ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Of Heaven :: สงครามล้างพันธุ์อสูร

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 :: แตกหัก

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 87
      0
      30 ต.ค. 48

                        แล้วสิ่งแรกที่พวกเครสต้องเจอเมื่อกลับถึงบ้าน คือท่าทีปั้นปึ่งของทราย...



                        เธอนิ่ง เงียบ ไม่พูดไม่จากับใครนอกจากเม บรรยากาศนิ่งตึงไร้สรรพเสียงทั้งๆที่มีคนอยู่ครบ ยกเว้น กรกับเครส ที่ไปช่วยทำแผลให้ซัน รวมถึงดูแล สิชา แพม และแพนด้วย



                        \"ผมว่าเราพูดกันเลยดีกว่าไหม วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว\" จิ้งเปรยขึ้นขณะทิ้งตัวลงนั่งประจันหน้ากับทราย



                        \"ทรายไม่มีอะไรจะพูด\" ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตหลุบลงต่ำ ดวงหน้าของเธอบือนหนีในขณะที่ประกายในตาของชายหนุ่มตรงข้ามกลับวาวโรจน์ขึ้น



                        \"ไม่ใช่ผมไม่รู้นะทราย... ทรายพูดมาเถอะ ทรายไม่พอใจผมใช่มั้ย?\" แววอ่อนล้าปรากฏบนสีหน้าชายหนุ่ม ในขณะที่เจสาวเท้าเข้ามาบีบไหล่เขาแน่นราวจะหยุดคำพูดเขาไว้เพียงแค่นั้น



                        \"ก็จิ้งรู้ดีขนาดนั้นจะมาถามทรายอีกทำไม?\" น้ำเสียงเธอสั่นเครือราวพยายามเก็บงำอารมณ์ทว่าดวงตาของเธอฉายประกายตัดพ้อทิ่มแทงชัด



                        \"ทราย... ใจเย็นๆก่อนสิ\" เมเอ่ยเตือนอย่างเป็นกังวลแต่สภาพการณ์ตอนนี้เหมือนกับทำนบที่เคยเก็บกั้นอารมณ์เธอไว้ได้ทลายลงอย่างไม่อาจจะห้าม คำพูดที่เสียดแทงลึกลงในใจผู้ฟังทุกคน...



                        \"อยากรู้ใช่ไหม? ได้... ทรายน่ะคิด... คิดมาตั้งแต่ตอนเริ่มเดินทางแล้ว... จิ้งน่ะ ไม่เคยสนใจทราย พอมาถึงก็จับทรายกับเมส่งกลับบ้าน เรื่องราวอะไรทรายก็ไม่เคยรู้จากปากจิ้ง จิ้งปิดบังทรายมาตลอด...ทำเหมือนกับว่า... เหมือนกับว่า... เหมือนทรายไม่มีค่า!!!\"



                        \"ทราย!!!\" เมกระซิบเสียงเบาด้วยความตระหนกกับคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากเธอ หยาดน้ำตาใสๆเริ่มรื้นขึ้นมาในดวงตาคู่งาม



                        \"ให้ตายสิ! ผมไม่คิดเลยนะว่าคนที่พูดแบบนี้จะเป็นทราย... ผมเข้าใจผิดมาตลอด ที่แท้ทรายก็ป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตคนนึงเท่านั้น!!!\" ถ้อยคำที่ยิ่งจุดเพลิงโทสะให้กับเด็กสาว ก่อนที่ตัวคนพูดจะเดินจากไป ทิ้งให้สถานการณ์ตรงหน้าจมอยู่กับความอึดอัดทั้งมวล



                        \"ทราย...หลินไม่รู้จะพูดยังไงนะ...แต่หลินน่ะ เข้าใจทรายนะ...\"



                        \"ไม่มีใครเข้าใจทรายหรอกนอกจากเม!!!!!\" คำตวาดสุดท้ายก่อนร่างของเด็กสาวจะก้าวออกจากบ้านไป ทิ้งให้หลินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อับจนทุกถ้อยคำ จมอยู่กับความรู้สึกผิดของตัวเอง



                        เมหันมามองทุกคนด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะเดินไปบีบมือหลินเบาๆก่อนจะก้าวตามทรายออกไป



