ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่7 :: งานเลี้ยง
บทที่7 งานเลี้ยง
(มินา มิเรียน่า แอสโทเรีย)
รถยนต์สีดำสนิทคันหรูพาทั้งคู่มายังสถานที่จัดงานเลี้ยง
สารถีประจำตัวของเรย์จอดรถตรงหน้าประตูอย่างนุ่มนวลแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ทั้งคู่
เมื่อลิลินเงยหน้ามองสถาปัตยกรรมตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะ(แอบ)ตำหนิเหล่าผู้บริหารเบื้องสูงของโรงเรียนตัวเองอยู่ในใจ
เธอยอมรับจากใจจริงเลยว่า สถาปัตยกรรมที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าเธอนี้ช่างงดงามเหลือเกิน
อาคารทั้งหลังถูกตกแต่งด้วยงานศิลปะชั้นสูง ตั้งแต่รูปปั้นที่อยู่ตรงหน้าอาคาร บันไดและเสาทุกต้นรวมไปถึงผนังของอาคารที่ล้วนถูกสลักเสลาด้วยลวดลายตระการตา เครื่องเรือนเก่าแก่ที่ประเมินด้วยตาแล้วก็น่าจะมีมูลค่าสูงมาก ไปจนถึงภาพวาดตามฝาผนังที่ล้วนมาจากศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น
โดยรวมแล้วลิลินคิดว่าสถานที่ตรงหน้าน่าจะ(เคย)เป็นพระชวังเก่าแก่ของเชื้อพระวงศ์ของประเทศใดประเทศหนึ่งมากกว่าโรงแรมที่ให้เช่าสถานที่
และเธอก็ขอยอมรับจากใจจริงเลยว่า เธอเองก็รู้สึกภูมิใจอยู่น้อยๆที่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงเต้นรำงานนี้
...แต่ว่าพ่อแม่ของเธอต้องจ่ายเงินมากมายมหาศาลทั้งหมดเพื่อการเช่าสถานที่พรรค์นี้แค่คืนเดียวหรือนี่!...
โอเค! ยอมรับว่างบประมาณที่ผู้ปกครองจ่ายไปอาจรวมถึงค่าเครื่องแบบ ค่าอาหาร ค่าเรียนค่าสอน รวมถึงค่าจัดกิจกรรมอื่นๆด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่างบประมาณที่ทุ่มลงสำหรับจัดงานเลี้ยงนี้เกือบทั้งหมดก็มาจากเงินภาษีของผู้ปกครองเหมือนกัน(ถึงโรงเรียนนี้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็เถอะ)
ที่มาของไอ้งานผลาญงบก็เป็นความคิดของท่าน'เพเธอร์ อี. เฟเลด'ผู้อำนวยการผู้ยิ่งใหญ่แห่ง'โรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษาอี. เฟเลด'ที่เธอเรียนอยู่นั่นแหละ
โดยท่านให้เหตุผล(หรือข้ออ้าง)ว่า
นอกจากเพื่อกระชับสัมพันธ์อันดีงามของสามกลุ่มมหาอำนาจ(ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อโรงเรียนสักเท่าไรหรอก...ในความคิดของเธอน่ะนะ)
ก็เพื่อที่จะสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนรวมถึงเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สังคม(ชั้นสูง)ด้วย
และมันก็คงจะฟังขึ้นอยู่หรอกถ้าท่านผู้อำนวยการผู้ยิ่งใหญ่ไม่สั่งให้จัดงานอะไรซะเวอร์ขนาดนี้
ถึงแม้จะมีผู้ร่วมงานบางส่วนที่ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่ลิลินไม่สามารถจำแนกได้หมดจริงๆว่าใครเป็นผู้ใหญ่หรือใครเป็นเด็กมัธยมโรงเรียนเดียวกันกับเธอกันแน่
เพราะผู้ร่วมงานนี้ทุกคนต่างก็แต่งตัวเริศหรูจนเหมือนหลุดออกมาจากนิทานบางเรื่อง(เกี่ยวกับหญิงสาวนางหนึ่งที่วิ่งหนีเจ้าชายจนรองเท้าหลุดตอนเที่ยงคืน)ที่เธอเคยฟังตอนเด็กๆ
โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่แข่งกันประโคมเครื่องประดับจนเหมือนตู้เพชรเดินได้
...นี่มันงานเลี้ยงของเด็กมัธยมจริงๆหรือเปล่า!...
ลิลินส่ายหน้าไล่ความคิดจิกกัดของตัวเองเบาๆเพราะบ่นไปก็ใช่ว่าเงินที่พ่อแม่เธอต้องจ่ายให้โรงเรียนจะลดน้อยลงเสียเมื่อไร
สิ่งที่เธอควรทำตอนนี้คือเดินยิ้มๆไปทั่วงานจนกว่าเรย์จะส่งกลับบ้านต่างหาก
ลิลินเดินควงคู่กับเรย์เข้ามาในงาน
ร่างเล็กใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะปั้นยิ้มที่ดูจะไม่'ฝืน'ที่สุดไปให้ผู้ร่มงานรอบๆกาย
...แต่กระนั้นก็ไม่มีใครยิ้มตอบเธอเลยสักคน...
