ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sister Complex :: รักนี้...ต้องห้าม[รึเปล่า!!?]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่3 เปลี่ยนแปลง

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 59


    บทที่3 เปลี่ยนแปลง


    (ลิลิน ลิลิน่า เบลล์)



    ...เป็นอีกครั้งที่มินาไม่สามารถทำตามความตั้งใจของตนเองได้

    เมื่อในวันนี้เธอคิดว่าจะไม่หลับขณะที่คุยกับซาเบิ้ลอีกเด็ดขาด

    แต่จนแล้วจนรอดเธอก็นั่งหลับต่อหน้าเข้าอีกจนได้(นี่เธอนอนน้ำลายยืดด้วยรึเปล่าน่ะ อี๋ น่าเกลียด!)

    มินาลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียหลังสัญญาณหมดคาบสุดท้ายดังขึ้นเหมือนเมื่อคราวก่อเด๊ะๆ แต่จะต่างออกไปก็ตรงที่คราวนี้มีชายหนุ่มผมดำซึ่งนั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆเป็นคนปลุก

    "ไง หลับสบายมั้ย^___^"

    "กะ...ก็ดี"

    มินาที่รู้สึกอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีตอบอย่างเก้อๆ

    ...นี่เธอเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย!!?...

    "งั้นเหรอ...ดีจังนะ"

    ...มันดีตรงไหนฟะเนี่ย!!!...

    มินาได้แต่คิดในใจ

    ไอ้การที่คุยกับใครสักคน(โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จัก)แล้วมานอนหลับเป็นตายน้ำลายยืดน่ะ รู้ถึงไหนก็คงอายไปถึงนั่น

    "ละ...แล้วฉันหลับไปตอนไหนเหรอ"

    มินาละล่ำละลักถามด้วยเสียงสั่น ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกชัดเจนว่าเธออาย

    หากแต่ไม่ใช่ความอายแบบ'เขินอาย'หรอกนะ

    มันคือความอายแบบ'อับอาย'ต่างหาก

    "เมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน...

    ตอนที่ผมกำลังอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของวิชาที่มินาต้องเรียนเมื่อขึ้นปีสาม"

    ...นั่นไง!...

    มินาอุทานในใจ ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ถ้าเธอไม่หลับน่ะสิแปลก

    "งะ...งั้นเหรอ แย่จังนะ"

    มินาพูดอย่างเก้อๆ

    ริมฝีปากอิ่มสวยยกยิ้มขึ้นมาอย่างแหยๆเหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกจับได้ว่าทำผิด

    "แต่ก็นะ กว่ามินาจะขึ้นปีสามก็อีกนานเลย เอาไว้ถึงตอนนั้นค่อยเรียนรู้เองก็ได้เนอะ"

    ซาเบิ้ลบอกด้วยท่าทีสบายๆ

    ตอนนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นมากจนไม่อยากจะแกล้งเธอแล้ว(แต่กับคนอื่นน่ะไม่แน่)

    "อืม..."

    มินาที่ไม่รู้จะพูดต่อว่าอย่างไรจึงเอ่ยไปแค่นั้น

    "ลงไปข้างล่างกันเถอะ"

    ร่างสูงว่า

    "อีกเดี๋ยวภารโรงก็คงจะมา ถ้าเห็นเธอล่ะก็แย่แน่"

    "นั่นสินะ..."

    มินาพึมพำออกมา เมื่อตอนปีหนึ่งเธอเคยถูกจับได้ว่าแอบหนีมาบนนี้ครั้งหนึ่ง และถูกลงโทษจนเธอเข็ดไม่กล้ามาที่นี่ไปพักใหญ่เลยล่ะ

    ...มินาหยิบกล่องนมเปล่าๆใส่ถุงที่นำมาอย่างลวกๆแล้วถือมันด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายถือหมอนรูปแมวใบโปรดที่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้

    ขาเรียวสวยพาเจ้าของมันเดินมาจนเกือบถึงประตูดาดฟ้า

    แต่แล้วก็ถูกเสียงเข้มที่อยู่เบื้องหลังเรียกไว้เสียก่อน

    "มินา"

    "หือ?"

    มินาตอบรับไปอย่างงงๆ

    ...เธอว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไรนะ...

    "พรุ่งนี้เธอจะมาอีกรึเปล่า?"

    ร่างบางนึกอะไรอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไป

    "ก็น่าจะมา"

    เพียงแค่นั้นคนตัวสูงก็คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

    "พรุ่งนี้เจอกันนะ"

    "อ...อื้อ"

    ...

