ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Of Heaven :: สงครามล้างพันธุ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ 25 :: เรือสำราญ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 83
      0
      5 มิ.ย. 49

                    ตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ในขณะที่แต่ละคนแยกย้ายกันไปทำเรื่องส่วนตัว บนดาดฟ้าเรือถึงได้ดูร้างผู้คนเช่นนี้...

                    หลินเหม่อมองเส้นขอบฟ้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มอย่างแช่มช้า ความมืดกำลังคืบคลานเข้าจับทุกสรรพสิ่ง แต่แสงอาทิตย์ยังคงส่องประกายให้เห็นอยู่รำไรตามกลีบเมฆ

                    เธอไล้สายตาจากแผ่นน้ำไปยังแผ่นฟ้า พินิจดูหมู่เมฆทุกก้อน มองนกทุกตัว ซึมซับเอาแสงอาทิตย์สุดท้ายที่ลับลาไปราวกับจะให้มันช่วยล้างความมืดหม่นในดวงตาสีนิลคู่นั้น ไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยว่ามีใคร... ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างหลัง...

                    เรยังคงยืนเงียบ สายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวเบื้องหน้าที่เหม่อมองไปไกลสุดขอบฟ้า เขากำลังจะตายเพราะจนด้วยคำพูด ยิ่งนึกถึงคำพูดของพอลที่ถามเมื่อบ่ายนี้ลำคอของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะตีบตันเอาดื้อๆ

                    "มีอะไรหรอ?" หลินเอ่ยถามก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา เอวบางพิงอยู่กับราวโลหะขอบเรือ เรียวปากบางคลี่รอยยิ้มที่แทบจะฆ่าผู้ชายทุกคนในโลกที่ได้มองให้ขาดลมหายใจตายเหมือนกับที่เรกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้

                    "เอ่อ เปล่า..." เรกอดอกก่อนจะก้มหน้าพลางยกมือข้างหนึ่งมานวดหัวคิ้ว แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนั้นยิงส่งผลให้หลินทีความสนใจขึ้นเป็นพิเศษ

                    "ปวดหัวเหรอ? ตากลมมากเกินไปรึเปล่า? ไปนอนพักสิ" หลินก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะทาบมือลงบนหน้าผาก แต่ยังไม่ทันที่สัมผัสนั้นจะถึงตัวมือกร้านของเด็กหนุ่มก็คว้าข้อมือของเธอออกมาซะก่อน ดวงตาสีน้ำทะเลฉายแววตระหนกเล็กๆแต่แล้วก็เปลี่ยนกลับเป็นนิ่งสนิท...

                    ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบเมื่อเรเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ ดวงตาคู่นั้นเหมือนจะดูดเธอลงไปในวังวนแห่งความรู้สึกที่ประดังประเดกันเข้ามาจนแยกไม่ออก...

                    เสียงหัวใจของเขากำลังเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นแววตระหนกบนใบหน้าเธอ ก่อนที่ร่างบางจะก้าวถอยสะดุดกับขาเก้าอี้ผ้าใบ และเหมือนสัญชาตญาณ... เขาเอื้อมมือรั้งเอวบางเข้ามาอยู่ในอ้อมอกท่ามกลางเสียงอุทานเบาๆของเธอ

                    มือทั้งสองของหลินทาบอยู่บนไหล่เขา รู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วแรงกว่าปกติ ความอุ่นจากอ้อมแขนส่งผ่านเข้ามาถึงร่างของเธอ ดวงตาของทั้งคู่ยังคงสบมองกันราวต่างฝ่ายต่างถูกตรึงไว้...

                    "ขอโทษนะ..." หลินเอ่ยทำลายความเงียบก่อนจะเป็นฝ่ายดันร่างสูงออกห่าง

                    "ไม่เป็นไร... งั้น ผมขอตัวก่อนนะ" เรเอ่ยเรียบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับก้าวออกไปด้วยท่าทีเร่งรีบ ปล่อยให้หลินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง...

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

                    "หิวๆๆๆๆๆๆ!!!"

