ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sister Complex :: รักนี้...ต้องห้าม[รึเปล่า!!?]

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่7 :: งานเลี้ยง

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 59


    บทที่7 งานเลี้ยง


    (มินา มิเรียน่า แอสโทเรีย)

    รถยนต์สีดำสนิทคันหรูพาทั้งคู่มายังสถานที่จัดงานเลี้ยง
    สารถีประจำตัวของเรย์จอดรถตรงหน้าประตูอย่างนุ่มนวลแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ทั้งคู่ 

    เมื่อลิลินเงยหน้ามองสถาปัตยกรรมตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะ(แอบ)ตำหนิเหล่าผู้บริหารเบื้องสูงของโรงเรียนตัวเองอยู่ในใจ
    เธอยอมรับจากใจจริงเลยว่า สถาปัตยกรรมที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าเธอนี้ช่างงดงามเหลือเกิน

    อาคารทั้งหลังถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะชั้นสูง ตั้งแต่รูปปั้นที่อยู่ตรงหน้าอาคาร บันไดและเสาทุกต้นรวมไปถึงผนังของอาคารที่ล้วนถูกสลักเสลาด้วยลวดลายตระการตา เครื่องเรือนเก่าแก่ที่ประเมินด้วยตาแล้วก็น่าจะมีมูลค่าสูงมาก ไปจนถึงภาพวาดตามฝาผนังที่ล้วนมาจากศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น 
    โดยรวมแล้วลิลินคิดว่าสถานที่ตรงหน้าน่าจะ(เคย)เป็นพระชวังเก่าแก่ของเชื้อพระวงศ์ของประเทศใดประเทศหนึ่งมากกว่าโรงแรมที่ให้เช่าสถานที่
    และเธอก็ขอยอมรับจากใจจริงเลยว่า เธอเองก็รู้สึกภูมิใจอยู่น้อยๆที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงเต้นรำงานนี้

    ...แต่ว่าพ่อแม่ของเธอต้องจ่ายเงินมากมายมหาศาลทั้งหมดเพื่อการเช่าสถานที่พรรค์นี้แค่คืนเดียวหรือนี่!...

    โอเค! ยอมรับว่างบประมาณที่ผู้ปกครองจ่ายไปอาจรวมถึงค่าเครื่องแบบ ค่าอาหาร ค่าเรียนค่าสอน รวมถึงค่าจัดกิจกรรมอื่นๆด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่างบประมาณที่ทุ่มลงสำหรับจัดงานเลี้ยงนี้เกือบทั้งหมดก็มาจากเงินภาษีของผู้ปกครองเหมือนกัน(ถึงโรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็เถอะ)

    ที่มาของไอ้งานผลาญงบก็เป็นความคิดของท่าน'เพเธอร์ อี. เฟเลด'ผู้อำนวยการผู้ยิ่งใหญ่แห่ง'โรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษาอี. เฟเลด'ที่เธอเรียนอยู่นั่นแหละ
    โดยท่านให้เหตุผล(หรือข้ออ้าง)ว่า
    นอกจากเพื่อกระชับสัมพันธ์อันดีงามของสามกลุ่มมหาอำนาจ(ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อโรงเรียนสักเท่าไรหรอก...ในความคิดของเธอน่ะนะ)
    ก็เพื่อที่จะสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนรวมถึงเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สังคม(ชั้นสูง)ด้วย
    และมันก็คงจะฟังขึ้นอยู่หรอกถ้าท่านผู้อำนวยการผู้ยิ่งใหญ่ไม่สั่งให้จัดงานอะไรซะเวอร์ขนาดนี้

    ถึงแม้จะมีผู้ร่วมงานบางส่วนที่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่ลิลินไม่สามารถจำแนกได้หมดจริงๆว่าใครเป็นผู้ใหญ่หรือใครเป็นเด็กมัธยมโรงเรียนเดียวกันกับเธอกันแน่
    เพราะผู้ร่วมงานนี้ทุกคนต่างก็แต่งตัวเริศหรูจนเหมือนหลุดออกมาจากนิทานบางเรื่อง(เกี่ยวกับหญิงสาวนางหนึ่งที่วิ่งหนีเจ้าชายจนรองเท้าหลุดตอนเที่ยงคืน)ที่เธอเคยฟังตอนเด็กๆ
    โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่แข่งกันประโคมเครื่องประดับจนเหมือนตู้เพชรเดินได้

    ...นี่มันงานเลี้ยงของเด็กมัธยมจริงๆหรือเปล่า!...

    ลิลินส่ายหน้าไล่ความคิดจิกกัดของตัวเองเบาๆเพราะบ่นไปก็ใช่ว่าเงินที่พ่อแม่เธอต้องจ่ายให้โรงเรียนจะลดน้อยลงเสียเมื่อไร
    สิ่งที่เธอควรทำตอนนี้คือเดินยิ้มๆไปทั่วงานจนกว่าเรย์จะส่งกลับบ้านต่างหาก
    ลิลินเดินควงคู่กับเรย์เข้ามาในงาน
    ร่างเล็กใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะปั้นยิ้มที่ดูจะไม่'ฝืน'ที่สุดไปให้ผู้ร่มงานรอบๆกาย

    ...แต่กระนั้นก็ไม่มีใครยิ้มตอบเธอเลยสักคน...