    ..

    .

    "ฉันบอกเธอกี่ครั้งกี่หนแล้วว่า

    'อย่า-โดด-เรียน'น่ะ หา!!!"

    "ขอโทษ..."

    "เธอขอโทษฉันตลอด และหลังจากนั้นเธอก็ยังโดดเรียนเหมือนเดิม! "

    "ขอโทษ..."

    "เธอจะต้องให้ฉันพูดอีกซักกี่รอบว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเองน่ะมันสำคัญกับชีวิตแค่ไหน

    ถ้าเธอคิดว่าการที่ฉันจดแลคเชอร์ให้เธอตลอดทั้งเทอมทำให้เธอได้ใจล่ะก็...ฉันคงต้องเลิกทำแล้ว!"

    ลิลินที่ทำแก้มป่องพูดอย่างเคืองๆการสนทนาของทั้งคู่วกกลับมาเป็นแบบนี้เป็นรอบที่ร้อยกว่าได้

    หลังจากที่ลิลินพบว่ายัยมินาตัวดีโดดเรียนอีกแล้ว

    เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยัยนี่ถึงไม่รู้จักใส่ใจการศึกษาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่ออนาคตเอาซะเลย

    ...ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ...

    มินาได้แต่นิ่งเงียบฟังคำบ่นของเพื่อนตัวเล็กไป(และขอโทษเป็นระยะ)เท่านั้น

    เพราะท้ายที่สุดแล้ว วันนี้ก็ไปจบลงที่ร้านไอศครีมร้านโปรดของลิลินอยู่ดี

    "คอยดูนะมินา ถ้ามีครั้งต่อไปละก็ ฉันจะไม่ยอมให้เธอลอกการบ้านอีกต่อไปเลย!"

    เสียงคาดโทษของลิลินดังขึ้นตลอดทางทั้งสองเดินกลับบ้านด้วยกันตามปกติ

    เมื่อเห็นว่าลิลินเดินเข้าไปในบ้านแล้ว มินาก็เดินเลยมาจนถึงบ้านของตัวเองที่อยู่ข้างๆทันที

    "กลับมาแล้วค่ะ"

    เธอเอ่ยกับความว่างเปล่าดังที่เคยทำมาจนคุ้นชิน

    ร่างบางเดินเฉื่อยๆไปยังตู้เย็นแล้วหอบเอานมรสกาแฟจำนวนห้าถึงหกกล่องขึ้นไปบนห้องด้วย

    มินาเดินมาจนถึงห้องริมสุดซึ่งเป็นห้องของเธอ

    เมื่อเปิดประตูเข้าไปแน่นอนว่าต้องพบกับเจ้าเหมียวทั้งหลายที่นั่งๆนอนๆรอให้เธอกลับมาเล่นด้วย

    "กลับมาแล้ว..."

    มินาเอ่ยกับเจ้าตัวจ้อยทั้งหลาย

    มือเรียวสวยลูบหัวตุ๊กตาตัวใหญ่ที่สุดอย่างรักใคร่หวงแหน

    ก่อนจะใช้แก้มใสๆคลอเคลียกับตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเองคล้ายกับแมวที่กำลังออดอ้อนเจ้านายของมันอยู่

    "นี่...การ์ฟิลด์"

    เธอเอ่ยกับเจ้าตุ๊กตาแมวสีส้มในอ้อมกอด

    "ทำไมมินาถึงแก้นิสัยขี้เซาของตัวเองไม่ได้นะ..."

    มินาว่า ในใจนึกไปถึงเมื่อตอนบ่ายที่ตัวเองเผลอหลับไปต่อหน้าต่อตาใครบางคน

    ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะมานั่งสนใจว่าจะหลับต่อหน้าคนนั้นคนนี้หรือเปล่า(ก็ปกติไม่มีใครมานั่งจ้องเธอแบบนี้นี่)

    แต่กับเพื่อนใหม่ที่เธอเจอแค่2-3ครั้งคนนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดียามเผลอหลับต่อหน้าเขา

    อาจเพราะเวลาพบเขานั้นเขาเจาะจงคุยเฉพาะกับเธอก็เป็นได้

    มินาวางเจ้าเหมียวน้อยลง ทิ้งตัวลงกัลที่นอนแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาดังที่เคยทำยามใช้ความคิด

    ...แล้วทำไมเธอต้องไปแคร์ความรู้สึกหมอนั่นด้วยล่ะเนี่ย...?