                        \"เจจะไปคุยกับทรายให้รู้เรื่อง... เร... พอล ฝากด้วยนะ\" เธอเอ่ยก่อนจะก้าวออกไป ทิ้งให้พอลกับเรมองหน้ากันทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่



                        \"เราควรจะบอกเครสดีไหม? เขาพี่น้องกัน อาจจะคุยกันง่าย\" พอลเสนอแต่เรกลับส่ายหัวไม่เห็นด้วยในทันที



                        \"พี่น้องก็ไม่ต่างอะไรกันมากหรอก ยัยเครสเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยพอกันเพียงแต่ไม่ค่อยแสดงออก นี่ถ้าเมื่อกี้ได้ยินที่พี่ทรายพูดคงจะคิดไม่ตกไปอีกหลายวัน\"



                        \"ก็แล้วนายจะมารู้จักตัวฉันดีเท่าฉันเองรึไง?\"



                        \"เครส!!!\"



                        กรกับเครสเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งสนิทในขณะที่หลินกับพอลเริ่มมีท่าทีกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วเครสกลับถอนหายใจก่อนจะนั่งลงช้าๆ



                        \"ซักวันสองวันพี่ทรายเขาก็คิดได้เองแหละ หลินก็อย่าคิดมากนะ\" เครสแย้มรอยยิ้มก่อนจะโอบหลินเบาๆ เรกับกรดูนิ่งไปสนิทกับท่าทีผิดคาดของเธอ ทั้งสองมองตากันเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา



                        \"ไปนอนดีกว่า!! เฮ้อ... วันนี้เหนื่อยจัง...\" เครสว่าก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจเดินขึ้นห้องไปดื้อๆ เหมือนจะพยายามหลีกหนีเหตการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่...



                        ...เธอจะเข้มแข็งอยู่ได้ซักกี่วินาทีกันเชียว...เครส...



                        ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



                        ชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารปฏบัติการตรงหน้า น่าแปลกที่เขากลับแย้มรอยยิ้มราวพอใจที่มันจะเป็นอย่างนั้น นิ้วมือของเขาหมูนปากกาเงินเล่นไปมาก่อนจะหันกลับมาประจันหน้ากับหญิงสาวทั้งสามคน



                        \"สรุปว่าราเสียทั้งสิชา... แพม แล้วก็แพน?\"



                        \"ค่ะ... พวกเราประมาทเอง\" ออฟก้มหน้ารายงานนิ่ง



                        \"ไม่เอาน่า พวกเธอสามคนไม่ผิดหรอก... อันที่จริง ฉันรู้อยู่แล้วว่าซักวันมันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น\" ชายหนุ่มกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี เรียกให้สายตาของเจ็นซ์ วาวและออฟมองมาที่เขาด้วยความแคลงใจ...



                        \"เอาเป็นว่าพวกเธอก็ทำงานตามปกติแล้วกัน\" ชายหนุ่มตัดบท



                        \"แต่ว่า... แพมกับแพนล่ะคะ?\" วาวเอ่ยถาม



                        \"อย่าซีเรียสน่า... เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกันว่าสองคนนั้นอยู่ไหน\" ชายหนุ่มหันหลังกลับก่อนจะสาวเท้าออกจากสถานที่เกิดเหตุโดยที่รอยยิ้มยังฉบอยู่บนใบหน้า แสงแดดยามสายสาดทอลงบนพื้นคอนกรีต ไล่ขึ้นจากรองเท้าหนังสีดำ - กางเกงแสล็กสีเดียวกัน - ปลายเสื้อกาวน์สีขาว - มือกร้านที่มีแผลไฟลวกบนหลังมือข้างขวา - และไล่เรื่อยมาจนต้องกับแผ่นโลหะสะท้อนประกายแดดเผยให้เห็นนามของชายหนุ่ม...



                        ดร. ป๊อปปี้ บาร์ครูส - หัวหน้าทีมวิจัยอาวุธชีวภาพ



                        เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังกังวานก่อนที่ร่างสูงจะก้าวลับหายไป...



