ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บารามอส
                    “รุก!” เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเอ่ยก่อนขยับมือไปหยิบควีนเคาะโป๊กลงกลางกระดาน ฝ่ายคนถูกรุกกลับยิ้มราวจะพอใจ แล้วฮัมเพลงหงุงหงิงกวนประสาท ก่อนจะจิบชา
                    “ใจร้อนจริงนะแก...” เจ้าตัวยุ่งขยับมือคว้าคิงถอยออกมา
                    “รุก!” ฝ่ายโน้นก็ยังคงระดมขุนพลบนกระดานไล่ต้อนอย่างไม่ลดละ
                    “แน่ใจเร้อ?” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลยิ้มกริ่ม ก่อนขยับหมากแล้วประกาศชัยชนะ
                    “รุกฆาต!!”
                    “เลิกๆๆๆ” กระดานหมากรุกถูกล้มคว่ำไม่เป็นท่าหลังสิ้นคำสั่งประกาษิตสุดท้าย แต่เจ้าคนถูกล้มกระดานกลับนั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วจิบชาได้อย่างน่าถีบ
                    “อีก 3 ชาติกว่าว่ะคิล...แกถึงจะชนะฉัน” ถ้อยคำอวดตัวที่ไม่ได้สมกับร่างสาวน้อยนี่เลยสักนิด เล่นเอาคนฟังแยกเขี้ยวรับ ในขณะที่เพื่อนๆ หัวเราะกันครื้นเครง
                    “เอ้า! ใครหน้าไหนอยากท้าฉันอีกก็เข้ามา!” เจ้าตัวยุ่งตบเข่าฉาดแล้วร้องท้าบรรดาชาวป้อมอัศวิน
                    “เฮ้ย! เฟรินระวัง!!”
                    ร่างบางของสาวน้อยถูกกระชากลงมาทันก่อนที่ธนูเงินจะปลิดชีพเจ้าหล่อนไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เสียงร้องเตือนของครี้ด บัดนี้ถูกสำทับด้วยเสียงสบถยาวพรืดที่เจ้าตัวก่นด่าคนที่มันเล่นอะไรแผลงๆ แต่คนเคราะห์ร้ายดูเหมือนจะน๊อตหลุดไปซะแล้ว
                    ก็เพราะตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายแห่งคาโนวาล...
                    นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองเธออย่างเป็นห่วง แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดังเดิม ก่อนจะผลักร่างบางออกจากวงแขน
                    ไอ้คนนิสัยเสีย...ทำท่ามากไปได้!!
                    เจ้าหล่อนคิดอย่างหงุดหงิด
                    “เฮ้ย! เฟริน สาสน์ท้ารบว่ะ!” เดธ ไฟเออร์ ตะโกนข้ามหัวกลุ่มเพื่อนที่รุมกันดูลูกธนูเงินผูกสารอย่างสนอกสนใจ
                    “พวกแกก็รบกันไปแล้วกัน...ฉันง่วง!” ว่าเสร็จเจ้าตัวยุ่งก็เดินกระแทกส้นเท้าปังๆ ขึ้นห้องพัก ทำเอาเพื่อนๆ นั่งงงกันไปเป็นแถบ
                    “ตั้งแต่มันเป็นผู้หญิงนี่นับวันอารมณ์มันยิ่งเดายากว่ะ” ครี้ด ธันเดอร์เกาหัวแกรกๆ
                    “แล้วเป็นผู้หญิงมันเสียหายตรงไหน?” แม่เจ้าประคุณแองจี้หรี่ตาลงอย่างน่ากลัว ประเด็นที่ว่าเลยต้องจบลงก่อนคฑาวิเศษของเจ้าหล่อนจะแผลงฤทธิ์
                    “แกก็รีบๆ ไปทำให้มันอารมณ์ดีได้แล้ว” คิลกระซิบกับเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่ฉายแววดุชัด แต่คนโดนดุกลับหัวเราะคิกคักแล้วเข้าไปมุงดูสาสน์ท้ารบนั่นต่อ เจ้าชายมาดมากจากคาโนวาลจึงทำได้เพียงลอบถอนหายใจ ก่อนจะปลีกตัวออกไปจัดการธุระให้เสร็จๆ ตามที่มันว่า...
                                ไอ้เรื่องง้อผู้หญิงนี่ไม่ถนัดเอาซะเลย...
                ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
   
                    “เฟริน” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยเรียก แต่แม่เจ้าประคุณตัวดีกลับนอนคลุมโปง ราวกับจะตัดขาดจากโลกเสียอย่างนั้น
                    ก็ใครจะไปนึกว่าเจ้าหญิงแห่งบารามอสจะช่างแสนงอน เห็นปกติห่ามซะจนหนุ่มๆ บางคนยังแทบเหวอ
                    “เฟริน...ฉัน...” น้ำเสียงค่อยอ่อนลงมาหน่อย เจ้าตัวดีก็ทำท่านั่งเหมือนจะรอฟัง แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับเป็นความเงียบ...
