ยัวรักพยัคร้าย - นิยาย ยัวรักพยัคร้าย : Dek-D.com - Writer
×

    ยัวรักพยัคร้าย

    ผู้เข้าชมรวม

    77

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    77

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  11 เม.ย. 55 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ ๑ หายนะ



    ...นักฆ่าต้องไร้หัวใจ คือสิ่งเดียวที่เขายึดมั่น...
    ...กำจัดนักฆ่าต้องล่าหัวใจ...คือสิ่งเดียวที่เธอต้องทำ...
    ...เมื่อพยัคฆ์ร้ายงามสง่าแต่ไร้หัวใจ...
    ...เธอจึงต้องยั่วยวนด้วยร่างกายเพื่อให้ได้ความรักมา...



    เวลาราว 5 ทุ่มรถที่แล่นมาด้วยความเร็วค่อยๆ ชะลอตัวจอดเทียบหน้าประตูรั้ว เมื่อรถจอดสนิทร่างโปร่งระหงจึงขยับตัวเอื้อมมือเพื่อเปิดประตูรถ ดวงตากลมโตหรี่ลงและชะงักมือและทำท่าลังเลเมื่อเห็นมีรถยนต์คันใหญ่สามคันจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หรูสไตล์โรมัน บนเนื้อที่มากกว่าห้าไร่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาขนาดย่อมโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่จนดูร่มรื่น

    รติญาเขม้นมองผู้ชายในชุดสูทสีดำที่ยืนกระจายอยู่รอบๆ ตัวรถและหน้าบ้านด้วยท่าทางสงบนิ่งอย่างสงสัย ดวงตากลมโตดำสนิทดุจสีนิลเหลือบไปมองชายแปลกหน้าอีกสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ในบริเวณกำลังไพล่มือไปด้านหลัง และยืนอย่างสงบในอิริยาบถแบบเดียวกัน

    เรือนร่างบางระหงในชุดทะมัดทะแมงนั่งนิ่งอยู่กับที่เมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ แม้จะทราบว่าบิดามักมีการติดต่อและเจรจาธุรกิจกับคนใหญ่คนโตอยู่เสมอ แต่เพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนเสียมากกว่าจึงทำให้ไม่ค่อยได้สัมผัสกับกลุ่มคนที่บิดาติดต่อมากนัก

    ขอโทษครับคุณผู้หญิง...ผมต้องรีบไป

    เสียงที่ดังขึ้นเบาๆ หยุดความสงสัยของหญิงสาวไปชั่วขณะ เธอหันไปเอ่ยขอโทษคนขับรถพร้อมกับหยิบธนบัตรส่งให้ตามราคาบนมิเตอร์ ก่อนจะเปิดประตูรถดึงกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่แล้วลากไปวางที่หน้าประตูรั้ว เมื่อแท็กซี่ขับออกไปเธอจึงเดินไปกดกริ่ง ขณะกำลังเอื้อมมือไปที่กริ่งเสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

    คุณโรสอย่าเข้าไป!

    เสียงแหบพร่าของชายวัยกลางคนที่ดังขึ้นจากด้านหลังหยุดมือที่กำลังกดลงบนกริ่งไปชั่วขณะ

    รติญาหันขวับไปทางต้นเสียงเมื่อเห็นว่าคนที่ทักเป็นใครใบหน้าฉงนฉงายก็ยิ้มพรายออกมา

    อ้าวลุงเจตน์นั่นเอง...สวัสดีค่ะ

    หญิงสาวยักมือขึ้นไหว้าทักทายคนที่สูงวัยกว่าอย่างคุ้นเคย

    คุณโรสรีบหนีก่อนเร็ว...