                        ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



                        \"นอนไม่หลับหรอ?\" คำถามถูกเอื้นเอ่ยออกมาจากปากของเด็กหนุ่มที่ไม่รู้เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ หลินหันไปแย้มรอยยิ้มน้อยๆ ขณะที่เรนั่งลงบนขอบหลังคา



                        \"รู้ได้ไงว่าหลินอยู่นี่\" หญิงสาวเบือนหน้ากลับไปมองหมู่ดาวก่อนจะยกมือบางขึ้นทัดเส้นผมให้พ้นจากใบหน้า สายลมหอบพัดไอน้ำค้างขึ้นสูง ก่อนจะโรยตัวลงโอบล้อมทั้งคู่ไว้เพียงแผ่วเบา นานเหลือเกินที่ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบงันก่อนที่เด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายเอ่ย



                        \"คิดอะไรมากมาย... ผู้หญิงนี่เป็นยังงี้ทุกคนรึเปล่านะ?\"



                        \"พูดเหมือนตัวเองไม่คิดอย่างงั้นแหละ...\" ถ้อยคำตอกกลับเบาๆเล่นเอาเรนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเป็นเชิงยอมแพ้



                        \"น่าแปลก... ทั้งๆที่เรารู้จักกันได้ไม่นาน แต่ทำไมหลินดูผมออกหมดเลยล่ะ?\" เรเอ่ยถาม



                        \"ก็เพราะว่าผูกพันกันไง... ไม่ใช่แค่เรหรอกนะ แต่ทุกคนเลย... มันก็จริงอย่างที่เรว่าน่ะแหละ... แปลก... ที่พวกเราผูกพันกันมากขนาดนี้ ทั้งๆที่มันดูเหมือนไม่มีเหตุผลอะไรเชื่อมพวกเราไว้ด้วยกันได้สักนิด...\"



                        \"...หรือว่า... ความรู้สึกของพวกเราทุกคนจะอยู่เหนือกรอบของเหตุและผล อยู่เหนือกฏเกณฑ์ อยู่เหนือทุกสิ่ง...\"



                        \"คงจะใช่อย่างนั้นล่ะมั้ง\" หลินเอ่ยรับเบาๆขณะที่สายลมทอดตัวผ่านทั้งคู่อย่างอ่อนโยน อีกครั้งที่ทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ ดวงดาวส่องแสงสว่างราวหัวเราะหยอกล้อกันเอง ในคืนที่ไร้ดวงจันทร์เช่นนี้ ทุกสิ่งเหมือนจะเงียบสนิทจมอยู่ในห้วงนิทรา



                        \"หนาวไหม?\" เรเอ่ยถามพร้อมขยับรอยยิ้ม ก่อนที่จะยกมือขึ้นตรงหน้าเด็กสาว นิ้วมือของเขาคลายออกช้าๆเผยให้เห็นดวงไฟสีฟ้าประหลาดอยู่กลางฝ่ามือนั้น หลินมองเหมือนจะชั่งจก่อนจะเอื้อมปลายนิ้วสัมผัสเปลวเพลิงนั้นแผ่วเบา...



                        เปลวไฟที่ลามเลียช้าๆให้ความรู้สึกแปลกแก่เธอ มันไม่ร้อน และไม่เย็น แต่มันกลับอบอุ่นอย่างประหลาด ทั้งๆที่ภายนอกดูเย็นชา แต่ภายในกลับอบอุ่น...อ่อนโยน... เหมือนตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้มัน...



                        สายลมพัดผ่านเส้นผมสีดำสนิทให้ปลิวไสว ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลคู่สวยกำลังจ้องตรงมาที่เธอ ความรู้สึกทั้งมวลที่ไหลเวียนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้นยากเกินจะอธิบายออกมาได้... แต่สิ่งที่เธอรู้ก็คือ... ดวงตาคู่นี้ สวยที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา



                        \"น่าอิจฉาจัง...\" หลินเปรยช้าๆก่อนจะไล่ปลายนิ้วลงบนดวงหน้าคมคายก่อนที่จะสบสายตาเด็กหนุ่มตรงหน้า \"...น่าอิจฉา... คนที่จะได้แววตาคู่นี้ไปครอบครอง...\"