    ผู้ร่วมงานเลี่ยงนี้ทุกคนล้วนแต่เชิดหน้าอันแสนนิ่งเรียบของตนขึ้นสูง และแม้ว่าลิลินจะพยายามอย่างหนักที่จะไม่มองพวกเขาในแง่ลบ
    แต่สุดท้ายแล้วเธอก็อดคิดว่าพวกเขา'หยิ่งผยอง'ไม่ได้จริงๆ

    ...อดทนไว้น่า อีกเดี๋ยวไอ้งานบ้าๆนี่ก็จบแล้ว...

    ร่างเล็กพยายามข่มความรู้สึกอึดอัดของตนไว้ในใจ เธอยังคงฝืนแจกยิ้มให้กับผู้คนรอบงานแม้ว่าจะไม่มีใครยิ้มตอบเธอเลยก็ตาม
    แล้วอยู่ๆสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงสง่าของใครคนหนึ่ง

    ...เจ้าสิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่พามินาของเธอโดดเรียนประจำนั่นไงล่ะ!...

    คืนนี้นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนดูโดดเด่นเป็นสง่าดูแปลกตายิ่งนัก
    อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เครื่องแบบนักเรียนแบบถูกต้องเป๊ะๆเหมือนยามปกติ แต่กลับสวมชุดสูทกึ่งพิธีการตามสมัยนิยมทั่วไปทำให้ดูเผินๆเหมือนกับพวกคนในแวดวงชั้นสูง
    นอกจากนั้นร่างสูงยังเสยผมสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึกชั้นดีของเขาขึ้นทั้งหมดทำให้ไม่มีอะไรมาบดบังดวงตาสีฟ้าเข้มสว่างไสวดุจอัญมณีล้ำค่าของเขาเหมือนดังเคย
    ยิ่งรวมกับรูปร่างหน้าตาที่ดีมากอยู่แล้วลิลินต้องยอมรับเลยล่ะว่าวันนี้เขาดูโดดเด่นกว่าคนที่เชิญเธอมางานนี้หลายเท่านัก

    "อ้าว นั่นน้องลิลินนี่นา"
    ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นที่สังเกตเห็นเขา
    เพราะหลังจากนั้นไม่นานนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนก็หันมาทักทายเธอ
    "มางานนี้เหมือนกันหรือครับ ไม่คิดไม่ฝันเลยนะครับเนี่ย"
    ร่างสูงเอื้อนเอ่ยคำตอแหล...เอ้ย! ทักทายออกมา

    "ลิลินเป็นคู่เต้นรำของผมครับท่านซาเบิ้ล"
    ดูเหมือนว่าเรย์(ที่ควรจะยืนเป็นตัวประกอบเงียบๆตรงนั้น)จะเข้าใจว่าซาเบิ้ลกำลังสนใจลิลินอยู่ จึงแสดงตัวว่าลิลินมากับเขาทันที
    เพราะแม้เขาจะนับถือชายผู้นี้เพียงใด แต่เรื่องผู้หญิงก็คงยอมให้กันไม่ได้หรอกนะ
    "อ้อ อย่างงั้นเหรอครับ"
    ซาเบิ้ลส่งยิ้มเสแสร้งแบบที่ชอบทำมาให้เรย์ จากนั้นจึงหันมาพูดกับลิลินต่อ
    "แล้วน้องลิลินมากับเรย์แบบนี้ ไม่กลัวว่าใครจะมาแย่งมินาไปเหรอครับ"

    นักเรียนดีเด่นผู้ไม่ได้มีนิสัยที่ดีไปด้วยถามอย่างอารมณ์ดี
    แต่ลิลินผู้เข้าใจความในที่ถูกส่งมากลับรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
    "ยัยมินาของฉันเป็น'เพื่อน'ที่ดีของทุกคนอยู่แล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องแย่งกันหรอก"
    ลิลินตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะถึงแม้ยัยมินาออกจะซื่อเกินไปบ้าง แต่เธอก็มั่นใจว่ายัยนั่นไม่ได้คิดอะไรกับหมอนี่เกินคำว่าเพื่อนแน่นอน
    "เเน่ใจเหรอ..."

    ชายหนุ่มผมดำเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มของผู้ที่เหนือกว่า
    แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่ายัยเด็กนี่มากับเรย์เพราะอยากประชดมินา(ซึ่งทำไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก)
    ที่จริงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าลิลินจะมางานนี้เพราะมินาเล่าให้เขาฟังเมื่อกลางวัน
    พอเอาเรื่องที่ได้ฟังมาปะติดปะต่อกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนรวมทั้งสายตาที่ยัยเด็กนี่ใช้มองมินาของเขาก็ทำให้มองออกได้ไม่ยากเลยว่าเด็กคนนี้คิดกับมินาเกินเพื่อนแน่นอน

    ...เห็นแล้วอยากแกล้งให้ประสาทเสียไปเลยจริงๆ...

    "แน่นอนค่ะ ยัยนั่นให้ความสำคัญกับเพื่อนๆทุกคนเท่ากันเสมอ"
    ร่างสูงของนักเรียนดีเด่นเดินเข้ามาประชิดอยู่ข้างๆร่างเล็กๆตรงหน้า มองเผินๆคล้ายกับการหาเรื่องใกล้ชิดตามแบบฉบับพระเอกนิยายน้ำเน่าที่มียุงชุม หากแต่คำพูดที่เขากระซิบใส่หูของลิลินนั้นกลับทำให้คนฟังแทบจะเป็นบ้าไปอย่างที่เขาต้องการจริงๆ
    "แต่ว่าพี่น่ะ...ได้จูบกับมินาแล้วนะครับ ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจไม่ได้คิดกับพี่แค่เพื่อนก็ได้นะ~"
    เมื่อได้พูดสิ่งที่ต้องการแล้วร่างสูงก็ผละออกไปอย่างอารมณ์ดี
    ทิ้งให้ลิลินนิ่งงันกับคำพูดของเขาอยู่ตรงนั้น

    ...จูบกันไปแล้ว เป็นไปได้ยังไง!!?...

