คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยอม 2
เมื่อทั้งสองเดินมาขึ้นมาถึงชั้นสองของผับซึ่งจัดไว้สำหรับแขกวีไอพี
ซึ่งมีทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง นักธุรกิจ
และเหล่าไฮโซมากมายนั่งสังสรรค์หาความสุขให้กับตัวเองในยามค่ำคืนมีคนหลายคนที่ให้ความสนใจกับชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งสองที่เดินผ่านโต๊ะของพวกเค้าไป
แบคฮยอนเดินนำไปยังโต๊ะที่ได้นัดกับพวกพี่ๆไว้เมื่อทั้งสองมาถึงก็ได้รับเสียงทักทายจากพวกพี่ๆทันที
“เอ้า มาแล้วหรอ พวกพี่รอจนเหงือกจะแห้งอยู่ล่ะ”ลู่หานพูดติดตลกและส่งยิ้มให้น้องทั้งสองคน
“โถ่ ก็รถมันติดอ่ะพี่ นี่ก็รีบสุดๆล่ะ เนอะชานยอล”แบคฮยอนหันมาขอความเห็นจากชานยอลทันทีชานยอลก็พยักหน้ารับตามที่แบคฮยอนพูด
“อ่ะๆ พี่เชื่อแล้วนั่งก่อนสิ”ลู่หานบอกน้องๆที่ยืนอยู่นานแล้วทั้งสองนั่งลงตามคำเชิญจากลู่หาน
“จะว่าไปช่วงนี้พวกพี่ไม่ค่อยได้เจอชานยอลเลยเป็นไงบ้าง”ซิ่วหมินถามชานยอลด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ตัวเค้าเองจะรู้ดีอยู่แล้วว่าตอนนี้ชานยอลเป็นอย่างไรแต่ก็อยากถามเผื่อน้องจะระบายอะไรออกมาบ้าง
“ก็...สบายดีครับ”ชานยอลตอบเสียงเบาและก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่กุมกันไว้ที่หน้าตัก
“อึ้มก็ดีแล้วล่ะ”ซิ่วหมินส่งยิ้มบางให้กับชานยอลเพราะคำตอบที่ชานยอลตอบนั้นเค้าเดามันไว้อยู่แล้วว่าจะออกมาเช่นไรเพราะชานยอลเป็นพวกที่เก็บความรู้สึกไว้คนเดียวและไม่ยอมระบายออกมาให้ใครรู้เพื่อให้คนอื่นสบายใจแต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นโกหกไม่เก่งเลยสักนิดเพราะทุกอย่างแสดงออกมาผ่านแววตาอันเศร้าหมองนั้นตลอดเวลา
“เอาๆ พี่ว่าเรามาดื่มกันดีกว่า วันนี้พี่เลี้ยงเอง เอาเลยเต็มที่
ชานยอลเองก็รีบสั่งสิ พนักงานเค้ายืนรอจนเมื่อยแล้วเนี่ย
นายด้วยแบคฮยอนสั่งเร็วเข้าถ้าไม่รีบสั่งพี่จะเปลี่ยนใจไม่เลี้ยงแล้วนะ”ซูโฮที่ทนต่อความเงียบไม่ไหวรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
ชานยอลเงยหน้าขึ้นจากตักแล้วนั่งเงียบไม่ยอมสั่งในขณะที่แบคฮยอนสั่งนู้นสั่งนี่เสียงดังเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบมากเกินไป
“เอ้าชานยอลทำไมไม่สั่งล่ะ
โอเคถ้านายไม่สั่งฉันจะสั่งให้แทนแล้วกันงั้นเอาน้ำส้มแก้วนึงครับ”แบคฮยอนบอกพนักงานที่ยืนรับออเดอร์อยู่ทันทีโดยฟังความเห็นชานยอลที่เอาแต่นั่งเงียบๆอยู่คนเดียว รอไม่นานพนักงานก็นำทั้งอาหารและเครื่องดื่มมาเสริฟที่โต๊ะ
