คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : บทที่ 45 :: เทพธิดาแห่งความตาย
บทที่ 45 เทพธิดาแห่งความตาย
ร่าบบางๆนั่งหลับพิงอกเขาอยู่ตรงหน้ากองไฟในแคมป์ หลังจากที่เจ้าหล่อนไปถ่ายเลือดให้พี่เจจนถึงขีดขำกัดที่ร่างกายจะรับได้ ใจจริงเขาก็อยากให้เธอไปนอนในเตนท์สบายๆ แต่ไอ้ที่จู่ๆก็มานั่งพิงเขาแล้วหลับไปซะเฉยๆอย่างนี้มันก็ทำเอาเขาไม่รู้จะจัดการกับเจ้าหล่อนยังไงดี สุดท้ายก็เลยได้แต่ปล่อยให้นอนไปทั้งอย่างนั้น...
เสียงเปลวไฟปะทุดังประเปรียะ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลลอบมองเสี้ยงหน้าของคนหลับก่อนจะแย้มรอยยิ้มน้อยๆ...
เขาพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู... ตีสามแล้ว อีกเพียงสองชั่วโมง ดวงอาทิตย์ก็จะมาเยือนผืนทรายที่อ้างว้างแห้งแล้งแห่งนี้...
“นั่งด้วยคนได้ไหม?” เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้นทรายอย่างถือวิสาสะ
“แล้วซันล่ะ?” พอลบีเอ่ยถามเด็กหนุ่มอีกคนที่ควรจะ เฝ้ายามอยู่เป็นเพื่อนเร
“มันไปอยู่กับกร” เด็กหนุ่มตอบเรียบ แต่เป็นคำตอบที่ทำให้คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะมองไปยังโคนต้นปาล์มทะเลทรายห่างออกไป เงารางๆของเด็กหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนว่ากำลังนั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น ไม่ผิดแปลกไปจากแต่ก่อน แม้ว่าฝ่ายหนึ่งจะถูกจับมัดตกอยู่ในสภาพจำเลยก็ตาม
เรที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจความคิดของพอลดีถึงได้เอ่ยคำ
“ปล่อยมันไปเถอะ ตอนนี้ก็ยังเรียกได้ว่ามีเวลาอยู่ หลังจากนี้ไปมันคงไม่ได้คุยกันแบบนี้แล้ว...”
“แล้วทำไมถึงได้หลบไปคุยกันซะไกลถึงตรงนั้นล่ะ?” พอลเอ่ยถาม ดวงตาสีม่วงจ้องมองมายังเด็กหนุ่มคู่สนทนาด้วยความสงสัย ก็เห็นว่าเมื่อตอนค่ำมันยังนั่งอยู่ข้างกองไฟอยู่ดีๆ ตอนนี้กลับระเห็จไปอยู่โน่น
“คงเพราะมีตัวปัญหาล่ะมั้ง?” เรเอ่ยพลางแย้มรอยยิ้มขบขัน ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะทอดมองลงมายังตัวปัญหาที่ว่าที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง แววตาอ่อนโยนอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็นปรากฏอยู่ในดวงตาคู่สวย มือแกร่งโอบร่างบางๆไว้แนบกายราวกับไม่อยากจะให้ห่าง
พอลแย้มรอยยิ้มน้อยกับภาพตรงหน้า
“คบกันแล้วสินะ เร็วกว่าที่คิดนะเนี่ย” คำกระเซ้ากลั้วหัวเราะของพอลเรียกให้เรหน้าแดงก่ำก่อนจะกระแอมไอเป็นทำนองว่าแก้เขิน
“อย่าเลย ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้หรอก จะมีชีวิตรอดกลับไปได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย
