คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : [PEARCE] All I Want (1)
12/31/2018
All I Want (1)
[ C A R T E L ]
และแล้ววันสุดท้ายของปีก็มาถึง
ถ้าจะให้นึกย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนๆ
เทศกาลปีใหม่คงจะเป็นอะไรที่น่าตั้งตารอสำหรับใครหลายคน
หลังจากได้รับของขวัญวันคริสมาสต์แล้ว เมื่อถึงวันที่ 31 ของเดือนธันวาคม ทุกคนก็จะเดินทางไปเข้าร่วมเทศกาลเฉลิมฉลองตามจุดต่างๆ
ของเมือง ดูพลุไฟหลากสีท่ามกลางหิมะโปรยปราย
ฉลองกันให้สุดเหวี่ยงด้วยเครื่องดื่มหลากชนิด
มีความสุขกับวันสุดท้ายของปีก่อนจะถึงเช้าวันรุ่งขึ้น
เพียร์สคิดถึงเทศกาลปีใหม่ในความทรงจำนั้น เมื่อก่อนถ้าถึงวันที่
31 เขากับเอเดลจะพาชาร์ลส์ไปเดินเที่ยวแถวๆ
เทศกาลเฉลิมฉลองตรงใจกลางเมือง เลือกซื้อของขวัญตามที่ต้องการ
เมื่อเสร็จแล้วจึงปิดท้ายด้วยการเดินไปแถวริมแม่น้ำ
เขาจำภาพในตอนนั้นได้ดี...และไม่มีวันลืม สีสันของพลุ แสงประกายวาบบนท้องฟ้ามืดสนิท
ลมเย็นยามปลายปีพัดมาปะทะใบหน้า
เกล็ดหิมะติดเต็มหมวกที่ชาร์ลส์สวมอยู่จนเขาต้องใช้มือลูบมันออกให้เด็กน้อย
สำหรับเขาแล้ว...วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี
จะเป็นวันเดียวที่เขาได้กลับมาเจอหน้าครอบครัวอีกครั้ง
หลังจากฟันฝ่าอุปสรรคในสายงานผิดกฎหมายมานาน เมื่อถึงวันฉลอง
เพียร์สจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งตัวตนอาชญากรผู้แสนจะเลือดเย็น
มันดูไม่น่าเชื่อ
แต่ขอเพียงให้ได้เจอครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง...เขาก็สาบานจะยอมสละทุกอย่างที่มี
ทว่า...นั่นเป็นเพียงอดีตอันแสนเลือนราง
ไม่มีตัวตนของชายผู้รักครอบครัวเหลืออยู่อีกแล้ว
มีเพียงแค่บุคคลผู้ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นอาชญากรเลือดเย็น
เจ้าของคดียาเสพติดผู้หนีโทษประหารของตนเอง
...กับโลก..ที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และข้อบังคับ
เสียงโทนทุ้มของเหล่าคนนอกกฎหมายดังก้องไปทั่ว
อาชญากรใจทรามกว่ายี่สิบชีวิตสุมหัวกันอยู่ในบาร์เล็กๆ ที่พวกมันเพิ่งจะยึดมาได้ เอเดนเป็นบาร์ที่ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็หรูหรา
มีเวทีอยู่ตรงกลางห้องโถง ทั้งสองข้างของเวทีมีบันไดเวียนสำหรับขึ้นไปชั้นสอง น่าแปลกที่แต่ก่อนเอเดนเคยเป็นบาร์สำหรับพวกคนประเป๋าหนักแท้ๆ
ตอนนี้ที่นี่กลับกลายเป็นสถานที่บันเทิงส่วนตัวของคาร์เทลเสียอย่างนั้น
ชาวเมืองชิคาโกรู้ดีว่า 'เอเดน' เป็นบาร์เหล้าที่ดีเยี่ยมขนาดไหน ถ้านึกไม่ออกก็ขอให้คิดถึงบาร์ชั้นนำในเวกัสก็แล้วกัน
ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มมากมายตั้งแต่เหล้ากระจอกๆ ไปยังไวน์ขวดละร้อยเหรียญ แต่ต่อให้ราคาก่อนหน้านี้ของเครื่องดื่มจะแพงแสนแพงเท่าไหน
พวกคาร์เทลก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนั้นเลย
ตอนนี้บนเวทีไม่มีนักร้องแสดงสดแต่อย่างใด
ถึงกระนั้นคาร์เทลก็สามารถหาความสุขแบบ 'โหดๆ' ได้จากบุคคลโชคร้ายที่โดนจับมา
ยกตัวอย่างเช่นไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่ตอนนี้กำลังถูกลากขึ้นไป
เขาพยายามตะเกียกตะกายอย่างสุดความสามารถ
แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของชายฉกรรจ์ทั้งสองคนที่กำลังคุมตัวเขาอยู่ได้
ใบหน้าของเหล่าอาชญากรแห่งคาร์เทลเริ่มระรื่นกว่าปกติ
บางคนยกเหล้าขึ้นมาดื่มแล้วซัดขวดเปล่าลงบนพื้น เสียงแก้วแตกดังก้อง
“ส่งท้ายปีหน่อยโว้ยไอ้พวกเวรทั้งหลาย!!”
