ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Of Heaven :: สงครามล้างพันธุ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #51 : บทที่ 48 :: ทาร์ทารัส

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 102
      0
      17 ก.ย. 50

    บทที่ 48 ทาร์ทารัส

     

                    กร วิล แชง ลากเท้าไปบนพื้นทรายที่ว่างเปล่า ขอบฟ้าเริ่มปรากฏสีแดงเรื่อเรืองบ่งบอกว่าดวงอาทิตย์กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

     

                    เขาเดินมานานเท่าไหร่แล้ว?...

     

                    นั่นเป็นคำถามที่เขาเองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่พอเขาฟื้นมาอีกที เครสก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว... เขาไม่เหลือแรงพอที่จะบินกลับไป แต่ต่อให้ต้องคลานไป เขาก็ต้องกลับไปบอกเร...

     

                    ดวงตาของเด็กหนุ่มพร่าลงเมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่...

     

                    เพื่อที่จะพบกับภาพของใครบางคนยืนอยู่เบื้องหน้าเสี้ยวตะวันที่กำลังโผล่พ้นขึ้นมาจากผืนทรายทีละนิด...

     

                    บุคคลที่ทำให้กร วิล แชงต้องหยันรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าโดยเฉพาะยามเมื่อดวงตาสีเหลืองของอีกฝ่ายจ้องตรงมาทางเขาก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ แล้วเจ้าชายครึ่งอสูรก็เอ่ยคำทัก

     

                ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ...

     

                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

                    นี่มันนานเกินไปแล้วนะ ซันเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม เขาพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเป็นรอบที่ห้า ก่อนที่ดวงตาสีเหล็กจะทอดมองไปทางผืนทรายว่างเปล่าเบื้องหน้า ผิดกับใครบางคนที่นั่งหลับตาพิงโคนต้ยปาล์มทะเลทรายอยู่อย่างสงบนิ่ง

     

                    กี่โมงแล้วน่ะ? เมเดินเข้ามาถาม สีหน้าของเธองัวเงียเหมือนยังไม่ตื่นดี ก่อนที่ร่างบางๆจะนั่งลงข้างซัน จ้องมองกองไฟที่เริ่มมอดแล้วอย่างเลื่อนลอย

     

                    ตีห้าสิบห้าเด็กหนุ่มตอบเรียบ

     

                    เครสมารึยัง?

     

                    ยัง

     

                    คำตอบของซันดูเหมือนจะทำให้เมตาสว่างได้ทันที

     

                    อะไรนะ? นี่ไปกันตั้งแต่สองทุ่มเมื่อวาน กรบอกว่าจะกลับมาก่อนเช้าไม่ใช่หรอ? เมว่านี่มันนานจนผิดปกติแล้วล่ะ

     

                    ใจเย็นๆน่า อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เรเอ่ยเรียบทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่อย่างนั้น เมฟังคำของเด็กหนุ่มแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากเถียงอะไรกลับออกไป คนข้างๆเธอก็ลุกพรวด

     

                    ซัน...อะไร?

     

                    กร เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเครียดก่อนจะพาตัวเองเข้าไปหาคนสองคนตรงหน้า...

     

                    คนหนึ่งที่เขาจำได้แม่นว่าต้องเป็นกร กำลังนั่งมาบนหลังของม้าสีทรายตัวหนึ่ง ในขณะที่ม้าอีกสี่ตัวกำลังควบด้วยความรวดเร็วไล่ตามมา เขาเห็นเลาๆว่าชายอีกคนที่กำลังบังคับม้าเหล่านั้นเป็นคนที่เขาไม่รู้จัก ก่อนที่ม้าทั้งหลายจะหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเขา

     

                    นายน้อย ถึงแล้วครับ เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยเรียบ ดวงตาสีเหลืองจ้องมองมาทางซัน เรือนผมสีเงินยาวระบ่าล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดของเขาให้ดูขาวขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เขากระโดดจากหลังมาลงมายืนบนพื้นทรายอย่างนิ่มนวลก่อนจะช่วยประคองร่างผู้เป็นนายลงมาจากหลังม้าอย่างระมัดระวัง

