คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #51 : บทที่ 48 :: ทาร์ทารัส
บทที่ 48 ทาร์ทารัส
กร วิล แชง ลากเท้าไปบนพื้นทรายที่ว่างเปล่า ขอบฟ้าเริ่มปรากฏสีแดงเรื่อเรืองบ่งบอกว่าดวงอาทิตย์กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า
เขาเดินมานานเท่าไหร่แล้ว?...
นั่นเป็นคำถามที่เขาเองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่พอเขาฟื้นมาอีกที เครสก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว... เขาไม่เหลือแรงพอที่จะบินกลับไป แต่ต่อให้ต้องคลานไป เขาก็ต้องกลับไปบอกเร...
ดวงตาของเด็กหนุ่มพร่าลงเมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่...
เพื่อที่จะพบกับภาพของใครบางคนยืนอยู่เบื้องหน้าเสี้ยวตะวันที่กำลังโผล่พ้นขึ้นมาจากผืนทรายทีละนิด...
บุคคลที่ทำให้กร วิล แชงต้องหยันรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าโดยเฉพาะยามเมื่อดวงตาสีเหลืองของอีกฝ่ายจ้องตรงมาทางเขาก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ แล้วเจ้าชายครึ่งอสูรก็เอ่ยคำทัก
“ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ...”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
“นี่มันนานเกินไปแล้วนะ” ซันเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม เขาพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเป็นรอบที่ห้า ก่อนที่ดวงตาสีเหล็กจะทอดมองไปทางผืนทรายว่างเปล่าเบื้องหน้า ผิดกับใครบางคนที่นั่งหลับตาพิงโคนต้ยปาล์มทะเลทรายอยู่อย่างสงบนิ่ง
“กี่โมงแล้วน่ะ?” เมเดินเข้ามาถาม สีหน้าของเธองัวเงียเหมือนยังไม่ตื่นดี ก่อนที่ร่างบางๆจะนั่งลงข้างซัน จ้องมองกองไฟที่เริ่มมอดแล้วอย่างเลื่อนลอย
“ตีห้าสิบห้า” เด็กหนุ่มตอบเรียบ
“เครสมารึยัง?”
“ยัง”
คำตอบของซันดูเหมือนจะทำให้เมตาสว่างได้ทันที
“อะไรนะ? นี่ไปกันตั้งแต่สองทุ่มเมื่อวาน กรบอกว่าจะกลับมาก่อนเช้าไม่ใช่หรอ? เมว่านี่มันนานจนผิดปกติแล้วล่ะ”
“ใจเย็นๆน่า อาจจะไม่มีอะไรก็ได้” เรเอ่ยเรียบทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น เมฟังคำของเด็กหนุ่มแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากเถียงอะไรกลับออกไป คนข้างๆเธอก็ลุกพรวด
“ซัน...อะไร?”
“กร” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเครียดก่อนจะพาตัวเองเข้าไปหาคนสองคนตรงหน้า...
คนหนึ่งที่เขาจำได้แม่นว่าต้องเป็นกร กำลังนั่งมาบนหลังของม้าสีทรายตัวหนึ่ง ในขณะที่ม้าอีกสี่ตัวกำลังควบด้วยความรวดเร็วไล่ตามมา เขาเห็นเลาๆว่าชายอีกคนที่กำลังบังคับม้าเหล่านั้นเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ก่อนที่ม้าทั้งหลายจะหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเขา
“นายน้อย ถึงแล้วครับ” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยเรียบ ดวงตาสีเหลืองจ้องมองมาทางซัน เรือนผมสีเงินยาวระบ่าล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดของเขาให้ดูขาวขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เขากระโดดจากหลังมาลงมายืนบนพื้นทรายอย่างนิ่มนวลก่อนจะช่วยประคองร่างผู้เป็นนายลงมาจากหลังม้าอย่างระมัดระวัง
“กร!” เมร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นบาดแผลบนร่างของเพื่อน ก่อนที่เธอจะปราดเข้าไปประคองเขาไว้
“นายเป็นใคร?” คำถามเอ่ยเรียบเป็นของเรที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างซันตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความระแวดระวัง
“ใจเย็นก่อนเร หมอนี่ชื่อเดย์วอ เป็นองครักษ์ของฉันเอง” กร วิล แชงเอ่ยพลางเบ้หน้าด้วยความเจ็บ “ฉันรับปากว่าเขาจะไม่ทำอันตรายพวกแก”
