ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardians the ripper(รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #5 : รายงานหน้าที่2

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 55




    บนเครื่องบินสายอังกฤษ-ญี่ปุ่น


             ชายหนุ่มผมสีเทาเข้มนั่งหลับตาอย่างสงบนิ่ง แม้เสียงรอบข้างของเขาจะเจี๊ยวจ๊าวราวกับโรงเรียนเด็กอนุบาลก็ตาม ในมือกำสร้อยไม้กางเขนสีเงินสลักรวดลายอย่างวิจิตรตรงกลางฝังอัญมนีสีแดงเม็ดเล็กๆ เมื่อทำสมาธิได้แล้วชายหนุ่มก็ยกไม้กางเขนในมือมาแตะที่ปาก และเลื่อนไปที่หน้าผาก เป็นเวลาครู่หนึ่ง


    " จับสัมผัสของมิร่าได้แล้วล่ะ ถึงจะแผ่วแต่ก็แน่ใจว่าเราไปถูกทาง " ชายผมเทาพูดกับผู้ร่วมเดินทาง แล้วลืมตาขึ้นเยะให้เห้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์

    ก็แน่สิ เกิดมีคนตาสีแดงออกมาเดินในเมืองไม่เป็นเป้าสายตาเอาหรอ

    " นั้นน่ะหรอที่เรียกว่าการเข้าญาณ " เอไนท์ถามขึ้น
    " ใช่ มันเป็นหนึ่งในพลังของฉันแล้วก็ทำให้สามารถสื่อสารทางจิตได้ด้วย " เซจิตอบ
    "
    หนึ่งในพลัง แสดงว่านายมีหลายพลังงั้นหรอ " แคปถามอย่างสงสัยปกติจะมีคนที่ใช้พลังจิตได้แต่อย่างเดียวหรือมากสุดก็ดัดแปลงพลังของตน
    " ใช่ ฉันมีพลายพลัง มีญาณ อ่านใจ มองเห็นวิญญาณ คลื่นกระทบแล้วก็อื่นๆ " เซจิบอก

    " ฉันน่ะมันพวกไม่เหมือนคนปกติ ขนาดผู้ใช้พลังจิตด้วยกันเองฉันยังดูประหลาดเลย อาจเป็นเพราะดวงตาสีแดงนี้ " เซจิพูดพรางใส่แว่นตาที่ดูเหมือนแว่นธรรมดาทั่วไป หากแต่เขาไม่ได้สายตาสั้นแต่ที่ใส่ก็เพราะมันเป็นแว่นที่สร้างจากวันถุที่ใช้ป้องกันพลังจิต อย่างเดียวกับที่ใช้สร้างห้องขังผู้ใช้พลังจิตนั้นแหล่ะ เพื่อปิดพลังจิตที่มีมากมายของเขา

    - ถ้าเดินๆอยู่แล้วมองเห็นวิญญาณหรือความคิดที่ชั่วร้ายของมนุษย์มันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ -


    " แล้วตอนถึงจะทำยังไง ไปช่วยยัยตัวแสบก่อนหรือเข้าโรงแรมก่อน " เอเรียสถามเซจิ ถึงแม้เขาก็เป็นหัวหน้าทีมแต่เรื่องมิร่าให้เซจิจัดการจะดีกว่า
    " ไปโรงแรมก่อนส่วนเรื่องมิร่า เราไปช้าๆหน่อยก็ได้ที่เราต้องทำก็แค่ เปิดประตูแล้วรับกลับ...... " เซจิตอบ
    " แค่เปิดประตู แล้วรับ? ไม่ได้ให้มาช่วยหรอกหรอ " เชสถามขึ้น
    " ใช่ พวกเราทำแค่นั้นก็พอ แค่รับกลับน่ะ หึหึ " เซจิหัวเราะในรำคอเขารู้จักมิร่าดี
    " นั้นสินะ สำหรับมิร่าน่ะ " แคปพูดเสริมขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักดีเท่าคนบ้านเดียวกัน แต่เขาก็ถือว่าสนิทกับมิร่าพอสมควรและเขาก็เคยเห็นวีรกรรมของหญิงสาวมาแล้ว







    มิร่า.......

    มิร่าตื่นได้แล้ว.......

    ใครน่ะ

    ตื่นสิครับ

    เอ๊ะก็ตื่นอยู่นี่ไงฟะ ใคร?

    สติตื่นขึ้นมาแล้วสินะ ดีใจจังเลย

    เออก็ตื่นแล้วไง ไม่งั้นจะได้ยินแกหรอ แล้วแกเป็นใครถึงเข้ามารบกวนกระแสจิตฉันได้

    ฉันเซจิเอง เดี๋ยวนี้หัดพูดไม่สุภาพกับพี่หรอ

    เซจิหรอ แล้วทำไมเสียงแปลกๆล่ะ

    แถวที่เธออยู่คลื่นรบกวนมันเยอะ กว่าจะเจาะเข้าไปได้ก็นานทีเดียว

    แล้วฉันอยู่ที่ไหนล่ะ?