     

                    กร!” เมร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นบาดแผลบนร่างของเพื่อน ก่อนที่เธอจะปราดเข้าไปประคองเขาไว้

     

                    นายเป็นใคร? คำถามเอ่ยเรียบเป็นของเรที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างซันตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยคมกริบจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความระแวดระวัง

     

                    ใจเย็นก่อนเร หมอนี่ชื่อเดย์วอ เป็นองครักษ์ของฉันเอง กร วิล แชงเอ่ยพลางเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ฉันรับปากว่าเขาจะไม่ทำอันตรายพวกแก

     

                    ก็ตราบใดที่นายน้อยยังปรารถนาเช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจขัดได้ เดย์วอเอ่ยก่อนจะโค้งกายลง สหายของนายน้อยก็เปรียบเสมือนสหายของข้า...ข้าจะไม่ทำร้ายท่านดังที่นายน้อยสั่ง

     

                    กร ไปทำแผลก่อนไหม? เมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเลือดสีเขียวของเจ้าตัวไม่มีท่าว่าจะหยุดไหลเลยสักนิด แต่เด็กหนุ่มโบกมือปฏิเสธ

     

                    ไม่เป็นไรหรอก... ฉันมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้จะบอกพวกแก กรเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียด

     

                ไปตามทุกคนมาเดี๋ยวนี้เลย!”

     

                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

                    หลังจากที่กรเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบ ทุกคนก็ตกอยู่ภายใต้ความเคร่งเครียด

     

                    จะให้รีบเดินทางไปช่วยเครสตอนนี้ก็ไม่ได้ซะด้วย อาการของเจยังไม่ดีขึ้นซักเท่าไหร่เลย หลินเอ่ยด้วยความกลัดกลุ้ม

     

                    ไม่ เราจะรอไม่ได้ จิ้งเอ่ยเสียงเรียบ เราต้องแบ่งทีมแล้วล่ะ คนที่จะไปน่าจะราวๆสี่ห้าคน ไม่เกินนั้น เพราะถ้าคนยิ่งเยอะก็ยิ่งช้า

     

                    แล้วก็ขอคนที่มีฝีมือด้วย เพราะทางนั้นเราจะเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ กรเสริม

     

                    ถ้างั้น เร พอล หลิน ทั้งสามคนไปเตรียมตัวได้เลย จิ้งเอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาด ทว่ารายชื่อคนที่ไปนั้นกลับทำให้พอลเลิกคิ้ว

     

                    ผมขอค้าน เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกให้สายตาของจิ้งหันมามองเป็นเชิงถามเหตุผล ผมไปกับเรสองคนก็น่าจะพอ ให้พี่หลินอยู่ที่นี่ก็ได้

     

                    พอลยังคงคุมสีหน้าให้เป็นปกติอย่างที่สุดแม้ว่าในใจเขาจะรู้สึกเจ็บปวดสักแค่ไหน... ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้หลินไป แต่การที่เธอต้องมาอยู่คั่นกลางระหว่างเขากับเรคงเป็นอะไรที่ลำบากใจมาก และเขาเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้น...

     

                    เขาไม่อยากให้เธอทุกข์ใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว...

     

                    แต่หลินจะไป คำพูดของเจ้าตัวที่พอลประหลาดใจจนต้องหันไปมองหน้าหญิงสาว แววตาคู่นั้นไม่มีร่องรอยแห่งความลังเลแม้แต่น้อย ถ้าหากว่าคนที่ไปน้อยเกินไปแล้วโดนโจมตีขึ้นมาไม่ยิ่งแย่หรอ? เราต้องไปช่วยเครสให้ได้นะ เครสเป็นเพื่อนของหลิน เพราะงั้นถ้ามีอะไรที่หลินทำได้ หลินก็จะทำ เจ้าตัวเอ่ยหนักแน่นก่อนที่ดวงตาสีนิลจะเหลือบมามองทางเขา ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะหลุบลงต่ำมีแววเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง

     

                    ถ้างั้นผมอยากให้ทั้งสามคนออกเดินทางเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จะขัดข้องไหมเดย์วอ

     

                    ยิ่งไปเร็วก็ยิ่งดี ข้าว่าเราไม่ควรจะทิ้งเธอไว้นานนัก... ทาร์ทารัสเป็นที่ที่อันตรายสำหรับมนุษย์ เดย์วอพูดเรียบๆ

     

                    งั้นเราก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่า เรเอ่ยเครียด

     

                    แล้วจะไปกันยังไง? ทรายเอ่ยถาม เรียกให้คนนำทางหันมาตอบนิ่งๆ

     

                    ข้าเตรียมม้าทะเลทรายมา

     

                    เดี๋ยว เดย์วอ... ต้องเหลือม้าอีกตัวนึงใช่ไหม? กรเอ่ยถาม ในขณะที่เดย์วอหันมาพยักหน้ารับเล็กน้อย ถ้างั้นก็หาคนไปอีกคนสิ ถ้อยคำเสนอของคนเจ็บเรียกให้คณะทูตมองหน้ากันก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยคำ

     

                มีใครในที่นี้เล่นดนตรีเป็นบ้างรึเปล่า?

     

                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

                    ที่นี่ที่ไหนกัน?...

     

                คำถามในใจดังขึ้นก่อนจะพบว่าสภาพเธอตอนนี้ถูกจับมัดมือไพล่หลังแถมยังมีผ้าปิดปาก เธอกำลังนอนอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบของสถานที่แห่งหนึ่ง

     

                    ดวงตาสีทองกวาดมองไปรอบห้องขณะใช้ความคิด หลังจากที่เธอเห็นกรหมดสติไป พวกนั้นก็ทำให้เธอสลบแล้วก็คงพามาที่นี่

     

                    เสียงก่อกแก่กดังขึ้นที่ประตู เครสรีบหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ มีคนกำลังเดินเข้ามา ฟังจากน้ำเสียงแล้วเป็นผู้ชายสองคนกำลังคุยกันด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจ พวกนั้นเดินเข้ามาใกล้เธอ ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพลิกตัวเธอขึ้นเธอรู้สึกว่าเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้

     

                    ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นแล้ว จะลืมตาขึ้นมาเองหรือจะให้ข้าช่วย? เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะจนเครสจำต้องลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่าใบหน้าของชายหนุ่มคนสั่งอยู่ใกล้เพียงคืบ

     

                    ฟังภาษากลางออกนี่นา เจ้ามาจากไหนรึ? เขาเอ่ยคำถามทว่ากลับยิ่งโน้มใบหน้าต่ำลงมากว่าเดิมจนเครสต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนี

     

                    อ้อ! ใช่สินะ เจ้าจะพูดได้ยังไงกันในเมื่อมีผ้าปิดปากอยู่แบบนี้... เขากระซิบก่อนจะฝโน้มริมฝีปากลงบนแก้มขาวๆแล้วคาบดึงผ้าปิดปากให้หลุดลงมา ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ

     

                    ผู้ชายคนนี้จงใจแกล้งเธอชัดๆ!

     

                    เครสตวัดสายตาโกรธเกรี้ยวมองชายหนุ่ม ดวงตาสีเหลืองที่บ่งบอกว่าเขาเป็ฯครึ่งอสูรยังคงฉายประกายขบขัน

     

                    พูดไม่ได้? หรือว่าปากแห้งเกินไป งั้นข้าช่วยเปิดปากให้เจ้าดีไหม?