    ขนาดเธอรู้จักกับยัยนั่นมาตั้งแต่เด็กยัยนั่นยังไม่เคยแม้แต่จะหอมแก้มเธอเลยนะ
    แล้วไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร!
    ไอ้สิ่งมีชีวิตเพศผู้นั่นมันมีสิทธิ์อะไรมาจูบมินาของเธอ!
    ลิลินแทบจะลมจับเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองคิดผิด
    นี่เธอเผลอแค่สองวันมินาก็เสร็จไอ้หมอนั่นแล้วงั้นเหรอ!

    ...อย่างงี้มิตรภาพลูกผู้หญิงอันแสนบริสุทธิ์ของพวกเธอล่ะ!!?...

    ก็ไหนมินาบอกว่าไม่ได้คบกับหมอนี่ไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
    นี่มินาโกหกเธองั้นเหรอ...
    ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่น
    ร่างเล็กอมลมจนแก้มป่องบ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
    เธอยอมรับจากใจจริงเลยว่าเธอกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะ'แย่ง'มินาของเธอไปจริงๆ
    เธอยอมรับเลยว่าเขาน่ากลัว...ใช่ เขาน่ากลัวมาก คำพูดเพียงประโยคเดียวของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอคิดมากกว่าพวกตัวผู้ทุกตัว...เอ้ย! ทุกคนที่มาสารภาพรักกับยัยนั่นรวมกันเสียอีก!  เพราะที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีพวกตัวผู้มาเกาะแกะกับมินาเลยเสียหน่อย นานๆทีก็จะมีพวกหนุ่มๆมาบอกชอบยัยนั่นบ้างเหมือนกัน
    แต่เจ้าพวกนั้นน่ะเจอความซื่อเกินเหตุของมินาก็ถอยภายในอาทิตย์สองอาทิตย์ทั้งนั้น
    มีแต่หมอนี่แหละที่อยู่ทนอยู่นานแถมยังได้จูบมินาแล้วทั้งๆที่คนอื่นแค่จับมือก็โดนทุ่มจนกระดูกหักกันทั้งนั้นเนี่ยนะ!

    ...จะทำยังไงดี ทำยังไงดี จ้างคนไปตัด'ไอ้นั่น'ของมันเลยดีมั้ย!!?...

    "ลิลิน เฮ้! ลิลิน!"
    เสียงเรียกของอุปกรณ์ประกอบฉาก...เอ้ย! คู่เต้นรำของลิลินเรียกให้เธอหลุดจากวังวนความคิดชั่วร้าย
    ลิลินค่อยๆส่ายหัวไล่ความคิดชั่วร้ายออกจากสมอง
    ร่างเล็กแสร้งทำเป็นยิ้มให้กับเรย์แล้วเดินตามเขาไป

    ...บางทีเจ้าสิ่งมีชีวิตเพศผู้นั่นอาจโกหกก็ได้ หมอนั่นมันจอมตอแหลนะ...

    ลิลินเกือบจะลืมความจริงข้อนี้ไปแล้ว
    'นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนคือจอมโกหก'
    แน่นอนว่ามีคนหลายคนที่ฉลาดพอที่จะรู้ถึงความจริงข้อนี้
    แต่ก็มีคนที่โง่พอที่จะไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
    ยกตัวอย่างง่ายๆก็ไอ้คนที่อยู่ข้างๆเธอกับเพื่อนร่วมวงของเขานี่ไง
    งานโรงเรียนเมื่อปีก่อนพวกทริปเปิ้ลถูกไอ้เจ้านักเรียนดีเด่นนั่นหลอกให้เดินรอบโรงเรียนโดยมีแค่ลังกระดาษคนละใบปกปิดร่างกายเท่านั้น!(แต่ถึงกระนั้นพวกทริปเปิ้ลแฟนก็ยังหน้ามืดกรี้ดพวกมันอยู่ดี)

    ...ไม่รู้ว่าคนหลอกมันฉลาดหรือคนถูกหลอกมันโง่มากกันแน่...

    พอคิดมาถึงตรงนี้ลิลินก็เริ่มก็หงุดหงิดตัวเองอีกครั้ง ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่นะถึงได้ตอบตกลงมาไอ้งานบ้าๆนี่กับคนที่มีความหล่อแปรผกผันกับรอยหยักในสมองน่ะ
    นี่มันเท่ากับว่าเธอต้องมาเสียเวลากับสิ่งมีชีวิตไร้สมองถึงสองวัน แล้วปล่อยโอกาสให้ไอ้สิ่งมีชีวิตเพศผู้เน่าๆโสโครกสกปรกแสนชั่วร้ายคาบเอาเพื่อนสนิทของเธอไปรับประทานใช่มั้ยเนี่ย!!

    ...
    ..
    .

