ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝนกระหน่ำที่กลางใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : หยดฝน 1 - พายุฝน

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 52


    เม็ดฝนขนาดใหญ่กระเซ็นสาดซ่าลงมาจากเบื้องบนรวดเร็วและรุนแรง กระหน่ำซัดสู่ทุกอย่างที่เบื้องล่างอย่างไม่ปราณี ลมแรงๆพัดผ่านไปมา โยกย้ายวัตถุที่น้ำหนักไม่มากนักปัดปลิวไป ฟ้าคำรามส่งเสียงดังสนั่นเฉกเช่นท่วงทำนองขับชานของบทเพลงมัจจุราช แสงแปลบๆ ขาววาบ เกิดขึ้นตามจังหวะ

    การจราจรในยามค่ำซึ่งเคยไม่คล่องตัวอยู่แล้วจึงกลายเป็นแน่นขนัดจนไม่อาจเคลื่อนไปได้ ไฟแดงๆของรถที่จอดนิ่งช่วยส่องให้ท้องฟ้าสว่างกว่าราตรีอื่นอยู่บ้าง

    รถสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่คันแรกของไฟแดง มันเป็นรถทรงยุโรป รุ่นใหม่ขนาดใหญ่ รอบด้านติดฟิล์มทึบจนไม่อาจเห็นอะไรข้างในได้เลย ทะเบียนรถสลักเลข 9999 บ่งบอกได้ชัดว่า เจ้าของมีเงินและมีอำนาจมากเพียงใด

    แต่นั่นก็ยังไม่พอหรอกสำหรับความต้องการของ เขา  ...อยุทธ์ ลิขิตรัตนกุลต้องได้อีกมาก...มากยิ่งกว่านั้น

                    เจ้าของรถบัดนี้สวมเสื้อสูทสีดำสนิทที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตจากห้องเสื้อชื่อดัง ใบหน้าคมเข้มนั้นเรียบสนิทจนยากที่จะเดาอารมณ์ เขานั่งที่คนขับ ขับรถด้วยตนเอง

                    วันนี้... เขากำลังทำภารกิจชิ้นสำคัญ... จะเสร็จอยู่แล้ว ดับความแค้นในอดีต ยังไม่เคยลืมว่า เพราะการกระทำของใครบางคนทำให้เขาเจ็บปวด เจ็บปวดมาก หัวใจที่เคยอ่อนนุ่มจึงกลับกร้าวแข็ง หัวใจที่เคยดีงามจึงกลับแปรเปลี่ยน จากรักมากกลับกลายเป็นแค้น...ฝังใจ

                    ปล่อยๆฉัน เดี๋ยวนี้ นายไม่มีสิทธิที่จะจับฉัน เสียงตะโกนแผดมาจากด้านหลังของตัวรถ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก ภายใต้การถูกมัดของเชือกเส้นใหญ่

                    อยุทธ์ เหยียดมุมปากเยาะ มองผ่านกระจกด้านคนขับ ก็เห็นร่างเล็กในสภาพที่สมบุกสมบันพอควร ผมที่เคยยาวสลวยถึงกลางหลัง ขดมัดกระจุยกระจายปกปิดใบหน้าของเจ้าหล่อนหมด ข้อมือเท้ามีรอยบวมแดงจากการดิ้นรนออกจากพันธนาการ ที่ยังรัดรึงไว้แน่นหนา

                    ผมไม่ปล่อย เขาย้ำสามคำชัดเจน จะว่าเขาโหดร้ายก็ได้ แต่หากได้หล่อนมาเป็นเครื่องมือ การแก้แค้นของเขาจะจบลงได้ หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนี้ แต่เมื่อเปรียบกับวันนี้ ไม่เลย... เขาไม่รู้สึกคำเหล่านั้นมานานแล้ว นานแสนนานที่คำๆนั้นสลายไปจากหัวใจ

                แล้วนายจับฉันมาทำไม หล่อนถามเสียงสั่นเพราะความโกรธจัด ดวงตาสีดำเต้นระริกภายใต้แสงไฟอ่อนๆ

    เกม ไงล่ะ เกมที่ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะ มีผู้ถูกล่าแล้วก็มีผู้ล่า เขาจบประโยคด้วยการกลั้วหัวเราะในลำคอ จะว่าไปน้อยครั้งนักที่คนอย่างอยุทธ์จะหัวเราะ ชีวิตของเขาผจญกับความขื่นขมมามากจนฝังรากลึกลงในจิตใจของเขาแล้ว

