันแสนเลือนราง

    ไม่มีตัวตนของชายผู้รักครอบครัวเหลืออยู่อีกแล้ว มีเพียงแค่บุคคลผู้ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นอาชญากรเลือดเย็น เจ้าของคดียาเสพติดผู้หนีโทษประหารของตนเอง

    ...กับโลก..ที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และข้อบังคับ

    เสียงโทนทุ้มของเหล่าคนนอกกฎหมายดังก้องไปทั่ว อาชญากรใจทรามกว่ายี่สิบชีวิตสุมหัวกันอยู่ในบาร์เล็กๆ ที่พวกมันเพิ่งจะยึดมาได้ เอเดนเป็นบาร์ที่ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็หรูหรา มีเวทีอยู่ตรงกลางห้องโถง ทั้งสองข้างของเวทีมีบันไดเวียนสำหรับขึ้นไปชั้นสอง น่าแปลกที่แต่ก่อนเอเดนเคยเป็นบาร์สำหรับพวกคนประเป๋าหนักแท้ๆ ตอนนี้ที่นี่กลับกลายเป็นสถานที่บันเทิงส่วนตัวของคาร์เทลเสียอย่างนั้น

    ชาวเมืองชิคาโกรู้ดีว่า 'เอเดน' เป็นบาร์เหล้าที่ดีเยี่ยมขนาดไหน ถ้านึกไม่ออกก็ขอให้คิดถึงบาร์ชั้นนำในเวกัสก็แล้วกัน ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มมากมายตั้งแต่เหล้ากระจอกๆ ไปยังไวน์ขวดละร้อยเหรียญ แต่ต่อให้ราคาก่อนหน้านี้ของเครื่องดื่มจะแพงแสนแพงเท่าไหน พวกคาร์เทลก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนั้นเลย

    ตอนนี้บนเวทีไม่มีนักร้องแสดงสดแต่อย่างใด ถึงกระนั้นคาร์เทลก็สามารถหาความสุขแบบ 'โหดๆ' ได้จากบุคคลโชคร้ายที่โดนจับมา ยกตัวอย่างเช่นไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่ตอนนี้กำลังถูกลากขึ้นไป เขาพยายามตะเกียกตะกายอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนที่กำลังคุมตัวเขาอยู่ได้ ใบหน้าของเหล่าอาชญากรแห่งคาร์เทลเริ่มระรื่นกว่าปกติ บางคนยกเหล้าขึ้นมาดื่มแล้วซัดขวดเปล่าลงบนพื้น เสียงแก้วแตกดังก้อง

    “ส่งท้ายปีหน่อยโว้ยไอ้พวกเวรทั้งหลาย!!

     “โว้ว—อะไรวะเนี่ย ไปจับไอ้เวรนี่มาจากไหนกันวะ”คาร์เทลคนหนึ่งตะโกนถาม ตอนนี้ชายหนุ่มผู้โชคร้ายกำลังโดนมัดตรึงเอาไว้กับผนังบนเวที”ท่าทางอย่างกะลูกแมวแหนะ”

    “กูเจอไอ้ลูกแมวเวรนี่ด้อมๆ มองๆ อยู่สองสามวันละ วันนี้เสือกพลาดให้ตัวเองโดนจับซะได้ ฮ่าๆๆ”

    “เอาละเว้ย—ท่าทางคืนนี้คงจะสุดเหวี่ยงใช่ย่อย!

    เพียร์สเป็นคนหนึ่งที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ตลอด เขายกแก้ววิสกีขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจเฉิบ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่อาชญากรหนุ่มยอมถอดหน้ากากไอ้โม่ง ใบหน้าของเขาเองก็ดูไม่ต่างจากอเมริกันชนทั่วไป เว้นแต่แววตาอันแสนจะเหี้ยมเกรียมและสำเนียงแบบผู้ดีอังกฤษ ชายหนุ่มเฝ้ามองตำรวจผู้โชคร้ายที่กำลังจะกลายเป็นของเล่นใหม่ของคาร์เทล ในหัวพยายามคาดเดาเหตุการณ์ต่อไปที่อาจจะเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย

    ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้โชคร้ายจะโดนตรึงเอาไว้แน่นแล้ว พวกที่คิดจะทำอะไรแบบนี้คงจะเป็นพวกโรคจิตเสพความรุนแรงในระดับหนึ่งเลยล่ะ คาร์เทลที่ทำหน้าที่มัดร่างของหนุ่มหน้าละอ่อนไว้กระโดดลงมาจากเวที คนอื่นๆ เริ่มเข้าไปร่วมกิจกรรมนันทนาการเล็กน้อยยามค่ำคืน ลูกดอกพลาสติกถูกแจกส่งต่อให้กันจนหมดเกลี้ยง ถ้าดูจากสถานการณ์...ไอ้สิ่งที่จะเป็นเป้าสำหรับปาลูกดอกนั่นคงไม่ใช่แผ่นกระดาษเหมือนตามงานเลี้ยงแน่

    “พวกนี้เล่นพิเรนทร์อีกแล้วสินะ...”