    ลืมตาขึ้นสิครับแล้วจะรู้ งานนี้เบื้องบนอนุยาติให้ฆ่าได้ขอให้สนุกนะ

    อืม เดี๋ยวจะตื่นแล้วล่ะ เซจิก็เลิกกวนฉันสิจะได้ตื่น

    ขอให้สนุกกับภาระกิจแรกนะ กว่าผมจะไปถึงญี่ปุ่นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง

    งั้นอีกหนึ่งชั่วโมง สามสิบนาทีเจอกันไม่มีแผนที่แบบนี้คงใช้เวลานานสักนิด อย่ามาช้าล่ะ

    ระวังตัวด้วยนะ

    คิดว่าพูดกับใครอยู่น่ะ คิกๆ








              ร่างของหญิงสาวบนเตียงค่อยๆขนับนิดๆเพื่อเรียกการทำงานของระบบประสาทที่ไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานานพอสมควร ไพรินคู่ส่วยค่อยๆเปิดออกกระพิบถื่ๆเพื่อปรับความเข้ากับแสง มิร่ากวาดตามองไปทั่วๆห้อง เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หลอดยา เข็มฉีดยา มีดผ่าตัด เครื่องมือในการตรวจและทดลอง รวมถึงหลอดแก้วที่ใช้ในงานเคมี  ดูๆไปแล้วห้องนี้มันก็ห้องทดลงดีๆในสายตาเธอนี่เอง มิร่าบังคับให้แขนเรียวขยับช้าๆ แต่ไม่เป็นผล หญิงสาวใช้หมุนมือไปมาคลำรอบๆข้อมือของตัวเอง และสิ่งที่พบคือสิ่งที่เธอรู้จักดี

    เครื่องล็อคแบบใช้คอมพิวเตอร์ 


    ในอดีตเธอเคยถูกจองจำด้วยมันบ่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว........

             มิร่ายิ่มที่มุมปากเล็กๆก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นการแสยะยิ้มอย่างน่ากลัง หญิงสาวหลับตาลง เล็บสีชมพูของเธอเปลี่ยนไปเป็นเรืองแสงสีม่วง อุปกรณ์ที่เคยล็อคข้อมือของเธอถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เรียวขาค่อยๆหย่อนลงสู่พื้น เธอดังผ้าที่เคยใช้ห่มร่างกายของเธอมามัดเป็นเสื้อผ้าเพื่อปกปิดร่างกาย มิร่าสาวเท้าไปสำรวจทั่วๆห้อง แล้วหยิบอุปกรณ์ทุกๆอย่างที่ใช้เป็นอาวุธได้ตั้งแต่มีดผ่าตัดจนถึงหลอดทดลอง 

    "อ๊ะ เซจิลืมให้แผนที่นี่นา" มิร่าร้องออกมาเมื่อเธอนึงเรื่องสำคัญออก เธอไม่รู้เส้นทางหรือแม้แต่ว่าสถานที่ที่เธออยู่มันที่ไหน
    "ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็มารับเองแหล่ะ" หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบไม่รับผิดชอบอะไร
    "ตอนนี้แค่เล่นให้สนุกก็พอ" มิร่าแสยะยิ้มออกมาราวกับปีศาจน้อย ขัดกับใบหน้าอันน่ารักของเธออย่างสิ้นเชิง












    ประตูห้องทดลองสีขาวถูกเปิดออก เหล่าชายถือปืนผู้เฝ้ายามที่เดินเพ่นพล่านอยู่แถวนั้นต่างหันมามองอย่างตกใจ ที่ยิ่งทำให้ตกใจมากขึ้นคือร่างของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีทองอ่อนยาวถึงกลางหลัง พร้อมกับหลอดทดลองที่มีสารเคมีสีปลาดดูไม่น่าไว้ใจที่อยู่ในมือของเธอ

    "สวัดสีค่ะ ฉันชื่อมิร่า โอเนะ" หญิงสาวแนะนำตัวพร้อมยิ้มอย่างน่ารัก

    "และฉันจะเป็นคนสุดท้าย ที่พวกคุณได้รู้จักชื่อนะคะ" มิน่าพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักสบายๆก่อนจะสาดน้ำสารเคมีในมือเธอใส่หน้าชายถือปืนคนหนึ่ง แล้วใช้มืออีกข้างจับมีดขึ้นมาปาดคอชายอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ

    "หนอยแก!!!!!!!" ชายอีกสองคนที่เหลือชักปืนขึ้นมาหมายจะยิงเธอแต่เมื่อหันไปอีกทีเธอกลับหายตัวไป