    นักเรียนดีเด่นผู้ชั่วร้ายเดินวนรอบงานอย่างสบายอกสบายใจและแวะปั่นหัวชาวบ้านชาวช่องเป็นระยะๆโดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดใดๆอยู่ในห้วงแห่งความคิดคำนึงเลยแม้แต่น้อย
    ร่างสูงหยิบเอาเครื่องดื่มหนึ่งแก้วมาจากบริกรที่ถือถาดเครื่องดื่มอยู่แถวๆนั้นแล้วกระดกรวดเดียวหมด

    บริกรหนุ่มถึงกับแหกตาด้วยความตกใจ เพราะไอ้สิ่งที่เขาเอาเข้าปากสบายๆเหมือนกินน้ำเปล่าเมื่อครู่มันไม่ใช่ของที่เด็กอายุสิบแปดที่ท่าทางเหมือนอยู่ในกรอบเป้ะๆอย่างเขาควรเข้าใกล้เท่าใดนัก...
    "นานๆครั้งผมก็ต้องฝืนดื่มอะไรแบบนี้เข้าไปบ้างนั่นแหละครับ ไม่งั้นเพื่อนๆเขาจะหาว่าไม่สมกับเป็นผู้ชายเอา"
    ชายหนุ่มเอ่ยกับบริกรด้วยใบหน้าเศร้าๆราวกับว่าสิ่งที่เขาดื่มเมื่อครู่มันไม่ถูกคอเขาแม้แต่น้อย
    พลางเอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มอีกแก้วที่มีแอลกอฮอลน้อยกว่ามาถือแล้วเดินต่อ

    ...และแน่นอนว่าที่พูดกับบริกรเมื่อกี้นั่นตอแหลกันชัดๆ :)...

    ก็นะ ถึงแม้เขาจะยังเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดธรรมดาๆ(?)คนหนึ่ง แต่เรื่องเหล้ายาปาร์ตี้ สตรี และการพนันน่ะบอกไว้เลยว่าไม่เคยขาดหรอก
    ไอ้ที่กระดกไปเมื่อครู่น่ะจิ้บๆ~~
    เพียงแต่เขาฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกันทั่วไปมาก(พูดแบบไม่ค่อยจะหลงตัวเองเล้ยยย) ทำให้สามารถกลบร่องรอยของความเสเพลไว้ในคราบของคนแสนดีได้อย่างแนบเนียนก็เท่านั้นเอง
    ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ภาพลักษณ์คุณชายเจ้าสำอางค์ แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อย เป็นนักกีฬาและเรียนเก่งนี่ก็ช่วยปกปิดความเหลวแหลกที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาเสียมิดเลยล่ะ
    ต่อให้มีคนไปเห็นเขาที่สถานเริงรมย์ไหนๆพวกแล้วเอาไปบอกผู้ใหญ่
    พวกท่านก็มักจะเชื่อว่าเป็นข่าวลือได้อย่างสนิทใจไม่มีบิดพลิ้วเลย

    ...ไม่ว่าใครก็เชื่อในตัวตนปลอมๆที่เขาสร้างมาทั้งนั้น...

    ทั้งภาพลักษณ์คนดี เชื่อฟัง และไม่เคยออกนอกกรอบ
    แน่นอนว่าตัวตนเหล่านั้นถูกสร้างมาเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาทั้งสิ้น
    เนื้อแท้ของเขาก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดธรรมดาๆ
    มีกิเลส ตัณหา และความอยากรู้อยากลองเท่ากับเด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆ...ไม่สิ! อาจจะมากกว่าคนอื่นก็ได้
    เขายังคงมองผู้หญิงที่ผ่านมือเขาแต่ละคนเป็นแค่ของเล่นไว้หาความสนุก
    มองผู้ชายทุกคนเรียกเขาว่าเพื่อนเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้หาผลประโยชน์เพียงเท่านั้น

    ...เขาก็แค่คนเลวๆคนหนึ่ง...

    เป็นเพียงคนเลวที่สวมรอยของคนดีเอาไว้เท่านั้น เพราะเขาไม่อาจเผยตัวตนที่เลวร้ายนั้นออกมาได้

    ...เพราะถ้าเขาเลวให้เห็นแม้เพียงครั้งเดียวก็จะไม่มีใครยอมรับตัวตนของเขาอีกเลย...

    ...แต่ก็ไม่มีวันที่เขาจะเผยตัวตนจริงๆออกมาเสียหรอก ระดับเขาน่ะสามารถกลบกลิ่นอายแห่งความชั่วช้าไว้ในคราบของคนดีได้สบายๆ
    ยังไงเสียพวกหน้าโง่รอบๆกายเขาก็ไม่มีวันได้รู้หรอกว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นเช่นไร
    เจ้าพวกนั้นมันก็แค่เบี้ยที่เขาเอาไว้ใช้กอบโกยผลประโยชน์และหาความสนุกเท่านั้น แค่ทำเป็นยิ้มแย้มให้หน่อยเจ้าพวกนั้นก็หลงเชื่อแล้วล่ะ...
    ซาเบิ้ลไล่ความคิดไร้สาระออกจากสมองแล้วเดินวนรอบงานต่อไปเรื่อยๆพลางแสร้งทำเป็นจิบเครื่องดื่มในมือทีละน้อยๆ
    ดูเผินๆเหมือนคนไม่ค่อยถูกกับแอลกอฮอลแต่ฝืนกินเข้าไปพอเป็นพิธีเท่านั้น

    เขาเดินเรื่อยเปื่อยไปจนถึงประตูทางเข้าเป็นจังหวะเดียวกับคนคู่หนึ่งที่เพิ่งมาถึงพอดี
    มินา เด็กสาวเอื่อยเฉื่อยที่เขากำลังให้ความสนใจสุดๆในช่วงนี้กำลังเดินควงคู่มากับเด็กปีหนึ่งที่ชื่อเคย์

