ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกหมากกระดานเกียรติยศ บารามอส ปะทะ ไวท์โรด

    ลำดับตอนที่ #1 : บารามอส

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 48


                        “รุก!” เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงเอ่ยก่อนขยับมือไปหยิบควีนเคาะโป๊กลงกลางกระดาน ฝ่ายคนถูกรุกกลับยิ้มราวจะพอใจ แล้วฮัมเพลงหงุงหงิงกวนประสาท ก่อนจะจิบชา



                        “ใจร้อนจริงนะแก...” เจ้าตัวยุ่งขยับมือคว้าคิงถอยออกมา



                        “รุก!” ฝ่ายโน้นก็ยังคงระดมขุนพลบนกระดานไล่ต้อนอย่างไม่ลดละ



                        “แน่ใจเร้อ?” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลยิ้มกริ่ม ก่อนขยับหมากแล้วประกาศชัยชนะ



                        “รุกฆาต!!”



                        “เลิกๆๆๆ” กระดานหมากรุกถูกล้มคว่ำไม่เป็นท่าหลังสิ้นคำสั่งประกาษิตสุดท้าย แต่เจ้าคนถูกล้มกระดานกลับนั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วจิบชาได้อย่างน่าถีบ



                        “อีก 3 ชาติกว่าว่ะคิล...แกถึงจะชนะฉัน” ถ้อยคำอวดตัวที่ไม่ได้สมกับร่างสาวน้อยนี่เลยสักนิด เล่นเอาคนฟังแยกเขี้ยวรับ ในขณะที่เพื่อนๆ หัวเราะกันครื้นเครง



                        “เอ้า! ใครหน้าไหนอยากท้าฉันอีกก็เข้ามา!” เจ้าตัวยุ่งตบเข่าฉาดแล้วร้องท้าบรรดาชาวป้อมอัศวิน



                        “เฮ้ย! เฟรินระวัง!!”



                        ร่างบางของสาวน้อยถูกกระชากลงมาทันก่อนที่ธนูเงินจะปลิดชีพเจ้าหล่อนไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เสียงร้องเตือนของครี้ด บัดนี้ถูกสำทับด้วยเสียงสบถยาวพรืดที่เจ้าตัวก่นด่าคนที่มันเล่นอะไรแผลงๆ แต่คนเคราะห์ร้ายดูเหมือนจะน๊อตหลุดไปซะแล้ว…



                        ก็เพราะตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายแห่งคาโนวาล...



                        นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองเธออย่างเป็นห่วง แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดังเดิม ก่อนจะผลักร่างบางออกจากวงแขน



                        ไอ้คนนิสัยเสีย...ทำท่ามากไปได้!!



                        เจ้าหล่อนคิดอย่างหงุดหงิด



                        “เฮ้ย! เฟริน สาสน์ท้ารบว่ะ!” เดธ ไฟเออร์ ตะโกนข้ามหัวกลุ่มเพื่อนที่รุมกันดูลูกธนูเงินผูกสารอย่างสนอกสนใจ



                        “พวกแกก็รบกันไปแล้วกัน...ฉันง่วง!” ว่าเสร็จเจ้าตัวยุ่งก็เดินกระแทกส้นเท้าปังๆ ขึ้นห้องพัก ทำเอาเพื่อนๆ นั่งงงกันไปเป็นแถบ



                        “ตั้งแต่มันเป็นผู้หญิงนี่นับวันอารมณ์มันยิ่งเดายากว่ะ” ครี้ด ธันเดอร์เกาหัวแกรกๆ



                        “แล้วเป็นผู้หญิงมันเสียหายตรงไหน?” แม่เจ้าประคุณแองจี้หรี่ตาลงอย่างน่ากลัว ประเด็นที่ว่าเลยต้องจบลงก่อนคฑาวิเศษของเจ้าหล่อนจะแผลงฤทธิ์



                        “แกก็รีบๆ ไปทำให้มันอารมณ์ดีได้แล้ว” คิลกระซิบกับเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่ฉายแววดุชัด แต่คนโดนดุกลับหัวเราะคิกคักแล้วเข้าไปมุงดูสาสน์ท้ารบนั่นต่อ เจ้าชายมาดมากจากคาโนวาลจึงทำได้เพียงลอบถอนหายใจ ก่อนจะปลีกตัวออกไปจัดการธุระให้เสร็จๆ ตามที่มันว่า...



                                    ไอ้เรื่องง้อผู้หญิงนี่ไม่ถนัดเอาซะเลย...





                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



        

                        “เฟริน” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยเรียก แต่แม่เจ้าประคุณตัวดีกลับนอนคลุมโปง ราวกับจะตัดขาดจากโลกเสียอย่างนั้น



                        ก็ใครจะไปนึกว่าเจ้าหญิงแห่งบารามอสจะช่างแสนงอน เห็นปกติห่ามซะจนหนุ่มๆ บางคนยังแทบเหวอ



                        “เฟริน...ฉัน...” น้ำเสียงค่อยอ่อนลงมาหน่อย เจ้าตัวดีก็ทำท่านั่งเหมือนจะรอฟัง แต่สิ่งที่ได้ฟังกลับเป็นความเงียบ...