“ก็ตราบใดที่นายน้อยยังปรารถนาเช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจขัดได้” เดย์วอเอ่ยก่อนจะโค้งกายลง “สหายของนายน้อยก็เปรียบเสมือนสหายของข้า...ข้าจะไม่ทำร้ายท่านดังที่นายน้อยสั่ง”
“กร ไปทำแผลก่อนไหม?” เมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเลือดสีเขียวของเจ้าตัวไม่มีท่าว่าจะหยุดไหลเลยสักนิด แต่เด็กหนุ่มโบกมือปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรหรอก... ฉันมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้จะบอกพวกแก” กรเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ไปตามทุกคนมาเดี๋ยวนี้เลย!”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
หลังจากที่กรเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบ ทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้ความเคร่งเครียด
“จะให้รีบเดินทางไปช่วยเครสตอนนี้ก็ไม่ได้ซะด้วย อาการของเจยังไม่ดีขึ้นซักเท่าไหร่เลย” หลินเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม
“ไม่ เราจะรอไม่ได้” จิ้งเอ่ยเสียงเรียบ “เราต้องแบ่งทีมแล้วล่ะ คนที่จะไปน่าจะราวๆสี่ห้าคน ไม่เกินนั้น เพราะถ้าคนยิ่งเยอะก็ยิ่งช้า”
“แล้วก็ขอคนที่มีฝีมือด้วย เพราะทางนั้นเราจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้” กรเสริม
“ถ้างั้น เร พอล หลิน ทั้งสามคนไปเตรียมตัวได้เลย” จิ้งเอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาด ทว่ารายชื่อคนที่ไปนั้นกลับทำให้พอลเลิกคิ้ว
“ผมขอค้าน” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกให้สายตาของจิ้งหันมามองเป็นเชิงถามเหตุผล “ผมไปกับเรสองคนก็น่าจะพอ ให้พี่หลินอยู่ที่นี่ก็ได้”
พอลยังคงคุมสีหน้าให้เป็นปกติอย่างที่สุดแม้ว่าในใจเขาจะรู้สึกเจ็บปวดสักแค่ไหน... ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้หลินไป แต่การที่เธอต้องมาอยู่คั่นกลางระหว่างเขากับเรคงเป็นอะไรที่ลำบากใจมาก และเขาเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้น...
เขาไม่อยากให้เธอทุกข์ใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว...
“แต่หลินจะไป” คำพูดของเจ้าตัวที่พอลประหลาดใจจนต้องหันไปมองหน้าหญิงสาว แววตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยแห่งความลังเลแม้แต่น้อย “ถ้าหากว่าคนที่ไปน้อยเกินไปแล้วโดนโจมตีขึ้นมาไม่ยิ่งแย่หรอ? เราต้องไปช่วยเครสให้ได้นะ เครสเป็นเพื่อนของหลิน เพราะงั้นถ้ามีอะไรที่หลินทำได้ หลินก็จะทำ” เจ้าตัวเอ่ยหนักแน่นก่อนที่ดวงตาสีนิลจะเหลือบมามองทางเขา ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะหลุบลงต่ำมีแววเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง
“ถ้างั้นผมอยากให้ทั้งสามคนออกเดินทางเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จะขัดข้องไหมเดย์วอ”
“ยิ่งไปเร็วก็ยิ่งดี ข้าว่าเราไม่ควรจะทิ้งเธอไว้นานนัก... ทาร์ทารัสเป็นที่ที่อันตรายสำหรับมนุษย์” เดย์วอพูดเรียบๆ
“งั้นเราก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่า” เรเอ่ยเครียด
“แล้วจะไปกันยังไง?” ทรายเอ่ยถาม เรียกให้คนนำทางหันมาตอบนิ่งๆ
“ข้าเตรียมม้าทะเลทรายมา”
“เดี๋ยว เดย์วอ... ต้องเหลือม้าอีกตัวนึงใช่ไหม?” กรเอ่ยถาม ในขณะที่เดย์วอหันมาพยักหน้ารับเล็กน้อย “ถ้างั้นก็หาคนไปอีกคนสิ” ถ้อยคำเสนอของคนเจ็บเรียกให้คณะทูตมองหน้ากันก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยคำ
“มีใครในที่นี้เล่นดนตรีเป็นบ้างรึเปล่า?”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ที่นี่ที่ไหนกัน?...