    คืนนี้มินาของเขาดูสวยแปลกตาไปมากเพราะชุดราตรีเรียบหรูที่เธอสวมใส่อยู่
    ผ้าเนื้อดีบางเบาพริ้วไหวน้อยๆทุกย่างก้าวที่เธอเดิน
    ลวดลายดอกไม้สีขาวนั้นช่างเข้ากันได้ดีกับเนื้อผ้าสีชมพูอ่อนๆ รวมไปถึงเครื่องประดับลายดอกไม้สีขาวที่เข้ากันได้ดีกับชุดนั้นด้วย
    และถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าใบหน้างดงามน่ารักของเธอถูกแต้มสีสันด้วยโทนสีชมพูอ่อนๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอดูน่าหลงไหลมากขึ้น
    เส้นผมสีคารเมลที่ยาวประบ่าบัดนี้ถูกรวบเป็นมวยสูงประดับประดาด้วยที่ติดผมเล็กๆลายดอกไม้สีขาว
    และที่แน่นอนที่สุดคือใบหน้าของเธอนั้นแดงระเรื่อตามนิสัยไม่ชอบอยู่ท่ามกลางฝูงชนของเจ้าตัว
    แต่กระนั้นก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอดูสง่างามราวกับเจ้าหญิงจริงๆ

    ...น่ารัก น่ารักสุดๆเลย!...

    ชายหนุ่มแอบชมเด็กสาวในใจ
    จริงอยู่ว่าเขาชอบมินาเเบบที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
    แต่นานๆที่แต่งตัวแบบนี้มันก็น่ารักดีเหมือนกัน
    เพียงแต่สิ่งที่ขัดใจเขาอย่างมากตอนนี้คือเจ้าเด็กปีหนึ่งที่ชื่อเคย์
    ถึงแม้ว่ามินาจะเคยบอกเขาแล้วว่าเป็นญาติกับเจ้าเด็กนั่น แต่เขาก็ยังอดรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นทั้งคู่เดินด้วยกันไม่ได้อยู่ดี

    "มาแล้วเหรอครับมินา"
    คนนิสัยไม่ดีเดินเข้าไปทักทายเด็กสาวราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของงาน โดยไม่ได้สนใจสายตางุนงงของเด็กหนุ่มอีกคนแม้แต่น้อย
    "อืม นายก็มางานนี้ด้วยเหรอ?"
    มินาดูสดใสขึ้นทันทีที่เจอคนรู้จัก เพราะลูกพี่ลูกน้องที่เธอรบเร้าให้พามางานนี้ด้วยก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันมากนัก
    และต่อให้สนิทกันมากกว่านี้เธอก็ไม่ใคร่อยากจะเข้าใกล้ไอ้เด็กแก่แดดกระหายผู้หญิงแบบนี้สักเท่าไรหรอก
    "ผมเป็นอัจฉริยะที่สุดในโรงเรียนนี่ครับ ท่านผอ.ก็ต้องอยากอวดผมให้ชาวประชาได้เห็นอยู่แล้ว"
    "เหรอ..."

    ที่จริงมินาก็ไม่ได้อยากฟังคำตอบหลงตัวเองแบบนี้มากนักหรอก(ไม่ค่อยสนใจด้วย) แต่เธอก็ยังมีมารยาทพอที่จะตอบรับเพื่อบอกให้เขาได้รู้ว่าเธอยังฟังคำพูดของเขาอยู่   
    อย่างน้อยๆก็เพื่อรักษาบรรยากาศการสนทนากับเขาบ้าง เพราะนี่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่เจอคนคุ้นเคยละนะ...
    "แล้วนายมานานรึยังล่ะ?"
    คนตัวเล็กเริ่มต่อบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง
    เห็นได้ชัดว่าถึงแม้เธอออกจะเอือมๆอาการหลงตัวเอง(?)ของเขาไปบ้าง แต่เธอก็ยังอยากคุยกับเขาอยู่
    "ครับ ที่จริงก็มาถึงสักพักแล้วล่ะ..."

    ...นักเรียนดีเด่นตอบคำถามด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
    "งั้นเหรอ คงมีแต่ฉันที่มาสายละเนอะ^^"
    เธอว่าพลางยิ้มแหยๆ ถึงแม้เธอจะเคยไปโรงเรียนสายบ่อยๆหรือแม้กระทั่งเคยหลับต่อหน้าเขานับสิบครั้ง แต่เธอก็ยังรู้สึกแย่นิดๆอยู่ดีกับการมาถึงงานนี้ช้าเกินไป
    "ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ สำหรับเจ้าหญิงสวยๆอย่างมินาจะมาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมงผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก"

    ...ฝ่ายคนตอบก็ให้อภัยได้อย่างง่ายดายพร้อมหยอดคำหวานเข้าให้
    ก็นะ สำหรับเขา(ในตอนนี้)ไม่ว่ามินาจะทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก
    "จะ...เจ้าหญิงอะไรกัน!!?"
    มินาถึงกับหน้าขึ้นสีเมื่อได้รับคำชมของเขา หัวใจดวงน้อยๆของเธอเริ่มเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง เขานี่ช่างขยันทำให้เธอหวั่นไหวจริงๆ
    "ผมพูดจริงๆนะ คืนนี้มินาของผมสวยอย่างกับเจ้าหญิงแหนะ"