    อยู่ๆเธอก็ตั้งคำถามขึ้นมาอย่างหาคำตอบไม่ได้

    คืนนี้มินาใช้เวลาเกือบค่อนคืนในการคิดว่าทำอย่างไรเธอจึงจะไม่หลับกลางวันอีก

    ...

    ..

    .

    "มาแล้วเหรอ"

    ร่างสูงเอ่ยทักทายเมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าเดินขึ้นมาในชั้นดาดฟ้าของโรงเรียน

    เธอกับเขาขึ้นมาเจอกันบนนี้แทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติแล้ว

    "หวัดดี"

    ร่างบางเอ่ยตอบ สองขาเรียวสวยพาร่างของผู้เป็นเจ้าของเดินไปนั่งอยู่ข้างๆเขา

    "กินอะไรมารึยังล่ะ"

    ซาเบิ้ลถามยิ้มๆ เมื่อสังเกตดีๆแล้วจะพบว่าวันนี้เขาเอาข้าวกล่องมาทานบนดาดฟ้าด้วย(แหม มันก็ต้องเตรียมพร้อมกันบ้าง::ซาเบิ้ล)

    "..."

    มินาไม่ตอบหากแต่ชูถุงขนมปังที่ซื้อมาจากร้านค้าโรงเรียนให้เขาดูแทน

    "กินแต่อาหารขยะมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ"

    ร่างสูงเตือนอย่างเป็นห่วง

    "ก็มันไม่มีเวลาทำนี่..."

    เธอว่าด้วยเสียงแผ่วๆเหมือนกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด(แต่ไม่ยอมรับผิด)

    "บ้านอยู่แถวไหน"

    "หา???"

    มินาที่งุนงงกับคำถามแบบกระทันหันทำได้เพียงแค่ถามซ้ำเท่านั้น

    "ผมถามว่าบ้านมินาอยู่แถวไหน"

    ซาเบิ้ลยืนยันคำถามอีกครั้ง

    "กะ...ก็แถวๆนี้"

    สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำตอบตะกุกตะกักของเด็กสาว

    ซาเบิ้ลส่งสายตาตำหนินิดๆมาให้เธอ ก่อนจะพูดประโยคถัดไป

    "ถ้าอยู่แถวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบนี่ ตื่นเช้าๆมาทำกับข้าวเองก็ได้"

    เขาแนะนำ

    "ฉันตื่นสายน่ะสิ...นายก็น่าจะรู้ว่าฉันขี้เซา"

    มินาบอกแบบสำนึกผิดนิดๆ(อ่าาา...ฉันคงทำอะไรซักอย่างผิดไปสินะ::มินา)

    "แล้วทำไมไม่ให้คุณแม่ทำให้ กินแต่อาหารขยะแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ"

    ซาเบิ้ลบอกอย่างเป็นห่วง ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะห่วงยัยเด็กนี่ทำไมกัน

    ตรงกันข้ามกับมินาที่ทำหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำว่า'คุณแม่'

    เธอเงียบไปจนเขาผิดสังเกต

    ...รึว่าจะโกรธที่เขายุ่งย่ามเรื่องของเธอเกินไปกันนะ...

    "มินา..."

    "ฉันไม่มีแม่หรอก..."

    ขณะที่ซาเบิ้ลกำลังจะเอ่ยปากขอโทษเธอก็พูดขัดเขาเสียก่อน

    "ไม่มีแม่งั้นเหรอ...?"

    เขาทวนคำพูดของเธอเบาๆ รู้สึกว่าเขาจะพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดเสียแล้ว

    "แม่ฉันเสียตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุแปดขวบ...ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์น่ะ"

    มินาพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ในแววตาฉายชัดถึงความโศกเศร้ายามนึกถึงเรื่องในอดีต

    "ผมเสียใจด้วยนะครับ..."

    เขาทำได้เพียงเอ่ยแสดงความเสียใจกับเธอเท่านั้น

    ยามนี้เขารู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ถูกเมื่อเผลอไปสะกิดแผลเก่าของเธอเข้า ทั้งๆที่หากเป็นคนอื่น เขาคงหาทางซ้ำเติมแบบเนียนๆไปแล้ว แต่กับคนตัวเล็กตรงหน้าเขากลับรู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างงั้น

    ...นี่มันไม่ใช่ความผิดเขาเลยนะ!...