    คำประท้วงดังลั่นจากปาก 'ผู้อาวุโส' ที่สุดบนเรือ เรียกให้พอลขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะถอนหายใจ... จะบ่นว่ารำคาญก็ไม่ได้ เพราะไอ้คำนั้นเขาเองก็อยากพูดเหมือนกัน

    "พอล! หาอะไรให้ผมกินหน่อยสิ" สายตาเว้าวอนเหมือนลูกหมาที่ส่งมาให้ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มขนลุกเกรียว... ก็ถ้าเป็นสาวๆหรือถ้าเป็นลูกหมาลูกแมวที่ไหนทำมันก็คงจะน่ารักดีอยู่หรอก แต่นี่มัน...

    "เอ่อ... ผมจะลองไปยืมครัวเขาดูแล้วกันนะพี่จิ้ง" เจ้าตัวเกาหัวเก้อๆก่อนจะรีบหลบฉากออกมาจากห้อง รู้สึกเสียวสันหลังวูบๆยังไงก็ไม่รู้ที่ดันเลือกมานอนห้องเดียวกับเฮียแก ดีไม่ดีตื่นมาพรุ่งนี้เขาอาจจะถูก...

    ....................

    ...คิดแล้วก็สยอง!!!

    "เฮ้ พอลมาทำอะไรแถวนี้น่ะ?"

    เสียงเรียกที่ดังจากข้างหลังทำเอาพอลสะดุ้งน้อยๆก่อนจะหันมาพบกับตัวต้นเหตุที่ยืนตีหน้ายุ่งอยู่ตรงหน้า

    "เอ้อ... ว่าไงหรอเครส"

    "เปล่า ก็ไม่ได้ว่าไง เห็นยืนหน้าซีดๆ นึกว่านายไม่สบายน่ะ" เจ้าหล่อนตอบก่อนจะขยับมือยกผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกอย่างลวกๆทั้งที่ผมนั้นยาวลงมาจนปิดสะโพกในชุดนอนปาจามาเก่าๆตัวนั้น

    "แล้วคนอื่นๆล่ะ?" พอลเอ่ยถามพลางสาวเท้าไปตามระเบียงแคบๆ โดยมีเครสเดินคู่ไปเป็นเพื่อน

    "อ๋อ... พี่ทรายกับเมกำลังรออาบน้ำอยู่ กรกับซันรู้สึกจะลงไปดูห้องเครื่องข้างล่างนี่แหละ ที่เหลือก็ไม่รู้แล้ว" เธอยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะดึงผ้าขนหนูกลับลงมาพาดไว้ที่บ่าเหมือนเดิม แต่จู่ๆมือหนาของใครบางคนก็ดึงผ้าผืนนั้นไปก่อนจะขยี้มันลงบนหัวเธอเบาๆจากทางข้างหลัง

    "ไม่เช็ดผมให้แห้งเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก เครส" เสียงดุๆของซันเอ่ยขึ้น ขณะที่พี่สาวตัวดีของเขากลับยิ้มกว้าง

    "นึกว่าพวกนายไปดูห้องเครื่องข้างล่างซะอีก?" เครสว่า

    "ก็ไปดูมาแล้ว แต่กรมันบ่นหิว เลยขึ้นมานี่ กะมาหาอะไรกินเหมือนกัน" ซันตอบพลางพยักเพยิดไปทางเจ้าตัวดีที่ตีหน้ามุ่ยยืนพิงผนังอยู่อีกข้าง

    "หน้ามันทำยังกับจะกินฉลามได้ทั้งตัวแล้ว" เครสกระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินแค่พอลกับซัน ทำให้ทั้งคู่แอบหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ แต่พอสายตาสยบมารของมันกราดมองทุกคนก็พร้อมใจกันสงบปากสงบคำกันแต่โดยดี เพราะตอนนี้แค่ทำอะไรไม่เข้าตาดีไม่ดีมันอาจจะล่มเรือทั้งลำเลยก็เป็นได้

    "ว่าแต่... ห้องครัวไปทางไหนล่ะเนี่ย? พวกนายพอจะรู้บ้างมั้ย?" พอลเอ่ยถามพลางหันซ้ายหันขวา เพราะตั้งแต่ขึ้นเรือมานี่เขาก็ขลุกอยู่แต่ที่ดาดฟ้าจนตอนบ่ายถึงได้กลับเข้ามาข้างในส่วนที่เป็นห้องพัก นอกจากนั้นก็ยังไม่ได้ก้าวเท้าออกไปไหนอีกเลย