                        \"รู้ไหม?\" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา ก่อนที่ใบหน้าจะโน้มเข้ามาใกล้จนเธอแทบสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น \"ถ้าทำได้...ผมอยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้...หยุดไว้...แค่นี้เท่านั้น...\" ถ้อยคำจางลงพร้อมริมฝีปากที่เคลื่อนเข้าใกล้จนห่างเพียงแค่คืบ แต่จู่ๆเด็กสาวในอ้อมกอดก็ดันร่างเขาออกช้าๆ



                        \"หลิน...ไปนอนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์\" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ถ้าหากคืนนี้ไม่ใช่คืนเดือนมืด เขาคงจะเห็นว่าหน้าเธอแดงกำแค่ไหน เธอกระโดดจากหลังคาลาดลงมาที่พื้นระเบียงห้องตัวเองอย่างนิ่มนวล ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างใน ทิ้งให้ดวงตาคู่สวยของเด็กหนุ่มทอดมองตามทุกอากัปกิริยาของเธอก่อนจะเอ่ยคำลา



                        \"ราตรีสวัสดิ์เช่นกัน...\"



                        ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



                        ไกลออกมาที่ย่านอยู่อาศัยในยูดาห์ เวลาล่วงเลยมาจนเกือบเช้า แต่เด็กสาวคนหนึ่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อเย็น นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตของเจ้าหล่อนบวมช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาครึ่งค่อนคืน



                        \"พี่ทรายๆ ยังไม่นอนอีกหรอ? นอนซะทีสิ\" เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นพร้อมคำพูดจากน้องชายที่ดูเหมือนจะรำคาญมากกว่าเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงๆ



                        \"จะนอนก็นอนไปสิ ไม่ได้เกี่ยวกะเธอซะหน่อย\" ทรายค่อนว่าก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง



                        \"ก็อยากจะนอนอยู่หรอกนะ แต่แม่น่ะวุ่นวาย น่ารำคาญ เป็นห่วงพี่จนผมไม่ได้นอนเนี่ย\"



                        \"ไปให้พ้นเลยนะ!! ไม่ต้องมายุ่ง!!!\" เธอตวาดเสียงเครือก่อนจะเขวี้ยงหมอนเข้าใส่ประตู หนำซ้ำยังตามด้วยหนังสือ ข้าวของต่างๆนานาจนเด็กชายหน้าห้องจะต้องถอยทัพออกมาอย่างเสียไม่ได้



                        \"อะไรของเขาวะ\" เด็กชายเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อรายงานสถานการณ์ให้แม่ทราบ



                        \"ปล่อยเขาเถอะแม่ ผมน่ะง่วงจะตายอยู่แล้ว\" เจ้าตัวว่าพลางอ้าปากหาวหวอดในขณะที่หญิงสาวผู้เป็นมารดามองเขาเชิงตำหนิ ทั้งๆที่มือเธอยังง่วงอยู่กับการล้างจานชามตรงหน้า



                        \"แดน... ทรายน่ะพี่ลูกนะ\"



                        \"พี่ก็พี่สิ! เล่นอาละวาดไปทั่วรบกวนคนอื่นแบบนี้ผมไม่สนใจหรอก\" เจ้าตัวแบมือยักไหล่ก่อนจะเดินขึ้นไปนอนโดยไม่แยแสผู้เป็นแม่ที่ทำได้เพียงถอนลมหายใจเท่านั้น... นับตั้งแต่พ่อของทรายเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ไดอาน่าก็ต้องดูแลลูกโดยลำพังมาตลอด วาลุกาหรือทราย ลูกสาวคนโตที่ไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง ต่างกับ เขตแดนลูกชายคนเล็กที่มีท่าทีแข็งกร้าว ขวางโลก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็รักลูกทั้งสองคนเสมอ... ไดอาน่าเหลือบมองนาฬิกา... วันใหม่ล่วงพ้นมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว อีกไม่นานเธอก็ต้องออกไปทำงาน... อาชีพหมออย่างเธอจำเป็นจะต้องทำตัวให้ว่างเพื่อคนไข้อยู่เสมอ และอาจจะเป็นเพราะอย่างนี้เธอถึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกๆมากนัก



                        \"แดน!! วันนี้โรงพยาบาลคนเยอะแม่จะไปแล้วนะ พรุ่งนี้วันเสาร์ อย่าตื่นสายนักล่ะ รู้ไหม?\" เธอตะโกนบอกลูกชายที่ทำเสียงตึงตังตอบกลับมาให้รู้ว่าได้ยิน ก่อนที่จะคว้าเสื้อโคทสวมออกจากบ้านไป... สายตาคู่หนึงจับจ้องอากัปกิริยาทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน...