                        “บ๊ะ! จะพูดขอโทษก็รีบๆ พูดสิว่ะ! คนเขารออยู่!!” สาวน้อยบนเตียงลุกผลุงแล้วต้องรีบเอามือปิดปากนึกสาปส่งตัวเองในใจ มันก็รู้หมดน่ะสิว่าเธอจงใจจะยั่วมัน!



                        คิดแล้วเจ้าหญิงตัวดีก็รีบปั้นยิ้มรับ...จะตายไม่ตายก็ยิ้มขัดตาทัพไว้ก่อนล่ะวุ้ย...



                        แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่อยากยิ้มตอบ ดวงหน้ารูปสลักนั่นถึงได้บูดสนิท



                        “ถ้านายคิดว่าความเป็นห่วงของฉันเป็นเรื่องล้อเล่น วันหลังก็อย่าคิดว่าจะได้รับ” สิ้นคำบุรุษร่างสูงก็หมุนตัวจะกลับออกไป ติดที่ร่างเล็กของคนต้นเรื่องเข้ามาโถมกอดเขาไว้แน่น



                        “คาโล ฉัน...” เจ้าตัวเริ่มทำสีหน้าปั้นยาก คนถูกกอดเลยทำท่าจะแกะมือเธอออก เท่านั้นแหละคำที่อยู่ในใจจึงได้เอ่ย



                        “ฉันขอโทษ”



                        ร่างสูงพลันชะงักกึกก่อนจะขยับรอยยิ้มแล้วหมุนตัวรับร่างบางเข้าสู่อ้อมแขน



                        เสร็จกัน!



                        ว่าจะให้มันขอโทษ นี่เธอกลับต้องขอโทษมันซะเอง



                        คิดแล้วก็อยากเอาหัวโขกข้างฝาตายให้มันรู้แล้วรู้รอด



                        “รู้ไหม บางทีคำขอโทษอย่างเดียวมันอาจไม่พอ...” คาโลเชยคางคนในอ้อมแขนให้สบตา พลันดวงหน้าของสาวน้อยก็ขึ้นสีเรื่อน่ารักดูสมหญิง



                        “ไอ้บ้า...ปล่อยสิฉันง่วง” เฟรินดิ้นขลุกขลัก แต่เจ้าชายคนสำคัญกลับไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย



                        “เฟริน...” ดวงหน้ารูปสลักโน้มใกล้ แล้วประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของหัวขโมยจอมกะล่อน



                        หัวขโมยที่บัดนี้ถูกขโมยไปหมด ทั้งหัวใจ สติ และเรี่ยวแรง…



                        ปัง!



                        “เฮ้ย! เฟริน คาโล...”



                        โครม!!!





                    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~





                        อาย...



                        อายที่สุด...



                        ไอ้น้ำแข็งงี่เง่าทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ



                        ส่วนไอ้คิลนี่ก็ผ่าเข้ามาได้ตรงเวลาซะจริงๆ



                        หน้าเธอกับหน้ามันไม่รู้ของใครจะแดงกว่าใคร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ไอ้คนต้นเรื่องน่ะหน้าบูดสนิท



                        รอยเขียวช้ำเบ้อเร่อที่รอบนัยน์ตา เป็นหลักฐานชิ้นดีถึงสาเหตุของอารมณ์ขุ่นขึ้ง ก็แม่เจ้าประคุณเล่นประเคนหมัดใส่หน้า จะด้วยความเขินหรือความตกใจไม่ทราบได้ แต่ความซวยตกเป็นของเขา ที่นอกจากจะเจ็บตัวแล้วยังต้องมานั่งฟังมันพล่ามเรื่องไร้สาระแก้อายให้รำคาญหู...



                        “แล้วนี่แกมีธุระอะไร?” เฟรินเอ่ยถาม แต่ยังไม่กล้ามองหน้าเพื่อนซี้



                        “ก็ไอ้สาสน์ท้ารบนั่นน่ะสิ มันจั่วหัวว่าท้าป้อมอัศวินในศึกหมากกระดานเกียรติยศ”



                        คำตอบที่เรียกสายตาผู้ฟังทั้งสองให้หันมาสนใจได้ชะงัดนัก



                        “แล้วใครเป็นคนส่ง?” คำถามเอ่ยเรียบจากปากของเจ้าชายแห่งคาโนวาล



                        “มันบอกว่ามันเป็นตัวแทนจากไวท์โรด...” คนพูดหลับตาพริ้มแล้ว เอนหลังลงพิงกับพนัก



                        “ที่ไหนวะ? ฉันไม่เคยได้ยิน?” เจ้าตัวยุ่งเกาหัวแกรกๆ แล้วหันไปมองดวงหน้ารูปสลักเป็นเชิงขอคำตอบ



                        “จะเป็นใครมาจากไหนก็แล้วแต่...” หนุ่มนักฆ่าแห่งซาเรสเอ่ยขัด



                                    “พรุ่งนี้ก็ได้รู้กันแล้ว...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×