ผู้ร่วมงานเลี่ยงนี้ทุกคนล้วนแต่เชิดหน้าอันแสนนิ่งเรียบของตนขึ้นสูง และแม้ว่าลิลินจะพยายามอย่างหนักที่จะไม่มองพวกเขาในแง่ลบ
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็อดคิดว่าพวกเขา'หยิ่งผยอง'ไม่ได้จริงๆ
...อดทนไว้น่า อีกเดี๋ยวไอ้งานบ้าๆนี่ก็จบแล้ว...
ร่างเล็กพยายามข่มความรู้สึกอึดอัดของตนไว้ในใจ เธอยังคงฝืนแจกยิ้มให้กับผู้คนรอบงานแม้ว่าจะไม่มีใครยิ้มตอบเธอเลยก็ตาม
แล้วอยู่ๆสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงสง่าของใครคนหนึ่ง
...เจ้าสิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่พามินาของเธอโดดเรียนประจำนั่นไงล่ะ!...
คืนนี้นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนดูโดดเด่นเป็นสง่าดูแปลกตายิ่งนัก
อาจเป็นเพราะตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เครื่องแบบนักเรียนแบบถูกต้องเป๊ะๆเหมือนยามปกติ แต่กลับสวมชุดสูทกึ่งพิธีการตามสมัยนิยมทั่วไปทำให้ดูเผินๆเหมือนกับพวกคนในแวดวงชั้นสูง
นอกจากนั้นร่างสูงยังเสยผมสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึกชั้นดีของเขาขึ้นทั้งหมดทำให้ไม่มีอะไรมาบดบังดวงตาสีฟ้าเข้มสว่างไสวดุจอัญมณีล้ำค่าของเขาเหมือนดังเคย
ยิ่งรวมกับรูปร่างหน้าตาที่ดีมากอยู่แล้วลิลินต้องยอมรับเลยล่ะว่าวันนี้เขาดูโดดเด่นกว่าคนที่เชิญเธอมางานนี้หลายเท่านัก
"อ้าว นั่นน้องลิลินนี่นา"
ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นที่สังเกตเห็นเขา
เพราะหลังจากนั้นไม่นานนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนก็หันมาทักทายเธอ
"มางานนี้เหมือนกันหรือครับ ไม่คิดไม่ฝันเลยนะครับเนี่ย"
ร่างสูงเอื้อนเอ่ยคำตอแหล...เอ้ย! ทักทายออกมา
"ลิลินเป็นคู่เต้นรำของผมครับท่านซาเบิ้ล"
ดูเหมือนว่าเรย์(ที่ควรจะยืนเป็นตัวประกอบเงียบๆตรงนั้น)จะเข้าใจว่าซาเบิ้ลกำลังสนใจลิลินอยู่ จึงแสดงตัวว่าลิลินมากับเขาทันที
เพราะแม้เขาจะนับถือชายผู้นี้เพียงใด แต่เรื่องผู้หญิงก็คงยอมให้กันไม่ได้หรอกนะ
"อ้อ อย่างงั้นเหรอครับ"
ซาเบิ้ลส่งยิ้มเสแสร้งแบบที่ชอบทำมาให้เรย์ จากนั้นจึงหันมาพูดกับลิลินต่อ
"แล้วน้องลิลินมากับเรย์แบบนี้ ไม่กลัวว่าใครจะมาแย่งมินาไปเหรอครับ"
นักเรียนดีเด่นผู้ไม่ได้มีนิสัยที่ดีไปด้วยถามอย่างอารมณ์ดี
แต่ลิลินผู้เข้าใจความในที่ถูกส่งมากลับรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
"ยัยมินาของฉันเป็น'เพื่อน'ที่ดีของทุกคนอยู่แล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องแย่งกันหรอก"
ลิลินตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะถึงแม้ยัยมินาออกจะซื่อเกินไปบ้าง แต่เธอก็มั่นใจว่ายัยนั่นไม่ได้คิดอะไรกับหมอนี่เกินคำว่าเพื่อนแน่นอน
"เเน่ใจเหรอ..."
ชายหนุ่มผมดำเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มของผู้ที่เหนือกว่า
แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่ายัยเด็กนี่มากับเรย์เพราะอยากประชดมินา(ซึ่งทำไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก)
ที่จริงเขาก็รู้อยู่แล้วว่าลิลินจะมางานนี้เพราะมินาเล่าให้เขาฟังเมื่อกลางวัน
พอเอาเรื่องที่ได้ฟังมาปะติดปะต่อกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนรวมทั้งสายตาที่ยัยเด็กนี่ใช้มองมินาของเขาก็ทำให้มองออกได้ไม่ยากเลยว่าเด็กคนนี้คิดกับมินาเกินเพื่อนแน่นอน
...เห็นแล้วอยากแกล้งให้ประสาทเสียไปเลยจริงๆ...
"แน่นอนค่ะ ยัยนั่นให้ความสำคัญกับเพื่อนๆทุกคนเท่ากันเสมอ"
ร่างสูงของนักเรียนดีเด่นเดินเข้ามาประชิดอยู่ข้างๆร่างเล็กๆตรงหน้า มองเผินๆคล้ายกับการหาเรื่องใกล้ชิดตามแบบฉบับพระเอกนิยายน้ำเน่าที่มียุงชุม หากแต่คำพูดที่เขากระซิบใส่หูของลิลินนั้นกลับทำให้คนฟังแทบจะเป็นบ้าไปอย่างที่เขาต้องการจริงๆ
"แต่ว่าพี่น่ะ...ได้จูบกับมินาแล้วนะครับ ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจไม่ได้คิดกับพี่แค่เพื่อนก็ได้นะ~"
เมื่อได้พูดสิ่งที่ต้องการแล้วร่างสูงก็ผละออกไปอย่างอารมณ์ดี
ทิ้งให้ลิลินนิ่งงันกับคำพูดของเขาอยู่ตรงนั้น
...จูบกันไปแล้ว เป็นไปได้ยังไง!!?...
