ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War and Sacrifice : Route to the War

    ลำดับตอนที่ #5 : Blow up the bridge. จัดการ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 119
      0
      1 พ.ย. 58

    “สงครามคือสันติภาพ” -George Orwell (Eric Arthur Blair)-
            -----------------------------
            วันที่ 11 มกราคม ค.ศ.1939
            "เสนารักษ์!!!!!!"
            ตู้มมมมมมมมมม!!
            "มาแล้วค่ะ!!"
            "มาช่วยนายทหารคนนี้หน่อย! ดูเหมือนว่าเลือดจะไหลไม่หยุดเลย!"
            "ท..ทราบแล้วค่ะ!"
            หญิงสาวย่อตัวนั่งบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดของทหารคนนั้น หล่อนเร่งหาแผลที่ถูกยิงทันที หล่อนก้มตัวลงก่อนจะยกมือของทหารที่นอนบาดเจ็บคนนั้นขึ้นมา หล่อนค่อยยื่นนิ้วไปแตะที่ชีพจร แต่ทว่า..มันเต้นนิ่งมาก
             "เอ่อ..คนนี้ชื่ออะไรนะ?"หล่อนก้มลงไปดูที่ป้ายชื่อที่แขวนอยู่ที่คอของทหารคนนั้น"เอ่อ..ไมค์! คุณชื่อไมค์สินะ!! ทำใจสบายๆเอาไว้ แล้วก็ไม่ต้องเกร็ง เข้าใจมั้ย!?"
             ดูเหมือนว่าเขาค่อยๆพยักหน้า ทั้งๆที่เลือดกบปากของเขา
             "โอเค..ดีมากไมค์ เดี๋ยวฉันจะเอากระสุนออกให้นะ!"
             ตูมมมมม!!!!
             ปัง!!!
             "!!"
             ในเสี่ยววินาที หญิงสาวคนนั้นก็ล้มลงไปทั้งๆที่ยังปฐมพยาบาลชายหนุ่มไม่เสร็จ ทหารอีกคนหนึ่งหันมามองเขาด้วย แต่ทว่าเขาก็โดนยิงเข้าที่หัวเช่นเดียวกับเสนารักษ์คนนั้น ตอนนี้เขารู้สึกสับสนที่สุดในชีวิต เขาพยายามจะร้องไห้...แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาซักหยด และเขาก็รู้สึกแปลกๆเช่นหน้ามืด และมือสั่น เหมือนกับคนเสียเลือดมาก
               ตอนนี้...เขากำลังนึกถึงพระเจ้า...
    และใบหน้าของเพื่อนร่วมสนามรบที่อยู่บนสถานที่ที่เรียกว่า...สวรรค์
                           และเขาก็สลบไป...
         ....
         ..
         .......
         ..
         .
                 "แล้วจะให้ทำยังไงละ!!? เธอก็เห็นอยู่ว่าเขาเสียเลือดน่ะ!!"
                 "ของในโรงพยาบาลนี้ใกล้จะหมดแล้วนะ!! ทหารนายนี้ก็ไม่รอดอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องช่วยเขาด้วย!?"

                  เสียงตะโกนโวยวายเมื่อครู่ทำให้ไมค์ต้องลืมตาขึ้น ดูเหมือนว่าเขาอยู่ในห้องๆหนึ่ง เขาคงคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้ว...แต่ไม่เลย เขายังอยู่ และพร้อมที่จะยืนขึ้นมาสู้กับสงครามอีกครั้ง
                  "ยัยสารเลวเอ๊ย...."
                    เขากรอกตาไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเตียงที่เขานอนพักอยู่ หล่อนมีผมสีบลอนด์ทองเปล่งประกาย ดวงตาสีฟ้าเหมือนเสนารักษ์ที่เคยช่วยเขาเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าหล่อนจะดูแข็งแกร่ง แต่ยังคงมองเห็นความอ่อนแออยู่ ตอนนี้คำถามที่พุดขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มคือ...หล่อนเป็นใคร?
                      "โว้วว..คุณตื่นแล้วนี่!"