    "มินาต้องรักคุณแม่มากแน่ๆ"

    เขาเอ่ย ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าพูดออกไปทำไม

    "อือ...ตอนนั้นฉันติดแม่มากเลยล่ะ"

    มินาเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเธอในยามนี้ได้ 

    "ฉันชื่นชมท่านมาก ตัวฉันในตอนนั้นใฝ่ฝันอยู่ตลอดเวลาว่าอยากจะเป็นแบบท่าน...

    "

    มินาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง

    อาจเป็นเพราะว่าเธออยากระบายความทุกข์ใจที่สะสมมาหลายปีก็เป็นได้

    เธอเหลือบมองคนข้างกายเหมือนจะถามว่าเธอเล่าอะไรไม่น่าฟังออกไปหรือเปล่า

    เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรจึงเล่าต่อ

    "ก็เหมือนกับตัวของท่านเองที่รักฉันมากจนสัมผัสได้...

    แม่อยากให้ฉันเป็นอย่างแม่ ท่านบอกว่าภูมิใจที่มีฉันเป็นลูก

    แม่ให้ฉันใช้นามสกุลของท่าน ราวกับจะประกาศให้โลกรู้ว่าฉันเป็นลูกแม่"

    ซาเบิ้ลยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี เขาอยากรู้เรื่องราวของเธอทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน

    เขาอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้

    อยากใกล้ชิดมากกว่านี้

    อยากอยู่กับเธอให้นานกว่านี้

    ...ทำไมกันนะ...

    "คุณแม่น่ะทั้งใจดีแล้วก็อ่อนโยน ที่สำคัญ...ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหนแม่ก็จะมาฉลองวันเกิดกับฉันเสมอ"

    "..."

    "แต่แล้ววันเกิดในปีที่แปดแม่กลับไม่มาฉลองกับฉัน...ไม่มาอีกเลยนับจากนั้น"

    มินาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าซึม

    ดวงตาสีน้ำผึ้งสั่นระริกยามนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน

    "วันนั้นฉันตั้งใจทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ฉันพยายามแต่งตัวให้สวยที่สุด ตกแต่งทั่วทั้งห้องนั่งเล่นด้วยตัวเอง ฉันแต่งหน้าเค้กเป็นรูปของแม่

    ฉันนั่งอยู่บนเปียโนหลังใหญ่ ตั้งใจว่าจะเล่นเพลงโปรดให้แม่ฟัง"

    มินาเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ

    "แล้วเพื่อนร่วมงานของแม่ก็โทร.มา

    ตัวฉันที่นึกว่าเป็นแม่วิ่งไปรับโทรศัพท์อย่างดีใจ แต่แล้วก็ต้องรับรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าในวินาทีนั้น...

    รถยนต์ที่แม่นั่งมาเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ

    มีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน แต่แม่ของฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้น..."

    มินาเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าที่ยามปกติดูเหมือนจะนิ่งเฉยยามนี้ฉายแววเศร้าโศกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ซาเบิ้ลรู้สึกหดหู่กับเรื่องที่ได้ฟัง

    แม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน แต่ทั้งพ่อและแม่ที่หย่าร้างกันของเขาก็อยู่ดีมีสุขกันทั้งคู่ ไม่ได้มีใครล้มหายตายจากไปสักคน

    "มินาคงเหงามากเลยสินะ..."

    ซาเบิ้ลเอ่ยด้วยใจจริง ความจริงใจของเขานั้นยากนักที่จะมอบให้ใครต่อใคร

    จากที่เคยสวมหน้ากากเข้าหาทุกคน ยามนี้เขาสามารถสาบานกับตัวเองได้เลยว่า เขาอยากปกป้องเด็กคนนี้จากใจจริงๆ

    "ไม่หรอก คุณพ่อฉันน่ะดูแลฉันอย่างดีเลย^___^"

    มินาบอกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส...

    ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจอย่างประหลาดเมื่อมองรอยยิ้มนั้น

    เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน แทบทุกคนที่เขารู้จักเป็นเพียงพวกไร้ค่าในสายตาเขาเท่านั้น

    แต่เขากลับไม่เคยคิดว่ามินาไร้ค่าเลย เพียงครั้งแรกที่เจอเขาก็รู้สึกแล้วว่าเธอคนนี้ดูน่าทนุถนอมกว่าคนอื่นๆอยู่มาก

    ...เธอดูเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆที่อาจจะกลัวคนแปลกหน้าบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อเริ่มเปิดใจให้แล้วก็จะสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจแน่นอน...