ขนาดเธอรู้จักกับยัยนั่นมาตั้งแต่เด็กยัยนั่นยังไม่เคยแม้แต่จะหอมแก้มเธอเลยนะ
แล้วไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร!
ไอ้สิ่งมีชีวิตเพศผู้นั่นมันมีสิทธิ์อะไรมาจูบมินาของเธอ!
ลิลินแทบจะลมจับเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองคิดผิด
นี่เธอเผลอแค่สองวันมินาก็เสร็จไอ้หมอนั่นแล้วงั้นเหรอ!
...อย่างงี้มิตรภาพลูกผู้หญิงอันแสนบริสุทธิ์ของพวกเธอล่ะ!!?...
ก็ไหนมินาบอกว่าไม่ได้คบกับหมอนี่ไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
นี่มินาโกหกเธองั้นเหรอ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่น
ร่างเล็กอมลมจนแก้มป่องบ่งบอกว่าตอนนี้เจ้าตัวอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
เธอยอมรับจากใจจริงเลยว่าเธอกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะ'แย่ง'มินาของเธอไปจริงๆ
เธอยอมรับเลยว่าเขาน่ากลัว...ใช่ เขาน่ากลัวมาก คำพูดเพียงประโยคเดียวของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอคิดมากกว่าพวกตัวผู้ทุกตัว...เอ้ย! ทุกคนที่มาสารภาพรักกับยัยนั่นรวมกันเสียอีก! เพราะที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะไม่มีพวกตัวผู้มาเกาะแกะกับมินาเลยเสียหน่อย นานๆทีก็จะมีพวกหนุ่มๆมาบอกชอบยัยนั่นบ้างเหมือนกัน
แต่เจ้าพวกนั้นน่ะเจอความซื่อเกินเหตุของมินาก็ถอยภายในอาทิตย์สองอาทิตย์ทั้งนั้น
มีแต่หมอนี่แหละที่อยู่ทนอยู่นานแถมยังได้จูบมินาแล้วทั้งๆที่คนอื่นแค่จับมือก็โดนทุ่มจนกระดูกหักกันทั้งนั้นเนี่ยนะ!
...จะทำยังไงดี ทำยังไงดี จ้างคนไปตัด'ไอ้นั่น'ของมันเลยดีมั้ย!!?...
"ลิลิน เฮ้! ลิลิน!"
เสียงเรียกของอุปกรณ์ประกอบฉาก...เอ้ย! คู่เต้นรำของลิลินเรียกให้เธอหลุดจากวังวนความคิดชั่วร้าย
ลิลินค่อยๆส่ายหัวไล่ความคิดชั่วร้ายออกจากสมอง
ร่างเล็กแสร้งทำเป็นยิ้มให้กับเรย์แล้วเดินตามเขาไป
...บางทีเจ้าสิ่งมีชีวิตเพศผู้นั่นอาจโกหกก็ได้ หมอนั่นมันจอมตอแหลนะ...
ลิลินเกือบจะลืมความจริงข้อนี้ไปแล้ว
'นักเรียนดีเด่นของโรงเรียนคือจอมโกหก'
แน่นอนว่ามีคนหลายคนที่ฉลาดพอที่จะรู้ถึงความจริงข้อนี้
แต่ก็มีคนที่โง่พอที่จะไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
ยกตัวอย่างง่ายๆก็ไอ้คนที่อยู่ข้างๆเธอกับเพื่อนร่วมวงของเขานี่ไง
งานโรงเรียนเมื่อปีก่อนพวกทริปเปิ้ลถูกไอ้เจ้านักเรียนดีเด่นนั่นหลอกให้เดินรอบโรงเรียนโดยมีแค่ลังกระดาษคนละใบปกปิดร่างกายเท่านั้น!(แต่ถึงกระนั้นพวกทริปเปิ้ลแฟนก็ยังหน้ามืดกรี้ดพวกมันอยู่ดี)
...ไม่รู้ว่าคนหลอกมันฉลาดหรือคนถูกหลอกมันโง่มากกันแน่...
พอคิดมาถึงตรงนี้ลิลินก็เริ่มก็หงุดหงิดตัวเองอีกครั้ง ตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่นะถึงได้ตอบตกลงมาไอ้งานบ้าๆนี่กับคนที่มีความหล่อแปรผกผันกับรอยหยักในสมองน่ะ
นี่มันเท่ากับว่าเธอต้องมาเสียเวลากับสิ่งมีชีวิตไร้สมองถึงสองวัน แล้วปล่อยโอกาสให้ไอ้สิ่งมีชีวิตเพศผู้เน่าๆโสโครกสกปรกแสนชั่วร้ายคาบเอาเพื่อนสนิทของเธอไปรับประทานใช่มั้ยเนี่ย!!
...
..
.