และและเริ่มมีเสียงพูดคุยกันขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่ชานยอลช่วงนี้ว่างหรือเปล่า”ซูโฮชวนชานยอลที่เอาแต่นั่งเงียบมาสักพักแล้วคุยเพื่อนให้น้องไม่เอาแต่คิดเรื่องที่ไม่ควรคิด
“ว่างครับ พี่ซูโฮมีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ”ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาตอบซูโฮ
“คือพี่อยากจะชวนเราไปถ่ายแบบน่ะ
สนใจมั้ยพี่รับรองพี่ให้ค่าตัวไม่อั้นเลย”ซูโฮเอ่ยชวนชานยอลทันทีเพราะที่บริษัทของเค้าต้องการนายแบบบุคลิกแบบชานยอลเพื่อไปถ่ายแบบให้กับแบรนเสื้อชื่อดังแบรนนึง
และถ้าชานยอลตกลงเค้าก็จะได้ไปบอกในที่ประชุมเลย
เพราะถึงยังไงคนไม่มีใครกล้าขัดเจ้าของบริษัทอย่างเค้าได้แน่นอน
“เอ่อ ผมว่าผมคงไม่เหมาะกับงานนี้หรอกครับ”ชานยอลตอบออกมาเสียงเบาเพราะกลัวซูโฮจะโกรธ
“นี่ไม่ต้องกลัวพี่โกรธหรอกถ้าชานยอลบอกว่าไม่อยากทำพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
พี่แค่ลองถามดูเผื่อว่าชานยอลจะอยากลองทำดูและพี่คิดว่างานนี้เหมาะกันชานยอลดี
พี่ให้เวลาชานยอลคิดใหม่ก่อนถ้าตกลงก็โทรหาพี่โอเคมั้ย”ซูโฮให้เวลาชานยอลคิดเพราะเค้ารู้ดีที่ชานยอลไม่อยากมาทำงานกับเค้าเพราะอะไร
“ครับ ถ้าผมตกลงแล้วจะโทรไปนะครับ”ชานยอลส่งยิ้มให้กับซูโฮ
หลังจากนั้นทุกคนก็คุยกันต่อไปเรื่อยๆบรรยากาศบนโต๊ะเริ่มดีขึ้นจากชานยอลที่ทีแรกเอาแต่นั่งเงียบพอมีคนชวนคุยก็พูดจ้อเป็นต่อยหอยกลายเป็นชานยอลคนเดิมที่เคยสดใสร่าเริงตลอดเวลา
“อ๊ะ จริงสินี่ก็จะเที่ยงคืนแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”ชานยอลรีบเอ่ยขอตัวทันทีที่ดูนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือ
“อ่าว จะรีบกลับไปไหนล่ะชานยอล อยู่คุยกันก่อนสิกำลังสนุกเลย”ลู่หานพูดขึ้น
“คือ ผมต้องรีบกลับแล้วครับ
ผมกลัวว่าถ้าพี่คริสกลับมาแล้วไม่เจอผมเค้าจะเป็นห่วงเอา”คำตอบของชานยอลทำเอาคนทั้งโต๊ะเงียบไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักคำ
“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง”แบคฮยอนพูดทันทีที่ชานยอลพูดจบ
“ไม่เป็นไรหรอกนายอยู่คุยกับพวกพี่ๆเค้าก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”ชานยอลบอกแบคฮยอนด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกชานยอลให้แบคฮยอนไปส่งแหละดีแล้ว
นี่ก็มืดแล้วกลับคนเดียวมันอันตราย พวกพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”ลู่หานบอกชานยอลเพราะรู้ว่าชานยอลเกรงใจพวกเขามากแค่ไหน
“แต่....”