    "ผมชอบให้มินายิ้มแบบนี้จัง..."

    "อะ...เหรอ"

    มินาหัวเราะอย่างงงๆ

    "ฉันคงเหมือนพวกคนหยิ่งๆ อะไรทำนองนี้สินะ"

    ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปเสียแล้ว

    เพราะมินาไม่ค่อยพูด(กับคนที่ไม่สนิท)ทำให้คนส่วนมากคิดว่าเธอเป็นคนเย็นชา ซึ่งคนเอื่อยเฉื่อยๆอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าแก้ตัวอย่างไรจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปเท่านั้น

    ก็อย่างที่บอกเธอมันคนขี้อาย ถ้าไม่จำเป็นเธอแทบไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธออยู่ตรงไหนของโลกด้วยซ้ำ

    "ผมคิดว่ามินาเป็นคนขี้อายมากกว่า"

    คำตอบของซาเบิ้ลทำให้มินาประหลาดใจเล็กน้อย เธอเอียงคออย่างสงสัยก่อนถามต่อ

    "ทำไมนายคิดอย่างงั้นล่ะ?"

    "ก็ถ้ามินาเป็นคนหยิ่งจริงๆมินาก็ต้องหลงตัวเองใช่มั้ยล่ะ"

    "เห...?"

    "แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกคนหยิ่งผยองมักจะคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าคนอื่น"

    เขาขยายความให้ฟังพลางกลั้วหัวเราะ

    ที่จริงเขาก็เป็นหนึ่งในไอ้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ว่านั่นเหมือนกัน

    แต่นักเรียนดีเด่นอย่างเขาก็มีดีพอที่จะให้ยืดอกด้วยความภาคภูมิใช่มั้ยล่ะ

    "งั้นเหรอ..."

    มินาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนไม่ค่อนสนใจ

    แต่จริงๆแล้วก็ตกใจเล็กน้อยกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับนี้

    "มินาน่ะไม่ใช่พวกหลงตัวเองแน่นอน

    ตรงกันข้าม มินาเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองใช่ไหมล่ะ"

    ราวกับเขาอ่านใจเธอได้ สิ่งที่เขาพูดตรงเผงไม่ผิดเพี้ยนเลยซักนิด

    "ก็นะ...เวลาอยู่ต่อหน้าคนมากๆฉันก็รู้สึกประหม่าน่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไงดีเวลาที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉัน"

    มินาว่าอย่างอายๆ ใบหน้าสวยขึ้นสีน้อยๆเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

    "ไม่ต้องคิดมากหรอก มินาเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีแล้ว"

    ร่างสูงบอกด้วยรอยยิ้มสดใส

    ซึ่งเขาก็คิดอย่างที่พูดจริงๆนั่นแหละ 

    ในความคิดของเขามินาที่เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว แม้เธอจะเป็นคนขี้อายแต่เธอก็ไม่ได้น่ารำคาญเลยสักนิดในสายตาเขา

    เพราะเธอไม่ได้ขี้อายแบบสุดโต่งหรืออายจนตัวสั่นทุกสถานการณ์อะไรแบบนั้น

    แต่เธอเป็นคนขี้อายแบบเงียบๆทำให้ดูน่ารัก ไร้เดียงสา และน่าปกป้องในเวลาเดียวกัน

    "นะ...น่ารักงั้นเหรอ!!?"

    มินาหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

    แม้รู้ว่าเขาก็แค่พูดปลอบใจ แต่เพราะไม่ค่อยมีใครมาชมว่าน่ารักตรงๆแบบนี้ทำให้เธอถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

    "แต่ว่าตอนนี้เราเลิกสนใจเรื่องหยุมหยิมแล้วมากินข้าวกันก่อนนะครับ"

    ไม่ว่าเปล่าคนตัวสูงหยิบข้าวกล่องของตัวเองออกมาเปิดด้วย

    ภาพอาหารหน้าตาน่ากินพร้อมส่งกลิ่นหอมหวนชวนลิ้มลองทำให้มินาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

    "มินาก็มากินด้วยกันสิ"

    เขาเอ่ยชวนพลางตักอาหารเข้าปาก

    "จะดีเหรอ..."

    คนถูกชวนได้แต่อึกอักเท่านั้น ด้วยรู้ว่าเขาคงชวนไปตามมารยาท

    ไม่ได้คิดจะให้เธอแย่งข้าวกินรึอะไรเทือกนั้นหรอก

    ...แต่เหตุใดสิ่งที่อยู่ในกล่องข้าวมันช่างยวนตายวนใจอย่างนี้!...