                    “บ๊ะ! จะพูดขอโทษก็รีบๆ พูดสิว่ะ! คนเขารออยู่!!” สาวน้อยบนเตียงลุกผลุงแล้วต้องรีบเอามือปิดปากนึกสาปส่งตัวเองในใจ มันก็รู้หมดน่ะสิว่าเธอจงใจจะยั่วมัน!
                    คิดแล้วเจ้าหญิงตัวดีก็รีบปั้นยิ้มรับ...จะตายไม่ตายก็ยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อนล่ะวุ้ย...
                    แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่อยากยิ้มตอบ ดวงหน้ารูปสลักนั่นถึงได้บูดสนิท
                    “ถ้านายคิดว่าความเป็นห่วงของฉันเป็นเรื่องล้อเล่น วันหลังก็อย่าคิดว่าจะได้รับ” สิ้นคำบุรุษร่างสูงก็หมุนตัวจะกลับออกไป ติดที่ร่างเล็กของคนต้นเรื่องเข้ามาโถมกอดเขาไว้แน่น
                    “คาโล ฉัน...” เจ้าตัวเริ่มทำสีหน้าปั้นยาก คนถูกกอดเลยทำท่าจะแกะมือเธอออก เท่านั้นแหละคำที่อยู่ในใจจึงได้เอ่ย
                    “ฉันขอโทษ”
                    ร่างสูงพลันชะงักกึกก่อนจะขยับรอยยิ้มแล้วหมุนตัวรับร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน
                    เสร็จกัน!
                    ว่าจะให้มันขอโทษ นี่เธอกลับต้องขอโทษมันซะเอง
                    คิดแล้วก็อยากเอาหัวโขกข้างฝาตายให้มันรู้แล้วรู้รอด
                    “รู้ไหม บางทีคำขอโทษอย่างเดียวมันอาจไม่พอ...” คาโลเชยคางคนในอ้อมแขนให้สบตา พลันดวงหน้าของสาวน้อยก็ขึ้นสีเรื่อน่ารักดูสมหญิง
                    “ไอ้บ้า...ปล่อยสิฉันง่วง” เฟรินดิ้นขลุกขลัก แต่เจ้าชายคนสำคัญกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
                    “เฟริน...” ดวงหน้ารูปสลักโน้มใกล้ แล้วประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของหัวขโมยจอมกะล่อน
                    หัวขโมยที่บัดนี้ถูกขโมยไปหมด ทั้งหัวใจ สติ และเรี่ยวแรง
                    ปัง!
                    “เฮ้ย! เฟริน คาโล...”
                    โครม!!!
                ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                    อาย...
                    อายที่สุด...
                    ไอ้น้ำแข็งงี่เง่าทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ
                    ส่วนไอ้คิลนี่ก็ผ่าเข้ามาได้ตรงเวลาซะจริงๆ
                    หน้าเธอกับหน้ามันไม่รู้ของใครจะแดงกว่าใคร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ไอ้คนต้นเรื่องน่ะหน้าบูดสนิท
                    รอยเขียวช้ำเบ้อเร่อที่รอบนัยน์ตา เป็นหลักฐานชิ้นดีถึงสาเหตุของอารมณ์ขุ่นขึ้ง ก็แม่เจ้าประคุณเล่นประเคนหมัดใส่หน้า จะด้วยความเขินหรือความตกใจไม่ทราบได้ แต่ความซวยตกเป็นของเขา ที่นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องมานั่งฟังมันพล่ามเรื่องไร้สาระแก้อายให้รำคาญหู...
                    “แล้วนี่แกมีธุระอะไร?” เฟรินเอ่ยถาม แต่ยังไม่กล้ามองหน้าเพื่อนซี้
                    “ก็ไอ้สาสน์ท้ารบนั่นน่ะสิ มันจั่วหัวว่าท้าป้อมอัศวินในศึกหมากกระดานเกียรติยศ”
                    คำตอบที่เรียกสายตาผู้ฟังทั้งสองให้หันมาสนใจได้ชะงัดนัก
                    “แล้วใครเป็นคนส่ง?” คำถามเอ่ยเรียบจากปากของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
                    “มันบอกว่ามันเป็นตัวแทนจากไวท์โรด...” คนพูดหลับตาพริ้มแล้ว เอนหลังลงพิงกับพนัก
                    “ที่ไหนวะ? ฉันไม่เคยได้ยิน?” เจ้าตัวยุ่งเกาหัวแกรกๆ แล้วหันไปมองดวงหน้ารูปสลักเป็นเชิงขอคำตอบ
                    “จะเป็นใครมาจากไหนก็แล้วแต่...” หนุ่มนักฆ่าแห่งซาเรสเอ่ยขัด
                                “พรุ่งนี้ก็ได้รู้กันแล้ว...”