    บ้า ฉันไม่เข้าใจ หญิงสาวตวาดลั่น สับสนและหวาดกลัวจับจิต คนแปลกหน้าคนหนึ่งจับเธอมา จับเธอมาได้อย่างไรกัน ในเมื่อระบบรักษาความปลอดภัยของที่ทำงานเธอแน่นหนามาก ตรวจจับละเอียดถี่ยิบ แต่เขาก็ทำได้แล้ว ทำได้โดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสงสัย

    ไม่ต้องเข้าใจหรอก เธอมันก็แค่หมากตัวหนึ่งในเกมชีวิตก็แค่นั้น

    แล้วนายจะทำอะไรกับหมากอย่างฉัน หล่อนเอ่ยประชด ปลายฝนไม่ใช่คนอ่อน ไม่ใช่คนเกรงกลัวอะไรง่ายๆ เธอเป็นบุตรีคนเดียวของ นักธุรกิจพันล้าน สุริยยศ กลพจน์วัลย์

    เล่นมันไงล่ะ ฉันต้องการให้เธอเดินแต้มให้ฉัน เป็นหมากที่รุกจนกระทั่งอีกฝ่ายับเยิน ว่าจบเขาก็กระชากรถออกทันทีเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

    หญิงสาวด้านหลังไม่ทันได้ระวังตัวจึงกลิ้งตกลงมาอย่างแรง ปลายฝนงอตัวคู้กับแรงกระแทกนั้น ทว่าตัวคนขับเองกลับไม่สนใจ ไม่มีความจำเป็นใดที่อยุทธ์ต้องสนใจใคร ในเมื่อตอนที่เขาเคยต้องการเขาก็ไม่เคยได้มันมาจากใคร

    ถึงตอนนี้ วันที่หัวใจของเขากร้าวแกร่ง เข้มแข็ง และทานทนกับความเจ็บปวด...

     ใช่... วัยเขาได้ก้าวผ่านช่วงชีวิตที่ร้าวระบม เจ็บปวดและเคียดแค้น มาแล้ว เขาเจ็บจนชิน เจ็บจนใจมันด้านชา รู้จักแต่ความแพ้พ่ายจนกระหายแต่ชัยชนะ ชัยชนะที่เขาต้องการสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของตัวเอง ไม่มีความจำเป็นใดอีกแล้วที่เขาจะต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ในเมื่อยิ่งหวังยิ่งผิดหวัง และก็มีตัวเขาคนเดียวที่ต้องกอดตัวเองร้องไห้

    พึ่งตัวเองเสียดีกว่า มองคนอื่นเป็นแค่หมากที่มีให้เขาเล่น จงจำไว้... อยุทธ์แกเป็นคนเล่น จงอย่ากลับไปเป็นหมากให้ใครเขาชูเชิดได้อีก

    ฉันเจ็บนะ หญิงสาวข้างหลังโวยวายขึ้นมา เมื่อเห็นคนขับยังทำตัวไม่รู้สึกรู้สา หล่อนพยายามขยับไปนั่งบนเบาะอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะตัวรถแม้เพิ่งออกจากไฟแดงยังเคลื่อนตัวไม่เร็วมากนัก แต่ก็เร็วพอที่จะทำให้หญิงสาวที่ถูกจับมัดมือไพล่หลังและรวบขาเข้าหากัน ไม่อาจขึ้นนั่งได้

    เจ็บก็เลิกดิ้นซะ เขาพูดขึ้นเรียบๆ ไม่แม้แต่จะชะลอรถลงเพื่อดูอาการหญิงสาวด้านหลัง

    นายก็หยุดรถแล้วก็ช่วยดึงให้ฉันนั่งบนเบาะหน่อย หล่อนเอ่ยขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงสั่ง

    ล้มเองก็ลุกเอง อยุทธ์ไม่ได้ทำตามคำขอร้องแกมสั่งนั้น ใช่... สำหรับเขาใครล้มก็ต้องลุกเอง ในเมื่อไม่มีใครเคยช่วยเขา เขาก็จะไม่ช่วยใครเหมือนกัน

     

    รถสีดำจอดนิ่งหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาว มีผู้ชายร่างค่อนข้างท่วมคนหนึ่งมาเปิดประตูให้คนขับ อยุทธ์ก้าวเดินลงจากรถ แล้วลากตัวหญิงสาวด้านหลังออกมาด้วย ชายผู้ที่มาเปิดประตูรถมองด้วยแววตาเรียบเฉย เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายของเขาจะพาผู้หญิงมาพักด้วย