    เจตน์รีบพุ่งเข้าไปหิ้วกระเป๋าเดินทางแล้วเดินรีบๆ ไปที่รถ

    จะไปไหนคะ...แล้วทำไมโรสถึงเข้าไปในบ้านไม่ได้

    อย่าพึ่งถามเร็วเข้าเราต้องรีบหนี

    หนี!...ทำไมต้องหนีคะ

    รติญาหยุดเดินเอียงหน้ามองคนสนิทของบิดาด้วยประกายตาสงสัย ก่อนจะเบนกลับไปมองชายแปลกหน้าในชุดสูทที่กระจายอยู่เต็มบ้านแล้วครุ่นคิด

    ขึ้นรถก่อนเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง...เร็วเถอะครับ

    แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันตัดสินใจ อยู่ๆ รถเก๋งสีดำคันใหญ่สองคันก็แล่นเข้ามาด้วยความเร็วที่แทบเสยเข้าหาเธอ รติญาสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับกระโดดไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ ร่างบางระหงยืดตัวขึ้นเมื่อคลายจากความตระหนก ดาวตาสีดำสนิทเบิกกว้างเมื่อเห็นมีชายในชุดสูทสีดำสองคนก้าวยาวๆ เข้ามาและจับตัวเธอไว้

    พวกแกเป็นใคร? ปล่อยฉันนะ!

    หญิงสาวสะบัดตัวแรงๆ พร้อมกับแผดเสียงขึ้น

    จะไปไหนกัน?

    ชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างสูงเปรียวก้าวลงจากรถด้วยท่าทางนิ่งสงบ เขามองท่าทางเดือดดาลของหญิงสาวด้วยประกายตาเฉยเมยก่อนจะปรายตาไปทางเจตน์แล้วถามเสียงเย็น

    เอ่อ...

    เจตน์ทำท่าอึกอักก่อนจะเบือนหน้าหลบไม่ยอมสบตากับคนถาม

    อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยาก...มากไปกว่าที่เป็นดีกว่า...พาพวกเขาเข้าไปข้างใน

    คำพูดที่เปล่งออกมาฟังดูเรียบเฉยในคราแรกแต่น้ำเสียงยามออกคำสั่งสุดท้ายกลับเฉียบขาดและดุดัน

    รติญาหยุดดิ้นรนแล้วประเมินสถานการณ์ หญิงสาวจ้องชายแปลกหน้าที่กำลังปรายตามองดูเธอและเบนกลับไปทางเจตน์อีกครั้งด้วยประกายตาตื่นตระหนกระคนสงสัย

    ลุงเจตน์...คนพวกนี้เป็นใครกัน...พวกเขามาทำอะไรที่บ้านของเราเหรอคะ

    ไม่มีคำตอบใดๆ หลุดออกจากปากคนสนิทของบิดา เจตน์เม้มปากแน่นก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มร่างเปรียวแล้วเอ่ยขึ้น

    อย่าแตะต้องเธอ...

    คำพูดของชายวันกลางคนหยุดร่างสูงเปรียวที่กำลังก้าวไปขึ้นรถ ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวผิวขาวนวลเนียน...รูปร่างสูงโปร่ง...ดวงหน้าเรียวละมุน...ดวงตากลมโตสีดำสนิทที่ฉายแววตื่นตระหนกด้วยความรู้สึกทึ่งในทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเธอ ก่อนจะเบนกลับไปจ้องหน้าผู้สูงวัยกว่าแล้วเลิกคิ้วอย่างเป็นต่อ

    ถ้าไม่อยากให้แตะต้องคุณก็ควรหาทางออกสวยๆ ไว้แลกเปลี่ยน

    รอยยิ้มเยาะหยันราวกับทุกสิ่งทุกอย่างกำลังอยู่ในกำมือผุดออกจากมุมปากสีคล้ำ ชายหนุ่มพยักหน้าให้คนติดตามพาหมากตัวสำคัญไปขึ้นรถ ชายร่างใหญ่เดินไปดึงกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวจากมือเจตน์และโยนลงไปในกระโปรงรถอีกคัน

    รติญามองเห็นชายคนหนึ่งวิ่งตรงมาเปิดประตูรั้วให้ด้วยความแปลกใจ เมื่อรถจอดสนิททั้งหมดจึงคุมตัวเธอและคนสนิทของบิดาเข้าไป

    ตลอดเส้นทางระหว่างเดินเข้าไปในบ้านหญิงสาวปรายตามองไปทางคนติดตามของบิดาบ่อยครั้ง บ่อยจนคนถูกมองไม่กล้าหันไปสบตากับเธออีก

    คุณแม่!...พี่รัช!....