    เจ้าของเสียงเมื่อครู่นั้นคือมาเรีย หญิงสาวผมสั้นเดินมาสมทบพร้อมกับแก้วไวน์ในมือขวา เพียร์สไม่เอ่ยอะไร เขาชอบที่จะดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ มากกว่าเข้าไปร่วมทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น

    “เฮ้ยๆๆ เอาละเว้ย!”ริโก้ หนึ่งในสมาชิกคาร์เทลร้องขึ้น เขาเป็นคนแจกลูกดอกให้กับคนอื่นๆ ที่ยืนออกันอยู่หน้าเวที”มาดูกันว่าใครจะปาแม่นสุดในคาร์เทล!!

    “ถามโง่ๆ กูแม่นสุดอยู่แล้ว!

    ทุกคนพากันหัวเราะ ท่าทางไอ้พวกนั้นจะเมาได้ที่แล้วล่ะ

    “พวกมึงเมาหัวราน้ำแบบนี้คงจะปาโดนละมั้งนั่น”

    “หุบปากไปเลยไอ้เวรริโก้...กู-ไม่-ได้—มาว—“

    “ช...ช่วยด้วย!

    กิจกรรมอันแสน 'สนุก' และ 'น่าตื่นเต้น' เริ่มขึ้น เพียร์สหันตัวออกไปนอกบาร์ขณะมองขี้เมาพวกนั้นปาลูกดอกใส่ชายหนุ่มผู้โชคร้าย หมอนั่นแหกปากร้องอย่างกะผู้หญิงในทุกๆ ครั้งที่ลูกดอกเฉียดร่างตนเองไป เหล่าสมาชิกแห่งคาร์เทลพากันหัวเราะลั่น โชคดีที่พวกมันปาไม่แม่นพอเพราะเอาแต่ห่วงขวดเหล้าในมือ ลูกดอกลูกแล้วลูกเล่าถูกปาออกไป แต่ไม่มีดอกไหนที่ปักโดนจุดสำคัญบนร่างกายของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

    “ใครได้หัวคะแนนเยอะสุดนะครับท่าน!

    “เฮ้ย! ฝีมือพวกมึงแม่งกากเป็นบ้าเลยว่ะ!!

    “ด...ได้โปรด! ปล่อยผมไปเถอะ!

    ชายหนุ่มดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการ แต่ทว่าไร้ผล ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไอ้พวกขี้เมาเริ่มจะทำให้รู้สึกกลัวแบบสุดๆ เขาร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพช ปากพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากกลุ่มอาชญากรประจำชิคาโก แต่ไม่มีใครฟังเลย

    “น่าสงสารนะ”มาเรียเอ่ย เธอนั่งลงข้างๆ เพียร์ส”แต่นี่ก็คือโลกของเราใช่มั้ย”

    “ใช่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดชนะเสมอ”

    “แต่บางครั้งผู้แข็งแกร่งก็ต้องแพ้บ้าง”

    เขาหันกลับไป รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสะสวยขณะจับจ้องมองไปยังเธอ หญิงสาวยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างสบายใจเฉิบ แม้ว่าตนเองจะอยู่ท่ามกลางความบ้าบิ่นของพวกโจรกระจอกทั้งหลาย แต่มาเรียก็พยายามทำให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของคาร์เทล ดังนั้นสิ่งแรกที่จะทำให้เธอไม่โดยรังแกจากคนอื่น ก็คือการเป็นคนเลือดเย็นและติดแอลกอฮอล์เหมือนพวกมัน

    แต่อย่าว่าอะไรเลยนะ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำตัวเป็นโจรแบบนั้นได้ง่ายๆ แน่ ยังไงมาเรียก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ แถมนิสัยรักสะอาดและมารยาทระดับผู้ดีอย่างเธอคงเข้ากับสภาพของคาร์เทลไม่ได้เท่าไหร่นัก

    “ดื่มไปกี่แก้วแล้วล่ะ”เพียร์สเอ่ยถาม เขาหันกลับไปมองกิจกรรมรื่นเริงบนเวทีอีกครั้ง

    “นิดหน่อยเอง”

    “นิดหน่อยนี่คือ...?”