     

    เอ่อ... ไม่รู้สิ อยู่ในเคบินข้างบนนั่นรึเปล่า เคบินที่ถัดจากห้องบังคับการนั่นน่ะ เพราะรู้สึกว่าที่นั่นจะเป็นห้องทานอาหารนี่นะ? ซันว่าพลางหันซ้ายหันขวาด้วยเหมือนกัน จนในที่สุด ทั้งสี่คนตัดสินใจกลับขึ้นไปทางดาดฟ้าเรืออีกครั้ง

     ลมทะเลยามราตรีโบกพัดแรง เกลียวคลื่นโถมกระหน่ำกราบเรือสองฝั่งราวกับจะบดขยี้ทุกสรรพชีวิตบนเรือลำน้อย ท้องฟ้านั้นดูดำสนิท ไม่เห็นแม้แต่แสงดาว หรือแม้กระทั่งพระจันทร์...

     

    เหมือนฝนจะตกเลย...เครสรำพึงอย่างใจไม่ค่อยจะดี

     

    ปากนะแก...ไม่ต้องพูดก็ได้ มันเป็นลางนะโว้ย!” กรแยกเขี้ยวส่งให้สาวเจ้าที่ได้แต่ยิ้มแห้งๆประมาณว่าขอโทษ

     

    ขึ้นมาทำอะไรกันที่นี่ครับ? เสียงทักที่ดังขึ้นข้างหลังทำเอาทั้งคณะสะดุ้งโหยง ก่อนจะถอนหายใจเมื่อพบว่าคนที่ทักนั่นไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน

     

    เอ่อ เปล่าหรอกชิน พวกฉันแค่ขึ้นมาหาห้องครัวน่ะ พอลเอ่ยตอบ

     

    อ๋อ... คงจะหิวกันสินะครับ ผมกำลังจะมาตามทุกคนไปกินข้าวที่ห้องข้างล่างอยู่พอดีเลย

     

    งั้นก็ได้โปรดอพยพซะทีเถอะครับ ผมน่ะหิวจะตายอยู่แล้ว กรร้องครวญครางก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนแบบน่าขนลุกไปทางชินเพื่อให้นำทางลงไป

     

    ถ้างั้นก็เชิญทุกคนทางนี้ครับ ชินออกเดินนำทุกคนลงไปข้างล่างโดยมีเครสเดินรั้งท้าย เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่นิ่งสนิทอย่างเป็นกังวล...

     

    ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นในการเดินทางครั้งนี้เลย...

     

                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

                    การรับประทานอาหารมื้อเย็นจบลงอย่างงดงามด้วยอาหารครบสูตรฝีมือน้องๆภัตตาคาร ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของชิน และกว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันเข้านอนก็เป็นเวลาเกือบๆสี่ทุ่ม

     

                    ห้องที่จัดไว้เป็นห้องสำหรับนอนสองคน เครสถึงได้ถูกจับคู่ให้อยู่กับสิชา

     

                    เรื่องการนอนร่วมห้องกันไม่ใช่ปัญหา เพราะสิชาก็เป็นมิตรดี แล้วหลังๆมานี่พวกเธอก็สนิทกันมากขึ้น... แต่ปัญหาคือตอนนี้เธอกำลังนอนไม่หลับ...

     

                    ไม่ใช่เพราะว่าที่นอนมันไม่ดี ที่ๆแย่กว่านี้ก็เคยนอนมาแล้ว แต่เพราะความกังวลในใจ เหมือนมีสังหรณ์อะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ...

     

                    ...พายุ...?

     

                    แต่ลูกเรือก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร ซ้ำร้ายไต้ก๋งเรือยังแอบหลับอีกต่างหาก...

     

                    ถ้างั้นอะไรล่ะที่เธอเป็นกังวล?...

     

                    อาจจะเพราะการเดินทางมาเฮล... หรืออาจจะเพราะว่าเธอเหนื่อยเกินไปก็ได้...