    เมื่อเท้าเหยียบเข้าไปในบ้านดวงตากลมโตเบิกขึ้นพร้อมกับอุทานออกมาเมื่อเห็นสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงของมารดาที่นั่งดวงตาแดงช้ำอย่างเหม่อลอยอยู่บนพื้น ข้างๆ มีร่างหมดสติของรัชพลที่ศีรษะอาบไปด้วยเลือดถูกมัดปากมัดมืออย่างแน่นหนาพิงกับโซฟา

    ลุงเจตน์เรียกรถพยาบาลสิคะ....ใครก็ได้ทำอะไรสักอย่างสิ...พี่รัช!...

    รติญาหันไปผลักคนที่จับยึดเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เมื่อได้รับอิสระหญิงสาวจึงพุ่งตัวเข้าไปหาพี่ชาย มือเรียวประคองใบหน้าเปื้อนเลือดของรัชพลขึ้นมาแล้วเหลือบไปทางมารดา

    คุณแม่...เกิดอะไรขึ้น?

    คำถามที่เธอคิดว่าจะพรั่งพรูออกมาถูกกลืนกลับลงคอในทันใดเมื่อเห็นความผิดปกติของมารดา รติญามองดวงตาแดงก่ำที่ฉายประกายว่างเปล่าด้วยความรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งความรู้สึก ดวงตาสีนิลกวาดไปรอบๆ

    พอเห็นร่างไร้สติของคนในครอบครัวนอนเกลื่อนกระจายอยู่บนพื้นและโซฟาใบหน้าเรียวละมุนก็ถึงกับเผือดซีด...รติญารู้สึกใจหายจนร่างกายเริ่มสั่นเทาเมื่อเห็นคนติดตามของบิดาสามคนนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ห่างออกไป...มันเกิดอะไรขึ้น...หญิงสาวปรายตาไปมองชายแปลกหน้าในชุดสูทสีดำนับสิบคนที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างหวาดหวั่น

    พวกคุณต้องการอะไร?

    เมื่อพอเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรหญิงสาวจึงลุกขึ้นหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยประกายตาที่คนถูกถามนึกสนุกกับความแข็งกร้าวของเธอแม้ใบหน้างดงามจะหวาดหวั่นจนเห็นชัดว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นสะท้านเพราะหวาดกลัวก็ตามที

    ตอบเธอไปสิเจตน์ว่าพวกผมต้องการอะไร?

    และคำถามของเธอก็ถูกโยนไปยังอีกคนด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน

    พวกเขาต้องการอะไรคะลุงเจตน์

    เจตน์หลบตาคนถามแล้วเบนไปมองชายหนุ่มรุ่นลูกแววตาอาฆาต

    อย่ามองผมแบบนั้นสิ...เพราะทุกอย่างเริ่มจากพวกคุณทั้งนั้น

    ชายหนุ่มยักไหล่แล้วผุดรอยยิ้มเย็นยะเยือกออกมา

    ในบ้านหลังนี้ไม่มีสิ่งที่พวกคุณต้องการ...คนบ้านนี้ไม่มีสิ่งที่คุณต้องการเลยสักอย่าง...อย่าทำอะไรพวกเขา