    ...คนชมยังคงปากหวานไม่หยุด เขาเดินเข้ามาชิดใกล้ร่างบางมากกว่าเดิมพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆมาให้
    "มะ...ไม่นี่ ฉันก็เหมือนเดิม..นะ...นะ"
    ใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วแดงขึ้นอีกจนถึงใบหู เขาเล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เธอก็เขินนะ
    "ไม่หรอก พอมินาเอาผมขึ้นแบบนี้แล้วน่ารักอย่างกับตุ๊กตาแหนะ~"
    ซาเบิ้ลเอ่ยก่อนจะใช่นิ้วของตนม้วนผมคนตัวเล็กเล่น
    "น่ารั...!"
    "ไม่ทราบว่าพวกพี่จะยืนจีบกันอีกนานมั้ยครับ!! มันขวางทางเดินชาวบ้านชาวช่องเขานะครับพี่รู้รึเปล่า!!!"
    มินาพูดไม่ทันจบ อุปกรณ์ประกอบฉากหมายเลขสองก็โวยวายออกมาเสียก่อนเพราะทนบรรยากาศหวานแหววสีชมพูของคนทั้งคู่ไม่ได้ 

    นี่มันเลี่ยน! เลี่ยนเกินไป!! เลี่ยนจนเขาจะอ้วกได้แล้ว!!!

    ...ทำไมท่านซาเบิ้ล อัจฉริยะผู้ชี้แนะทางสว่างให้กับเขาและรุ่นพี่ในวง(ด้วยการให้เปลื้องผ้าทั้งตัวแล้วเดินรอบโรงเรียน เพื่อพิสูจน์ว่าแฟนคลับคนไหนบ้างที่รักพวกเขาจากตัวตนที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งปรุงแต่งอื่นๆ)ถึงมาจี๋จ๊าดี๋ด๊าพี่สาวขี้แยของเขาได้ล่ะ!!?...
    เด็กสาวผมสีคารเมลที่เพิ่งตั้งสติได้รีบผละออกมาจากชายหนุ่มอีกคนทันที
    ฝ่ายนักเรียนดีเด่นนิสัยเสียเองก็ได้แต่ยกมือที่กำลังจะลูบเส้นผมสีคารเมลค้างไว้กลางอากาศ

    ...หน็อยแน่ ไอ้เด็กนรก!!...

    เขาคิดอย่างคับแค้นใจ แค่ลังกระดาษมันคงไม่พอสินะ... คราวหน้าเขาจะหลอกให้มันแปะใบไม้ใบเดียวเดินทั่วโรงเรียน...ไม่สิ! แปะใบไม้ใบเดียวออกอากาศทั่วประเทศไปเลย!!
    "แล้วคุณเคย์ไม่ไปสมทบกับเพื่อนในวงเหรอครับ?"
    ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียโวยวายเมื่อครูแล้วหันไปถามด้วยรอยยิ้ม

    ...ก่อนอื่นคงต้องกำจัดตัวเกะกะออกก่อน...

    "โอ้ จริงด้วยสินะครับ"
    เคย์พยักหน้ารับทันที(ผิดกับที่โวยวายเมื่อครู่ลิบลับ) ไม่ว่าสิ่งใดที่ท่านซาเบิ้ลผู้นี้ชี้นำย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
    "ไปกันเถอะครับ พี่"
    เด็กหนุ่มหันไปเอ่ยกับลูกพี่ลูกน้องของตน แล้วพลันสายตาก็หันไปเห็นว่าพี่สาวของเขาถูกท่านซาเบิ้ลที่เขาและพี่ๆในวงเคารพนับถืออย่างสูงคว้ามือไปยืนข้างๆเสียแล้ว
    "มินาเขานัดเพื่อนเอาไว้ เดี๋ยวผมดูแลเองครับ คุณเคย์ไปสนุกกับเพื่อนๆในวงเถอะ"

    "มันจะดีเหรอครับ ดูจะเป็นการรบกวนท่านซาเบิ้ลเปล่าๆนะครับ"
    เคย์รีบพูดด้วยความเกรงใจ
    "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ"
    นักเรียนดีเด่นเอ่ยวาจาหวานหูด้วยรอยยิ้ม
    แต่สิ่งที่คิดจริงๆน่ะเหรอ...

    ...รีบไปไกลๆอวัยวะเบื้องล่างสักทีสิฟระ! ไอ้ตัวประกอบนี่!!...


    "แต่ว่า..."
    เด็กหนุ่มอ้าปากเตรียมจะแย้งอีกครั้ง
    "ถ้าคุณเคย์พามินาไปด้วย คุณอาจจะไม่ได้คุยกับเพื่อนๆเต็มที่นะครับ"
    "นั่นมันก็จริงนะ..."
    เคย์พยักหน้าเห็นด้วย
    "แล้วที่สำคัญนะครับ..."

    ซาเบิ้ลเว้นจังหวะเล็กน้อยพลางชี้นิ้วไปที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง
    "ถ้าคุณพามินาไปด้วย คุณก็จะไม่สามารถชวนสาวสวยคนนั้นเต้นรำได้นะครับ"
    เคย์มองตามทิศที่นักเรียนดีเด่นนิสัยเสียชี้ไป สาวงามที่ซาเบิ้ลแนะนำ(?)ให้เขานั้นเป็นผู้หญิงผิวสีแทนผู้มีเส้นผมสีฟางแก่ๆ
    เธอดูโดดเด่นสะดุดตาด้วยชุดเกาะอกสีเทาเข้มรัดรูป เนื้อนวลที่ล้นทะลักออกมานั้นบ่งบอกได้อย่างแน่ชัดว่ารูปร่างที่ถูกชุดราตรีชุดสวยห่อหุ้มอยู่นั้นคงเซ็กซี่บาดใจอยู่ไม่น้อย

    ...สเป็ค! นี่มันสเป็คเขาชัดๆ!!...