                    “ใจร้อนจริงนะแก...” เจ้าตัวยุ่งขยับมือคว้าคิงถอยออกมา
                    “รุก!” ฝ่ายโน้นก็ยังคงระดมขุนพลบนกระดานไล่ต้อนอย่างไม่ลดละ
                    “แน่ใจเร้อ?” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลยิ้มกริ่ม ก่อนขยับหมากแล้วประกาศชัยชนะ
                    “รุกฆาต!!”
                    “เลิกๆๆๆ” กระดานหมากรุกถูกล้มคว่ำไม่เป็นท่าหลังสิ้นคำสั่งประกาษิตสุดท้าย แต่เจ้าคนถูกล้มกระดานกลับนั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วจิบชาได้อย่างน่าถีบ
                    “อีก 3 ชาติกว่าว่ะคิล...แกถึงจะชนะฉัน” ถ้อยคำอวดตัวที่ไม่ได้สมกับร่างสาวน้อยนี่เลยสักนิด เล่นเอาคนฟังแยกเขี้ยวรับ ในขณะที่เพื่อนๆ หัวเราะกันครื้นเครง
                    “เอ้า! ใครหน้าไหนอยากท้าฉันอีกก็เข้ามา!” เจ้าตัวยุ่งตบเข่าฉาดแล้วร้องท้าบรรดาชาวป้อมอัศวิน
                    “เฮ้ย! เฟรินระวัง!!”
                    ร่างบางของสาวน้อยถูกกระชากลงมาทันก่อนที่ธนูเงินจะปลิดชีพเจ้าหล่อนไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เสียงร้องเตือนของครี้ด บัดนี้ถูกสำทับด้วยเสียงสบถยาวพรืดที่เจ้าตัวก่นด่าคนที่มันเล่นอะไรแผลงๆ แต่คนเคราะห์ร้ายดูเหมือนจะน๊อตหลุดไปซะแล้ว
                    ก็เพราะตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายแห่งคาโนวาล...
                    นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองเธออย่างเป็นห่วง แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดังเดิม ก่อนจะผลักร่างบางออกจากวงแขน
                    ไอ้คนนิสัยเสีย...ทำท่ามากไปได้!!
                    เจ้าหล่อนคิดอย่างหงุดหงิด
                    “เฮ้ย! เฟริน สาสน์ท้ารบว่ะ!” เดธ ไฟเออร์ ตะโกนข้ามหัวกลุ่มเพื่อนที่รุมกันดูลูกธนูเงินผูกสารอย่างสนอกสนใจ
                    “พวกแกก็รบกันไปแล้วกัน...ฉันง่วง!” ว่าเสร็จเจ้าตัวยุ่งก็เดินกระแทกส้นเท้าปังๆ ขึ้นห้องพัก ทำเอาเพื่อนๆ นั่งงงกันไปเป็นแถบ
                    “ตั้งแต่มันเป็นผู้หญิงนี่นับวันอารมณ์มันยิ่งเดายากว่ะ” ครี้ด ธันเดอร์เกาหัวแกรกๆ
                    “แล้วเป็นผู้หญิงมันเสียหายตรงไหน?” แม่เจ้าประคุณแองจี้หรี่ตาลงอย่างน่ากลัว ประเด็นที่ว่าเลยต้องจบลงก่อนคฑาวิเศษของเจ้าหล่อนจะแผลงฤทธิ์
                    “แกก็รีบๆ ไปทำให้มันอารมณ์ดีได้แล้ว” คิลกระซิบกับเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่ฉายแววดุชัด แต่คนโดนดุกลับหัวเราะคิกคักแล้วเข้าไปมุงดูสาสน์ท้ารบนั่นต่อ เจ้าชายมาดมากจากคาโนวาลจึงทำได้เพียงลอบถอนหายใจ ก่อนจะปลีกตัวออกไปจัดการธุระให้เสร็จๆ ตามที่มันว่า...
                                ไอ้เรื่องง้อผู้หญิงนี่ไม่ถนัดเอาซะเลย...
                ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
   
                    “เฟริน” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยเรียก แต่แม่เจ้าประคุณตัวดีกลับนอนคลุมโปง ราวกับจะตัดขาดจากโลกเสียอย่างนั้น
                    ก็ใครจะไปนึกว่าเจ้าหญิงแห่งบารามอสจะช่างแสนงอน เห็นปกติห่ามซะจนหนุ่มๆ บางคนยังแทบเหวอ
                    “เฟริน...ฉัน...” น้ำเสียงค่อยอ่อนลงมาหน่อย เจ้าตัวดีก็ทำท่านั่งเหมือนจะรอฟัง แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับเป็นความเงียบ...