    เจตน์หันไปตวาดเมื่อสุดจะทนกับหายนะที่กำลังเผชิญ

    ใช่บ้านนี้อาจจะไม่มีสิ่งที่พวกผมต้องการ...แต่คุณก็รู้นี่ว่าสิ่งที่พวกผมต้องการมันอยู่ที่ไหน...และใครจะนำทางไปเอามันกลับคืนมา

    น้ำเสียงคนที่ตอบกลับมาฟังดูเรียบเฉย แต่กระแสเสียงที่เอ่ยบ่งบอกชัดถึงความเด็ดขาด

    ก็ได้ผมจะพาไปเอง...แต่คุณต้องปล่อยเธอไป...และสัญญาว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก

    เจตน์บอกอย่างหมดทางเลือก

    แค่ตัวคุณมันคงไม่มีความสำคัญกับเจ้านายมากถึงเพียงนั้นหรอกมั้งเจตน์ และที่สำคัญเวลานี้คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น

    คุณโรสไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้...และคนบ้านนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณเด่นชัยทำปล่อยพวกเขาไป

    ผิดแล้ว...ทุกคนเกี่ยวข้องกับทุกอย่างที่เจ้านายคุณเป็นคนทำ...บอกผมได้หรือยังว่าเด่นชัยมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน

    ผมขอร้องล่ะอย่าทำร้ายพวกเขา...ได้โปรดเถอะ

    ทุกอย่างอยู่ที่คำสั่งนาย...คุณก็รู้นี่ว่าพวกผมไม่ใช่คนตัดสิน...อีกสักครู่เมื่อนายมาถึงคุณก็ลองอ้อนวอนดูสิ

    แต่คุณขอนายได้...ได้โปรดเถอะอย่าแตะต้องเธอ

    พอได้ยินคำอ้อนวอนของคนต่างวัย ร่างสูงปราดเปรียวจึงหมุนตัวเบนสายตาไปจ้องดวงหน้าเรียวละมุนที่ขาวซีดราวแผ่นกระดาษด้วยประกายตาบางอย่าง...

    เมื่อเห็นประกายตาของอีกฝ่ายจ้องเธอราวกับกำลังพึงพอพอใจรสิตาจึงก้าวถอยไปด้านหลัง เธอหมุนไปมองมารดาที่นั่งเหม่อลอยแล้วค่อยๆ ทรุดลงข้างๆ พร้อมกับโอบกอดนางและซบหน้ากับไหล่ลู่อย่างหมดทางช่วยเหลือ...และไม่คิดสนใจกับใครอีก...

    เสียงรถที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ทเดินมาดมั่นเข้ามาหยุการสายตาที่กำลังจ้องท่าทางสิ้นหวังของหญิงสาวก่อนจะหันไปทางประตู

    ให้ตายเถอะ...มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?

    เสียงทุ้มดุดันของใครคนหนึ่งที่ดังมาจากหน้าประตูหยุดมือที่กำลังลูบหลังมารดาไปชั่วขณะ แม้จะสงสัยว่าคนเข้ามาเป็นใครแต่เธอก็ไม่คิดหันไปมอง

    ธงไชยถ้าใครขยับช่วยจับลูกปืนยัดลงบนสมองมันให้ด้วยเดี๋ยวผมมา

    ชายหนุ่มร่างสูงปราดเปรียวหันไปสั่งพร้อมกับผุดลุกขึ้นก้าวยาวๆ ไปหาเจ้านายก่อนจะพาออกไปด้านนอกพร้อมกับปิดงับประตู

    บัดซบ! เอ๊ย...นายทำบ้าอะไรกับคนในนั้นฉันสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าฆ่าใคร...เราต้องการแค่ของกับคนสนิทของมันทำแบบนี้เดี๋ยวไอ้หมาบ้าราชก็ได้หาเรื่องลากฉันไปไว้ในคุกหรอก