นักเรียนดีเด่นผู้ชั่วร้ายเดินวนรอบงานอย่างสบายอกสบายใจและแวะปั่นหัวชาวบ้านชาวช่องเป็นระยะๆโดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกผิดใดๆอยู่ในห้วงแห่งความคิดคำนึงเลยแม้แต่น้อย
ร่างสูงหยิบเอาเครื่องดื่มหนึ่งแก้วมาจากบริกรที่ถือถาดเครื่องดื่มอยู่แถวๆนั้นแล้วกระดกรวดเดียวหมด
บริกรหนุ่มถึงกับแหกตาด้วยความตกใจ เพราะไอ้สิ่งที่เขาเอาเข้าปากสบายๆเหมือนกินน้ำเปล่าเมื่อครู่มันไม่ใช่ของที่เด็กอายุสิบแปดที่ท่าทางเหมือนอยู่ในกรอบเป้ะๆอย่างเขาควรเข้าใกล้เท่าใดนัก...
"นานๆครั้งผมก็ต้องฝืนดื่มอะไรแบบนี้เข้าไปบ้างนั่นแหละครับ ไม่งั้นเพื่อนๆเขาจะหาว่าไม่สมกับเป็นผู้ชายเอา"
ชายหนุ่มเอ่ยกับบริกรด้วยใบหน้าเศร้าๆราวกับว่าสิ่งที่เขาดื่มเมื่อครู่มันไม่ถูกคอเขาแม้แต่น้อย
พลางเอื้อมมือไปหยิบเครื่องดื่มอีกแก้วที่มีแอลกอฮอลน้อยกว่ามาถือแล้วเดินต่อ
...และแน่นอนว่าที่พูดกับบริกรเมื่อกี้นั่นตอแหลกันชัดๆ :)...
ก็นะ ถึงแม้เขาจะยังเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดธรรมดาๆ(?)คนหนึ่ง แต่เรื่องเหล้ายาปาร์ตี้ สตรี และการพนันน่ะบอกไว้เลยว่าไม่เคยขาดหรอก
ไอ้ที่กระดกไปเมื่อครู่น่ะจิ้บๆ~~
เพียงแต่เขาฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกันทั่วไปมาก(พูดแบบไม่ค่อยจะหลงตัวเองเล้ยยย) ทำให้สามารถกลบร่องรอยของความเสเพลไว้ในคราบของคนแสนดีได้อย่างแนบเนียนก็เท่านั้นเอง
ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ภาพลักษณ์คุณชายเจ้าสำอางค์ แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อย เป็นนักกีฬาและเรียนเก่งนี่ก็ช่วยปกปิดความเหลวแหลกที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาเสียมิดเลยล่ะ
ต่อให้มีคนไปเห็นเขาที่สถานเริงรมย์ไหนๆพวกแล้วเอาไปบอกผู้ใหญ่
พวกท่านก็มักจะเชื่อว่าเป็นข่าวลือได้อย่างสนิทใจไม่มีบิดพลิ้วเลย
...ไม่ว่าใครก็เชื่อในตัวตนปลอมๆที่เขาสร้างมาทั้งนั้น...
ทั้งภาพลักษณ์คนดี เชื่อฟัง และไม่เคยออกนอกกรอบ
แน่นอนว่าตัวตนเหล่านั้นถูกสร้างมาเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาทั้งสิ้น
เนื้อแท้ของเขาก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบแปดธรรมดาๆ
มีกิเลส ตัณหา และความอยากรู้อยากลองเท่ากับเด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆ...ไม่สิ! อาจจะมากกว่าคนอื่นก็ได้
เขายังคงมองผู้หญิงที่ผ่านมือเขาแต่ละคนเป็นแค่ของเล่นไว้หาความสนุก
มองผู้ชายทุกคนเรียกเขาว่าเพื่อนเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้หาผลประโยชน์เพียงเท่านั้น
...เขาก็แค่คนเลวๆคนหนึ่ง...
เป็นเพียงคนเลวที่สวมรอยของคนดีเอาไว้เท่านั้น เพราะเขาไม่อาจเผยตัวตนที่เลวร้ายนั้นออกมาได้
...เพราะถ้าเขาเลวให้เห็นแม้เพียงครั้งเดียวก็จะไม่มีใครยอมรับตัวตนของเขาอีกเลย...
...แต่ก็ไม่มีวันที่เขาจะเผยตัวตนจริงๆออกมาเสียหรอก ระดับเขาน่ะสามารถกลบกลิ่นอายแห่งความชั่วช้าไว้ในคราบของคนดีได้สบายๆ
ยังไงเสียพวกหน้าโง่รอบๆกายเขาก็ไม่มีวันได้รู้หรอกว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นเช่นไร
เจ้าพวกนั้นมันก็แค่เบี้ยที่เขาเอาไว้ใช้กอบโกยผลประโยชน์และหาความสนุกเท่านั้น แค่ทำเป็นยิ้มแย้มให้หน่อยเจ้าพวกนั้นก็หลงเชื่อแล้วล่ะ...