                      หญิงสาวคนนั้นแสดงท่าทางดีใจเมื่อเห็นไมค์ลืมตาขึ้นมา หล่อนเดินไปรอบห้องเหมือนกับไม่รู้จะทำยังไง แล้วไมค์ก็พยายามลุกขึ้นจากเตียง
                      ฟึบ!
                       หล่อนเอามือกันชายหนุ่มไม่ให้ลุกขึ้นก่อนจะพูด"ไม่ต้องลุกขึ้นเลยนะ คุณต้องนอนพัก!"
                        ชายหนุ่มต้องนอนลงไปทั้งๆที่อยากจะลุกขึ้นถามอะไรบ้างอย่างกับหญิงสาว แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ถามขึ้น "คุณมีชื่อรึเปล่าละคะจ่า? ฉันชื่อแซลลิเลส เรียกฉันว่าแซลลี่ก็ได้"
                         หล่อนยิ้มให้เขา ไมค์หลบรอยยิ้มนั่น ก่อนที่จะนอนตะแคงตัวไปทางอื่น เขารู้สึกสับสนว่าเขาอยู่ที่ไหนในเวลานี้
    แล้วผู้หญิงผมบลอนด์คนนี้เป็นใคร จากท่าทางแล้วน่าจะเป็นสามัญชนธรรมดา
                         "ก็ได้..เดี๋ยวฉันมาอีกทีละกันนะ จ่า"แล้วหล่อนก็เดินไปที่ประตู แต่ทว่า..
                         "ตอนนี้ ผมอยู่..ที่ไหน..?"
                         หล่อนหันมา"ลอนดอน!!"
                         "ลอนดอน..?"
                         "ใช่แล้ว!"หล่อนยิ้ม
                         "ผมอยู่...อังกฤษ..เหรอ?"
                         หล่อนพยักหน้า"ฉันเจอคุณตอนอยู่ค่ายของอังกฤษน่ะ พวกนั้นจะต้องนำคุณส่งโรงพยาบาล ฉันทำงานที่โรงพยาบาลนี่ ก็เลยเอาคุณมาที่นี่แหละ"
                         "งั้นเหรอ..."
                         แซลลี่พยักหน้าอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกนอกประตูไป ตอนนี้เขารู้จักชื่อของหล่อนแล้ว...แซลลี่..
                      -2 ชั่วโมงต่อมา-
                           แซลลี่เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก บนแก้มของหล่อนมีรอยแดงอยู่ สิ่งแรกที่หล่อนเห็นคือ...ชายหนุ่มคนนั้นที่นั่งอยู่บนเตียง หล่อนถึงกับทำสีหน้าเหมือนกับอารมณ์เสียเดินมาหาชายหนุ่มเลยทันที
                          "ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ลุกขึ้นน่ะ"
                          "..."
                          หล่อนถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปหยิบแก้วน้ำมา แล้วรินน้ำใส่ในแก้ว
                          "ตื่นแล้วก็ดื่มน้ำซะ"
                         หล่อนยื่นแก้วน้ำให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วลากเก้าอี้มา
                          "คุณชื่ออะไร"
                          "..."
                          สีหน้าของหล่อนเปลี่ยนไป"ตอบมาเถอะน่า!"
                          "...ไมเคิล แฮนสัน"
                          "อะไรนะ ชื่อไมเคิลเหรอ"
                          เขาพยักหน้า"เรียกผมว่าไมค์ก็ได้..."