คำถามในใจดังขึ้นก่อนจะพบว่าสภาพเธอตอนนี้ถูกจับมัดมือไพล่หลังแถมยังมีผ้าปิดปาก เธอกำลังนอนอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบของสถานที่แห่งหนึ่ง
ดวงตาสีทองกวาดมองไปรอบห้องขณะใช้ความคิด หลังจากที่เธอเห็นกรหมดสติไป พวกนั้นก็ทำให้เธอสลบแล้วก็คงพามาที่นี่
เสียงก่อกแก่กดังขึ้นที่ประตู เครสรีบหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ มีคนกำลังเดินเข้ามา ฟังจากน้ำเสียงแล้วเป็นผู้ชายสองคนกำลังคุยกันด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจ พวกนั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพลิกตัวเธอขึ้นเธอรู้สึกว่าเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้
“ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว จะลืมตาขึ้นมาเองหรือจะให้ข้าช่วย?” เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะจนเครสจำต้องลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าใบหน้าของชายหนุ่มคนสั่งอยู่ใกล้เพียงคืบ
“ฟังภาษากลางออกนี่นา เจ้ามาจากไหนรึ?” เขาเอ่ยคำถามทว่ากลับยิ่งโน้มใบหน้าต่ำลงมากว่าเดิมจนเครสต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนี
“อ้อ! ใช่สินะ เจ้าจะพูดได้ยังไงกันในเมื่อมีผ้าปิดปากอยู่แบบนี้...” เขากระซิบก่อนจะฝโน้มริมฝีปากลงบนแก้มขาวๆแล้วคาบดึงผ้าปิดปากให้หลุดลงมา ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ
ผู้ชายคนนี้จงใจแกล้งเธอชัดๆ!
เครสตวัดสายตาโกรธเกรี้ยวมองชายหนุ่ม ดวงตาสีเหลืองที่บ่งบอกว่าเขาเป็ฯครึ่งอสูรยังคงฉายประกายขบขัน
“พูดไม่ได้? หรือว่าปากแห้งเกินไป งั้นข้าช่วยเปิดปากให้เจ้าดีไหม?”
“ฉันกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปเลยดีกว่า ถ้านายทำแบบนั้น” เครสกระซิบขู่ ดวงตาสีทองบ่งบอกชัดว่าขยะแขยงคนตรงหน้าเต็มที่
“อย่าได้มากำแหงกับข้า...” ชายคนนั้นบีบกรามเธอแน่น ใบหน้ายังคงฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “เจ้าถูกขายมาให้ข้าแล้ว เจ้าคือสิ่งของของข้า ข้าจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้”
“ขายงั้นหรอ?” สีหน้าของหญิงสาวส่อแววประหลาดใจก่อนที่ชายร่างสูงจะช้อนร่างบางขึ้นไว้ในวงแขนแล้วหันไปพูดกับชายอีกคนที่ยืนเงียบอยู่อย่างกระอักกระอ่วน เขาพูดด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจคำทัดทานของเธอเลยสักนิด
“น...นี่ นายจะพาฉันไปไหน? แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน? แล้วนายเป็นใคร?” คำถามเป็นชุดที่ใบหน้าคมคายนั่นเลิกคิ้ว ก่อนจะค่อยๆตอบทีละคำถาม
“ข้ากำลังจะพาเจ้าไปที่ห้องของเจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ทาร์ทารัส แล้วข้า... ชื่อคาอิล แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?”
เครสนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบเสียงค่อย “ลูเครเซีย ไนเจลล์...เรียกเครสก็ได้” เธอเอ่ยก่อนจะรีบถามต่อ
“แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“ทาสพวกนั้นจับเจ้าได้ แล้วก็เลยเอามาขายให้ข้า เจ้าคงเป็นพวกกองคาราวานสินะ... หลงเข้ามาที่นี่แล้วก็โดนพวกนั้นจับได้ เห็นพวกนั้นบอกว่ามีครึ่งอสูรมากับเจ้าด้วย” เขาเอ่ยโดยไม่มองหน้าเธอ
“นั่นเป็นเพื่อนฉัน พวกเราดินทางมาด้วยกัน ฉันต้องกลับไปหาพวกเขา
” คำเอ่ยของเรสถูกเสียงหัวเราะของคาอิลกลบจนมิด ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาวก่อนจะเอ่ยถ้อยคำ
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปห้องข้า” คำพูดของเขาทำให้เธอหน้าขึ้นสีแดงจัดก่อนจะเริ่มดิ้นขลุกขลัก
“ไอ้...ไอ้คนบ้า! ไอ้ลามก! ไอ้วิปริต! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! ฉันจะฆ่านายคอยดูสิ!”