” ถ้อยคำที่ทำให้ดวงตาของคนพูดฉายแววอาทรต่อหญิงสาวในอ้อมกอด ก่อนที่รอยยิ้มเศร้าแสนอ่อนโยนจะปรากฏบนใบหน้าเพียงครู่ก่อนจะจจางหายไป
“แล้วนี่คนอื่นล่ะ?” เรเอ่ยถาม
“ไปนอนกันหมดแล้ว เหลือแต่พี่จิ้งที่อยู่เฝ้าพี่เจ” คู่สนทนาตอบเรียบ
ชั่วครู่หนึ่งที่เด็กหนุ่มทั้งสองปล่อยให้ความเงียบงันทิ้งตัวลงรายล้อม ดวงตาสองคู่จ้องมองเปลวไฟที่ปะทุอยู่ในกองเพลิงตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“นายคิดยังไงกับหลิน?” พอลเอ่ยคำถามทำลายความเงียบขึ้นมาในที่สุด ทั้งๆที่ดวงตาสีม่วงยังคงจ้องมองลงไปในปลวไฟเบื้องหน้า
“คงจะประทับใจล่ะมั้ง?” เรเอยตอบทั้งๆที่ดวงตายังฉายรอยประหลาดใจที่จู่ๆ พอลบีก็มาถามเขาเรื่องนี้
“งั้นหรอ...” น้ำเสียงที่ไม่แสดงถึงความยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้น ยิ่งทำให้คิ้วของคนฟังขมวดมุ่น แต่ไอ้ครั้นจะเอ่ยปากถามก็คิดว่าคนตรงหน้ามันก็คงไม่พูดออกมาง่ายๆ
“แล้วนายคิดว่าเราจะรอดกลับไปเฮฟเว่นไหม?” พอลหันหน้ามาสบตาเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าครุ่นคิอยู่พักหนึ่งก่อนเอ่ยตอบ
“จุดประสงค์หลักของพวกเราคือมาเจรจาสงบศึกไม่ใช่หรอ? ก็คงต้องทำให้สำเร็จ”
“แล้วคิดว่ามันจะสำเร็จรึเปล่า?” คำถามที่เรียกรอยยิ้มเครียดขึ้นบนใบหน้าของเร
“มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก... อย่างน้อยฉันก็ไม่คิดว่ามอนเดโอนั่นจะปล่อยเราไปง่ายๆ นี่มันเป็นสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ การที่คนกลุ่มเล็กๆกลุ่มเดียวจะหยุดสงครามได้โดยไม่สูญเสียอะไรไปเลยมันคงเป็นไปไม่ได้” ดวงตาคู่สวยเหม่อมองดวงดาวบนฟากฟ้า รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความกังวลใจฉายอยู่บนดวงหน้าคมคาย “แต่ไม่ว่ายังไง...ฉันมีสัญญาที่จะต้องทำตาม... ฉันมีคนที่ต้องปกป้อง มีคนที่ฉันจะไม่ยอมเสียไปเด็ดขาด แม้ว่าจะแลกด้วยชีวิตก็ตาม...”
“แต่มีเพียงส่งเดียวที่ฉันไม่อาจจะให้สัญญากับใครได้ นั่นก็คืออนาคต... อนาคตที่จะได้อยู่เคียงข้างกัน...ตอนนี้... ณ วินาทีนี้ ที่ฉันยังมีลมหายใจ ฉันจะปกป้องคนๆนั้นด้วยทุกสิ่งที่ฉันมี ฉันจะให้เธอทุกสิ่งที่ฉันไขว่คว้าได้ แต่มีเพียงอย่างเดียวที่ฉันให้เธอไม่ได้นั่นคืออนาคต... และนั่นคงเป็นสิ่งที่เธอปราถนาที่สุดจากฉัน”
“ไม่ใช่นายที่ไม่มีอนาคตหรอกเร...” พอลเอ่ยค้านเสียงเรียบ “คนที่ไม่สามารถจะปรารถนาอนาคตที่สงบสุขได้ไม่ใช่นายหรอก แต่เป็นคนที่อยู่ในอ้อมแขนนายนั่นต่างหากล่ะ...” ดวงตาสีม่วงหันมามองร่างบางๆที่ยังคงหลับสนิท ไม่รับรู้ถึงอะไรทั้งสิ้น...
เทพธิดาแห่งความตายที่ไม่อาจจะล่วงรู้อนาคตของตัวเองได้เลยแม้สักนิด...