                          เวลาปัจจุบัน
                          ฉันยืนอยู่บนซากตึกพร้อมกับมองไปรอบๆ ฉันค่อยๆนอนลงบนดาดฟ้าตึกนั้น แล้วหยิบปืนขึ้นมา... รู้สึกว่าคาร์ลจะไม่ค่อยใส่ใจงานนี้เท่าไหร่นะ มันง่ายไปสำหรับเขาละมั้ง
                            ฉันเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวของรถถัง และทหารกลุ่มหนึ่ง พวกนั้นเดินหน้าไปทางตะวันออก บางทีอาจไปหาเรื่องพวกกองทัพแดงก็ได้นะ พวกนี้มันไม่ลงรอยกันอยู่แล้วนี่
                            "แล้วไหนสะพานนั่นละ?"ฉันหันไปถามคาร์ล
                            "ไม่..ไม่..เราต้องไปเอาของก่อน"
                            "..ก็แล้วแต่" 
                            ฉันพูด ก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาตรวจหาสไนเปอร์ตามตึก ฉันเอียงกล้องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฉันเห็นสไนเปอร์คนหนึ่งที่อยู่ตรงตึกตรงข้าม และอีกคนที่อยู่ถัดไปอีกสามตึก คนแรกใช้ปืนG 43 ค่อนข้างซูมได้ไกลอยู่ อีกคนหนึ่งใช่ปืน Moshin Nagant แบบไม่ติดสโคป มันจะเก่งเกินไปแล้วนะเนี่ย...นาซีพวกนี้
                              ฉันหันไปหาคาร์ลที่ยืนอยู่ด้านหลัง สงสัยว่าภารกิจนี้ฉันจะต้องทำคนเดียวแล้วละ เพราะเขาดูไม่สนใจและดูเหมือนว่าไม่ใส่ใจกับงานที่ได้รับอีกด้วย ฉันไม่รู้ว่าคาร์ลกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะฉันอ่านใจคนไม่ค่อยเก่ง ยิ่งคนอย่างคาร์ลแล้วด้วย...เราคาดการณ์ไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานั้น
                                  "คุณเป็นอะไรไปละ"
                                  "..."
                                  ฉันถอนหายใจ"ไอ้นิสัยเงียบนี่หยุดทำซักทีได้มั้ย"
                                   "..."เขาก็ยังคงเงียบอยู่
                                   ฉันเดินไปที่เขา ก่อนที่จะเอามือตบไหลของเขา เขาหันมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างไปจากเมื่อครู่นิดหน่อย
                                   "คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย"
                                   "..."
                                   "มีอะไรก็พูดออกมาสิคาร์ล..."
                 ..
                 .......
                 .
                 ...
                 ........
                      "เฮ้...ไมค์!"
                       สิ้นเสียงของหญิวสาว ไมค์ก็รีบหันไปทันที
                        "ไง...เอ่อ....แซล...."
                        หญิงสาวหัวเราะก่อนจะพูด
                        "ฉันชื่อ...แซลลี่!"
                        "อ..อ๋อ..งั้นเหรอ ผมความจำไม่ค่อยดีน่ะ"ชายหนุ่มก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
                         "ไม่เป็นไรหรอก..."
                         เอี๊ยดดดดด!!
                         "แซลลี่!!"
                           ทั้งสองรีบหันไปที่นางพยาบาลคนนั้นทันที แซลลี่ถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไป ส่วนไมค์ยังคงรู้สึกงงอยู่กับสถานการณ์อยู่ คงมีใครโดนเอามาสงที่นี่อีกแน่
                              "...ม...มี..คนเจ็บอยู่ข้างล่าง เธอเคยเป็นเสนารักษ์มาก่อนนิ ถ้าไม่อยากตายก็ไปช่วยเขาซะ.." 
                              "ห...หา...."
                              พยาบาลคนนั้นเอาผ้ามาเช็ดมือที่เปื่อนเลือด"เขาเป็นนาซี"
                                "งั้นทำไมฉันต้องช่วยพวกนั้นด้วยละ"หล่อนถามกลับ นั่นสิ...ทำไมหล่อนต้องช่วยพวกคนเลวพวกนั้นด้วย..?
                                  "เราไม่มีทางเลือกแล้ว! เธอต้องไปช่วยเขาเดี๋ยวนี้!!"
                                 นางพยาบาลคนนั้นรีบเดินเข้ามาฉุดแขนของแซลลี่พาไปด้านล่าง ชายหนุ่มท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วค่อยๆหย่อนเท้าแตะพื้น และพยุงตัวเดินตามหลังหญิงสาวพวกนั้นไป เขาเดินลงบันไดได้ช้ามาก เนื่องจากแผลถูกยิงยังไม่หายดี
                                 "นี่เธอจะพาฉันไปไหนเนี่ย?"แซลลี่ร้องถามในขณะที่โดนพยาบาลคนนั้นลากเธอลงไปชั้นล่าง
                                 "ก็..ไป..ช่วย...นาซีนั่นไงละ!!"