“ขอบคุณที่ชม” คาอิลยิ้มรับน้อยๆปล่อยให้หญิงสาวดิ้นขลุกขลักต่อไปในอ้อมกอด เขาเดินมาจนถึงประตูไม้บานใหญ่ก่อนจะถีบประตูให้เปิดออกดังโครมเบ้อเร่อ แล้วร่างสูงก็ก้าวเข้าไป
“ท่านคาอิล!” เสียงร้องเรียกของหญิงสาวนับสิบคนที่อยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยจนคนมองยังรู้สึกอายแทนพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่พวกเธอจะพาตัวเองเข้ามาเกาะแกะชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยังคงอุ้มเธออยู่... แต่ดูเหมือนว่าสาวๆพวกนั้นจะยังไม่ทันได้สังเกตเห็นเธอ
เครสเหลือบมองคาอิลด้วยความประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อว่าหมอนี่จะมีเสน่ห์ขนาดผู้หญิงรุมตอมมากมายขนาดนี้ แต่พอดูดีๆ แล้วเขาก็เข้าขั้นหล่อเลยทีเดียว เรือนผมสีดำสนิทถูกซอยไล่เรื่อยลงมาตามแนวลำคอขับผิวสีแทนให้ดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าคมคายได้รูปถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ยิ้มเลยก็ตามแต่ก็ยังดูดี ติดก็ตรงดวงตาสีเหลืองที่ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าคนๆนี้เป็นครึ่งอสูร...
“พวกเจ้าออกไปไกลๆได้ไหม ผู้หญิงของข้าหายใจไม่ออก” ถ้อยคำที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของชัดเรียกให้ดวงตาสีทองตวัดมามองดุ ก่อนที่ม๊อบสาวๆจะค่อยขยายตัวออก หญิงสาวแต่ละคนหันมามองเธอด้วยสายตาไม่พอใจชัด
“คาอิล ท่านจะมีคนใหม่นี่ข้าไม่ว่าหรอกนะ... เพราะปกติรสนิยมในการเลือกผู้หญิงของท่านก็ดีอยู่แล้ว แต่คราวนี้ข้าไม่รู้ว่าท่านโดนหลอกมาหรือยังไง แม่เด็กกะโปโลตัวผมกระหร่องนั่นน่ะเหรอคือนางบำเรอคนใหม่ของท่าน”
ถ้อยคำที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูกนั่นยิ่งจุดเพลิงโทสะให้กับคนฟัง คิ้วเรียวกระตุกด้วยความหงุดหงิดจัดก่อนที่เจ้าตัวจะขยับรอยยิ้มเหี้ยม นึกอยากเอาคืนแม่สาวพวกนี้ให้เจ็บแสบอย่างที่สุด
“ฉันไม่ได้เป็นนางบำเรอ ต่ำต้อย ไร้ค่า อย่างที่พวกเธอเข้าใจหรอกนะ อีกอย่าง...ฉันก็ไม่ได้อดอยากปากแห้งขนาดต้องมาแย่งผู้ชายคนเดียวกันกับพวกเธอหรอก แบบนี้แถวบ้านฉันมันเหมือนอะไรน้า...อ๋อ! เขาเรียกว่ารุมกันเหมือนแร้งทึ้งศพ เอ๊ะ! แต่อย่างพวกเธอเนี่ยจะมีปัญญารู้จักรึเปล่านะว่าแร้งหน้าตาเป็นยังไง... ถ้าไม่รู้จักก็ลองส่องกระจกดูแล้วกัน”
สิ้นคำเอ่ยของเครสความเงียบก็เข้าปกคลุมทุกชีวิต ก่อนที่บรรดานางบำเรอทั้งหลายจะกรีดร้องด้วยความโมโห หลายคนเดินเข้ามาจะทำร้ายเธอ ทว่าเพียงแค่พวกหล่อนเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าวเสียงประกาษิตของคาอิลก็หยูดพวกเธอไว้ก่อน
“ออกไปให้หมด เดี๋ยวนี้” คำสั่งเอ่ยเรียบยากจะขัด สาวๆพวกเลยนั้นได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“รู้ไหมว่าการเป็นศัตรูกับผู้หญิงของข้าน่ะ ถึงตายได้เชียวนะ”
“คิดว่าจะกลัวรึไง? มือก็มีเท้าก็มี อย่างคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ง่ายๆ” คำตอบของเจ้าหล่อนเรียกรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของคนฟัง ก่อนที่เขาจะหัวเราะลั่นออกมาอย่างไม่ปิดบังสักนิด
“นี่! นายหัวเราะอะไรน่ะ!” เครสเอ่ยเสียงเขียว จนชายหนุ่มหยุดหัวเราะ
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนของข้าเป็นแบบเจ้ามาก่อน แปลกดีข้าชอบ”
“งั้นหรอ แต่ฉันเกลียดนาย”
คำสวนของหญิงสาวที่เรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่มให้ดังขึ้นอีกคราก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วโยนร่างเธอลงอย่างไม่ปรานีปราศรัย