    "มันหายไปไหน อ๊อก!!!!" ขณะที่ชายถือปืนยังพูดไม่ทันขาดคำยาสีแปลกปลาดก็ถูกเทเข้ากรอกปาดของเขา มือหนากวาดไปข้างๆหวังใช้เพื่อนของตนช่วย ร่างของชายอีกคนที่อยู่ข้างๆก็ยังคงยืนเฉยๆไม่ขยับเขยื้อน มีเพียงดวงตาสีดำเท่านั้นที่ได้หลุดออกจาดเบ้าตาไปแล้ว

    "เหลือคุณคนเดียวแล้วนะคะ คิกๆๆ" มิร่าพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง กับรอยยิ้มนางฟ้าที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรก
    "แก แกมันตัวอะไร!!! ฮะ ป..ปีศาจ แกมันปีศาจ" ชายร่างใหญ่ร้องออกมาอย่างขาดสติ
    "ไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย ฉันน่ะเป็นมนุษย์เหมือนๆพวกคุณนะ" มิร่าพูดพรางเอามีดผ่าตัดสีเงินในมือไล่ไปตามใบหน้าของชายร่างใหญ่
    "แต่ว่าฉันก็ไม่ใช่มนุษย์เหมือนพวกคุณ เหมือนกัน" พูดจบมีดสีเงินก็ถูกแทงเข้าไปปักในคอของชายร่างใหญ่เรียบร้อย


    "อ่า ใช้เวลาตั้ง3นาทีเลยหรอ จัดการหมีสี่ตัวในเวลาสามนาทีนี่มันนานไปนะ"หญิงสาวถอนหายใจอย่างเซ็งจิต
    "ค่อยๆวอร์มร่างกายไปเรื่อยๆแล้วกัน" มิร่าแสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง พร้อมหยิบอาวุธที่เตรียมไว้ตอนแรกกับปืนอีกกระบอกจากคนที่เธอเพิ่งฆ่าไปเมื่อกี้ แล้วเดินไปตามทางเดินที่เธอก็ไม่รู้ว่ามันจะพสเธอไปไหนเหมือนกัน






    สนามบินประเทศญี่ปุ่น

    "ว....ว๊ากกกกกกกกกก" เมื่อเครื่องบินลงถึงพื้น เอไนท์ เด็กหนุ่มผมทองความสูงน้อยก็มุ่งหน้าจูบพื้นดินในทันทีที่ก่าวออกมาจากเครื่อง ถ้าไม่ตืดที่ถูกเชสเชียร์เพื่อนสนิทของเขาจับเสื้อไว้ทัน
    "ไอ้ซุ่มซ่ามนี่ ตอนไปอังกฤษก็หนนึงแล้วนะฉันต้องแบกนายเดินน่ะ" เชสบ่นออกมา
    "เอ่อขอบคุณ" เอไนท์ของคุณผู้ที่ช่วยเขาไม่ให้ต้องจูบพื้นดินญี่ปุ่น
    "พวกนายมันปกติดีแน่ใช่ไหม" เอเรียสถามขึ้นขณะมองเพื่อนใหม่ทั้งสามคน
    "ก็ไม่ได้ผิดปกติไปน้อยกว่านายน่า" แคปพูดออกมาแล้วยิ้มร่า
    "หนอยแก!!!" เอเรียสตวาดขึ้นด้วยความหงุดหงิดตั้งท่าเตรียมเข้าไปต่อย หนุ่มแว่นเจ้าของฉายา โอตาคุโรคจิต
    "ทุกคนพอได้แล้ว" เซจิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มันก็ทำให้สี่หนุ่มที่เหลือค้างได้ราวกับกดปุ่มสต็อป
    "พวกเราต้องรีบไปเชคอินโรงแรมนะ เดี๋ยวจะไปสาย" เซจิรีบเดินนำหน้ากลุ่มไปยันช่องทางตรวจคนเข้าเมืองพิเศษที่มีไว้สำหรับการ์เดียนและเอ็กโซซิทส์โดยเฉพาะ






    กลับไปทางมิร่า


    "อ๊ากกกกกกกก"
    "กรี้ดดดดดดดด"
    "ปั้งๆๆๆ"
    "คิกๆๆๆๆๆๆๆๆ"

              เสียงเหล่านี้ดังขึ้นเรื่อยๆตามทางเดิน มิร่าหัวเราะอย่างสนุกสนาน ในตอนนี้เธอมีเป้าหมายแล้ว เป้าหมายของเธอคือ หัวหน้าคณะทดลอง ที่เป็นคนทำการทดลองตัวเธอ เธออยากจะไปเล่นกับเขาสักหน่อยเพื่อตอบแทนที่จับเธอมาทดลองในที่แบบนี้ หญิงสาวเดินเข้าออกทุกๆห้องในตึก ตึกนี้ไม่ใช่ตึบบริสัทธรรมดา ไม่มีหน้าต่าง มีความชื้นสูง เปิดไฟตลอดทั้งตึก จากข้อมูลที่เธอมีอยู่ตอนนี้ทำให้คาดว่าตึกนี้คงจะอยู่ใต้ดิน เพราะฉนั้นถ้าคิดหาคนที่น่าจะได้อยู่ในที่ปลอดภัยในสถานการณ์แบบนี้ล่ะก็.....ต้องขึ้นไปข้างบน






              ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก มิร่าก้าวออกมาอย่างช้าๆ ไฟรินคู่สวยกวาดตามองไปทั้วๆ ประตูเหล็กบานใหญ่ดูมีการป้องกันแน่นหนาจำนวนหลายบาน มิร่ามองประตูเหล่านั้นแล้วทำหน้าเซ็งนิดๆ เธอคงต้องเปิดหาทีละบานสินะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่เธอนัดไว้กับเซจิแล้วด้วยสิ เสียเวลากับการจัดการพวกข้างล่างไปนานพอสมควร หญิงสาวหยุดความคิดไว้แค่นั้นเธอไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ มิร่าเดินไปหยุดที่หน้าประตูบานหนึ่งที่เธอสุ่มมา

    "เดาว่าห้องนี้ละกัน" มิร่าพูดขึ้นก่อนที่มือบางจะแตะที่ประตูบานใหญ่ เล็บมือเรืองแสงสีม่วงประตูบานใหญ่เปิดออกอย่างง่ายดาย ถ้าเป็นคนอื่นๆคงต้องใช้ระเบิดพังอย่างเดียว

    "อ๊ะ อยู่จริงๆด้วย" มิร่ายิ้มร่าแล้วพุ่งเข้าไปหาชายวัยกลางคนในชุดกราวสีขาวในห้อง พร้อมใช้มีดปักเสื้อของเขาไว้กับกำแพง
    " คุณใช่ ทาราฮิระ โทโบชิ หรือเปล่า?" มิร่าถามแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มใส่ซื่อ
    "อ่ะ เอ่อ ไม่ใช่ ไม่ใช่ฉัน ออกไปนะ"ชายกลางคนตอบพลางพยายามดิ้นให้หญิงสาวออกไป แต่แรงของเธอนั้นดันมีมากกว่าที่คิดว่าร่างเล็กๆของหญิงสาวจะมีได้

    "ใช่จริงๆด้วย" มิร่่าพูดแล้วยิ้มออกมา
    "ก็บกว่าไม่ใช่ไง" โทโบชิร้องออกมา
    "ก็ชื่อมันติดอยู่ ตรงนี้ไง" มิร่าแตะนิ้วไปที่เข็มกลัดที่มีชื่อติดอยู่บนเสื้อของโทโบชิ
    "เอาล่ะ คุณหมอมาเล่นชำแหล่ะกันดีกว่า" มิร่าแสยะยิ้มออกมาตรงกันข้ามกับรอยยิ้มตอนแรกอย่างสิ้นเชิง






    ทางห้าหนุ่ม


    "ที่นี่แหล่ะ" เซจิพูดขึ้น ขณะนี้พวกเขาอยู่หน้าตึงเก่าๆ ดูท่าทางจะพังแหล่ไม่พังแหล่ แถมยังมีชั้นเดียวอีกด้วย
    "แน่ใจนะ?" เอเรียสถามคนที่มีศักดิ์เหมือนพี่ชายของตนอย่างไม่แน่ใจ
    "นายไม่เชื่อใจผมหรอเอเรียส?" เซจิหันไปถามเอเรียส
    "ผมว่ามันน่าจะมีทางลับอะไรสักอย่างนะ" เอไนท์ที่ตอนนี้กำลังให่เชสกับแคปทำแผลที่เกิดจากความซุ่มซ่ามในตอนลงจากรถและเดินมาที่นี่พูดขึ้น
    "อาจมีทางลับลงไปใต้ดิน" เชสเสนอ
    "แบบนี้เค้าเรียกว่าซ่อนรูปสินะ" แคปพูดขึ้น
    "ใช้คำนั้นมันติดเรทไปมั้ง?" เอเรียสขัดขึ้นมา
    "งั้นหรอ คุณหนู" แคปพูดแล้วหัวเราะ
    "พอๆ เข้าไปกันเถอะ" เซจิรีบห้ามทัพแล้วนำกลุ่มเข้าไปข้างในตึก





    ด้านในตึก

    "ช่วยกันค้นหน่อย มันน่าจะมีทางแถวนี้แหล่ะ สัมผัสของมิร่าอยู่ด้านล่างนี้" เซจิสั่ง
    "อืม......." แคปทำท่าคิดอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็ตัดสินใจใช้พลังจิตตองตนปล่อยกระเสไฟฟ้าลงสู้พื้นและรอบๆห้อง


    ครืดๆ

    อยู่ๆพื้นที่อยู่ใต้เท้าเอไนท์ที่ดูเหมือนว่างเปล่าก็ยกขึ้นสูงกว่าระดับพื้นปกติ เผยให้เห็นลิฟต์สุดไฮเทคด้านล่าง แต่ปัญหาคือเจ้าตัวที่เคยยืนอยู่บนพื้นดันถูกยกขึ้นไปด้วย