“โว้ว—อะไรวะเนี่ย
ไปจับไอ้เวรนี่มาจากไหนกันวะ”คาร์เทลคนหนึ่งตะโกนถาม ตอนนี้ชายหนุ่มผู้โชคร้ายกำลังโดนมัดตรึงเอาไว้กับผนังบนเวที”ท่าทางอย่างกะลูกแมวแหนะ”
“กูเจอไอ้ลูกแมวเวรนี่ด้อมๆ มองๆ อยู่สองสามวันละ
วันนี้เสือกพลาดให้ตัวเองโดนจับซะได้ ฮ่าๆๆ”
“เอาละเว้ย—ท่าทางคืนนี้คงจะสุดเหวี่ยงใช่ย่อย!”
เพียร์สเป็นคนหนึ่งที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ตลอด
เขายกแก้ววิสกีขึ้นมาดื่มอย่างสบายใจเฉิบ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่อาชญากรหนุ่มยอมถอดหน้ากากไอ้โม่ง
ใบหน้าของเขาเองก็ดูไม่ต่างจากอเมริกันชนทั่วไป เว้นแต่แววตาอันแสนจะเหี้ยมเกรียมและสำเนียงแบบผู้ดีอังกฤษ
ชายหนุ่มเฝ้ามองตำรวจผู้โชคร้ายที่กำลังจะกลายเป็นของเล่นใหม่ของคาร์เทล
ในหัวพยายามคาดเดาเหตุการณ์ต่อไปที่อาจจะเกิดขึ้นกับอีกฝ่าย
ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้โชคร้ายจะโดนตรึงเอาไว้แน่นแล้ว
พวกที่คิดจะทำอะไรแบบนี้คงจะเป็นพวกโรคจิตเสพความรุนแรงในระดับหนึ่งเลยล่ะ
คาร์เทลที่ทำหน้าที่มัดร่างของหนุ่มหน้าละอ่อนไว้กระโดดลงมาจากเวที คนอื่นๆ เริ่มเข้าไปร่วมกิจกรรมนันทนาการเล็กน้อยยามค่ำคืน
ลูกดอกพลาสติกถูกแจกส่งต่อให้กันจนหมดเกลี้ยง
ถ้าดูจากสถานการณ์...ไอ้สิ่งที่จะเป็นเป้าสำหรับปาลูกดอกนั่นคงไม่ใช่แผ่นกระดาษเหมือนตามงานเลี้ยงแน่
“พวกนี้เล่นพิเรนทร์อีกแล้วสินะ...”
เจ้าของเสียงเมื่อครู่นั้นคือมาเรีย
หญิงสาวผมสั้นเดินมาสมทบพร้อมกับแก้วไวน์ในมือขวา เพียร์สไม่เอ่ยอะไร เขาชอบที่จะดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ
มากกว่าเข้าไปร่วมทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น
“เฮ้ยๆๆ เอาละเว้ย!”ริโก้ หนึ่งในสมาชิกคาร์เทลร้องขึ้น
เขาเป็นคนแจกลูกดอกให้กับคนอื่นๆ ที่ยืนออกันอยู่หน้าเวที”มาดูกันว่าใครจะปาแม่นสุดในคาร์เทล!!”
“ถามโง่ๆ กูแม่นสุดอยู่แล้ว!”