     

                    แล้วถ้าเป็นซัน พี่ทราย หรือคนอื่น เธออาจจะกล้าปลุกขึ้นมานั่งคุยกัน แต่นี่สิชาก็ดูอาการไม่ค่อยจะดีมาตั้งแต่กลางวันแล้ว เธอไม่อยากให้สิชาต้องอาการหนักกว่าเดิม

     

                    ร่างบางพลิกตัวกลับอีกครั้งก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับ เตียงบนชั้นสองที่เธอนอนอยู่ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดเบาๆก่อนจะเงียบลง... ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่หักลงมากลางคัน เพราะถ้าจะหักจริงๆ คนซวยคงไม่ใช่เธอ...แต่เป็นสิชาที่นอนอยู่ข้างล่างนั่นต่างหาก...

     

                    ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จู่ๆเธอก็เผลอหลับไป...

     

                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

     

                    โครม!!!

                   

                    เครสสะดุ้งตื่นท่ามกลางความมืด ความรู้แรกที่เธอได้รับคือเจ็บ... ส่วนอย่างที่สองคือ... เสียงฟ้าร้องครืนๆข้างนอกนั่น...

     

                    พายุ!!!

     

    เปรี้ยง!!!

     

    ห้องของเครสเทเอียงไปอีกฝั่ง เตียงไม้สองชั้นไถลไปกระแทกผนังอีกฟากหนึ่งของห้อง!!!

     

    โครม!!!

     

    เครสรีบกระโจนลงจากเตียงลงมาบนพื้นโดยไม่แยแสว่านั่นคือเตียงชั้นสอง ส่วนสิชาที่นอนอยู่ข้างล่างก็รีบทำอย่างเดียวกัน ทั้งสองมองหน้ากันมีแววตื่นตระหนก

     

    แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร เรือก็เอียงวูบอีกรอบ!!!

     

    กรี๊ดดดดดดดด!!!” สิชาหวีดร้องลั่นเมื่อเตียงสองชั้นเริ่มเอียงกะเท่เร่ ก่อนจะล้มลงมาหาทั้งคู่!!!

     

    สิชา!!!” เครสรีบกระโดดเข้าไปคว้าร่างเด็กสาวหลบเข้ามาอีกทางได้ทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!!!

     

    โครม!!!

     

    ออกไปข้างนอกกันเร็ว!!” เครสกระชากประตูเปิดออกพอดีกับที่เรือเทไปอีกฝั่ง ร่างของทั้งคู่จึงเซล้มออกมากระแทกผนังอีกฝั่งเข้าอย่างจัง

     

    เกิดอะไรขึ้นน่ะ!” สิชากระซิบเสียงแผ่ว เธอมองหลอดไฟข้างบนที่ติดๆดับๆอย่างน่ากลัว เสียงฟ้าร้องครืนๆยังคงดังก้องอื้ออึงอยู่ข้างนอก

     

    เครส!! สิชา!!”

     

    เร!!!” เครสหันไปตามเสยงตะโกนนั้นด้วยความดีใจ เรกับซันกำลังมุ่งหน้ามาหาเธอ เนื้อตัวของทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝน

     

    เปรี้ยง!!!

     

    แล้วเรือถูกคลื่นซัดเทลงไปอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเธอจับยึดราวเหล็กบนเพดานไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงต้องโดนเทกลับไปกระแทกผนังอีกด้านแน่ๆ

     

    เป็นอะไรรึเปล่า?!” ซันถามเสียงตระหนก แต่เครสกลับไม่ตอบ

     

    คนอื่นๆล่ะ? คนอื่นเป็นไงกันบ้าง?

     

    พวกผู้ชายอยู่ข้างบนกำลังช่วยกันคุมเรือ ตอนนี้เรือเรากำลังฝ่าพายุหนัก เรตอบเสียงเครียด

     

    แล้วพวกพี่ทรายล่ะ? เครสถามกลับเสียงรัวเร็ว

     

    เพิ่งจะสวนกันขึ้นไปเมื่อกี้ ซันว่า นี่พวกฉันต้องลงมาดูห้องเครื่องข้างล่าง ไม่รู้ว่าจะโดนน้ำซัดจนเสียหายแค่ไหน. พวกเธอรีบขึ้นไปข้างบนซะ

     

    เครสกับสิชาพยักหน้ารับในความมืด ก่อนจะเดินคลำทางไปยังบันไดสู่ดาดฟ้า

     

    ทันทีที่ทั้งคู่โผล่ขึ้นมา เม็ดฝนก็ตกกระแทกใบหน้าบดบังทัศวิสัยจนสิ้น เครสหรี่ตาลงมอง ก่อนจะได้พบกับความวุ่นวายตรงหน้า