ซาเบิ้ลไล่ความคิดไร้สาระออกจากสมองแล้วเดินวนรอบงานต่อไปเรื่อยๆพลางแสร้งทำเป็นจิบเครื่องดื่มในมือทีละน้อยๆ
ดูเผินๆเหมือนคนไม่ค่อยถูกกับแอลกอฮอลแต่ฝืนกินเข้าไปพอเป็นพิธีเท่านั้น
เขาเดินเรื่อยเปื่อยไปจนถึงประตูทางเข้าเป็นจังหวะเดียวกับคนคู่หนึ่งที่เพิ่งมาถึงพอดี
มินา เด็กสาวเอื่อยเฉื่อยที่เขากำลังให้ความสนใจสุดๆในช่วงนี้กำลังเดินควงคู่มากับเด็กปีหนึ่งที่ชื่อเคย์
คืนนี้มินาของเขาดูสวยแปลกตาไปมากเพราะชุดราตรีเรียบหรูที่เธอสวมใส่อยู่
ผ้าเนื้อดีบางเบาพริ้วไหวน้อยๆทุกย่างก้าวที่เธอเดิน
ลวดลายดอกไม้สีขาวนั้นช่างเข้ากันได้ดีกับเนื้อผ้าสีชมพูอ่อนๆ รวมไปถึงเครื่องประดับลายดอกไม้สีขาวที่เข้ากันได้ดีกับชุดนั้นด้วย
และถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าใบหน้างดงามน่ารักของเธอถูกแต้มสีสันด้วยโทนสีชมพูอ่อนๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอดูน่าหลงไหลมากขึ้น
เส้นผมสีคารเมลที่ยาวประบ่าบัดนี้ถูกรวบเป็นมวยสูงประดับประดาด้วยที่ติดผมเล็กๆลายดอกไม้สีขาว
และที่แน่นอนที่สุดคือใบหน้าของเธอนั้นแดงระเรื่อตามนิสัยไม่ชอบอยู่ท่ามกลางฝูงชนของเจ้าตัว
แต่กระนั้นก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอดูสง่างามราวกับเจ้าหญิงจริงๆ
...น่ารัก น่ารักสุดๆเลย!...
ชายหนุ่มแอบชมเด็กสาวในใจ
จริงอยู่ว่าเขาชอบมินาเเบบที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่นานๆที่แต่งตัวแบบนี้มันก็น่ารักดีเหมือนกัน
เพียงแต่สิ่งที่ขัดใจเขาอย่างมากตอนนี้คือเจ้าเด็กปีหนึ่งที่ชื่อเคย์
ถึงแม้ว่ามินาจะเคยบอกเขาแล้วว่าเป็นญาติกับเจ้าเด็กนั่น แต่เขาก็ยังอดรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นทั้งคู่เดินด้วยกันไม่ได้อยู่ดี
"มาแล้วเหรอครับมินา"
คนนิสัยไม่ดีเดินเข้าไปทักทายเด็กสาวราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของงาน โดยไม่ได้สนใจสายตางุนงงของเด็กหนุ่มอีกคนแม้แต่น้อย
"อืม นายก็มางานนี้ด้วยเหรอ?"
มินาดูสดใสขึ้นทันทีที่เจอคนรู้จัก เพราะลูกพี่ลูกน้องที่เธอรบเร้าให้พามางานนี้ด้วยก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันมากนัก
และต่อให้สนิทกันมากกว่านี้เธอก็ไม่ใคร่อยากจะเข้าใกล้ไอ้เด็กแก่แดดกระหายผู้หญิงแบบนี้สักเท่าไรหรอก
"ผมเป็นอัจฉริยะที่สุดในโรงเรียนนี่ครับ ท่านผอ.ก็ต้องอยากอวดผมให้ชาวประชาได้เห็นอยู่แล้ว"
"เหรอ..."
ที่จริงมินาก็ไม่ได้อยากฟังคำตอบหลงตัวเองแบบนี้มากนักหรอก(ไม่ค่อยสนใจด้วย) แต่เธอก็ยังมีมารยาทพอที่จะตอบรับเพื่อบอกให้เขาได้รู้ว่าเธอยังฟังคำพูดของเขาอยู่
อย่างน้อยๆก็เพื่อรักษาบรรยากาศการสนทนากับเขาบ้าง เพราะนี่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่เจอคนคุ้นเคยละนะ...
"แล้วนายมานานรึยังล่ะ?"
คนตัวเล็กเริ่มต่อบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้เธอออกจะเอือมๆอาการหลงตัวเอง(?)ของเขาไปบ้าง แต่เธอก็ยังอยากคุยกับเขาอยู่
"ครับ ที่จริงก็มาถึงสักพักแล้วล่ะ..."
...นักเรียนดีเด่นตอบคำถามด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
"งั้นเหรอ คงมีแต่ฉันที่มาสายละเนอะ^^"
เธอว่าพลางยิ้มแหยๆ ถึงแม้เธอจะเคยไปโรงเรียนสายบ่อยๆหรือแม้กระทั่งเคยหลับต่อหน้าเขานับสิบครั้ง แต่เธอก็ยังรู้สึกแย่นิดๆอยู่ดีกับการมาถึงงานนี้ช้าเกินไป
"ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ สำหรับเจ้าหญิงสวยๆอย่างมินาจะมาช้ากว่านี้สักครึ่งชั่วโมงผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก"
...ฝ่ายคนตอบก็ให้อภัยได้อย่างง่ายดายพร้อมหยอดคำหวานเข้าให้
ก็นะ สำหรับเขา(ในตอนนี้)ไม่ว่ามินาจะทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก
"จะ...เจ้าหญิงอะไรกัน!!?"