    เพียงได้พบสบตาเจ้าหล่อน เด็กแก่แดดนามว่าเคย์ก็ทิ้งพี่สาวตัวเองอย่างรวดเร็วพลางกระโจนไปหาสาวงามนางนั้นทันใด
    "เด็กแก่แดด..."
    มินาผู้ไม่ยินดียินร้ายกับการจากไปของน้องชายตัวเองนักบ่นออกมาเบาๆ
    "เอาน่าๆ เดี๋ยว'คืนนี้'ผมดูแลมินาเอง"
    คนนิสัยไม่ดีที่เพิ่งกำจัดตัวเกะกะไปได้บอกอย่างสดใส
    "จะว่าไปนายเห็นลิลินบ้างรึเปล่า?"
    มินาเปลี่ยนมาถามหาเพื่อนของตนบ้าง
    สาเหตุที่เธอต้องลำบากลำบนทนมาเดินอยู่ในฝูงตู้เพชรเดินได้คือการมาพายัยนั่นกลับบ้านนะ

    ถ้าไม่ใช่เพราะห่วงยัยนั่นเธอไม่อยากจะมางานที่คนเยอะๆแบบนี้นักหรอก
    "หืม? น้องลิลินน่ะเหรอ วันนี้ยังไม่เห็นเลยนะ"
    คนอายุมากกว่าตอแหลกลับไป
    ในใจลึกๆของเขาก็แอบน้อยใจเธออยู่ไม่น้อย
    กว่าเขาจะกำจัดตัวเกะกะออกไปได้นั้นแสนจะลำบาก(?)
    เเล้วไยแม่กวางน้อยของเขากลับเรียกหาแต่ยัยเด็กเตี้ยนั่นล่ะ

    ...เอาเถอะ เดี๋ยวคืนนี้เขาจะทำให้มินาเรียกหาแต่เขาคนเดียวให้ได้เลย...

    ก็นะ จะนับว่ามินาเป็นผู้โชคดีหมายเลขหนึ่งเลยก็ว่าได้
    เพราะตลอดหกปีที่เขาได้ร่ำเรียนใน'โรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษา อี. เฟเลด'
    แห่งนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคิดจะจับเหยื่อในถิ่นตัวเอง อย่างมากสุดก็แค่คุยกันเล่นๆเท่านั้น
    แต่กับมินานี่พิเศษหน่อย
    เนื่องจากเธอใสซื่อเกินกว่าที่ความเจ้าเลห์ของเขาจะเข้าถึง
    ทั้งบอบบาง น่ารังแกและน่าปกป้องในเวลาเดียวกัน
    ยอมรับเลยว่าเขารู้สึกสนุกยิ่งนักยามอยู่กับเธอ

    ...แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะเบื่อเธอง่ายๆหรอก เขาจะทำให้เธอหลงไหลแต่เขาเพียงคนเดียว...

    เพราะว่ามินาน่ะเป็นคนที่เขาชอบมากที่สุดเลยก็ว่าได้
    พวกผู้หญิงคนอื่นน่ะอยู่กับเขาได้ไม่ถึงเดือนเขาก็เบื่อแล้ว

    ...ก็แค่พวกผู้หญิงไร้ค่า พอเจอตัวตนจริงๆของเขาก็หนีกันหมด...

    เเต่เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามินาคงจะไม่เป็นแบบนั้น

    ...ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากให้เธออยู่กับเขาไปนานๆ ให้นานกว่าพวกน่าเบื่อที่ผ่านมา...

    "ซาเบิ้ล นี่! นายฟังฉันอยู่รึเปล่าน่ะ?"
    "หืม?  ว่าไงนะครับ"
    คนนิสัยไม่ดีสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันหน้ามามองคนตัวเล็ก
    "ฉันถามว่านายดื่มเหล้าด้วยเหรอ?"
    เสียงหวานของมินาช่วยหยุดการลำดับแผนการชั่วร้ายของเขาในคืนนี้ได้อย่าเหมาะเจาะ
    ซาเบิ้ลจำต้องฉีกยิ้มให้เธอดังเดิม

    ...หึๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่ทำให้ลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู...

    แน่นอนว่าความคิดชั่วร้ายยังคงฝังแน่นอยู่ในเซลล์สมองของเขาราวกับว่ามันเป็นหนึ่งเดียวกับจิตใต้สำนึกของเขาไปแล้ว
    คนนิสัยไม่ดีเริ่มแผนการของเขาอีกครั้ง
    "อ๋อ นี่น่ะเหรอ"
    เขาว่าพลางยื่นแก้วเครื่องดื่มที่ตนถือมาให้เด็กสาว
    "แอลกอฮอลไม่ได้สูงมากนะ มินาจะชิมมั้ยล่ะ?"

    ...มอมเหล้างั้นเหรอ ลืมนึกถึงวิธีนี้ไปเลยแฮะ~~~...