    ไม่ต้องร้อง ร้องไปก็เสียน้ำลาย ที่นี่คนของผมทั้งนั้น เขาบอกหล่อนเสียงไม่ดังนัก

    แต่ปลายฝนไม่เชื่อ หากเชื่อกำลังใจที่มีก็คงถูกบั่นทอน คนที่จับตัวเธอมาทุกคนรู้จักดี เขาเป็นคนมีอำนาจที่นี่ ธุรกิจของเขาที่มีครอบคลุมแทบทุกกิจการ

    กิตติศัพท์ของเขาก็โด่งดังไม่แพ้กัน เสียแต่ว่าจะดังไปทางไม่ค่อยดี

    เหี้ยม นายอยุทธ์คนนี้เป็นคนจิตใจเหี้ยมเกรียม โหดร้าย เป็นคนจริง หยามไม่ได้...

    แต่จะว่าไปสิ่งที่ดีในตัวเขาก็ยังคงมีพอหลงเหลืออยู่บ้าง

    เพราะเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังในชีวิต เพียรพยายามมากถึงมากที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมาย เขาเป็นคนเก่งและเฉลียว ทำให้ทุกอย่างที่เขาหยิบจับนั้นดูเหมือนจะเป็นไปในทางที่ดีทั้งหมด

    ไม่มีใครรู้เลยว่า ฉากหลังของความสำเร็จนั้น อยุทธ์ต้องทนกับความเจ็บปวดทั้งกายและใจมากแค่ไหน ต้องตะกุยตะกายเอาตัวรอดสักเพียงใด ต้องโกรธโชคชะตาสักกี่ครั้ง แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร มันก็ได้หล่อหลอให้ อยุทธ์เป็นดังเช่นที่เห็นกันในปัจจุบัน บาดแผลที่เคยถูกสร้างไว้ไม่เคยหายไปไหน เพียงแค่ถูกปกปิดไว้ก็แค่นั้น...

    ช่วยด้วยค่ะ ฉันถูกจับตัวมา หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง ทว่าคนในบ้านดูเรียบเฉยอย่างที่ชายหนุ่มได้ขู่เธอไว้ไม่ผิดเพี้ยน

    ปลายฝนตะโกนอีกสองสามทีก็เห็นว่าไม่ได้ผลจึงเลือกที่จะหยุดแล้วพยายามคิดทางอื่นเพื่อหนีให้รอดจากเงื้อมมือของเขา

    หญิงสาวพยายามออกแรงดิ้นทว่าไม่หลุด อยุทธ์กลับลากหล่อนไปในบ้าน ลากขึ้นบนบันไดสีทองกว้างขวางนั้นอย่างไม่สนว่าหล่อนจะหกล้มลุกคลุกคลานอย่างไร

    หล่อนพยายามออกแรงแยกมือทั้งสองข้างออกจากกันเพื่อให้เชือกขาด แต่ก็ยากนักที่จะหวัง เชือกเส้นหนาละเหนียวเหลือเกิน ยิ่งออกแรงก็ดูเหมือนว่าข้อมือหล่อนเองที่จะบอบช้ำจากแรงนั้น เขาคว้าต้นแขนหล่อนลฉุดเดินไปจนถึงหน้าประตูห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง มือข้างที่ไม่ได้ตรึงหล่อน แสกนลายนิ้วมือ เปิดประตู

    ภายในห้องที่เขาลากหล่อนมามีเตียงขนาดใหญ่เห็นเด่นชัดสุด โทรทัศน์และเครื่องอำนวยความสะดวกอีกเล็กน้อยแต่หรูหรา ทว่าหญิงสาวไม่มีเวลามากนักที่จะชื่นชมกับมันเหมือนเคย

     เขาวางร่างหล่อนบนเตียงนอนขนาดใหญ่นั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความนุ่มสบายและกลิ่นหอมสดชื่นของผ้าปูสีน้ำเงินเข้ม

    ในขณะที่ เขาก้าวเดินกลับไปที่ประตูแตะลายนิ้วมือเพื่อปิดกุญแจ หันมามองหล่อนด้วยแววตาเยาะเย้ยเป็นสัญลักษณ์ว่าถึงอย่างไร... หล่อนก็ไม่อาจหนีเขาพ้น

    เขาย่างก้าวกลับเข้ามาหา พลิกขึ้นบนเตียง ในขณะที่หญิงสาวเขยิบหนีให้ไกลจากเขามากที่สุด เขาถอดเสื้อสูทที่ดูเรียบร้อยนั้นออก ปลายฝนรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไรกับหล่อน