    “เฮ้อ—ให้ตายสิ คุณไม่ต้องรู้ก็ได้มั้ง”

    “ถ้างั้นผมจะถือว่าคุณดื่มไป...มากพอควรเลยก็แล้วกัน”

    หญิงสาวหัวเราะ

    ทันใดนั้นเองประตูทางเข้าของบาร์ก็ถูกเปิดออก บอริสเดินมาพร้อมกับท่าทางน่าเกรงขาม เมื่อมองเห็นสภาพเมาหัวราน้ำของลูกน้องแต่ละคนแล้วมันก็อดสมเพชไม่ได้ พวกเวรนั่นคิดว่าจะปาเป้าโดนหัวไอ้ตัวซวยที่ถูกมัดเอาไว้บนเวที แต่พวกมันคิดผิด ชายวัยกลางคนร่างสูงเดินเข้าไปสมทบกับเพียร์สซึ่งนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์

    “พวกเวรนี่ไม่ได้เรื่องเลย”บอริสบ่น เขานั่งลงข้างชายหนุ่ม”ดูจากสภาพแล้วมาเรียคงยังไม่ได้บอกคุณเรื่องงานต่อไปสินะ”

    เพียร์สวางแก้ววิสกี”งานต่อไป?”

    “ใช่—คุณคงรู้ดีว่าช่วงนี้ที่เก็บเสบียงของเราถูกปล้นอยู่บ่อยๆ แถมที่ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผมต้องมาพึ่งไอ้ขี้เมาพวกนี้มีหวังเราได้อดตายกันแน่”

    “ผมต้องทำอะไรบ้าง”

    “คุณต้องไปจัดการเรื่องนี้ ตามรอยไอ้ตีนแมวนั่นไปแล้วจัดการมันซะ”บอริสกำชับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น”เริ่มงานพรุ่งนี้”

    “ครับบอริส”

    “ให้ตาย...งั้นขอตัวก่อนนะ ยืนอยู่กับพวกขี้เมานี่แทบอ้วกเต็มทีแล้ว”

    ถึงแม้จะดูไม่น่าเชื่อ แต่บอริสกับเป็นคนเดียวในคาร์เทลที่ไม่ถูกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าไหร่ นั่นคงจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไม่เจอเขาอยู่ในบาร์แห่งนี้ ทั้งที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีแล้ว แต่บอริสก็เลือกที่จะนั่งเงียบๆ อยู่ในห้องปฏิบัติการอยู่คนเดียว ปล่อยให้ลูกน้องมาสังสรรค์เฮฮาส่งท้ายปีอยู่แบบนี้

    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกร้อนๆ กับฤทธิ์เหล้าวิสกีในมือเสียเหลือเกิน ถ้าคอไม่แข็งพอป่านนี้เขาคงเมากลิ้งเหมือนพวกนั้นแน่ เพียร์สกระแอมครั้งหนึ่ง เขาตัดสินใจหันหน้ากลับไปเคาน์เตอร์เพื่อเติมแก้วใหม่ ขณะรินวิสกีอย่างสบายใจเฉิบ ตอนนี้มาเรียก็เล่นซัดขวดไวน์ไปทั้งขวดแล้ว เขาแทบสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นท่าทางเมามายอันแสนจะไม่น่าเชื่อของอีกฝ่าย

    เสียงแก้วแตกดังขึ้น เขาถึงกับถอนหายใจดังๆ เมื่อรู้ว่าต้นเสียงมาจากขวดไวน์ในมือของหญิงสาว

    “ให้...ตายสิ..ไวน์นี่แรงเป็นบ้า”

    “คุณควรกลับไปได้แล้วนะ”

    “พูดอะไรแบบนั้น...ฉัน..เพิ่งจะเมาเอง”ทันใดนั้นเองมาเรียก็ลุกขึ้น ใบหน้าแดงระเรื่อเผยรอยยิ้มร่าก่อนจะร้องตะโกน”เฮ้ย! ขอร่วมวงปาลูกดอกด้วยคนเซ่!!

    “ได้เลย!

    ริโก้โยนลูกดอกอันสุดท้ายในมือให้หญิงสาว เธอรับมันเอาไว้อย่างแม่นยำ มาเรียแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้วขณะสาวเท้าตรงไปยังหน้าเวที นั่นทำให้เพียร์สถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับตนเอง

    สมาชิกคาร์เทลเริ่มส่งเสียงโห่ร้องให้กับผู้เข้าแข่งปาลูกดอกคนใหม่ ชายหนุ่มผู้โชคร้ายบัดนี้มีลูกดอกปักอยู่รอบตัว ไม่มีดอกไหนที่ปักโดนร่างกายเขาเลยสักนิดเดียว แต่ตอนนี้ถ้ามองจากใบหน้าก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขากลัวหัวหดแค่ไหน ปากพึมพำอะไรบางอย่างไร้สติ น้ำตาอาบสองแก้มที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก เขาพยายามร้องขอชีวิตจากผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มโจร หวังว่าเธอจะใจดีพอที่จะยอมปล่อยเขาไปบ้าง

    “ด...ได้โปรดเถอะ..ผมขอล่ะ...ช่วยผมที...”