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้ามาพร้อมกับอาบย้อมปุยเมฆให้เป็นสีแดงเลือดที่ดูน่าสมเพช... กร วิล แชง ยิ้มหยันให้ตัวเองก่อนจะหรี่ตาลงมองม่านฟ้าที่เปลี่ยนสิพร้อมกับความคิดในใจที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ตัวเขาตอนนี้อ่อนแอเสียยิ่งกว่าอะไรดี...ปกติเชือกแค่นี้ไม่มีทางเอาเขาอยู่ แต่ตอนนี้แม้แต่ลุกขึ้นยืนเขายังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำได้...มันน่าเจ็บใจนัก...
แต่ที่ทำให้เขาเจ็บกว่า คงไม่ใช่ความอ่อนแอของตัวเอง... แต่เป็นสายตาของคนที่แม้อต่ตอนนี้เขาก็ยังเชื่อว่าพวกมันเป็น ‘เพื่อน’
สายตาที่แสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง และความเศร้าเสียใจที่เขากลายเป็นผู้ทรยศ...
เด็กหนุ่มยิ้มขื่น... ก็จะไม่ให้คิดไปแบบนั้นได้ยังไง เพราะแม้แต่จุดประสงค์ที่เขาเข้าหาคนพวกนี้ก็ไม่ใช่เพราะโชคชะตาหรืออะไรเล่นตลก ถึงแม้เขาจะทำอะไรตามใจตัวเอง แต่มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เขาทำตามหน้าที่... โดยเฉพาะกับนางฟ้าเสือดสังหารคนนั้น ที่เขาหลอกเธอมาเจ็ดปีเต็มๆ คนที่เขาชอบเรียกมันว่าคู่หู ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้หญิง...
“คิดอะไรอยู่ล่ะนาย?” เสียงของใครบางคนดังขึ้น เรียกให้ดวงตาสีแสดเบือนกลับไปมอง
“นี่เธอ... ช่วยกรุณาเรียกให้มันเท่าเทียมกันหน่อยได้ไหม? ทีไอ้เรกับไอ้ซันน่ะคำสองคำก็พี่ แล้วทำไมมาเรียกฉันห้วนๆแบบนี้ล่ะ?” คำประท้วงที่สิชาไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
“นายน่ะ...อยู่ได้อีกไม่นานหรอกนะ...” คำเปรยของเจ้าหล่อนเรียกรอยยิ้มให้ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าอิดโรยของกร
“แหงสิ! ใครเขาปล่อยให้ไส้ศึกนั่งตาใสอยู่ในกองทัพก็โง่เต็มประดาแล้วล่ะ”
“แล้วไส้ศึกที่มีโอกาสฆ่าคนตั้งไม่รู้กี่ครั้งแต่ไม่ทำเนี่ยคงจะโง่กว่าเนอะ นายว่ามั้ย?” ถ้อยคำประชดประชันพร้อมรอยยิ้มหวานบนใบหน้าขาว ทำให้กร วิล แชง หัวเราะออกมาน้อยๆ
“ฉันไม่ได้ถูกส่งมาฆ่าใครซะหน่อย แค่ไอ้พ่อบ้านั่นสั่งให้ฉันคอยจับตาดูพวกเธอไว้ แล้วก็ไม่ต้องรายงานอะไรให้ฟัง ทีแรกก็สงสัยอยู่ว่าตาแก่นั่นให้ทำแบบนี้ไปทำไม แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว” กรเอ่ยตอบเรียบ ดวงตาสีแสดเหม่อมองออกไปที่สุดปลายฟ้า
“เข้าใจว่าไง?” สิชาเอ่ยถามซ้ำเรียกให้ดวงตาสีแสดเบือนกลับมามอง เพียงครู่เดียวที่ดวงตาคู่นั้นฉายรอยเจ็บปวดก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาดังเดิม
“พ่อต้องการให้ฉันตกอยู่ในสภาพนี้ เป็นการสอนให้ฉันรู้ว่าคนที่เฮฟเว่นเป็นยังไง แล้วก็อยากให้ฉันสิ้นหวังแล้วฆ่าทุกคนด้วยมือฉันเอง... พูดง่ายๆก็คือ พ่อหวังจะให้พวกเธอเป็นเครื่องบูชายัญสังเวยให้กับราชาแห่งครึ่งอสูรคนต่อไปอย่างฉันไงล่ะ”
สิชานิ่งอึ้งไปกับความจริงที่ได้รับจากปากเด็กหนุ่ม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามขึ้นเบาๆ
“พ่อนายทำถึงขนาดนั้นเชียวหรอ? นายเป็นลูกชายแท้ๆของเขานะ...”