    ข่มขืน นะซิ... ผู้ชายตรงหน้ากำลังจะเป็นโจรพรากความบริสุทธิ์ของหล่อนไป

    แล้วหล่อนจะทำเช่นใดดี อยากหนีแต่ก็ยากที่จะพ้น มือและขายังถูกพันธนาการด้วยเกลียวเชือกเส้นโต เขาก้าวเข้ามาประชิดร่างหล่อนแล้ว มือหนาตรึงที่ขาขวาแน่น คลายเกลียวเชือกออก ก่อนสะบัดปลายเชือกมัดไว้กับเสาท้ายเตียง รวดเร็วพอที่หล่อนไม่อาจหลีกหนีได้ทัน เขาหยิบเชือกอีกเส้นจากปลายเตียง โยงมัดเท้าซ้ายหล่อนไว้กับเสาอีกต้นหนึ่ง

    ปล่อยฉันนะ ปลายฝนตวาดแม้จะรู้ดีว่า ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยหล่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้รอดพ้น

    อยุทธ์ไม่ได้สนใจเสียงปรามนั้น เขาโน้มตัวลงทาบทับบนร่างเล็กที่ถูกตรึง มือขวาจับท้ายทอยเธอแน่น แล้วโน้มริมฝีปากสัมผัสกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นอย่างแรง และเร้าอารมณ์ หญิงสาวพยายามส่ายหนีการสัมผัสจากเขา แต่ไม่อาจทำสำเร็จ มือของเขายังตรึงท้ายทอยหล่อนแน่น ริมฝีปากอุ่นๆที่ประทับอยู่บนริมฝีปากหล่อนนั้นเดินเครื่องอย่างชำนาญ เขาเจนจัด สอดไส้ลิ้นวนไปมาทั่วโพรงปากนุ่ม จูบที่กินเวลาเนิ่นานแทบขาดใจในความคิดของปลายฝน ไม่ใช่ซิ... เธอไม่อาจรู้ได้ว่าจูบปกติกินเวลาแค่ไหน เพราะเธอยังไม่เคย...

    แล้วผู้ชายตรงหน้ากล้าดีอย่างไรถึงทำกับเธอเช่นนี้ เจ็บปวดทางกายไม่เท่าในใจ เธอไม่เคยคิดนึกว่าสักวันจะต้องเป็นทาสบำเรอความใคร่ของใครเช่นนี้ ไม่เคยคิดเลย

    น้ำตาเม็ดเล็กๆพราวพร่างคลอดวงตา หญิงสาวพยายามกระพริบเปลือกตาถี่ๆเพื่อไล่มันออกไป ไม่มีประโยชน์ใดที่หล่อนจะต้องเสียน้ำตาให้คนเลว เลวเช่นนี้...

    เลวที่สุด หญิงสาวสบถเสียงสั่น ความโกรธอัดแน่นในอก แม้น้ำตาเริ่มเหือดแห้งจากภายนอก แต่กลับฟลั่นไปให้ไหลในใจแทน

    ชายหนุ่มหัวเราะแค่นๆ ไม่สนใจกับคำว่านั้น คำว่าเหล่านั้นมิจะทำอะไรให้จิตใจที่แข็งดังเหล็กอย่างเขาๆได้อีกต่อไปแล้ว

    เขาโน้มตัวลงมาอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องผงะ

    เธอถ่มน้ำลายใส่ฉัน เขาตวาดอย่างโกรธจัด มือหนาลูบปัดหยดน้ำนั้นทิ้ง

    แค่นี้มันยังน้อยกว่าที่แกทำกับฉัน หญิงสาวย้ำอย่างโกรธจัด คำสรรพนามเรียกชื่อเปลี่ยนไปตามแรงอารมณ์

    เขาไม่พูดอะไรกับปลายฝนอีก มีเพียงสัมผัสจากเขาเท่านั้นที่บ่งชัดเจนว่าเขาจะทำอะไรกับการกระทำที่ปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ สัมผัสที่รุนแรง หยาบกระด้าง ริมฝีปากหนาที่เค้นขยี้ลงมา ไร้ความปราณีใดๆ มีแต่การจาบจ้วงรุนแรงจนเจ็บระบม หญิงสาวพยายามดิ้นหนี แต่ก็ไม่อาจสำเร็จ เขาจูบแล้วจูบเล่า จนหนำใจจึงปล่อยร่างบางออกจากตัว