    อลันทำท่าหงุดหงิดเมื่อเห็นสภาพของคนในบ้านกำลังจะสร้างปัญหาให้กับตน

    สารวัตรอยู่ตากนะคุณอลันที่นี่มันกรุงเทพฯ มายังไงก็ไม่ถึงหรอก

    ไม่ถึงบ้าอะไร...มันยิ่งขู่ๆ ฉันอยู่ด้วยว่าถ้าฉันฆ่าคนในราชอาณาจักรไทยมันจะจับฉันใส่กุญแจมือแล้วโยนเข้าคุก

    อ้าวตกลงคุณอลันกลัวสารวัตรเหรอครับ

    เอกทัศน์ถามออกไปด้วยระดับเสียงที่แสดงความประหลาดใจ

    ฉันเนี่ยนะจะกลัวไอ้สารวัตรหมาบ้านั่น...ไม่มีวันเสียล่ะ...คนที่ฉันเกรงใจคือคุณแม่ต่างหาก...แล้วไหนจะยัยหมีขาวขั้วโลกนั่นอีก...อลิสได้ฉีกอกฉันพอดีถ้าทำงานนี้ไม่สำเร็จ...ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฉันต้องรับทำเรื่องบ้าๆ นี่เพื่อเธอด้วย...

    ที่คุณเลือกทำก็เพราะรักคุณอลิสยังไงล่ะครับ

    ถ้าฉันเลิกรักยัยหมีขั้วโลกนั่นได้คงจะดี และจะดีมากถ้าพวกนั้นจะยอมให้เราทำงานตามวิธีที่ฉันถนัดโอ๊ย...หงุดหงิดยัยอลิสมันห้ามไม่ให้ฉันฆ่าใครแม้แต่ทรมานก็ถูกห้าม...ฉันเป็นนักฆ่านะทัศน์ไม่ใช่บาทหลวงมันคิดมาได้ยังไงกับข้อห้ามพวกนั้น

    อลันบอกอย่างหงุดหงิดเมื่อมองเห็นความยากลำบากของภาระอันหนักอึ้งที่แบกอยู่เต็มบ่า

    ทุกอย่างเป็นแค่ฉากน่าคุณอลันมันไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่อะไร

    เอกทัศน์มองท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านของเจ้านายด้วยประกายตาขบขัน บอกไปใครจะเชื่อว่าเจ้านายจอมวายร้ายจะยอมอยู่ในโอวาทของน้องสาวจนไม่กล้าหือกับคำสั่ง

    นายกำลังจะบอกว่าไอ้ที่นอนกันกระจายอยู่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรงั้นสิ...ฉันให้นายไปจับตัวนายเจตน์คนสนิทของนายเด่นชัยไม่ใช่เรอะทำไมต้องถ่อมาที่นี่...

    เพราะเหยื่อล่ออยู่ที่นี่ไงครับพวกเราใช้ตัวลูกสาวของนายเด่นชัยที่เพิ่งเดินทางกลับจากอเมริกามาเป็นตัวล่อให้นายเจตน์ออกมาและมันก็ใช้ได้ผลเกินคาดเมื่อเราได้ทั้งเหยื่อและปลาตัวใหญ่

    ฉันไม่ได้ต้องการเหยื่อล่อบ้าบออะไรนั่น...วันนี้นอกจากนายจะอาจหาญโทรไปตามฉันมาที่นี่...นายยังทำนอกเหนือคำสั่งของฉันอีกด้วยนะทัศน์

    แม้คุณอลันจะไม่ได้สั่งแต่พวกผมก็จำเป็นต้องทำครับ

    เอกทัศน์มองสีหน้าขุ่นเคืองของเจ้านายด้วยประกายตาหวาดหวั่น

    นายมีความจำเป็นอะไรถึงกล้าขัดคำสั่งของฉัน

    มาดามเกรงว่าคุณเจตน์จะไม่ยอมให้ความร่วมมือจึงวางหมากให้พวกเราแบ่งกันออกเป็นสองทีมทีมหนึ่งเข้ามาสร้างสถานการณ์ที่บ้านอีกทีมประกบอยู่ที่สนามบินเพื่อรอนายเจตน์...แม้แผนจะพลาดตรงที่คุณโรสเธอเลือกเดินทางกลับบ้านเองแต่เราก็มาทันก่อนที่นายเจตน์จะพาเธอหนี มาดามให้คุณใช้คุณโรสเป็นตัวต่อรองอีกชั้นหนึ่งหากทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