มินาถึงกับหน้าขึ้นสีเมื่อได้รับคำชมของเขา หัวใจดวงน้อยๆของเธอเริ่มเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง เขานี่ช่างขยันทำให้เธอหวั่นไหวจริงๆ
"ผมพูดจริงๆนะ คืนนี้มินาของผมสวยอย่างกับเจ้าหญิงแหนะ"
...คนชมยังคงปากหวานไม่หยุด เขาเดินเข้ามาชิดใกล้ร่างบางมากกว่าเดิมพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆมาให้
"มะ...ไม่นี่ ฉันก็เหมือนเดิม..นะ...นะ"
ใบหน้าที่แดงก่ำอยู่แล้วแดงขึ้นอีกจนถึงใบหู เขาเล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เธอก็เขินนะ
"ไม่หรอก พอมินาเอาผมขึ้นแบบนี้แล้วน่ารักอย่างกับตุ๊กตาแหนะ~"
ซาเบิ้ลเอ่ยก่อนจะใช่นิ้วของตนม้วนผมคนตัวเล็กเล่น
"น่ารั...!"
"ไม่ทราบว่าพวกพี่จะยืนจีบกันอีกนานมั้ยครับ!! มันขวางทางเดินชาวบ้านชาวช่องเขานะครับพี่รู้รึเปล่า!!!"
มินาพูดไม่ทันจบ อุปกรณ์ประกอบฉากหมายเลขสองก็โวยวายออกมาเสียก่อนเพราะทนบรรยากาศหวานแหววสีชมพูของคนทั้งคู่ไม่ได้
นี่มันเลี่ยน! เลี่ยนเกินไป!! เลี่ยนจนเขาจะอ้วกได้แล้ว!!!
...ทำไมท่านซาเบิ้ล อัจฉริยะผู้ชี้แนะทางสว่างให้กับเขาและรุ่นพี่ในวง(ด้วยการให้เปลื้องผ้าทั้งตัวแล้วเดินรอบโรงเรียน เพื่อพิสูจน์ว่าแฟนคลับคนไหนบ้างที่รักพวกเขาจากตัวตนที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งปรุงแต่งอื่นๆ)ถึงมาจี๋จ๊าดี๋ด๊าพี่สาวขี้แยของเขาได้ล่ะ!!?...
เด็กสาวผมสีคารเมลที่เพิ่งตั้งสติได้รีบผละออกมาจากชายหนุ่มอีกคนทันที
ฝ่ายนักเรียนดีเด่นนิสัยเสียเองก็ได้แต่ยกมือที่กำลังจะลูบเส้นผมสีคารเมลค้างไว้กลางอากาศ
...หน็อยแน่ ไอ้เด็กนรก!!...
เขาคิดอย่างคับแค้นใจ แค่ลังกระดาษมันคงไม่พอสินะ... คราวหน้าเขาจะหลอกให้มันแปะใบไม้ใบเดียวเดินทั่วโรงเรียน...ไม่สิ! แปะใบไม้ใบเดียวออกอากาศทั่วประเทศไปเลย!!
"แล้วคุณเคย์ไม่ไปสมทบกับเพื่อนในวงเหรอครับ?"
ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่สนใจเสียโวยวายเมื่อครูแล้วหันไปถามด้วยรอยยิ้ม
...ก่อนอื่นคงต้องกำจัดตัวเกะกะออกก่อน...
"โอ้ จริงด้วยสินะครับ"
เคย์พยักหน้ารับทันที(ผิดกับที่โวยวายเมื่อครู่ลิบลับ) ไม่ว่าสิ่งใดที่ท่านซาเบิ้ลผู้นี้ชี้นำย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
"ไปกันเถอะครับ พี่"
เด็กหนุ่มหันไปเอ่ยกับลูกพี่ลูกน้องของตน แล้วพลันสายตาก็หันไปเห็นว่าพี่สาวของเขาถูกท่านซาเบิ้ลที่เขาและพี่ๆในวงเคารพนับถืออย่างสูงคว้ามือไปยืนข้างๆเสียแล้ว
"มินาเขานัดเพื่อนเอาไว้ เดี๋ยวผมดูแลเองครับ คุณเคย์ไปสนุกกับเพื่อนๆในวงเถอะ"
"มันจะดีเหรอครับ ดูจะเป็นการรบกวนท่านซาเบิ้ลเปล่าๆนะครับ"
เคย์รีบพูดด้วยความเกรงใจ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ"
นักเรียนดีเด่นเอ่ยวาจาหวานหูด้วยรอยยิ้ม
แต่สิ่งที่คิดจริงๆน่ะเหรอ...
...รีบไปไกลๆอวัยวะเบื้องล่างสักทีสิฟระ! ไอ้ตัวประกอบนี่!!...
"แต่ว่า..."
เด็กหนุ่มอ้าปากเตรียมจะแย้งอีกครั้ง
"ถ้าคุณเคย์พามินาไปด้วย คุณอาจจะไม่ได้คุยกับเพื่อนๆเต็มที่นะครับ"
"นั่นมันก็จริงนะ..."
เคย์พยักหน้าเห็นด้วย
"แล้วที่สำคัญนะครับ..."
ซาเบิ้ลเว้นจังหวะเล็กน้อยพลางชี้นิ้วไปที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง
"ถ้าคุณพามินาไปด้วย คุณก็จะไม่สามารถชวนสาวสวยคนนั้นเต้นรำได้นะครับ"
เคย์มองตามทิศที่นักเรียนดีเด่นนิสัยเสียชี้ไป สาวงามที่ซาเบิ้ลแนะนำ(?)ให้เขานั้นเป็นผู้หญิงผิวสีแทนผู้มีเส้นผมสีฟางแก่ๆ
เธอดูโดดเด่นสะดุดตาด้วยชุดเกาะอกสีเทาเข้มรัดรูป เนื้อนวลที่ล้นทะลักออกมานั้นบ่งบอกได้อย่างแน่ชัดว่ารูปร่างที่ถูกชุดราตรีชุดสวยห่อหุ้มอยู่นั้นคงเซ็กซี่บาดใจอยู่ไม่น้อย
...สเป็ค! นี่มันสเป็คเขาชัดๆ!!...