                        ใบไม้ร่วงหล่นจากต้นปลิวลงมายังแทบเท้าของหญิงสาว เธอชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันหลังกลับไปมองบ้านของเธอ... ความเงียบงันโรยตัวลงยามราตรีเมื่ไร้แสงจันทร์สาดส่อง เธอก้าวขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปในที่สุด...



                        แดนยืนอยู่ริมหน้าต่างในห้องส่วนตัว ดวงตาสีดำขลับมองกร้าวก่อนจะดึงกระจกเปิดออก...



                        \"จะให้ฉันสอยเธอลงมาไหมรีริส?\"



                        \"ว้า... ไม่สนุกเลยคิล ...\" เสียงใสๆของสาวน้อยเอ่ยออกมาจากเงาไม้หนาริมหน้าต่างนั่น



                        \"มีอะไรก็ว่ามา\" เด็กชายเอ่ยอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์



                        \"แค่มาเยี่ยมไม่ได้รึไง? ในฐานะที่พวกเราต้องเป็นอนาคตเงาจันทราเหมือนกัน...\"



                        \"ฉันน่ะใช่ แต่อย่างเธอคงฝันไกลไปหน่อยแล้วมั้ง?\" เด็กชายยิ้มเยาะ ส่งผลให้ร่างเล็กในพุ่มไม้นั่นขยับไหว



                        \"จะทะเลาะกันให้ได้อะไร คิล รีริส!\" เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนที่ขนนกสีขาวบริสุทธิ์จะโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าแล้วพัดกรูเข้าไปในห้องของเด็กชายแล้วสะบัดออก เผยให้เห็นร่างเด็กหญิงเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทในชุดกระโปรงสีขาว ดวงตาสีน้ำตาลประกายมุกใสสว่างขับดวงหน้าของเธอให้ดูโดดเด่น คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยกับบทสนทนาของเพื่อนๆ



                        \"เฮ้!! ความสามารถใหม่หรอบีบี?\" รีริสยื่นหน้าออกมาจากพุ่มไม้เผยให้เห็นเรือนผมสีชมพูแจ๊ดที่เห็นชัดแม้จะอยู่ในความมืด ดวงตากลมโตใสแป๋วสีเดียวกันจ้องมองเพื่อนสาวไม่วางตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น



                        \"มายากลเล็กๆน้อยๆน่ะ\" บีบีโบกมือไม่ใส่ใจก่อนที่จหันมามองคิลกับรีริสอย่างจริงจัง



                        \"ได้ข่าวว่าวันนี้ทีมของท่านซูสบุกไปที่ศูนย์วิทยาศาตร์เพื่อช่วยพวกเด็กฝึกใหม่ บุกไปแบบครบทีมซะด้วยนะ\"



                        \"อะไรกัน?\" คิลชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะยกมือกอดอก



                        \"รู้สึกว่าพวกนั้จะโตกว่าเรา แล้วก็นำทีมโดย... พี่จิ้ง...\"



                        \"จิ้ง? คัลลิสโตเก่ารึเปล่า?\" รีริสเอียงคอ



                        \"ใช่ คนนั้นแหละ... ก่อนหน้านี้ทีมพวกเราก็โดนคนชื่ออาคเนย์นั่นตัดหน้าแย่งตำแหน่งไปแล้ว ยิ่งมีทีมที่พี่จิ้งหนุนหลังมาเพิ่ม สถานการณ์ของเด็กฝึกหัดอย่างพวกเราคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วล่ะ\" บีบีหน้ามุ่ยลงทันที



                        \"แล้วเธอบอกใครแล้วบ้าง? ซินเธีย? หยกขาว?\"



                        \"ยัง... ฉันมาบอกพวกเธอก่อนนี่แหละ\" บีบีว่า



                        \"ฉันว่านะ...\" คิลเอ่ยท่าทีครุ่นคิดก่อนจะขยับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์



                        \"สงสัยพวกเราคงต้องวางแผนกำจัดก้างกันซะแล้ว\"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×