                                 "เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดนาซีน่ะ!"
                                 "อันนั้นก็ปัญหาของเธอแล้วละ!!"พยาบาลคนนั้นพูดกับแซลลี่บ้าง"แต่ตอนนี้เธอต้องช่วยโรงพยาบาลนี้ตอนนี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย!!"
                                 "ทำไมละ!?"
                                 "พวกมันบอกว่าถ้าไม่ช่วยนาซีนั่น พวกมันจะฆ่าทุกคนในโรงพยาบาลให้หมด!!"สีหน้าของหล่อนดูเปลี่ยนไป"แล้วจะให้ฉันทำยังไงละ ฉันเพิ่งมาเป็นพยาบาลไม่กี่วันเละด้วยซ้ำ!"
                                 "โอเค...ก็ได้!.."
                                 พวกหล่อนสองคนเดินลงมายังชั้นล่าง แซลลี่สังเกตเห็นทหารในเครื่องแบบสีดำจำนวนสี่ถึงห้าคนยืนอยู่ ราวกับว่าพวกนั้นกำลังรอเธออยู่จริงๆ แต่ที่แซลลี่สนใจมากกว่านั้นคือ..ทหารนาซีในชุดเครื่องแบบอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยเลือด เขาดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีโอกาสรอดชีวิต เพราะว่าเสียเลือดค่อนข้างมาก และอีกอย่างคือ..เธอตัดสินใจไม่ได้ว่าจะช่วยเขาตามคำขอของเพื่อนร่วมงานหรือจะปล่อยให้เขาตายไปช้าๆ..
                                   "มาแล้วเหรอ!?"
                                   ทหารคนหนึ่งร้องเมื่อเห็นแซลลี่ เขาดูท่าทางดีใจที่เธอจะมาช่วยชีวิตเพื่อนของเขา แต่อีกคนหนึ่งเขาดูไม่สบอารมณ์เลย อาจเป็นเพราะว่าหล่อนอาจเดินลงมาช้าก็ได้
                               และในทันใดนั้น...
                                  เพี้ยะ...
                                "ฉันบอกว่าให้พามาเร็วๆไง ทั้งที่พูดภาษาที่ควรจะเข้าใจง่ายๆแล้วนะ"
                               รอยช้ำที่แก้มของพยาบาลคนนั้นมีสีแดงจางๆ หล่อนยกมือขึ้นแตะที่แก้มของตัวเอง น้ำตาที่ปะปนมากับความเจ็บปวดค่อยๆไหลลินออกมาทีละน้อย...และด้วยสัญชาตญาณแซลลี่รีบเข้ามาบังพยาบาลคนนั้นไว้ทันที
                                "นี่จะให้ฉันช่วยไอ้คนที่นอนอยู่นั่นมั้ยเนี่ย!?"หล่อนร้องออกมาด้วยความโกรธ
                               "นางนี่ก็อยากโดนเหมือนกันใช่มั้ย!? ได้!"
                                ในวินาทีที่ทหารคนนั้นกำลังจะเอามือฟาดมาบนใบหน้าของแซลลี่ ใครบางคนก็เอามือมาดึงเสื้อของเขาไว้ก่อน...ทหารที่นอนอยู่บนเตียงคนนั้นนั่นเอง
                                 "หัวหน้า..!"
                                 ทหารอีกคนหนึ่งรีบเดิรไปที่เขาทันที ก่อนจะพูด"แข็งใจไว้นะครับ!"
                                 "หน็อย.."
                                 "พอเถอะเกล"
                                 ทหารคนนั้นค่อๆถอยออกห่างจากแซลลี่ หล่อนหันไปจับไหล่นางพยาบาลที่โดนทหารคนนั้นทำร้ายไปเมื่อครู่ ก่อนจะพูดปลอบโยนหญิงสาวคนนั้น หล่อนร้องไห้ออกมา...แซลลี้จึงเข้าปลอบอีกครั้ง "ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น...เจน"
                                 หล่อนหันไปทางกลุ่มทหาร"ถ้าจะให้ฉันช่วยก็ต้องมีค่าตอบแทน"
                                 ตึก..ตึก..