ทุกคนพากันหัวเราะ ท่าทางไอ้พวกนั้นจะเมาได้ที่แล้วล่ะ
“พวกมึงเมาหัวราน้ำแบบนี้คงจะปาโดนละมั้งนั่น”
“หุบปากไปเลยไอ้เวรริโก้...กู-ไม่-ได้—มาว—“
“ช...ช่วยด้วย!”
กิจกรรมอันแสน 'สนุก' และ 'น่าตื่นเต้น' เริ่มขึ้น
เพียร์สหันตัวออกไปนอกบาร์ขณะมองขี้เมาพวกนั้นปาลูกดอกใส่ชายหนุ่มผู้โชคร้าย
หมอนั่นแหกปากร้องอย่างกะผู้หญิงในทุกๆ ครั้งที่ลูกดอกเฉียดร่างตนเองไป
เหล่าสมาชิกแห่งคาร์เทลพากันหัวเราะลั่น
โชคดีที่พวกมันปาไม่แม่นพอเพราะเอาแต่ห่วงขวดเหล้าในมือ
ลูกดอกลูกแล้วลูกเล่าถูกปาออกไป
แต่ไม่มีดอกไหนที่ปักโดนจุดสำคัญบนร่างกายของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
“ใครได้หัวคะแนนเยอะสุดนะครับท่าน!”
“เฮ้ย! ฝีมือพวกมึงแม่งกากเป็นบ้าเลยว่ะ!!”
“ด...ได้โปรด! ปล่อยผมไปเถอะ!”
ชายหนุ่มดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการ
แต่ทว่าไร้ผล ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไอ้พวกขี้เมาเริ่มจะทำให้รู้สึกกลัวแบบสุดๆ
เขาร้องไห้ออกมาอย่างน่าสมเพช
ปากพยายามเรียกร้องความเห็นใจจากกลุ่มอาชญากรประจำชิคาโก แต่ไม่มีใครฟังเลย
“น่าสงสารนะ”มาเรียเอ่ย เธอนั่งลงข้างๆ เพียร์ส”แต่นี่ก็คือโลกของเราใช่มั้ย”
“ใช่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดชนะเสมอ”
“แต่บางครั้งผู้แข็งแกร่งก็ต้องแพ้บ้าง”
เขาหันกลับไป รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสะสวยขณะจับจ้องมองไปยังเธอ
หญิงสาวยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างสบายใจเฉิบ
แม้ว่าตนเองจะอยู่ท่ามกลางความบ้าบิ่นของพวกโจรกระจอกทั้งหลาย
แต่มาเรียก็พยายามทำให้ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของคาร์เทล
ดังนั้นสิ่งแรกที่จะทำให้เธอไม่โดยรังแกจากคนอื่น ก็คือการเป็นคนเลือดเย็นและติดแอลกอฮอล์เหมือนพวกมัน
แต่อย่าว่าอะไรเลยนะ
เขาไม่คิดว่าเธอจะทำตัวเป็นโจรแบบนั้นได้ง่ายๆ แน่
ยังไงมาเรียก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ
แถมนิสัยรักสะอาดและมารยาทระดับผู้ดีอย่างเธอคงเข้ากับสภาพของคาร์เทลไม่ได้เท่าไหร่นัก
“ดื่มไปกี่แก้วแล้วล่ะ”เพียร์สเอ่ยถาม เขาหันกลับไปมองกิจกรรมรื่นเริงบนเวทีอีกครั้ง
“นิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยนี่คือ...?”
“เฮ้อ—ให้ตายสิ คุณไม่ต้องรู้ก็ได้มั้ง”
“ถ้างั้นผมจะถือว่าคุณดื่มไป...มากพอควรเลยก็แล้วกัน”
หญิงสาวหัวเราะ
ทันใดนั้นเองประตูทางเข้าของบาร์ก็ถูกเปิดออก
บอริสเดินมาพร้อมกับท่าทางน่าเกรงขาม
เมื่อมองเห็นสภาพเมาหัวราน้ำของลูกน้องแต่ละคนแล้วมันก็อดสมเพชไม่ได้
พวกเวรนั่นคิดว่าจะปาเป้าโดนหัวไอ้ตัวซวยที่ถูกมัดเอาไว้บนเวที แต่พวกมันคิดผิด
ชายวัยกลางคนร่างสูงเดินเข้าไปสมทบกับเพียร์สซึ่งนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์
“พวกเวรนี่ไม่ได้เรื่องเลย”บอริสบ่น
เขานั่งลงข้างชายหนุ่ม”ดูจากสภาพแล้วมาเรียคงยังไม่ได้บอกคุณเรื่องงานต่อไปสินะ”
เพียร์สวางแก้ววิสกี”งานต่อไป?”