    “พูดมากน่ารำคาญว่ะไอ้เด็กน้อย! มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงใบ้หรอก!"

    “เอาเลย! โชว์ฝีมือหน่อยสิครับเลดี้มาเรีย!

    “เลดี้มาเรีย!

    “เลดี้มาเรีย!!!

    เสียงตะโกนกึกก้องเป็นสิ่งผลักดันเธอ หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมเข้าไปร่วมสนุก เพียร์สยกวิสกีขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เขาแทบจะสำลักมันออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มกับท่าทางเมาไม่ได้สติของหญิงสาว แววตาสีมรกตใสหยาดย้อมด้วยฤทธิ์ไวน์ บวกกับท่าทางการตั้งท่าเตรียมปาลูกดอกนั่นที่แลดูยั่วยวนกว่าปกติ

    ...ให้ตาย เขาต้องเป็นพระอิฐพระปูนขนาดไหนถึงจะไม่รู้สึกอะไรกับของพวกนั้นกันนะ

    “เอา—ล่ะ—นะ—!

    “ปาเลยครับเลดี้!!

    มาเรียหลับตาลงข้างหนึ่ง เธอจับลูกดอกเอาไว้ในมืออย่างมั่นคงแม้ว่าตนเองจะยืนโซเซอยู่ก็ตาม หญิงสาวไม่ใส่ใจคำพูดร้องขอชีวิตจากเหยื่อผู้โชคร้ายทั้งสิ้น ราวกับว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้ามาควบคุมสติของเธอจนหมดเกลี้ยง

    ทันใดนั้นเองลูกดอกก็ปาออกไป มันพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วที่ตามองแทบไม่ทันก่อนจะปักลงบนเป้าหมาย ด้วยฝีมือที่แม่นราวกับจับวาง สมาชิกคาร์เทลที่อออยู่หน้าเวทีเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาของขี้เมาพวกนั้นเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ

    ...ที่ยิ่งไปกว่านั้นเสียงพึมพำเมื่อครู่นี้

    กลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด!

    “อ้าก---!!!

    ลูกดอกเหล็กนั่นปักลงบนลูกกะตาข้างขวาเข้าอย่างจัง เสียงกรีดร้องแผดดังลั่นจนฟังไม่ได้ศัพท์  เลือดสีแดงเข้มไหลรินออกมาจากประหนึ่งน้ำตาแห่งความเจ็บปวด ร่างอันไร้เรี่ยวแรงดิ้นทุรนทุรายจนแทบทำเชือกที่มัดข้อมืออยู่ขาดสะบั้น แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นมากแค่ไหน ลูกดอกนั่นก็ยิ่งฝังลึกเข้าไปมากกว่าเก่า มันทำลายนัยน์ตาสีฟ้าใสของชายหนุ่ม และทำให้ทัศนียภาพโดยรอบพล่าเบลอด้วยเลือด

    แต่แทนที่จะตกอกตกใจแบบคนธรรมดา เสียงเฮกลับดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สมาชิกคาร์เทลพากันโห่ร้องด้วยความชื่นชมขณะที่มาเรียชูมือทั้งสองข้างขึ้น ความรู้สึกของเธอ...เหมือนกับคนโยนโบวลิ่งแล้วได้แต้มสไตรค์อะไรทำนองนั้น

    “เยี่ยมเลย!”หญิงสาวยิ้มร่า เธอหันกลับมาหาเพียร์สอีกรอบแล้วชี้ให้เขาดูผลงานอันน่าภาคภูมิใจ ภาพของชายผู้มีลูกดอกปักอยู่บนลูกกะตา”เห็นนั่นมั้ย? บ้านฉันเรียก เข้าตากรรมการ ล่ะเพียร์ส!!

    ...ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งนิ่ง สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้นกับสิ่งที่เธอทำลงไป ไม่มีแม้กระทั่งความสมเพช หรือสงสารเหยื่อผู้โชคร้ายนั่นเลย เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วบาร์ เวทีบัดนี้กลับกลายเป็นลานประหารไปโดยปริยาย

    เพียร์สภาวนาในใจว่าขอให้วิสกีในมือของเขาหมดลงเร็วๆ

    ...ช่างเป็นวันส่งท้าย...ที่เต็มไปด้วยเลือด

           
    Z Y C L O N
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×