เพียงได้พบสบตาเจ้าหล่อน เด็กแก่แดดนามว่าเคย์ก็ทิ้งพี่สาวตัวเองอย่างรวดเร็วพลางกระโจนไปหาสาวงามนางนั้นทันใด
"เด็กแก่แดด..."
มินาผู้ไม่ยินดียินร้ายกับการจากไปของน้องชายตัวเองนักบ่นออกมาเบาๆ
"เอาน่าๆ เดี๋ยว'คืนนี้'ผมดูแลมินาเอง"
คนนิสัยไม่ดีที่เพิ่งกำจัดตัวเกะกะไปได้บอกอย่างสดใส
"จะว่าไปนายเห็นลิลินบ้างรึเปล่า?"
มินาเปลี่ยนมาถามหาเพื่อนของตนบ้าง
สาเหตุที่เธอต้องลำบากลำบนทนมาเดินอยู่ในฝูงตู้เพชรเดินได้คือการมาพายัยนั่นกลับบ้านนะ
ถ้าไม่ใช่เพราะห่วงยัยนั่นเธอไม่อยากจะมางานที่คนเยอะๆแบบนี้นักหรอก
"หืม? น้องลิลินน่ะเหรอ วันนี้ยังไม่เห็นเลยนะ"
คนอายุมากกว่าตอแหลกลับไป
ในใจลึกๆของเขาก็แอบน้อยใจเธออยู่ไม่น้อย
กว่าเขาจะกำจัดตัวเกะกะออกไปได้นั้นแสนจะลำบาก(?)
เเล้วไยแม่กวางน้อยของเขากลับเรียกหาแต่ยัยเด็กเตี้ยนั่นล่ะ
...เอาเถอะ เดี๋ยวคืนนี้เขาจะทำให้มินาเรียกหาแต่เขาคนเดียวให้ได้เลย...
ก็นะ จะนับว่ามินาเป็นผู้โชคดีหมายเลขหนึ่งเลยก็ว่าได้
เพราะตลอดหกปีที่เขาได้ร่ำเรียนใน'โรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษา อี. เฟเลด'
แห่งนี้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาคิดจะจับเหยื่อในถิ่นตัวเอง อย่างมากสุดก็แค่คุยกันเล่นๆเท่านั้น
แต่กับมินานี่พิเศษหน่อย
เนื่องจากเธอใสซื่อเกินกว่าที่ความเจ้าเลห์ของเขาจะเข้าถึง
ทั้งบอบบาง น่ารังแกและน่าปกป้องในเวลาเดียวกัน
ยอมรับเลยว่าเขารู้สึกสนุกยิ่งนักยามอยู่กับเธอ
...แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะเบื่อเธอง่ายๆหรอก เขาจะทำให้เธอหลงไหลแต่เขาเพียงคนเดียว...
เพราะว่ามินาน่ะเป็นคนที่เขาชอบมากที่สุดเลยก็ว่าได้
พวกผู้หญิงคนอื่นน่ะอยู่กับเขาได้ไม่ถึงเดือนเขาก็เบื่อแล้ว
...ก็แค่พวกผู้หญิงไร้ค่า พอเจอตัวตนจริงๆของเขาก็หนีกันหมด...
เเต่เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามินาคงจะไม่เป็นแบบนั้น
...ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากให้เธออยู่กับเขาไปนานๆ ให้นานกว่าพวกน่าเบื่อที่ผ่านมา...
"ซาเบิ้ล นี่! นายฟังฉันอยู่รึเปล่าน่ะ?"
"หืม? ว่าไงนะครับ"
คนนิสัยไม่ดีสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันหน้ามามองคนตัวเล็ก
"ฉันถามว่านายดื่มเหล้าด้วยเหรอ?"
เสียงหวานของมินาช่วยหยุดการลำดับแผนการชั่วร้ายของเขาในคืนนี้ได้อย่าเหมาะเจาะ
ซาเบิ้ลจำต้องฉีกยิ้มให้เธอดังเดิม
...หึๆ เดี๋ยวคืนนี้พี่ทำให้ลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู...
แน่นอนว่าความคิดชั่วร้ายยังคงฝังแน่นอยู่ในเซลล์สมองของเขาราวกับว่ามันเป็นหนึ่งเดียวกับจิตใต้สำนึกของเขาไปแล้ว
คนนิสัยไม่ดีเริ่มแผนการของเขาอีกครั้ง
"อ๋อ นี่น่ะเหรอ"
เขาว่าพลางยื่นแก้วเครื่องดื่มที่ตนถือมาให้เด็กสาว
"แอลกอฮอลไม่ได้สูงมากนะ มินาจะชิมมั้ยล่ะ?"
...มอมเหล้างั้นเหรอ ลืมนึกถึงวิธีนี้ไปเลยแฮะ~~~...