“ใช่—คุณคงรู้ดีว่าช่วงนี้ที่เก็บเสบียงของเราถูกปล้นอยู่บ่อยๆ
แถมที่ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผมต้องมาพึ่งไอ้ขี้เมาพวกนี้มีหวังเราได้อดตายกันแน่”
“ผมต้องทำอะไรบ้าง”
“คุณต้องไปจัดการเรื่องนี้ ตามรอยไอ้ตีนแมวนั่นไปแล้วจัดการมันซะ”บอริสกำชับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น”เริ่มงานพรุ่งนี้”
“ครับบอริส”
“ให้ตาย...งั้นขอตัวก่อนนะ
ยืนอยู่กับพวกขี้เมานี่แทบอ้วกเต็มทีแล้ว”
ถึงแม้จะดูไม่น่าเชื่อ แต่บอริสกับเป็นคนเดียวในคาร์เทลที่ไม่ถูกกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่าไหร่
นั่นคงจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไม่เจอเขาอยู่ในบาร์แห่งนี้
ทั้งที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีแล้ว แต่บอริสก็เลือกที่จะนั่งเงียบๆ
อยู่ในห้องปฏิบัติการอยู่คนเดียว ปล่อยให้ลูกน้องมาสังสรรค์เฮฮาส่งท้ายปีอยู่แบบนี้
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกร้อนๆ
กับฤทธิ์เหล้าวิสกีในมือเสียเหลือเกิน ถ้าคอไม่แข็งพอป่านนี้เขาคงเมากลิ้งเหมือนพวกนั้นแน่
เพียร์สกระแอมครั้งหนึ่ง เขาตัดสินใจหันหน้ากลับไปเคาน์เตอร์เพื่อเติมแก้วใหม่
ขณะรินวิสกีอย่างสบายใจเฉิบ ตอนนี้มาเรียก็เล่นซัดขวดไวน์ไปทั้งขวดแล้ว
เขาแทบสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นท่าทางเมามายอันแสนจะไม่น่าเชื่อของอีกฝ่าย
เสียงแก้วแตกดังขึ้น เขาถึงกับถอนหายใจดังๆ
เมื่อรู้ว่าต้นเสียงมาจากขวดไวน์ในมือของหญิงสาว
“ให้...ตายสิ..ไวน์นี่แรงเป็นบ้า”
“คุณควรกลับไปได้แล้วนะ”
“พูดอะไรแบบนั้น...ฉัน..เพิ่งจะเมาเอง”ทันใดนั้นเองมาเรียก็ลุกขึ้น
ใบหน้าแดงระเรื่อเผยรอยยิ้มร่าก่อนจะร้องตะโกน”เฮ้ย! ขอร่วมวงปาลูกดอกด้วยคนเซ่!!”
“ได้เลย!”
ริโก้โยนลูกดอกอันสุดท้ายในมือให้หญิงสาว
เธอรับมันเอาไว้อย่างแม่นยำ มาเรียแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้วขณะสาวเท้าตรงไปยังหน้าเวที
นั่นทำให้เพียร์สถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับตนเอง
สมาชิกคาร์เทลเริ่มส่งเสียงโห่ร้องให้กับผู้เข้าแข่งปาลูกดอกคนใหม่
ชายหนุ่มผู้โชคร้ายบัดนี้มีลูกดอกปักอยู่รอบตัว
ไม่มีดอกไหนที่ปักโดนร่างกายเขาเลยสักนิดเดียว
แต่ตอนนี้ถ้ามองจากใบหน้าก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขากลัวหัวหดแค่ไหน
ปากพึมพำอะไรบางอย่างไร้สติ น้ำตาอาบสองแก้มที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก
เขาพยายามร้องขอชีวิตจากผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มโจร
หวังว่าเธอจะใจดีพอที่จะยอมปล่อยเขาไปบ้าง
“ด...ได้โปรดเถอะ..ผมขอล่ะ...ช่วยผมที...”
“พูดมากน่ารำคาญว่ะไอ้เด็กน้อย!
มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงใบ้หรอก!"
“เอาเลย! โชว์ฝีมือหน่อยสิครับเลดี้มาเรีย!”
“เลดี้มาเรีย!”
“เลดี้มาเรีย!!!”
เสียงตะโกนกึกก้องเป็นสิ่งผลักดันเธอ
หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมเข้าไปร่วมสนุก
เพียร์สยกวิสกีขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
เขาแทบจะสำลักมันออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มกับท่าทางเมาไม่ได้สติของหญิงสาว
แววตาสีมรกตใสหยาดย้อมด้วยฤทธิ์ไวน์
บวกกับท่าทางการตั้งท่าเตรียมปาลูกดอกนั่นที่แลดูยั่วยวนกว่าปกติ
...ให้ตาย เขาต้องเป็นพระอิฐพระปูนขนาดไหนถึงจะไม่รู้สึกอะไรกับของพวกนั้นกันนะ
“เอา—ล่ะ—นะ—!“
“ปาเลยครับเลดี้!!”
มาเรียหลับตาลงข้างหนึ่ง
เธอจับลูกดอกเอาไว้ในมืออย่างมั่นคงแม้ว่าตนเองจะยืนโซเซอยู่ก็ตาม
หญิงสาวไม่ใส่ใจคำพูดร้องขอชีวิตจากเหยื่อผู้โชคร้ายทั้งสิ้น
ราวกับว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้ามาควบคุมสติของเธอจนหมดเกลี้ยง
ทันใดนั้นเองลูกดอกก็ปาออกไป มันพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วที่ตามองแทบไม่ทันก่อนจะปักลงบนเป้าหมาย
ด้วยฝีมือที่แม่นราวกับจับวาง สมาชิกคาร์เทลที่อออยู่หน้าเวทีเงียบไปชั่วครู่
ดวงตาของขี้เมาพวกนั้นเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ
...ที่ยิ่งไปกว่านั้นเสียงพึมพำเมื่อครู่นี้
กลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด!
“อ้าก---!!!”
ลูกดอกเหล็กนั่นปักลงบนลูกกะตาข้างขวาเข้าอย่างจัง เสียงกรีดร้องแผดดังลั่นจนฟังไม่ได้ศัพท์ เลือดสีแดงเข้มไหลรินออกมาจากประหนึ่งน้ำตาแห่งความเจ็บปวด ร่างอันไร้เรี่ยวแรงดิ้นทุรนทุรายจนแทบทำเชือกที่มัดข้อมืออยู่ขาดสะบั้น แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นมากแค่ไหน ลูกดอกนั่นก็ยิ่งฝังลึกเข้าไปมากกว่าเก่า มันทำลายนัยน์ตาสีฟ้าใสของชายหนุ่ม และทำให้ทัศนียภาพโดยรอบพล่าเบลอด้วยเลือด
แต่แทนที่จะตกอกตกใจแบบคนธรรมดา
เสียงเฮกลับดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง สมาชิกคาร์เทลพากันโห่ร้องด้วยความชื่นชมขณะที่มาเรียชูมือทั้งสองข้างขึ้น
ความรู้สึกของเธอ...เหมือนกับคนโยนโบวลิ่งแล้วได้แต้มสไตรค์อะไรทำนองนั้น
“เยี่ยมเลย!”หญิงสาวยิ้มร่า
เธอหันกลับมาหาเพียร์สอีกรอบแล้วชี้ให้เขาดูผลงานอันน่าภาคภูมิใจ
ภาพของชายผู้มีลูกดอกปักอยู่บนลูกกะตา”เห็นนั่นมั้ย? บ้านฉันเรียก เข้าตากรรมการ
ล่ะเพียร์ส!!”
...ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งนิ่ง สีหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
ทั้งสิ้นกับสิ่งที่เธอทำลงไป ไม่มีแม้กระทั่งความสมเพช
หรือสงสารเหยื่อผู้โชคร้ายนั่นเลย เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วบาร์
เวทีบัดนี้กลับกลายเป็นลานประหารไปโดยปริยาย
เพียร์สภาวนาในใจว่าขอให้วิสกีในมือของเขาหมดลงเร็วๆ
...ช่างเป็นวันส่งท้าย...ที่เต็มไปด้วยเลือด
ความคิดเห็น