    "หวา...." เอไนท์ร้องออกมา เมื่อพบว่าตัวเองอยู่สูงกว่าปกติ
    "เอไนท์!!!" แคปร้องออกมาเมื่อลืมตาขึ้น
    "เอาผมลงไปทีสิ ใครก็ได้" เอไนท์ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของตน เซจิที่ดูจะสูงสุดในกลุ่มจึงช่วยดึง?เอไนท์ลงมา
    "ประตูเปิดแล้วล่ะ" เชสบอก
    "งั้นเอางี้นะ เมื่อเข้าไปแล้วให้เราแยกทางกันไป เอไนท์ เชสเซียร์ เอเรียส พวกนายมุ่งไปที่การจัดการพวกลูกน้อง ส่วนฉันกับแคปจะมุ่งหน้าตามหามิร่า" เซจิวางแผนงาน
    "อืม ก็ดีกว่าสั่งให้ฉันไปหายัยแสบนั้น" เอเรียสพูดขึ้น
    "แต่ยังไงซะ การหามิร่าก็มาที่หนึ่ง ถ้ามีใครเจอมิร่าก็ให้พากลับมาด้วย มิร่าไม่รู้ทางในนี้เข้าใจแล้วก็แยกกันเลย" พอเซจิพูดจบต่างคนก็ต่างแยกไปตามทางที่ตนเลือก ดูซิใครจะเป็นคนเจอเจ้าหญิง(โรคจิต)ก่อนกัน





    ทางเซจิกับเอเรียส

    เมื่อถึงเส้นทางที่ตนเลือกมา เซจิกวาดตามองไปรอบๆ ดูเหมือนว่ามิร่ายังมาไม่ถึงชั้นนี้
    "เอเรียสนายไปทางนี้แล้วกัน" เซจิพูด
    "อ้าวทำไมล่ะ นายบอกว่่าจะไปทางนี้?" เอเรียสถาม
    "ก็มิร่ายังไม่มาทางนี้ไง แล้วพวกในชั้นนี้ก็ยังเหลืออีก...." เซจิพูดพร้อมชักปืนออกมายิงไปที่ชายร่างใหญ่ที่หลบอยู่กลังเสา
    "อืม งั้นก็โชคดี" เอเรียสพูดแล้วไปตามทางเดิน ส่วนเซจิก็ลงบันไปไดไปชั้นต่อไป


    ทางเอไนท์กับเชาเซียร์

    "อ๋า......." เอไนท์ร้องออกมาเมื่อถึงชั้นที่เป็นจุดมุ่งหมายของเขา ลอยเลือดเปราะทั่วทางเดิน ร่างไร้วิญญาณของผู้คนมากมายดูบิดเบี้ยวผิดปกติ บางศพไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่ ดูแล้วน่าสะอิดสะเอียน
    "อึก ใครเป็นคนทำเนี่ย!!!" เชสที่เห็นสภาพนั้นเช่นเดียวกันดูมีอาการหนักกว่า เขาใช้มือปิดปากและจมูกของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้อวกออกมา จมูดแมวได้รับกลิ่นดีกว่าจมูกคนปกติอีกนะ
    "เชส ผมขอไปกับคุณแล้วกัน" เอไนท์พูดแล้วกดปิดประตูลิฟต์มุ่งหน้าไปอีกชั้น ไม่งั้นเพื่อนของเขาคงอวกออกมาจริงๆแน่
    "ไปชั้นไหนต่อครับ" เอไนท์ถามเชส
    "ชั้นสุดท้ายเลย ฉันว่าถ้ามิร่าเป็นคนทำชั้นใกล้ๆนี้ก็คงไม่เหลือเหมือนกัน" เชสตอบ เอไนท์ก็กดชั้นตามที่เพื่อนของตนบอก



              ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นล่างสุด เป็นอย่างที่เขาคาดมิร่ายังไม่มาที่ชั้นนี้ ไม่มีรอบเลือดและศพผู้คน ไม่มีกลิ่นน่าสะอิดสะเอียน แต่ดันมีของที่ไม่น่าดูนี่สิ ร่างแช่ของเหล่าอสูรมาร ไม่เพียงแค่นั้นแต่ละตัวดันไม่ต่างอะไรกับซากศพที่ถูดนำมาเย็บติดกันแบบลวกๆ