                                 ไมค์เดินมาดูตรงผนังห้อง เขาสังเกตเห็นแซลลี่กำลังยืนพูดอยู่กับนาซีคนหนึ่ง เขารู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นหล่อนทำแบบนั้น แต่ยังไงก็ต้องรอดูไปก่อนว่าหล่อนมีอาการยังไงกับนาซี เพราะตอนนี้เขาไม่รู้ว่าแซลลี่คิดอะไรอยู่
                                  "ว่ายังไง ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอคุณผู้หญิง"
                                  แซลลี่ทำท่าคิดซักพัง ก่อนจะพูด"เชลยที่อยู่ในฐานทัพพวกนาย"หล่อนพูด"ปล่อยพวกเขาให้หมด"
                                 "..นี่เธอจะบ้ารึไงวะ!!? อยากตายรึไง"
                                 "เอาซี่...ถ้าอยากให้นาซีคนนั้นตาย.."
                                 ทุกคนดูไม่อยากจะเชื่อกับคำพูดของแซลลี่เมื่อครู่ ทหารคนหนึ่งถึงกับยกมือขึ้นมาเหมือนกับจะฟาดมันใส่หน้าแซลลี่ แต่เมื่อเห็นแววตาที่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นของหล่อนว่าถ้าหากไม่ทำตามคำพูดของหล่อน หัวหน้าของเขาจะต้องตายเพราะเสียเลือดในไม่ช้า
                                 "ก...ก็ได้"ทหารอีกคนพูด
                                 "นายปล่อยพวกนั้นไปเถอะเกล มีไม่กี่คนเอง"
                                 เขาดูมีสีหน้าเปลี่ยนไปราวกับกำลังคิดถึงคำพูดของนางพยาบาลตรงหน้า เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำยังไง
                      และทันใดนั้น...
                           ปัง!!!
    .....
    ...
    .....
    ...
    ..
    .                       
                      กลั้นหายใจ...
                      เชื่อว่าตัวเองต้องทำได้...
                      และ...
                      เหนี่ยวไกปืน...

                       
                       ปังงงง!!
                       ตู้มมมมมม..
                       ......
                       ...
                       ..
                       ...ฉันรู้ว่า..อดีตไม่มีวันหวนกลับ...
                       ...แค่ทำปัจจุบันให้ดีก็พอ..
                       ..แล้วทนรออนาคตที่ค่อยๆก้าวเข้ามาในชีวิตทีละน้อย..
                       ....ระเบิดที่ขว้างออกไป..เหมือนกับสิ่งที่ใช้ทำร้ายชีวิตทุกชีวิต..ทั้งเจ้าของมัน และคนข้างๆมัน  
                         ...ระเบิดเลือกไม่ได้ว่าจะเลือกทำร้ายใคร...
                         แต่..เราเลือกที่จะหลบเข้ากำบังได้...
      

                ----------
                       "ทำดีมากผู้หมวด!"
                       ฉันเดินหลบหลีกผู้คนออกมา
    นอกฐานทัพ เดินไปมาเหมือนกับไม่มีอะไรทำ ผลของภารกิจที่แล้วออกมาดีกว่าที่คิด พวกรัสเซียและนาซีไม่สามารถลำเลียงอาวุธเข้ามาได้ ตอนนี้สัมพันธมิตรนำหน้าพวกนั้นไปก้าวหนึ่งแล้ว แต่ยังเสี่ยงที่พวกนั้นอาจจะกลับมาตามทันเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว..เดินออกมายังหมู่บ้านที่พอมีชาวบ้านอยู่นิดหน่อย แต่ก่อนหมู่บ้านนี้มีคนเยอะแยะ แต่ผลของสงครามกลับมาทำร้ายพวกเขาทั้งๆที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
                       ฉันเดินมาจนถึงสุสานทหารที่อยู่หลังหมู่บ้าน สายตาของฉันไปสะดุดกับใครคนหนึ่งที่ยืนหันหน้าให้กับป้ายหลุมศพ
    ฉันรู้ว่าเขาคือใคร ทหารผมสีน้ำตาลเข้มขนาดนั้นมีคนเดียวในกองทัพของสัมพันธ
    มิตรที่ฉันรู้จัก คาร์ล...