“ไปเถอะชานยอลถ้านายไม่ไปกับแบคฮยอนยังไงพวกพี่ก็ต้องไปส่งเราอยู่ดีเพราะมันดึกมากแล้ว”ซิ่วหมินพูดพร้อมกับยิ้มให้
“ใช่ๆถ้าชานยอลไม่ไปกับแบคฮยอนพี่ไปส่งเอง ไปๆ”ซูโฮทำท่าลุกขึ้นยืนเตรียมตัวไปส่งจนชานยอลเกรงใจจึงยอมให้แบคฮยอนไปส่งที่บ้านแทน
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”ชานยอลก้มหัวทำความเคารพพร้อมกับบอกลาพวกพี่ๆ
“ไปนะครับพี่”แบคฮยอนก็ทำเช่นเดียวกับชานยอล
“ขับรถดีๆล่ะแบคฮยอน”ลู่หานบอกรุ่นน้องแล้วส่งยิ้มให้เมื่อเอ่ยลากับเรียบร้อยแล้วชานยอลและแบคฮยอนก็ลงมาที่รถเพื่อไปส่งชานยอลที่คอนโด
เมื่อมาถึงชานยอลก็เอ่ยขอบคุณเพื่อนและกำชับว่าให้ขับรถช้าๆและชานยอลก็เดินมุ่งตรงไปยังลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องของตนเองโดยหวังว่าจะได้เจอชายหนุ่มซึ่งเป็นคนรักของตน
เมื่อชานยอลใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบว่าห้องนั้นยังคงมืดสนิท
แต่เมื่อเดินเข้าไปภายในหัวใจดวงน้องก็กลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีแสงไปสลัวลอดออกมาจากภายในห้องนอนร่างบางยิ้มกว้างด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าคนที่ตนอยากเจอมาหลายวันอยู่ภายในห้องร่างบางรีบเดินไปที่น่าประตูด้วยความรวดเร็วมือกำลูกบิดประตูและกำลังจะเปิดเข้ามาแต่มือนั้นก็จะต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นจากภายใน
“อื้อ อ่า คริส อ่า”เสียงที่ดังขึ้นทำให้มือที่จับลูกบิดสั้นไหวอย่างรุนแรง
ชานยอลไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าเสียงพวกนั้นคือเสียงอะไร ดวงตากลมสวยเอ่อครอด้วยน้ำตา
ชานยอลไม่กล้าแม้จะเปิดเข้าไป
แต่ความรู้สึกบางอย่างก็สั่งให้เค้าต้องใช้แรงที่เหลืออันน้อยนิดเปิดประตูนั้นเข้าไป
ภาพที่ชานยอลเห็นมันทำให้ร่างบางยืนแทบไม่อยู่มือข้างหนึ่งก็ยังคงจับลูกบิดอยู่ส่วนมืออีกข้างจับกรอบประตูเอาไว้เพื่อพยุงร่างกายที่อ่อนแรง
น้ำตามากมายไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ไร้เสียงสะอื้น
มีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดได้
หญิงสาวที่ตัวกำลังขยับเขยื้อนไปตามแรงสังเกตเห็นชานยอลแต่เธอกลับไม่สะทบสะท้านแม้แต่น้อย
เสียงร้องครางยังคงดังระงมไปทั่วห้อง ร่างบางก็ยังคงยืนปล่อยน้ำตาให้ไหลไปเรื่อยๆจนคนที่อยู่บนเตียงเสร็จกิจกรรมรักอันดุเดือด
ชายหนุ่มร่างสูงพริกตัวนอนหงายข้างร่างของหญิงสาวเมื่อเห็นร่างบางยืนอยู่ก็ไม่ได้มีทีท่าตกใจแต่อย่างใดเพราะจะว่าพึ่งเห็นก็คงไม่ใช่เพราะเค้ารู้ตัวตั้งแต่ร่างบางเปิดประตูเข้ามาแล้ว
แต่ตอนนี้แค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้นว่าทำไมถึงไม่โวยวายหรือหาเรื่องเค้าทำเพียงแค่ยืนร้องไห้เงียบๆเท่านั้น
“ว่าไงกลับมาแล้วหรอชานยอล”ชายหนุ่มเอ่ยทักเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“.....”ร่างบางยังคงนิ่งเงียบจ้องมองไปที่คนรักที่อยู่บนเตียงด้วยความผิดหวังพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่าไม่ชาดสาย
“พี่ถาม ทำไมไม่ตอบ”ชายหนุ่มกดเสียงต่ำเริ่มหงุดหงิดเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากร่างบาง
“ฮึก พี่จะให้ผมตอบว่าอะไรครับ