    "ดีสิครับ อันนี้อร่อยนะ ลองชิมดูสิ"

    ร่างสูงเอ่ยพลางยื่นไส้กรอกทอดชิ้นพอดีคำจ่อปากคนตัวเล็ก

    "เอ้า อ้าปากสิครับ ผมป้อน"

    มินาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงอ้าปากงับไส้กรอกทอดจากมือเขา

    เมื่อนำเข้าปากแล้วพบเธอก็ว่ามันอร่อยอย่างที่เขาว่าจริงๆ

    ...ถ้าได้กินอีกก็คงดี ไม่สิ นั่นมันกับข้าวชาวบ้านนะ!...

    "เอาอีกมั้ย?"

    "อื้ม"

    แล้วเขาก็ส่งไส้กรอกทอดเข้าปากเธอไปอีกคำ

    "เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมให้คุณแม่ทำมาเผื่อนะ"

    "จะดี...!"

    พูดไม่ทันจบเขาก็ส่งไส้กรอกชิ้นที่สามเข้าปากเธอเสียแล้ว

    "อำอะไออ๊องอายเอี่ย!(ทำอะไรของนายเนี่ย!)"

    มินาพูดทั้งที่ของกินยังเต็มปาก

    มือบอบบางทุบไปที่ต้นแขนของซาเบิ้ลเบาๆเป็นการแก้แค้น

    ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

    และโดยที่ไม่รู้ตัว

    มินาก็ถูกชายหนุ่มป้อนข้าวให้จนหมดทั้งกล่อง

    ...

    ..

    .

    ภาพของหนุ่มสาวสองคนพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมกันราวกับคู่รักปรากฏสู่สายตาของลิลิน

    วันนี้เธอลงทุนขึ้นมาตามเพื่อนสนิทถึงบนดาดฟ้าทั้งที่รู้ว่ามันผิดกฏเพราะกลัวว่าเพื่อนจะโดดเรียนอีก

    ร่างเล็กๆเดินขึ้นบันใดมาจนถึงหน้าประตูดาดฟ้า

    แต่ในขณะที่ริมฝีปากสีเชอร์รี่กำลังจะอ้าออกเพื่อตะโกนเรียกเพื่อ

    ขาเรียวเล็กก็ต้องชะงักลงเสียก่อน

    สุดท้ายแล้วลิลินก็ต้องรีบหลบอยู่หลังประตูเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้อยู่คนเดียว

    ...เป็นอย่างนี้เองสินะ...

    ทั้งเสื้อนอกปริศนาที่มินาถือมาวันนั้น

    ทั้งปฏิกิริยาที่มินาเอาแต่มองซาเบิ้ลที่โรงอาหารเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

    ทั้งเรื่องที่มินาโดดเรียนคาบบ่ายอยู่บ่อยๆ

    คำตอบของท่าทีแปลกๆทั้งหมดอยู่ตรงนี้นี่เอง

    ...มินากำลังคบกับนักเรียนดีเด่นคนนั้นอยู่สินะ...

    อยู่ๆก้อนเนื้อตรงอกซ้ายของลิลินก็เจ็บแปลบขึ้นมา

    ทำไมกันนะ

    เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้เพียงว่าถ้าเป็นยามปกติเธอคงเข้าไปแทรกเหมือนตอนที่พวกรุ่นน้องเข้ามาคุยกับมินาแล้ว

    แต่กับชายคนนี้เธอกลับไม่กล้าเข้าไปแทรก

    ไม่รู้เพราะเหตุใด อาจเพราะเขาคนนี้ดูสนิทสนมกับมินามากกว่ารุ่นน้องพวกนั้น

    หรืออาจเพราะเขาอยู่ปีสูงกว่าทำให้เธอไม่กล้าวิ่งเข้าใส่

    หรือจะเพราะอะไรเธอก็ไม่ทราบได้

    เธอรู้เพียงว่าเธอรู้สึกอึดอัดยามเห็นมินาใกล้ชิดคนอื่นเท่านั้น

    ...แต่มินาก็มีสิทธิ์จะคบกับเขานี่นา...

    ลิลินกัดฟันแน่น

    ข่มความรู้สึกเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุเอาไว้แล้วเดินจากไปจากตรงนั้นเงียบๆคนเดียว.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×