                         ตึก..ตึก..ตึก..
                          บางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้ฉันย่างก้าวไปหาเขาซึ่งยืนอยู่หน้าหลุมศพอยู่นั้น เขาหันหน้ามา ฉันก้มหน้านิดหน่อย ก่อนจะเดินไปหาเขา ในมือของคาร์ลถือดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์เอาไว้ เขาวางมันลงตรงหน้าหลุมศพ ฉันมองหน้าเขา มันมีความเศร้าแฝงเข้ามาในนัยน์ตาเขา นี่หลุมศพใครกัน?
                          ...อเล็กซานดร้า ไอเล็น..?
                          "คนรู้จักผมเอง.."
                          "หล่อนเป็นใครเหรอ"
                          "อดีต.."
                          "อดีต?"
                          เขาหันหลังกลับ"อดีตคู่หมั้นผม"
                           "...คู่หมั้น?"
                           "อย่าบอกใครละ"
    ------------------------------------
                           มันเริ่มจากภาพที่ปรากฏขึ้ในสมองของฉัน ภาพที่ชายหนุ่มและหญิงสาวเดินควงแขนไปในงานเต้นรำที่มีแต่ผู้คนแต่งงดงาม นัยน์ตาของทั้งสองบ่งบอกได้ชัดว่า..เขามาที่งานนี้ ไม่ใช่เพื่อมาเต้นรำซะอย่างเดียว เขาทั้งสองเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง หญิงสาวลุกขึ้น...และทันใดนั้น ชายหนุ่มชาวรัสเซียอีกคนก็เดินเข้ามา...
                               "ให้เกียรติเต้นรำกับผมได้มั้ย..เฟราไลน์"เขาพูด
                               หญิงสาวผมสีน้ำตาลเกือบแดงในชุดสีแดงเลือดหมูมีสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากฟังชายคนนั้นพูดจบ ริมฝีปากที่ติดลิปสติกสีแดงเข้าค่อยๆเผยอขึ้นพูด
                               "ขอโทษ..นะคะ พอดีว่าดิฉันเกรงว่าจะรับคำขอคุณไม่ได้.."หล่อนมีสีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม"..เพราะฉะนั้น ไปขอคนอื่นซะ.."
                                ชายหนุ่มคนนั้นถ่อยหลังเดินออกไปหลังจากได้ฟังเสียงของหญิงสาวที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขา ชายหนุ่มที่มาด้วยถึงกับกลั่นหัวเราะเอาไว้เลยที่เดียว "อย่าโหดกับผู้ชายสิ"
                                 "ฉันไม่ชอบงานแบบนี้เลย ยิ่งโดนบังคับให้มาด้วย!"หล่อนกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ
                               "ช่างเถอะ"
                              ฉันเห็นรูปเหตุการณ์นี้ทุกครั้งที่หลับตาลง..
                              "เอาละ.."ชายหนุ่มคนนั้นพูด"ได้เวลาตีเนียนแล้ว"
                              "เสร็จงานนี้ฉันจะขอลาซักอาทิตย์เลย"หล่อนพูดพลางยกกระจกขึ้นมาส่อง
                             "โอเค..เดี๋ยวผมบอกเจสันให้"
                              ..และทันใดนั้น..ชายหนุ่มก็ยื่นมือมาที่หญิงสาวก่อนคำพูดที่ฉันเกลียดที่สุดจะดังออกมา...
                             "ให้เกียรติเต้นรำกับผมนะครับ...เฟราไลน์ครีนัส แอดเลอร์.."
    _____________________________________
             *เฟราไลน์ (Fraulein) เป็นคำนำหน้าหญิงเยอรมัน ตรงกับภาษาอังกฤษว่ามิสซิส (Mrs.)
             

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×