     

                    ฉันกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปเลยดีกว่า ถ้านายทำแบบนั้น เครสกระซิบขู่ ดวงตาสีทองบ่งบอกชัดว่าขยะแขยงคนตรงหน้าเต็มที่

     

                    อย่าได้มากำแหงกับข้า... ชายคนนั้นบีบกรามเธอแน่น ใบหน้ายังคงฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เจ้าถูกขายมาให้ข้าแล้ว เจ้าคือสิ่งของของข้า ข้าจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้

     

                    ขายงั้นหรอ? สีหน้าของหญิงสาวส่อแววประหลาดใจก่อนที่ชายร่างสูงจะช้อนร่างบางขึ้นไว้ในวงแขนแล้วหันไปพูดกับชายอีกคนที่ยืนเงียบอยู่อย่างกระอักกระอ่วน เขาพูดด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจคำทัดทานของเธอเลยสักนิด

     

                    น...นี่ นายจะพาฉันไปไหน? แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน? แล้วนายเป็นใคร? คำถามเป็นชุดที่ใบหน้าคมคายนั่นเลิกคิ้ว ก่อนจะค่อยๆตอบทีละคำถาม

     

                    ข้ากำลังจะพาเจ้าไปที่ห้องของเจ้า ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ทาร์ทารัส แล้วข้า... ชื่อคาอิล แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?

     

                    เครสนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบเสียงค่อย ลูเครเซีย ไนเจลล์...เรียกเครสก็ได้ เธอเอ่ยก่อนจะรีบถามต่อ

     

                    แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?

     

                    ทาสพวกนั้นจับเจ้าได้ แล้วก็เลยเอามาขายให้ข้า เจ้าคงเป็นพวกกองคาราวานสินะ... หลงเข้ามาที่นี่แล้วก็โดนพวกนั้นจับได้ เห็นพวกนั้นบอกว่ามีครึ่งอสูรมากับเจ้าด้วยเขาเอ่ยโดยไม่มองหน้าเธอ

     

                    นั่นเป็นเพื่อนฉัน พวกเราดินทางมาด้วยกัน ฉันต้องกลับไปหาพวกเขา…” คำเอ่ยของเรสถูกเสียงหัวเราะของคาอิลกลบจนมิด ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาวก่อนจะเอ่ยถ้อยคำ

     

                    ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปห้องข้า คำพูดของเขาทำให้เธอหน้าขึ้นสีแดงจัดก่อนจะเริ่มดิ้นขลุกขลัก

     

                    ไอ้...ไอ้คนบ้า! ไอ้ลามก! ไอ้วิปริต! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! ฉันจะฆ่านายคอยดูสิ!”

     

                    ขอบคุณที่ชม คาอิลยิ้มรับน้อยๆปล่อยให้หญิงสาวดิ้นขลุกขลักต่อไปในอ้อมกอด เขาเดินมาจนถึงประตูไม้บานใหญ่ก่อนจะถีบประตูให้เปิดออกดังโครมเบ้อเร่อ แล้วร่างสูงก็ก้าวเข้าไป

     

                    ท่านคาอิล!” เสียงร้องเรียกของหญิงสาวนับสิบคนที่อยู่ในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยจนคนมองยังรู้สึกอายแทนพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่พวกเธอจะพาตัวเองเข้ามาเกาะแกะชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยังคงอุ้มเธออยู่... แต่ดูเหมือนว่าสาวๆพวกนั้นจะยังไม่ทันได้สังเกตเห็นเธอ

     

                    เครสเหลือบมองคาอิลด้วยความประหลาดใจ ไม่น่าเชื่อว่าหมอนี่จะมีเสน่ห์ขนาดผู้หญิงรุมตอมมากมายขนาดนี้ แต่พอดูดีๆ แล้วเขาก็เข้าขั้นหล่อเลยทีเดียว เรือนผมสีดำสนิทถูกซอยไล่เรื่อยลงมาตามแนวลำคอขับผิวสีแทนให้ดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าคมคายได้รูปถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ยิ้มเลยก็ตามแต่ก็ยังดูดี ติดก็ตรงดวงตาสีเหลืองที่ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าคนๆนี้เป็นครึ่งอสูร...