จะให้ผมตอบว่าสนุกดีที่เห็นแฟนผมเอากับคนอื่นหรอ”ชานยอลตอบพร้อมกับเสียงสะอื้นที่หลุดรอดออกมาเล็กน้อย
“หึ แล้วใครใช้ให้นายดูล่ะ ทำไมไม่ใสหัวออกไปซ๊ะ มายืนดูคนเอากันทำไม”คริสสวนกลับเพราะชานยอลความโมโหที่ชานยอลยอกย้อนเค้า
“ฮึก ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ นี่มันห้องของเรานะ
ทำไมพี่ต้องพาคนอื่นมานอนที่นี่”ชานยอลมองคริสด้วยแววต่ตัดพ้อและเสียใจอย่างที่สุด
“มันไม่ใช่ห้องของเรามันคือห้องของพี่
พี่ซื้อที่นี่ และพี่จะพาใครมาทำอะไรที่นี่ก็ได้มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาย”คริสพูดพร้อมกับมองตาชานยอลด้วยสายตาเย็นชา
ตอนนี้หัวใจของชานยอลแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดีจากคำพูดเสียดแทงจิตใจจากคนที่ตนรักที่สุด
“ฮือ ทำไมล่ะ ทำไมพี่คริส พี่ไม่รักผมแล้วหรอ ฮึก ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้
ฮือ”ชานยอลร่วงลงไปกองกับพื้นทันทีที่ฟังคำพูดของคริสจบ
เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วห้องจนคริสรำคาญ
ชายหนุ่มลุกขึ้นมาจากเตียงเดินตรงไปหาร่างบางที่นั่งร้องไห้จนตัวโยนอยู่หน้าประตูถ้าเป็นคนอื่นมองคงบอกว่ามันน่าสงสารจับใจแต่สำหรับคริสมันกลับน่ารำคาญสิ้นดี
คริสย่อตัวลงตรงหน้าชานยอลพร้อมกับจับปลายคางให้ใบหน้างดงามเงยหน้าขึ้นมองตน
“ทีพี่เป็นแบบนี้ก็เพราะนายไง เพราะนายมันน่ารำคาญ น่าสมเพศ
นายไม่มีอะไรน่าดึงดูดอีกแล้ว เมื่อก่อนนายอาจจะดูมีเสน่ห์ แต่ตอนนี้มันมีแค่ความน่ารำคาญเท่านั้น
หึ”พูดจบคริสก็สะบัดหน้าชานยอลอย่างจนหน้าผากร่างบางกระแทกกับขอบประตูจนเลือดไหลแต่ก็ไม่ได้ทำให้คริสสนใจเลยสักนิด
กลับมองบาดแผลนั้นด้วยสายตาเย็นชา แผลนั้นยังไม่เจ็บเท่าสายตาที่คริสมองมาเลยสักนิด
ชานยอลรู้ตัวดีแม้จะยื้อเท่าใดก็คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปแต่ชานยอลก็ยังอยากถามคำถามนึงกับคริสและถ้าคำตอบที่ได้ไม่เป็นดังหวังชานยอลก็จะเดินจากไป
“พี่คริสฮะ พี่คริสยังรักชานยอลอยู่มั้ย”ชานยอลมองคนรักดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
คริสส่งยิ้มกลับมาให้ก่อนจะตอบเสียงเรียบ“เลิกรักนายมานานแล้วล่ะ
ที่อยู่ด้วยทุกวันนี้ก็แค่สงสารเท่านั้น”เมื่อคริสพูดจบความหวังของชานยอลก็จบลงเช่นกันเหลือเพียงความเจ็บปวดเท่านั้นที่ยังคงทิ่มแทงหัวใจดวงนี้อยู่ชานยอลค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งยิ้มให้คริส
และพูดสิ่งที่อยากจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายกับคริส
“ขอบคุณมากนะครับที่อย่างน้อยก็ยังเคยรักคนที่ไม่มีแม้แต่ครอบครัวแบบชานยอล
ของคุณที่อย่างน้องพี่ก็ยังเคยสงสารเคยอยู่เป็นเพื่อนผม
ขอบคุณที่พี่เคยรักผมถึงแม้ตอนนี้พี่จะไม่รักผมแล้วก็ตาม ขอบคุณจริงๆฮะ
ดูแลตัวเองดีๆนะฮะ อย่างนอนดึก อย่าดื่มเหล้ามาก อย่าโหมทำงานหนักนะฮะ แล้วก็ลืมกินข้าวด้วยนะฮะ
ลาก่อนฮะพี่คริส”ชานยอลส่งยิ้มให้กับคริสทั้งน้ำตาก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองออกไปจากห้องที่เคยมีความทรงจำดีๆร่วมกันมากมาย
ออกมาสู่โลกที่ไม่มีคนที่ชื่อ อู๋อี้ฟาน อยู่เคียงข้างอีกต่อไป
ความคิดเห็น