    "อี๋ อยากอวกออกมาจริงๆแล้วนะ" เชสพูดพร้อมใบหน้าที่ซีดเซียวดูพะอืดพะอมมาจากชั้นที่เห็นคาดว่ามิร่าคงจะเคยไป ตอนนี้ก็กำลังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
    "เจ้าพวกนี้? คงถูกจับมาทดลองสินะ" เอไนท์พูดขึ้นมา
    "อืม ดูจากสภาพศพแบบนี้คงเป็นฝีมือของคนที่ฆ่ามันล่ะ" เชสบอก
    "แล้วใครล่ะ?" เอไนท์พูดขึ้นพรางสำรวจรอบๆห้อง
    "อาจเป็นพวกฮันเตอร์ เพราะนี่มันถิ่นพวกนั้นนี่นะ" เชสพูดพรางเดินดูซากศพอสูร
    "นั้นสินะ ผมว่า.....อ๊ะ" เอไนท์ที่กำลังตรวจดูห้องสะดุดสายไฟล้ม สายไฟที่เขาสะดุดนั้นมันดันต่อกับโหลใส่ซากอสูรซะด้วยสิ
    "เอไนท์ออกมา" เชสรีบหิ้วเสื้อหนุ่มร่างเล็กออกมาห่างๆโหล แล้วดูราดราวเผื่อว่าอสูรพวกนี้มันจะขยับ


    ผ่านไปสักพัก.....

    "เงียบ....." เอไนท์พูดขึ้น หลังจากที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักพัก
    "นั้นสิ สำรวจต่อเถอะ" เชสพูดพร้อมก้าวเท้าออกจาดพื้นที่ลิฟต์ แต่แล้ว

    " แอ๊ดๆ แอ๊ดๆ เกิดการเคลื่อนไหวในชั้นเก็บอสูร เริ่มระบบทำลายตัวเองๆ " เสียงประกาศออกมา ดวงไปสีแดงกระพิบถี่ๆ

    "เวรแล้วไง" เชสพูดออกมา
    "เวรแล้วครับ เผ่นเถอะ" และแล้วสองหน่อผู้ก่อเรื่องก็รีบเผ่นขึ้นไปชั้นบนสุดทันที






    ทางด้านแคปริคอน





               ดวงตาสีดำดังท้องฟ้ายามค่ำคืนกวาดตามองไปรอบๆ ว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้คน ไม่สิ ไร้ซึ่งผู้คนที่ยังมีลมหายใจอยู่ แคปกวาดตามองเหล่าซากศพที่มีแต่รอยไหม้เกรียมเพราะโดนไฟฟ้าช็อท ความจริงเขาก็ไม่ค่อยอยากฆ่าด้วยวิธีนี้เท่าไรนักเพราะมันจบเร็วเกินไป หางแต่ไม่มีเวลาพอให้สอบปากคำทีละคนเพราะสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเตือนให้ผู้คนรีบออกจากสถานที่นี้  มีคิวเบย์ตัวไหนเล่นอะไรแผลงๆอีกฟะ  เขาคิดในใจรู้สึกตะหงิดๆว่าเพื่อนของตนอาจไปทำอะไรแผลงๆมา เพราะคาดว่าคุณชายใหญ่เซจิคงไม่หาเรื่องใส่ตัว ส่วนน้องแกะแดงแรงสามเท่าเอเรียสหัวหน้ากลุ่มคนใหม่ของเขาก็คงไม่ทำอะไรบู่มบ่ามแบบนี้ ถ้าทำก็คงจะติดต่อมาเตือนก่อนแน่แต่นี่ไม่มี.......



    "เฮ้อ ยัยตัวแสบนั้นอยู่ไหนนะ?" แคปบ่นขึ้นมาหลังจากที่เขาวิ่งหามิร่ามา3ชั้นแล้ว
    "ทำตัวเป็นเจ้าหญิงที่ต้องรอเจ้าชายมารับไปได้ ยัยเจ้าหญิงซาดิสม์นั้น......" ระหว่างที่แคปกำลังบ่นต่อไป สัญญาณเตือนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง 
    "ไม่มีเวลาแล้วสินะ" ว่าแล้วก็ยกดาบทองคำขาวสุดแพงจนคนจ่ายแทบกระอักเลือดขึ้นมา แล้วฟันลงไปที่พื้นพร้อมพลังจิต จนพื้นตำแหน่งที่ฟันแตกกนะจายแล้วกระโดดลงไปชั้นต่อไป



               เมื่อม่านฝุ่นกับเศษอิฐที่ฟุ่งกระจายเบาบางลง ดวงเนตรสีนิลจับจ้องไปขั้นเบื้องหน้า หญิงสาวร่างเพรียว เส้นผมสีอ่อนยาวเกือบถึงกลางหลัง ผิวขาวเนียนดูงกงาม ใบหน้ามน ดวงตาสีน้ำเงินงดงามดั่งไพริน เรียวปากบางแย้มยิ้มอย่างสดไสมีความสุข ใบหน้าหวานดูราวกับนางฟ้าที่หน้าถนุถนอม ถ้าไม่ติดที่รอยเลือดแดงฉานที่เลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วชุดสีขาวของเธอ และตามเรียวขา แขน รวมถึงใบหน้า กับขวานที่มักใส่ไว้ในตู้ดับเพลิงและมีดฝ่าตัดในมืออีกข้าง นางฟ้ามรณะชัดๆ  