     

    ทิ้งๆๆ!!! มีของอะไรทิ้งไปให้หมดเลย!!” แอ๊คตะโกนสั่งขณะที่ชินกับกรกำลังพยายามขนเก้าอี้ผ้าใบกับลังไม้ระเกะระกะโยนลงไปข้างล่าง

     

    พี่แอ๊ค!! เกิดอะไรขึ้น!!” เครสตรงเข้าไปหาไต๊ก๋งที่กำลังง่วนอยู่กับการโยนข้าวของไม่จำเป็นต่างๆลงทะเลไป

     

    ถ้าฝ่าไปได้ก็รอด ถ้าไม่ได้ก็ตายกันหมด แอ๊คตอบหน้าตาเฉย เล่นเอาเครสใจหายวาบ

     

    แล้ว... เครส...เครสทำอะไรได้บ้าง...

     

    ไปนู่น!! เข้าห้องบังคับการไปเลย มีคนบาดเจ็บ ไปทำแผลให้พวกนั้นก่อนถ้าเสร็จแล้วค่อยมาช่วยพี่!!”

     

    ไม่ต้องรอคำสั่งรอบที่สอง เครสมุ่งหน้าเข้าไปในห้องบังคับการด้านหลังทันที เธอกระชากประตูเปิดออกก่อนจะรีบเข้าไปข้างใน

     

    เครส! เป็นอะไรรึเปล่า? เจถามเสียงแหบพร่า เธอกำลังพันหัวไหล่ข้างขวาให้กับจิ้ง

     

    พี่จิ้งเป็นอะไร?เครสเอ่ยถามหลังจากเห็นอาการทุกคนว่าไม่ได้หนักหนาอะไรเท่าไหร่ พี่ทราย กับเมดูจะมีแค่รอยถลอกฟกช้ำ ส่วนอู๋กับสิชาที่ล่วงหน้าเธอเข้ามาก็กำลังช่วยกันทำแผลให้หลินที่เหมือนกับจะโดนอะไรสักอย่างบาดเข้าที่แขน

     

    ผมไหล่หลุดน่ะ ไม่เป็นไรมากหรอก ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

     

    ยังไม่ทันที่ใครจะได้เอ่ยอะไรต่อ เรือก็เทวูบลงอีกครั้ง ส่งผลให้เทียนไขที่ตั้งอยู่บนโต๊ะล้มลง เปลวไฟดับหายไปทันที

     

    ให้ตายสิ!!” เจสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาเทียนไขมาตั้งใหม่ ถ้าห้องเครื่องข้างล่างน้ำไม่เข้าก็ดีหรอก...

    พี่เจว่าอะไรนะ...? เครสใจหายวาบ

     

    ก็ห้องเครื่องข้างล่าง น้ำอาจจะเข้าก็ได้ นี่แอ๊คก็สั่งให้พอลไปปิดประตูกั้นน้ำแล้ว...

     

    แต่เรกับซันเพิ่งลงไปเมื่อกี้!!!”

     

    ม...หมายความว่าไง

     

    สองคนนั้นลงไปดูความเสียหายของห้องเครื่องยนต์!! เครสนึกว่าพี่แอ๊คเป็นคนสั่ง!!!”

     

    ความเงียบงันทิ้งตัวลงราวหยาดฝนที่โถมกระหน่ำ สีหน้าของทุกคนมีแววตกใจฉายชัด... ไม่ต้องรอให้มีใครพูดอะไรอีก เครสหมุนตัวกลับวิ่งออกไปทันที!!

     

    เดี๋ยว!! เครส!!!” เจผุดลุกขึ้นติดที่ว่าจิ้งคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน

     

    อย่าเจ!! ผมว่าเจควรจะไปบอกแอ๊คก่อน แล้วก็ไปตามพอลบอกให้เปิดประตูกั้นน้ำซะ!! ถ้าเจทำได้พวกเครสก็จะปลอดภัย ไปเร็วสิ!

     

    เจสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับแล้ววิ่งออกไป ทิ้งให้คนในห้องทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงันกับคำภาวนาลึกๆในใจ...

     

    ขอให้ทุกคนปลอดภัยด้วยเถอะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×