“หึ... คนอย่างหมอนั่นไม่เคยรักใคร ที่ยอมให้ฉันเกิดขึ้นมาก็เพื่อจะวางแผนอะไรสักอย่าง... ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เพราะว่าหมอนั่นเป็นอมตะอยู่แล้ว จะต้องการทายาทไปทำไม? เขาไม่ได้ต้องการให้ฉันขึ้นเป็นราชาจริงๆหรอก...”
“แล้วรู้อย่างนี้นายจะเอาไงต่อไป?” เด็กสาวนั่งลงให้ใบหน้าของเธออยู่ในระดับเดียวกับเขา
“ก็คงไม่เอาไงหรอก ฉันเป็นพวกลูกอกตัญญู ไม่ค่อยทำตามที่พ่อสั่ง... เขาสั่งให้ฆ่าพี่เจกับไอ้เครสมันต้องนานแล้วก็ไม่ทำ ขืนกลับไปคงโดนพ่อฉีกเป็นชิ้นๆแน่ ถ้าเป็นงั้นสู้โดนพวกเธอฆ่าดีกว่า...”
“นี่นายจะบ้ารึไง?!” สิชาตวาดเสียงดังลั่น “ใครเขาอยากให้นายตายกันล่ะ!”
ถ้อยคำของเจ้าหล่อนเรียกให้คนฟังเลิกคิ้วมองเธอด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ...ฉันไม่ได้หมายความว่ายังงั้น...” ร่างบางๆลุกพรวดแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อซ่อนดวงหน้าที่แดงก่ำ “นายน่ะอาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้ อย่างน้อยนายก็น่าจะรู้จักเส้นทางที่ไปหาพ่อนาย แล้วพวกเราก็จะจับนายเป็นตัวประกันต่อรองเผื่อเจรจาไม่สำเร็จไงล่ะ!”
“งั้นเหรอ...” กรเอ่ยเรียบดวงตาสีแสดพราวระยับส่อแววขบขัน
“ก็ใช่น่ะสิ...” เสียงของสิชาอ่อนลงมีแววคล้ายลังเลใจเล็กน้อยก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตส่อแววประหม่าเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยต่อ
“นาย...กินเลือดฉันก็ได้นะ
” ถ้อยคำที่คนฟังเบิกตากว้างก่อนจะตีหน้าเครียด
“ไม่”
“ทำไมล่ะ? หรือนายจะยอมอดตาย เพราะไม่อยากตกเป็นเชลยให้พวกเรา?”
“เปล่า มันไม่ใช่อย่างนั้น...” วินาทีนี้สีหน้าของเด็กหนุ่มส่อเค้าลำบากใจ “เธอเข้าใจอาการของคนขาดน้ำไหม? เวลาที่กระหายต่อให้ดื่มเท่าไรก็ไม่พอ... มันก็เหมือนกัน ฉันอาจจะยั้งตัวเองไม่อยู่จนเผลอฆ่าเธอไปก็ได้
”
ถ้อยคำของเด็กหนุ่มทำให้สิชาชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะแย้มรอยยิ้มเครียด
“ไหนว่าตัวเองเป็นคนทรยศไง... จะมาสนใจอะไรฉัน?”
กรอ้าปากเหมือนจะเถียงอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีแล้วทำหน้าเหมือนยอมแพ้
“ตกลงๆ ฉันจะกินเลือดเธอก็ได้ แต่เกิดตายไปก็อย่ามาโทษแล้วกัน”
สิชานิ่งอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวแล้วหลับตาปี๋ นึกภาพว่าเขาคงจะแยกเขี้ยวออกแล้วกัดเข้าที่ลำคอของเธอเหมือนอย่างที่เธอเคยเห็นในหนังผีดูดเลือด
“นี่เธอ จะมานั่งหลับอะไรตรงนี้ แก้เชือกสิ จะให้ฉันยืดคอไปงับเธอรึไง?” ถ้อยคำของกร วิล แชง ทำให้เธอสสะดุ้ง ก่อนจะนึกด่าตัวเองในใจว่าลืมไปไง สิชาหยิบเอามีดพกอันเล็กๆออกจากในเสื้อแล้วลงมือตัดเชือกให้เด็กหนุ่มเป็นอิสระ
กรลูบคลำข้อมือที่โดนมัดไว้จนเป็นรอยแดงก่อนจะบ่นพึมพำๆว่าเรต่างๆนานาไปพักหนึ่งก่อนจะหันมาเห็ฯท่าทีประดักประเดิดของสาวน้อยที่ยืนตัวแข็งทื่อ เหมือนไม่รู้ว่าจะทำยังไง
“นี่ แม่คุณ ไม่ต้องรู้สึกเป็นเกียรติขนาดนั้นก็ได้ อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันจะงับคอดูดเลือดเหมือนพวกผีดิบในหนังไร้สาระพวกนั้นน่ะ”
สิชาทำหน้าเหวอก่อนจะกระแอมไอเป็นเชิงวางฟอร์ม
“ป...เปล่าสักหน่อย”
“นั่งลงสิ” กรเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม ใบหน้าคมคายไม่ได้ฉายประกายขบขันเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป สิชาค่อยๆทรุดเข่าลงนั่งตรงหน้าเขา
“ยื่นมือมา” คำสั่งเอ่ยเรียบ ก่อนที่ข้อมือขาวๆจะถูกยกขึ้นมาตรงหน้า กรใช้ปลายนิ้วสัมผัสลงตรงชีพจรที่เต้นรัวเร็ว ก่อนลากนิ้วหาตำแหน่งที่เป็นเส้นเลือดทว่าอยู่ห่างพอที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อจุดชีพจรของเธอ เขารู้สึกได้ว่ามือเล็กๆนั้นเย็นเฉียบ
“มีมีดใช่ไหม? ถ้ารู้สึกหน้ามืดเมื่อไหร่ก็ให้เอามีดแทงฉันทันทีเลยนะ แทงจุดสำคัญๆอย่างตาหรือไม่ก็ซอกคอ... ไม่ต้องห่วงด้วยว่าฉันจะเป็นอะไรไป เพราะครึ่งอสูรอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอก” กรเอ่ยคำ ในขณะที่สิชาพยักหน้ารับน้อยๆแล้วหลับตาลง นิ้วสากของเขายังแตะลงบนตำแหน่งชีพจร เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดลงบนข้อมือ แต่น่าแปลก...เธอกลับค่อยๆสงบลงอย่างประหลาด...
วินาทีที่คมเขี้ยวฝังลึกลงในข้อมือบางๆ เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด เธอรู้สึกได้ว่าเลือดในกายกำลังน้อยลงเรื่อยๆ เพียงไม่นานดวงตาก็พร่าพราย
“กร...กร...” สิชาเรียกเสียงแผ่ว พยายามสะบัดหัวไล่ความมึนงง
“พอได้แล้ว...” ร่างบางๆของสิชาล้มลงไปกองกับพื้นทรายพอดีกับที่กรถอยคมเขี้ยวออกจากข้อมือ มือหยาบกดแผลปากแผลตรงข้อมือไว้ไม่ให้เลือดไหล ในขณะที่ปลายนิ้วสัมผัสดูชีพจรก่อนที่เจ้าตัวจะถอนลมหายใจออกมาด้วยควาโล่งอก
“นอนไม่พอล่ะสิท่า... ฉันยังกินไปไม่ถึงขีดจำกัดเลยด้วยซ้ำ” กรเปรยเบาๆก่อนจะแย้มรอยยิ้มเศร้าแล้วยกเอาศีรษะของเธอขึ้นมาวางไว้บนตัก มืออีกข้างจับปอยผมขึ้นมาทัดหูให้แล้วลูบผมเธอเบาๆ พร้อมกับโน้มลงไปกระซิบถ้อยคำเบาๆข้างหูของคนที่ไม่มีทางได้ยิน
ขอบคุณ...
------------------------------------------------------------------
ปล. หลินคิดไปถึงไหนเนี่ย 555+++ ที่ว่าเสียน่ะ หมายถึงเสียเลือดให้กรตะหาก > <
ความคิดเห็น