    "อ....อื้อ....ช..ด..." เสียงครางออกมาอย่างแผ่วเบาทำให้แคปเลิกสนใจนางฟ้าอาบเลือดแล้วหันไปมองที่ต้นเสียง ชายญี่ปุ่นผมดำวัยกลางคน ในสะภาพที่ไม่ค่อยเหมือนมนุษย์ที่มีชีวิตเท่าไร นิ้วมือข้างขวาถูกตัดออกร่วงหล่นไปอยู่ที่พื้น ส่วนมือข้างซ้ายถูกตอกกับผนังด้วยมีดฝ่าตัดสิเงิน เบ้าตาข้างซ้ายถูกกรีดหนังออกไปทั้งดวงตาสีดำยังคงคาอยู่ที่เดิมดูสยดสยอง ดวงตาอีกข้างตกอยู่บนพื้นกระเบื้องข้างๆ ดูมีวี่แววการถูกผ่า เลนส์ตาหลุดออกมาจากลูกตา รวมถึงถุงห่อหุ่มลูกตาที่หลุดลงมากองกับพื้นเป็นเยลลี่ใส่ๆ ริมฝีปากด้านล้างซ้ายถูกกรีดออกจนเห็นเหงือกและฟันเหลืองข้างในเช่นเดียวกับริมฝีปากด้านบนขวาที่ถูกกรีดเบื้อออกจนถึงใบหู ผิวหนังส่วนหน้าท้องถูกถลกออกมาจนเห็นเป็นเนื้อสีแดงสดและเลือดที่อาบไปทั้งร่าง ข้อเท้าซ้ายถูกกรีด ส่วนขาข้างขวาถูกเฉือนเนื้อออกจนเห็นกระดูก ที่น่าแปลกใจคือ คนคนนี้ยังรอดอยู่ได้?


    "อ๊ะ แคปมาได้ไงน่ะ" มิร่าร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนของตน
    "นั้งเฟอร์รารี่มามั้ง" แคปตอบกวนๆ
    "ง่ะ ชอบเบนซ์มากกว่านะ" มิร่าก็เล่นด้วยซะงั้น
    "เฮ้อเธอนี่นะ ความจริงได้รับคำสั่งให้มารับเจ้าหญิงซาดิสม์กลับไปน่ะ" แคปตอบ
    "มารับหรอแล้วเซจิล่ะ?" หญิงสาวถามกลับ
    "แยกกันหาเธอน่ะ ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่มันกว้างนะ" แคปบอกเพื่อนสาวที่กำลังลงมือเล่นกับเหยื่อต่อ
    "อืม...รู้สิก็ฉันสำรวจดูแล้วนี่" มิร่าพูดพรางเฉือนโทโบชิผู้โชคร้ายต่อ
    "เอิ่ม......ไปกันเถอะ เดี๋ยวตึกก็จะรัเบิดแล้ว"แคปเตือนเพื่อนสาวพร้อมหันหน้าไปทางอื่น ถึงเขาจะฆ่าคนได้แต่สภาพแบบนี้มันน่าสะอิดสะเอียนจนเกินไปล่ะมั้ง
    "อื้อ ก็ได้" มิร่าตอบด้วยน้ำเสียงสดใสบนไสซื่อ แล้วเดินนำออกไป
    "เฮ้อ....." แคปหันมามองโทโบชิอีกครั้งด้วยใบหน้าอะสิดอะเอียนยิ่งกว่าเห็นศพหมาเน่า แล้วตัดสินใจเก็บมีดที่ตกอยู่ปาดคอหมอวัยกลางคนซะให้หใดลมหายใจเพื่อจะไม่ได้ทรมาณ






    ด้านนอก 




               ประตูตึกร้างถูกเปิดออกพร้อมร่างทั้งสองร่างของมิร่าและแคปพากันวิ่งออกมา ด้านนอกคนอื่นๆในกลุ่มต่างออกมาหมดแล้ว


    "เซจิ!!!" มิร่าเรียกชื่อชายร่างสูงแล้วกระโดดเข้าไปกอด
    "ไง สนุกไหมล่ะวันนี้" เซจิถามมิร่าเหมือนพี่ฃายถามน้องสาวที่เพิ่งไปทัศนศึกษา
    "สวดยอด" มิร่ายิิ้มพรางยกนิ้วโป้ง
    "ไปตกถังเลือดมารึไงน่ะ" เอเรียสพูดพรางมองสะภาพมิร่า
    "เปล่า ในนั้นไม่เห็นมีสักใบ" มิร่าตอบยิ้มๆแล้วส่งสายตาหาเรื่องไปให้เอเรียส
    "นี่หล่อน" แกะแดงเอเรียสก็ไม่ต้องหน้าจะเข้าไปต่อยกับสุภาพสตรีผู้ไม่รู้จักคำว่าสุภาพ
    "นี่พวกนายพอได้แล้ว" เซจิรีบห้ามปราม