    น้ำตาหล่นร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวย ไหลลู่ลงสู่แก้มนวลเนียน ริมฝีปากแดงจัดและบวมเจ่อขึ้นจากการกระทำของเขา หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยแววตาเกลียดชังและรังเกียจ

    หยุดทำไม อยากนักก็ทำต่อซิ เสร็จแล้วฉันจะได้กลับ หล่อนว่าอย่างเจ็บช้ำ

    ชายหนุ่มนิ่ง มีอะไรบางอย่างที่กลับไปกระตุกความคิดเขาอย่างรุนแรง ปลายฝนในวันนี้เหมือนกับภาพในอดีตของเขายิ่งนัก อดีตที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นเหยื่อ เหยื่อเหมือนกัน

    แต่ว่า เมื่อนึกถึงอดีตความเจ็บปวดแล่นริ้วเข้ามา แม้จะพยายามหมักหมมสิ่งโสโครกเหล่านั้นไว้ภายใน ไม่เคยคิดเลยที่จะขุดมัน แต่มันก็ยังโชยกลิ่นให้เขารู้สึกและตระหนักได้ไม่น้อย

    เขากลับมองนิ่งที่ร่างหญิงสาว แล้วผลุนผลันออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

     

    ปลายฝนพยายามอีกครั้งกับการสลัดตัวให้หลุดจากพันธนาการที่ตรึงไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่เขาหยุดไป แล้วก็ไม่มีเวลาให้คิดด้วย ที่เธอจำเป็นต้องทำตอนนี้คือ หนี หนีให้พ้น แม้เชือกจะแน่นสักเพียงใด หญิงสาวก็ไม่ยอมละความพยายาม เพราะรู้ดีว่า หากเธอหนีไม่พ้น สิ่งที่เขาจะมอบให้ คือตราบาปที่จะติดตรึงเธอชั่วนิจนิรันดร์

    เสียงฝีเท้าหนักๆก้าวกลับมาในห้อง หัวใจของปลายฝนตกวูบลงไป ความเจ็บช้ำจะต้องถูกฝังอยู่ในใจเธอเพราะน้ำมือของเขาหรือ

    อยุทธ์ก้าวเข้ามาพร้อมกับน้ำส้มหนึ่งแก้ว เขายื่นให้หญิงสาวดูดมันจากหลอด

    ปลายฝนหันหน้าหนีไม่มีทางที่เธอจะยอมดื่มมัน รู้แน่ชัดว่าต้องมีสิ่งแปลกปลอมปะปนอยู่

    ดื่มซะ เขาสั่งเสียงเข้ม

    ฉันไม่ได้กินหญ้าแทนข้าว ฉันถึงจะเชื่อคำพูดแก

    เพียงไม่นานหลังจบประโยค มือหนาข้างที่ว่างก็บีบคางเธอให้อ้าออก กรอกน้ำส้มลงไปจนหมดแก้ว เขาวางแก้วทิ้งไว้ที่หัวเตียง เคลื่อนตัวมาทาบทับลงบนร่างเล็กอีกครั้ง มือหนาค่อยๆแกะกระดุมเสื้อของร่างที่ถูกทับออก หญิงสาวรับรู้ได้แต่เริ่มลางเลือนลงเรื่อยๆ

    แกจะทำอะไรฉัน เสียงสั่นและแผ่วเบา แม้รู้ดีว่าเขาจะทำอย่างไรกับเธอ แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะยอมรับให้ได้

    ทว่าถึงอย่างไรก็ตาม มันไม่อาจเห็นทางใดเลยได้ว่าเธอจะหลุดพ้น แรงที่เริ่มลดน้อยลงจนไม่อาจแม้แต่สะบัดหน้าหนี

    สติเริ่มค่อยๆแลลับไป สัมผัสได้เพียงสัมผัสอุ่นๆจากมือใหญ่ รู้เพียงว่ากรพโปรงถูกรูดออกไป  ปลดชุดชั้นในออกไปจนร่างกายเปลือยเปล่า ไม่มีแรงต้านเหลืออีก หล่อนรู้แน่แล้วว่าถูกวางยา แล้วก็กำลังจะต้องตกเป็นของเขา

    แต่จะทำอย่างไรได้เล่า นอกจากต้องทำใจยอมรับ ยอมรับเพราะว่ามันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว สัมผัสจากตัวเขาดูเหมือนจะกระตุ้นความรู้สึกต่างๆได้น้อยลง สำนึกสุดท้ายคือเขาเคลื่อนตัวมาทับหล่อน แล้วก็ดับวูบไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×