    ไม่มีทางฉันไม่ใช้หมากที่เป็นผู้หญิงแน่ไปลากคอนายเจตน์นั่นออกมาแล้วพาทุกคนกลับ ให้ตายเถอะแค่ปวดหัวกับอลิสฉันก็จะบ้าตายอยู่แล้วนายยังจะไปหาผู้หญิงมาสร้างปัญหาให้ฉันอีกเหรอ

    พอได้ยินว่าหมากที่มารดาวางไว้อีกชั้นคืออิสตรี...อลันที่นึกผวาผู้หญิงจนเข้ากระดูกก็ถึงกับเต้นผาง

    มาดามให้เหตุผลว่าคุณโรสคือหมากสำคัญที่เราจะใช้บีบนายเด่นชัย

    อ้อ...แม่นั่นคงสำคัญกับมันมากล่ะสิคุณแม่ถึงคิดเอามารุกฆาต...งั้นบอกมาเลยว่าจะให้ฉันฆ่าแม่นั่นแล้วส่งเธอไปให้มันที่ไหน...ทุกอย่างจะได้จบๆ สักทีฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองเต็มแก่แล้ว

    อลันบอกอย่ากระตือรือร้น

    คุณอลันจะฆ่าโดยไม่คิดดูหน้าเธอหน่อยเหรอ

    เฮอะ...นายจะบอกฉันว่าแม่นั่นสวยล่ะสิ...หยุดยัดเยียดชีวิตอันน่าหวาดผวามาให้ฉันเสียที...ผู้หญิงสำหรับฉันมันคือหายนะอย่าได้เอามาแผ้วพานเชียว

    แต่เธอสวยนะครับ...ผมเห็นยังอดตะลึงไม่ได้...ไม่คิดจริงๆ ว่านายเด่นชัยจะมีลูกสาวสวยขนาดนี้

    เอกทัศน์สาธยายพร้อมกับทำตาแพรวพราว

    สวยยังไงก็น่าสยองอยู่ดีนั่นแหละ...นายไม่เห็นเรอะว่าผู้หญิงสวยๆ มันน่าสยดสยองขนาดไหน...ทั้งคุณแม่ทั้งอลิสยังไม่รวมถึงสองผู้กองจอมผวานั่นอีก...ฉันไม่เอาชีวิตไปแขวนอยู่บนความสมเพชเวทนาเพราะผวาเมียอย่างไอ้พวกผู้ชายไร้เกรดพวกนั้นแน่

    หนุ่มหล่อผู้ไร้หัวใจยังยึดมั่นกับอุดมการณ์อันแรงกล้าของตัวเอง

    ถ้าวันหนึ่งคุณรู้จักรักผู้หญิงสักคนคุณจะเข้าใจเองว่าทำไมทุกคนถึงได้ผวาเมีย...

    เอกทัศน์บอกยิ้มๆ

    สาบานได้เลยว่าฉันจะไม่มีวันหวั่นไหวกับใครทั้งนั้น...เซ็กส์ของฉันคือการซื้อขายที่ไม่ต้องมีอะไรมาผูกมัด...ฉันไม่โง่กระโจนลงหุบเหวเพราะเอาตัวเองไปผูกพันกับพวกผู้หญิงแน่...จำเอาไว้

    อลันผู้ไม่เคยคิดก้มหัวอยู่ตรงแทบเท้าของอิสตรีนางใดยังแสดงวิสัยทัศน์ของตนออกไปด้วยความมาดมั่น

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น