"จะดีเหรอ...ฉันไม่เคยดื่มอะไรแบบนี้เลยนะ"
มินามีท่าทีอิดออด แน่นอนว่าเธอไม่เคยดื่มอะไรแบบนี้จริงๆ
ทำให้รู้สึกกลัวๆอยู่บ้างที่จะดื่มมัน
"เอาน่า นิดเดียวเอง...ไม่เป็นไรหรอก"
และแน่นอนว่าคนมีแผนชั่วก็ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมเธอเช่นกัน
"ถ้าฉันเมาล่ะ"
"เดี๋ยวผมจะช่วย'ดูแล'มินาให้เอง"
เด็กสาวกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอรู้สึกเชื่อในคำพูดของคนตอแหลตรงหน้า(แม้จะเริ่มระแคะระคายนิสัยเสียๆของเขาบ้างแล้วก็ตาม)
อะไรบางอย่างในจิตใต้สำนึกบอกว่าเธอเชื่อใจเขาได้
"นะ...นิดเดียวคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ"
...และเธอก็เลือกที่จะเชื่อใจเขาโดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังวางแผนชั่วร้ายอะไรบางอย่างอยู่...
"ไม่ได้นะยะ!!"
มือที่กำลังจะรับแก้วถึงกับชะงักค้างเมือมีร่างเล็กๆของใครบางคนวิ่งเข้ามาคว้าแก้วทรงสูงตรงหน้าเธอไปแล้วกระดกเข้าปากจนหมด
"ลิลิน!!?"
มินาดูจะตกใจการมาของเพื่อนอยู่ไม่น้อย
...เธอนึกว่ายัยนี่ยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ!...
"ช่ายยย~~~ ช้านนนเอง"
ลิลินตอบเสียงยานคางอันเนื่องมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเข้าไป(ทั้งที่ไม่เคยดื่ม)
"ยัยบ้าลิลิน เธอดื่มมันเข้าไปทำไมเนี่ย!!"
มินาถึงกับเครียดขึ้นมาทันที
โดยปกติแล้วลิลินจะมีความเป็นผู้ใหญ่และคอยดูแลเธอมาตลอด
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเวลายัยนี่จะงอแงขึ้นมาเอาใจยากยิ่งกว่าเด็กสามขวบเสียอีก!
นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจอะไรรอบข้างทั้งนั้น
...เพราะแบบนี้ไงเธอถึงอดเป็นห่วงยัยนี่ไม่ได้...
"ทำมายยย ช้านนนทำอะไรผิดด"
ลิลินคว้าคอคนตรงหน้าเอาไว้พลางถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน อาจเป็นเพราะความเมาจนทรงตัวไม่ได้หรืออะไรไม่รู้
แต่ตอนนี้ลิลินรู้สึกว่ามินาตัวสูงมากกว่าปกตินัก
"พอได้แล้วน่าลิลิน อย่าเอาแน่ใจตัวเองนักสิ..."
"ทีเธอยังทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย!"
ร่างเล็กว่าพลางเริ่มสะอื้นน้อยๆ
อาจเป็นเพราะความเมาทำให้สมองเลอะเลือน อารมณ์จึงแปรปรวนตามไปด้วย
"ทีเธอยัง..."
ลิลินเงียบไปเหมือนไม่อยากพูดประโยคต่อจากนี้
ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบงการให้ร่างเล็กตัดสินใจเขย่งเท้าขึ้นไปประกบริมฝีปากกับคนตรงหน้า
และถึงแม้มันจะเป็นแค่การเอาริมฝีปากแตะกันเฉยๆแต่ก็ทำให้มินาแทบจะลมจับอยู่ตรงนั้น
"ยัยลิลิน! เธอเมามากแล้วนะ!!"
มินารีบคว้าตัวเพื่อนของตนออกจากร่างสูงของนักเรียนดีเด่นทันที
สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่เธอกังวลจนได้
ยัยเพื่อนตัวดีของเธอเล่นเมาแล้วไปจูบผู้ชายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน!!
นี่ถ้าเธอไม่ตามมาไม่รู้ยัยนี่จะเป็นยังไงบ้าง
...ถ้าเธอไม่ตามมายัยนี่คงถูกเจ้าเรย์อะไรนั่นหลอกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!!...
"เหหห นั่นไม่ใช่มินาหรอกเหรอ???"
ลิลินพูดแบบลิ้นพันกันจนแทบจับใจความไม่ได้
"อ๊าาา แกมันเจ้าสิ่งมีชีวิตเพศผู้น่าหยะแหยงนี่นาาา~~~"
ร่างเล็กว่าต่อพลางหันกลับไปชี้หน้าคนตัวสูงที่ยืนเอ๋อรับประทานอยู่ข้างหลัง
"แกมัน...อ้วกกก!!!"
"ว้าย!! ลิลิน!"
ไม่ทันพูดจบลิลินก็อ้วกใส่เสื้อสูทตัวงามของนักเรียนดีเด่นเข้าเสียแล้ว
มินาที่เห็นท่าไม่ดีรีบมาคว้าตัวเพื่อนของตัวเองไว้แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์
ลิลินหันกลับมาเดินโซซัดโซเซได้อีกแค่สองสามก้าวก็ล้มพับไปเลย
"ขะ...ขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ ขอโทษจริงๆ แล้ววันหลังฉันจะชดใช้ให้"
มินาบอกกับร่างสูงอย่างรู้สึกผิดก่อนจะพยุงเพื่อนของตนออกจากงานเลี้ยงด้วยความรวดเร็ว
...ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้เลย...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น