    "พวกนายมาทันเวลาพอดีเลย" เชสบอกเพื่อนสองคนที่เพิ่งตามมาทีหลัง
    "อีก1นาทีจะถึงเวลาละเบิดแล้วล่ะ" เอไนท์พูกพรางหาที่นั้งวิวดีพร้อมชมเหตุการณ์ต่อไป
    "หือ? โชคดีอะไรอย่างนี้" แคปพูดแล้วมองไปที่ตึก
    "ว่าแต่ไอ้คิวเบย์ตัวไหนมันเป็นคนทำฟะ" แคปพูดแล้วหันไปมองเพื่อนสองคนของตน
    "มัน" ทั้งเชสและเอไนท์ต่างพร้อมกันชี้ไปที่อีกคน
    "แล้วไปทำท่าไหนกันล่ะ ถึงจุดระเบิดได้แล้วยังจะจุดเก็บอสูรนั้นมันอะไร?" เซจิหันไปถามเพื่อนรุ่นน้องของตน
    "ก....ก็แบบว่า" เอไนท์พูดตะกุกตะกักแล้วยิ้มแห้ง ส่วนเชสทำท่าจะอวกอีกครั้งหลังจากถึงถึงไอ้ห้องข้างล่างนั้น
    "เฮ่ยเป็นไร แพ้ท้อง?" แคปถามชายหนุ่มผมเขียวเพื่อนของตน
    "บ้านแกสิวะไอ้บ้า" เชสเมื่อได้ยินเพื่อนพูดก็ประเคนฝ่าเท้างามๆให้แคป
    "5....4....." เอเรียสที่ดูนาฬิกาข้อมือของตนอยู่พูดขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่ตึก
    "3..........." ทุกคนใจจดใจจ่อที่ตึกร้าง
    "....2......." มิร่าแสยะยิ้มเล็กๆ ส่วนคนอื่นๆจับจ้องกันไม่วางตา
    "ระบบทำลายตัวเองเกิดปัญหาผิดพลาด เกิดปัญหาผิดพลาด แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด" เสียงประกาศดังขึ้นมา ทำเอาต่างคนต่างล้มระเนระนาด
    "ว่าไงนะ?" เอเรียสพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
    "ชิ...นาเสียดาย เป็นเพราะนายนับนั้นแหล่ะเอเรียส" มิร่าพูดกล่าวโทษเอเรียส
    "อะไรนะ ฉันผิด? แค่นับมันผิดตรงไหนยัยบ้า" ด้วยความโมโหเอเรียสจึงปาระเปิดใส่ตึกร้าง 

    ตูม!!!!


    ตูม ตูม ตูม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


    เอเรียสปาระเบิดเข้าไปในตึก ระเบิดของเอเรียสโดนวงจรณ์ระเบิดทำลายตัวเองของตึกแล้วก็บู้มมมมมเกิดเป็นช็อคโกแลต เอ๊ยไม่ใช่ๆ ตึกก็ระเบิดอย่างที่เห็น


    ".........." ไร้คำพูดใดๆจากทุกคน
    "อ....อ่า ยังไงมันก็ระเบิดสำเร็จแล้วล่ะนะ พวกเรากลับกันเถอะครับ" เอไนท์ที่ตั้งสติได้พูดขึ้น
    "อืม กลับกันเถอะ" เซจิพูดขึ้นแล้วเรียกรถมารับ
    "อย่างแรก หาเสื้อผ้าให้ยัยนี่เปลี่ยนก่อนดีกว่า" เอเรียสพูดแล้วเดินตามเซจิไป
    "ชุดแบบนี้ก็แนวดีออก" มิร่าพูด
    "แนวโรคจิตน่ะสิ เลือดอาบนะเฟ่ย" เอเรียสพูด
    "ฮะๆๆๆๆ" แล้วทุกคนก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



    ____________________________________________________________________________



    ในที่สุดก็เสร็จตอนที่สองTwT สารภาพว่าเครียดอยู่นานกับการบรรยายศพ
    คิดออกแต่ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้ทุกคนนึกภาพออกง่ะ
    ขอโทษที่อัพช้าค่ะ จะพยายามอัพเรื่อยๆ

    รูปตัวละครกำลังอยู่ในช่วงวาดอยู่ มิร่า เอเรียส เสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือเซจิ พีริส

    ต้องการตำแหน่งฮันเตอร์เพิ่มค่ะ อย่างที่บอกถ้าไรท์ยังไม่ลงว่ามีใครได้ตำแหน่งแล้วบ้างสามารถสมัครตำแหน่งซ้ำกันได้ไรท์อยากดูของหลายๆคนแล้วเลือกเอา ส่วนใครไม่ติดก็ไม่เป็นไร ยังไงก็อาจเอามาใส้ในบทอื่นแทน








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×