     

                    พวกเจ้าออกไปไกลๆได้ไหม ผู้หญิงของข้าหายใจไม่ออกถ้อยคำที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของชัดเรียกให้ดวงตาสีทองตวัดมามองดุ ก่อนที่ม๊อบสาวๆจะค่อยขยายตัวออก หญิงสาวแต่ละคนหันมามองเธอด้วยสายตาไม่พอใจชัด

     

                    คาอิล ท่านจะมีคนใหม่นี่ข้าไม่ว่าหรอกนะ... เพราะปกติรสนิยมในการเลือกผู้หญิงของท่านก็ดีอยู่แล้ว แต่คราวนี้ข้าไม่รู้ว่าท่านโดนหลอกมาหรือยังไง แม่เด็กกะโปโลตัวผมกระหร่องนั่นน่ะเหรอคือนางบำเรอคนใหม่ของท่าน

     

                    ถ้อยคำที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูกนั่นยิ่งจุดเพลิงโทสะให้กับคนฟัง คิ้วเรียวกระตุกด้วยความหงุดหงิดจัดก่อนที่เจ้าตัวจะขยับรอยยิ้มเหี้ยม นึกอยากเอาคืนแม่สาวพวกนี้ให้เจ็บแสบอย่างที่สุด

     

                    ฉันไม่ได้เป็นนางบำเรอ ต่ำต้อย ไร้ค่า อย่างที่พวกเธอเข้าใจหรอกนะ อีกอย่าง...ฉันก็ไม่ได้อดอยากปากแห้งขนาดต้องมาแย่งผู้ชายคนเดียวกันกับพวกเธอหรอก แบบนี้แถวบ้านฉันมันเหมือนอะไรน้า...อ๋อ! เขาเรียกว่ารุมกันเหมือนแร้งทึ้งศพ เอ๊ะ! แต่อย่างพวกเธอเนี่ยจะมีปัญญารู้จักรึเปล่านะว่าแร้งหน้าตาเป็นยังไง... ถ้าไม่รู้จักก็ลองส่องกระจกดูแล้วกัน

     

                    สิ้นคำเอ่ยของเครสความเงียบก็เข้าปกคลุมทุกชีวิต ก่อนที่บรรดานางบำเรอทั้งหลายจะกรีดร้องด้วยความโมโห หลายคนเดินเข้ามาจะทำร้ายเธอ ทว่าเพียงแค่พวกหล่อนเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าวเสียงประกาษิตของคาอิลก็หยูดพวกเธอไว้ก่อน

     

                    ออกไปให้หมด เดี๋ยวนี้ คำสั่งเอ่ยเรียบยากจะขัด สาวๆพวกเลยนั้นได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

     

                    รู้ไหมว่าการเป็นศัตรูกับผู้หญิงของข้าน่ะ ถึงตายได้เชียวนะ

     

                    คิดว่าจะกลัวรึไง? มือก็มีเท้าก็มี อย่างคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ง่ายๆ คำตอบของเจ้าหล่อนเรียกรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของคนฟัง ก่อนที่เขาจะหัวเราะลั่นออกมาอย่างไม่ปิดบังสักนิด

     

                    นี่! นายหัวเราะอะไรน่ะ!” เครสเอ่ยเสียงเขียว จนชายหนุ่มหยุดหัวเราะ

     

                    ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนของข้าเป็นแบบเจ้ามาก่อน แปลกดีข้าชอบ

     

                    งั้นหรอ แต่ฉันเกลียดนาย

     

                    คำสวนของหญิงสาวที่เรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่มให้ดังขึ้นอีกคราก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วโยนร่างเธอลงอย่างไม่ปรานีปราศรัย

     

                    จ...จะทำอะไรน่ะ เครสเอ่ยด้วยความตระหนก เมื่อร่างสูงตามขึ้นมาคร่อมเธอก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้

     

                    ก็ทำให้เจ้าชอบข้าไง... สิ้นคำนั้นริมีปากของชายหนุ่มก็โน้มลงประทับจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว เครสได้แต่ดิ้นขลุกขลัก นึกเจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เพราะมือสองข้างยังโดนจับมัดไพล่หลัง เธอพยายามจะถอนริมฝีปากหนีแต่มือแกร่งที่บีบกรามเธออยู่ก็ไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจได้ง่ายๆ สุดท้ายแล้วความกลัว กับความเจ็บใจก็เอ่อท้น หยาดน้ำตาไหลร่วงลงมาเป็นสายอย่างมิอาจจะกลั้น ชายหนุ่มที่รู้สึกได้ถึงเสียงสะอื้นเบาๆในลำคอถึงได้ถอนริมผีปากออกในที่สุด