“จ...จะทำอะไรน่ะ” เครสเอ่ยด้วยความตระหนก เมื่อร่างสูงตามขึ้นมาคร่อมเธอก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้
“ก็ทำให้เจ้าชอบข้าไง...” สิ้นคำนั้นริมีปากของชายหนุ่มก็โน้มลงประทับจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว เครสได้แต่ดิ้นขลุกขลัก นึกเจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือสองข้างยังโดนจับมัดไพล่หลัง เธอพยายามจะถอนริมฝีปากหนีแต่มือแกร่งที่บีบกรามเธออยู่ก็ไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจได้ง่ายๆ สุดท้ายแล้วความกลัว กับความเจ็บใจก็เอ่อท้น หยาดน้ำตาไหลร่วงลงมาเป็นสายอย่างมิอาจจะกลั้น ชายหนุ่มที่รู้สึกได้ถึงเสียงสะอื้นเบาๆในลำคอถึงได้ถอนริมผีปากออกในที่สุด
“นี่เจ้าซาบซึ้งขนาดร้องไห้เลยรึไง?” คำถามที่ส่งออกไปกลับได้แววตาชิงชังขยะแขยงมาเป็นคำตอบ
“ฉันเกลียดนาย... ไม่ว่านายจะทำยังไงฉันก็จะเกลียดนาย จะเกลียดไปจนวันตาย
” คำพูดขาดช่วงลงด้วยเสียงสะอื้นหยาดน้ำตาพร่างพรูบนใบหน้าหวาน จนต้นเหตุของน้ำตาชักรู้สึกผิด
“นี่... เลิกร้องไห้โวยวายสักที ข้าไม่ใช่คนใจโหดขนาดจะบังคับเจ้าหรอกนะ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “ข้าจะแก้มัดให้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ” เครสเหลือบมองด้วยความระแวดระวังนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าเรียบๆ ชายหนุ่มถึงได้ดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่งแล้วแก้มัดให้
“แล้วเรื่องกองคาราวานที่มากับเจ้าน่ะ ลืมไปซะเถอะ พวกนั้นจะไม่เดินทางย้อนกลับมาตามตัวเจ้าหรอก ยิ่งกองเดินทางที่มีพวกครึ่งอสูรคอยคุมแบบนั้น เจ้าน่าจะดีใจที่หนีออกมาได้มากกว่า” ชายหนุ่มเอ่ยเรียบก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอ
“ช่างฉันเถอะน่า นายไม่ต้องมายุ่งหรอก” เครสปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะถูข้อมือที่เป็นรอยแดงช้ำ ทว่าคาอิลกลับดึงมือเธอมาดูใกล้ๆ เขาประคองมือเธออย่างทะนุถนอมราวกับเป็นเครื่องแก้วที่บอบบาง
“เพราะว่าดิ้นมากถึงได้เป็นแบบนี้ เดี๋ยวสองสามวันก็หาย ข้าว่าตอนนี้เจ้านอนพักซะก่อนเถอะ” เครสพยักหน้ารับห่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้า เธอถึงได้ไม่อยากจะต่อปากต่อคำเขาไปมากกว่านี้ เปลือกตาบางใกล้จะปรือปิดแต่คิ้วเรียวก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของแขนแกร่งที่โอบเธอเข้ามาแนบแผ่นอกกว้าง
“ปล่อยนะ!” เธอยื่นคำขาด แต่ชายหนุ่มกลับทำไม่รู้ไม่ชี้
“ปล่อยก็ได้ แต่ข้าจะทำมากกว่านี้...” คำตอกกลับที่ฉุดอารมณ์โมโหให้พุ่งพรวด แต่ครั้นจะดื้อก็กลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ร่างบางถึงได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอแล้วพลิกตัวกลับหันหลังให้อีกฝ่ายแต่ก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดแต่โดยดี
เพียงครู่เดียวคาอิลก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจผ่อนคลายของอีกฝ่ายเขาชะโงกหน้าดูคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะพบว่าเธอผล็อยหลับไปแล้ว
“เจ้าเป็นคนที่แปลกจริงๆ... ลูเครเซีย ไนเจลล์” เขากระซิบก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างบางแล้วเอนตัวลงนอนตามเดิม โดยที่ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าเปลือกตาของคนที่เขาคิดว่าหลับสนิทกลับค่อยๆปรือเปิดขึ้นแช่มช้า...
หยาดน้ำตาไหลร่วงลงมาพร้อมกับคำขอเดียวที่ดังก้องในใจ
ได้โปรดรีบมาทีเถอะ...เร...
ความคิดเห็น