                    “บ๊ะ! จะพูดขอโทษก็รีบๆ พูดสิว่ะ! คนเขารออยู่!!” สาวน้อยบนเตียงลุกผลุงแล้วต้องรีบเอามือปิดปากนึกสาปส่งตัวเองในใจ มันก็รู้หมดน่ะสิว่าเธอจงใจจะยั่วมัน!
                    คิดแล้วเจ้าหญิงตัวดีก็รีบปั้นยิ้มรับ...จะตายไม่ตายก็ยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อนล่ะวุ้ย...
                    แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่อยากยิ้มตอบ ดวงหน้ารูปสลักนั่นถึงได้บูดสนิท
                    “ถ้านายคิดว่าความเป็นห่วงของฉันเป็นเรื่องล้อเล่น วันหลังก็อย่าคิดว่าจะได้รับ” สิ้นคำบุรุษร่างสูงก็หมุนตัวจะกลับออกไป ติดที่ร่างเล็กของคนต้นเรื่องเข้ามาโถมกอดเขาไว้แน่น
                    “คาโล ฉัน...” เจ้าตัวเริ่มทำสีหน้าปั้นยาก คนถูกกอดเลยทำท่าจะแกะมือเธอออก เท่านั้นแหละคำที่อยู่ในใจจึงได้เอ่ย
                    “ฉันขอโทษ”
                    ร่างสูงพลันชะงักกึกก่อนจะขยับรอยยิ้มแล้วหมุนตัวรับร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน
                    เสร็จกัน!
                    ว่าจะให้มันขอโทษ นี่เธอกลับต้องขอโทษมันซะเอง
                    คิดแล้วก็อยากเอาหัวโขกข้างฝาตายให้มันรู้แล้วรู้รอด
                    “รู้ไหม บางทีคำขอโทษอย่างเดียวมันอาจไม่พอ...” คาโลเชยคางคนในอ้อมแขนให้สบตา พลันดวงหน้าของสาวน้อยก็ขึ้นสีเรื่อน่ารักดูสมหญิง
                    “ไอ้บ้า...ปล่อยสิฉันง่วง” เฟรินดิ้นขลุกขลัก แต่เจ้าชายคนสำคัญกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย
                    “เฟริน...” ดวงหน้ารูปสลักโน้มใกล้ แล้วประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของหัวขโมยจอมกะล่อน
                    หัวขโมยที่บัดนี้ถูกขโมยไปหมด ทั้งหัวใจ สติ และเรี่ยวแรง
                    ปัง!
                    “เฮ้ย! เฟริน คาโล...”
                    โครม!!!
                ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
                    อาย...
                    อายที่สุด...
                    ไอ้น้ำแข็งงี่เง่าทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ
                    ส่วนไอ้คิลนี่ก็ผ่าเข้ามาได้ตรงเวลาซะจริงๆ
                    หน้าเธอกับหน้ามันไม่รู้ของใครจะแดงกว่าใคร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ไอ้คนต้นเรื่องน่ะหน้าบูดสนิท
                    รอยเขียวช้ำเบ้อเร่อที่รอบนัยน์ตา เป็นหลักฐานชิ้นดีถึงสาเหตุของอารมณ์ขุ่นขึ้ง ก็แม่เจ้าประคุณเล่นประเคนหมัดใส่หน้า จะด้วยความเขินหรือความตกใจไม่ทราบได้ แต่ความซวยตกเป็นของเขา ที่นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องมานั่งฟังมันพล่ามเรื่องไร้สาระแก้อายให้รำคาญหู...
                    “แล้วนี่แกมีธุระอะไร?” เฟรินเอ่ยถาม แต่ยังไม่กล้ามองหน้าเพื่อนซี้
                    “ก็ไอ้สาสน์ท้ารบนั่นน่ะสิ มันจั่วหัวว่าท้าป้อมอัศวินในศึกหมากกระดานเกียรติยศ”
                    คำตอบที่เรียกสายตาผู้ฟังทั้งสองให้หันมาสนใจได้ชะงัดนัก
                    “แล้วใครเป็นคนส่ง?” คำถามเอ่ยเรียบจากปากของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
                    “มันบอกว่ามันเป็นตัวแทนจากไวท์โรด...” คนพูดหลับตาพริ้มแล้ว เอนหลังลงพิงกับพนัก
                    “ที่ไหนวะ? ฉันไม่เคยได้ยิน?” เจ้าตัวยุ่งเกาหัวแกรกๆ แล้วหันไปมองดวงหน้ารูปสลักเป็นเชิงขอคำตอบ
                    “จะเป็นใครมาจากไหนก็แล้วแต่...” หนุ่มนักฆ่าแห่งซาเรสเอ่ยขัด
                                “พรุ่งนี้ก็ได้รู้กันแล้ว...”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น