     

                    นี่เจ้าซาบซึ้งขนาดร้องไห้เลยรึไง? คำถามที่ส่งออกไปกลับได้แววตาชิงชังขยะแขยงมาเป็นคำตอบ

     

                    ฉันเกลียดนาย... ไม่ว่านายจะทำยังไงฉันก็จะเกลียดนาย จะเกลียดไปจนวันตาย…” คำพูดขาดช่วงลงด้วยเสียงสะอื้นหยาดน้ำตาพร่างพรูบนใบหน้าหวาน จนต้นเหตุของน้ำตาชักรู้สึกผิด

     

                    นี่... เลิกร้องไห้โวยวายสักที ข้าไม่ใช่คนใจโหดขนาดจะบังคับเจ้าหรอกนะ ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ข้าจะแก้มัดให้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะทำตัวดีๆเครสเหลือบมองด้วยความระแวดระวังนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าเรียบๆ ชายหนุ่มถึงได้ดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่งแล้วแก้มัดให้

     

    แล้วเรื่องกองคาราวานที่มากับเจ้าน่ะ ลืมไปซะเถอะ พวกนั้นจะไม่เดินทางย้อนกลับมาตามตัวเจ้าหรอก ยิ่งกองเดินทางที่มีพวกครึ่งอสูรคอยคุมแบบนั้น เจ้าน่าจะดีใจที่หนีออกมาได้มากกว่า ชายหนุ่มเอ่ยเรียบก่อนจะนั่งลงข้างๆเธอ

     

    ช่างฉันเถอะน่า นายไม่ต้องมายุ่งหรอก เครสปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะถูข้อมือที่เป็นรอยแดงช้ำ ทว่าคาอิลกลับดึงมือเธอมาดูใกล้ๆ เขาประคองมือเธออย่างทะนุถนอมราวกับเป็นเครื่องแก้วที่บอบบาง

     

    เพราะว่าดิ้นมากถึงได้เป็นแบบนี้ เดี๋ยวสองสามวันก็หาย ข้าว่าตอนนี้เจ้านอนพักซะก่อนเถอะเครสพยักหน้ารับห่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้า เธอถึงได้ไม่อยากจะต่อปากต่อคำเขาไปมากกว่านี้ เปลือกตาบางใกล้จะปรือปิดแต่คิ้วเรียวก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของแขนแกร่งที่โอบเธอเข้ามาแนบแผ่นอกกว้าง

     

    ปล่อยนะ!” เธอยื่นคำขาด แต่ชายหนุ่มกลับทำไม่รู้ไม่ชี้

     

    ปล่อยก็ได้ แต่ข้าจะทำมากกว่านี้... คำตอกกลับที่ฉุดอารมณ์โมโหให้พุ่งพรวด แต่ครั้นจะดื้อก็กลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ร่างบางถึงได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอแล้วพลิกตัวกลับหันหลังให้อีกฝ่ายแต่ก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดแต่โดยดี

     

    เพียงครู่เดียวคาอิลก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจผ่อนคลายของอีกฝ่ายเขาชะโงกหน้าดูคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะพบว่าเธอผล็อยหลับไปแล้ว

     

    เจ้าเป็นคนที่แปลกจริงๆ... ลูเครเซีย ไนเจลล์ เขากระซิบก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างบางแล้วเอนตัวลงนอนตามเดิม โดยที่ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าเปลือกตาของคนที่เขาคิดว่าหลับสนิทกลับค่อยๆปรือเปิดขึ้นแช่มช้า...

     

    หยาดน้ำตาไหลร่วงลงมาพร้อมกับคำขอเดียวที่ดังก้องในใจ

     

    ได้โปรดรีบมาทีเถอะ...เร...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×