    "จะดีเหรอ...ฉันไม่เคยดื่มอะไรแบบนี้เลยนะ"
    มินามีท่าทีอิดออด แน่นอนว่าเธอไม่เคยดื่มอะไรแบบนี้จริงๆ
    ทำให้รู้สึกกลัวๆอยู่บ้างที่จะดื่มมัน
    "เอาน่า นิดเดียวเอง...ไม่เป็นไรหรอก"
    และแน่นอนว่าคนมีแผนชั่วก็ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมเธอเช่นกัน
    "ถ้าฉันเมาล่ะ"
    "เดี๋ยวผมจะช่วย'ดูแล'มินาให้เอง"
    เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอรู้สึกเชื่อในคำพูดของคนตอแหลตรงหน้า(แม้จะเริ่มระแคะระคายนิสัยเสียๆของเขาบ้างแล้วก็ตาม)
    อะไรบางอย่างในจิตใต้สำนึกบอกว่าเธอเชื่อใจเขาได้ 
    "นะ...นิดเดียวคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ"

    ...และเธอก็เลือกที่จะเชื่อใจเขาโดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังวางแผนชั่วร้ายอะไรบางอย่างอยู่...

    "ไม่ได้นะยะ!!"
    มือที่กำลังจะรับแก้วถึงกับชะงักค้างเมือมีร่างเล็กๆของใครบางคนวิ่งเข้ามาคว้าแก้วทรงสูงตรงหน้าเธอไปแล้วกระดกเข้าปากจนหมด
    "ลิลิน!!?"
    มินาดูจะตกใจการมาของเพื่อนอยู่ไม่น้อย

    ...เธอนึกว่ายัยนี่ยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ!...

    "ช่ายยย~~~ ช้านนนเอง"
    ลิลินตอบเสียงยานคางอันเนื่องมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเข้าไป(ทั้งที่ไม่เคยดื่ม)
    "ยัยบ้าลิลิน เธอดื่มมันเข้าไปทำไมเนี่ย!!"
    มินาถึงกับเครียดขึ้นมาทันที
    โดยปกติแล้วลิลินจะมีความเป็นผู้ใหญ่และคอยดูแลเธอมาตลอด
    แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเวลายัยนี่จะงอแงขึ้นมาเอาใจยากยิ่งกว่าเด็กสามขวบเสียอีก!
    นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจอะไรรอบข้างทั้งนั้น

    ...เพราะแบบนี้ไงเธอถึงอดเป็นห่วงยัยนี่ไม่ได้...

    "ทำมายยย ช้านนนทำอะไรผิดด"
    ลิลินคว้าคอคนตรงหน้าเอาไว้พลางถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน อาจเป็นเพราะความเมาจนทรงตัวไม่ได้หรืออะไรไม่รู้
    แต่ตอนนี้ลิลินรู้สึกว่ามินาตัวสูงมากกว่าปกตินัก
    "พอได้แล้วน่าลิลิน อย่าเอาแน่ใจตัวเองนักสิ..."
    "ทีเธอยังทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย!"
    ร่างเล็กว่าพลางเริ่มสะอื้นน้อยๆ
    อาจเป็นเพราะความเมาทำให้สมองเลอะเลือน อารมณ์จึงแปรปรวนตามไปด้วย
    "ทีเธอยัง..."
    ลิลินเงียบไปเหมือนไม่อยากพูดประโยคต่อจากนี้
    ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบงการให้ร่างเล็กตัดสินใจเขย่งเท้าขึ้นไปประกบริมฝีปากกับคนตรงหน้า

    และถึงแม้มันจะเป็นแค่การเอาริมฝีปากแตะกันเฉยๆแต่ก็ทำให้มินาแทบจะลมจับอยู่ตรงนั้น
    "ยัยลิลิน! เธอเมามากแล้วนะ!!"
    มินารีบคว้าตัวเพื่อนของตนออกจากร่างสูงของนักเรียนดีเด่นทันที
    สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่เธอกังวลจนได้
    ยัยเพื่อนตัวดีของเธอเล่นเมาแล้วไปจูบผู้ชายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน!!
    นี่ถ้าเธอไม่ตามมาไม่รู้ยัยนี่จะเป็นยังไงบ้าง

    ...ถ้าเธอไม่ตามมายัยนี่คงถูกเจ้าเรย์อะไรนั่นหลอกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!!...

    "เหหห นั่นไม่ใช่มินาหรอกเหรอ???"
    ลิลินพูดแบบลิ้นพันกันจนแทบจับใจความไม่ได้
    "อ๊าาา แกมันเจ้าสิ่งมีชีวิตเพศผู้น่าหยะแหยงนี่นาาา~~~"
    ร่างเล็กว่าต่อพลางหันกลับไปชี้หน้าคนตัวสูงที่ยืนเอ๋อรับประทานอยู่ข้างหลัง
    "แกมัน...อ้วกกก!!!"
    "ว้าย!! ลิลิน!"
    ไม่ทันพูดจบลิลินก็อ้วกใส่เสื้อสูทตัวงามของนักเรียนดีเด่นเข้าเสียแล้ว
    มินาที่เห็นท่าไม่ดีรีบมาคว้าตัวเพื่อนของตัวเองไว้แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์
    ลิลินหันกลับมาเดินโซซัดโซเซได้อีกแค่สองสามก้าวก็ล้มพับไปเลย
    "ขะ...ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ ขอโทษจริงๆ แล้ววันหลังฉันจะชดใช้ให้"
    มินาบอกกับร่างสูงอย่างรู้สึกผิดก่อนจะพยุงเพื่อนของตนออกจากงานเลี้ยงด้วยความรวดเร็ว

    ...ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้เลย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×