ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่5 เปลี่ยนแปร
บทที่5 เปลี่ยนแปร
(เซต)
"จะกลับแล้วเหรอ..."
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามเจ้าของเส้นผมสีคารเมลเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะลุกเดินออกไป
"ทำไมวันนี้กลับเร็วจังล่ะฮึ?"
"วันนี้ไม่อยากโดดน่ะ..."
ร่างสูงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
วันนี้มินาของเขาแปลกๆไป
...หรือเพราะเรื่องเมื่อวานนะ...
"กลัวลิลินเขาจะงอนเอาสินะ"
ก็นะ...ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่ามินาน่ะห่วงความรู้สึกของเพื่อนแค่ไหน
แต่เพื่อนของมินาคนนั้นน่ะ ถ้าสายตาเขามองไม่ผิดล่ะก็...
"อือ...อาทิตย์นี้ฉันให้เขาแลคเชอร์ให้มาสามวันแล้วน่ะ"
มินาตอบไปตามความจริง ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่การที่ปล่อยให้เพื่อนทำให้ทุกอย่างก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน
"แล้วผมจะอยู่กับใครล่ะทีเนี้ย"
ซาเบิ้ลตัดพ้อเบาๆ(แต่ก็ดังพอที่จะให้มินาได้ยิน) ไม่สามารถบอกอย่างแน่ชัดได้ว่าที่พูดไปนั้น'พูดจริง'หรือ'แหลสด'กันแน่
"นายก็เข้าห้องเรียนไปสิ โดดบ่อยๆเดี๋ยวก็โดนสวดยับจนได้หรอก"
มินาเตือนเขาด้วยความหวังดี เพราะเธอนั้นโดดเรียนบ่อยๆ ทำให้รู้ดีว่า การโดดเรียนแบบนี้น่ะ ช่วงสอบมันทรมานขนาดไหน(แต่เธอก็ยังโดดเรียนบ่อยๆอยู่ดี)
...คนพูดนี่ก็ไม่ได้ดูตัวเองเล้ยยย...
"ผมไม่ได้โดดเรียนนะ เขาเรียกว่า'ศึกษาหาความรู้เชิงนิเวศและธรรมชาติวิทยานอกสถานที่ด้วยตัวของผู้เรียนเองเพื่อนำไปใช้ยามเผชิญโลกภายนอกอย่างโดดเดี่ยวในอนาคต'ต่างหาก"
นักเรียนดีเด่นผู้ถูกกล่าวหาแก้ตัว(แถ)อย่างรวดเร็ว
"ก็นั่นแหละ นายไม่ควรจะ... อะไรนะ?"
มินาที่ไม่สามารถจำคำเรียกอย่างสุภาพหรือพูดง่ายๆว่าข้ออ้างของ'การโดดเรียน'ไม่ได้เอ่ยถาม
"ศึกษาหาความรู้เชิงนิเวศและธรรมชาติวิทยานอกสถานที่ด้วยตัวของผู้เรียนเองเพื่อนำไปใช้ยามเผชิญโลกภายนอกอย่างโดดเดี่ยวในอนาคตครับ"
"อ่าาา...นั่นแหละ ไม่ควรจะทำมันบ่อยๆนะ"
มินาผู้ไม่สามารถจำศัพท์วิชาการมั่วซั่วยาวเหยียดได้(และไม่คิดจะจำ)พูดต่อด้วยความรู้สึกที่...เรียกว่าเงิบได้อยู่ล่ะมั้ง(?)
"เวลาเรียนไม่มีผลกับผมอยู่แล้ว"
คนอยากโดดเรียน(โดยลากชาวบ้านให้โดดด้วย)ไหวไหล่เบาๆพลางเถียงไม่ลดละ
"งั้นก็ไปห้องสมุด แล้วไปอ่านหนังสือซะ"
"หนังสือห้องสมุดผมอ่านจบหมดแล้ว แล้วผมก็เอาหนังสือมาอ่านบนนี้ทุกวันอยู่แล้วด้วย^^"
"งั้นก็ไปสระว่ายน้ำ แล้วซ้อมว่ายน้ำสิ"
"ผมซ้อมเสร็จตั้งแต่ตอนเช้าแล้วครับ^^"
"งั้นก็ไปห้องพยายาลแล้วอ้างว่าปวดประจำเดือนก็ได้นี่นา"
"มินาครับ ผมเป็นผู้ชายจะปวดประจำเดือนได้ยังไง^^"
"ถ้างั้นก็ไปนั่งทำรายงานแถวๆสวนหย่อมก็ได้นี่"
"ผมทำรายงานเสร็จหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ^^"
"อ่ะ...=[]="
ตลอดชีวิตสิบหกย่างเข้าสิบเจ็ดปีของมินา ไม่เคยเลย!...ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เธอคิดว่าจะต้องมาพูดเรื่องมีสาระเพื่อเกลี้ยกล่อมให้นักเรียนดีเด่นสักคนไม่โดดเรียนเช่นนี้
จะบอกว่าเขาเป็นคนแรกที่ทำให้เธออยากบอกให้คนอื่นทำตัวมีสาระ(?)ก็คงไม่ผิดนัก
...ว่าแต่ทำไมเธอต้องมาทำแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย!!?...
มินาเพิ่งสังเกตได้ว่าตัวของเธอเองกลับมานั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ท่าเดิมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ที่จริงวันนี้เธอก็แค่หนีขึ้นมากินข้าวเที่ยง(ของชาวบ้าน)บนดาดฟ้าแล้วกำลังจะกลับลงไปเรียนไม่ใช่เหรอ
=[]=!!?
"อย่ะ...อย่างงั้นนายก็อยู่บนนี้ไปแล้วกันนะ ฉันไปเรียนล่ะ"
มินาผู้พ่ายแพ้ต่อเหตุผล(ข้ออ้าง)นานับประการบอกอย่างจนปัญญา
"ก็ผมไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา"
ไม่ว่าเปล่า ไอ้คนไม่อยากอยู่คนเดียวยังทำตาแป๋วเหมือนลูกแมวน้อยน่าสงสารที่กำลังจะถูกเจ้านายทอดทิ้งมาให้อีกด้วย(ทั้งที่ความจริงไอ้แหลนี่มันเสือสมิงแปลงตัวมาชัดๆ)
"งั้นก็ไปหาเพื่อนคุยสิ"
มินาผู้อยากไปเรียนหนังสือใจจะขาด(?)บอกก่อนจะลุกขึ้นยืน
"ก็ผมอยากคุยกับมินานี่"
ฝ่ามือใหญ่ขว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางๆอย่างรวดเร็วปานผีพรายที่กำลังจะดึงมนุษย์ผู้โชคร้ายลงน้ำ(?)
มินาผู้ไม่ทันได้ตั้งหลักลอยหวือมาอยู่บนตักคนตัวสูงอย่างพอดิบพอดีราวกับจงใจ
ซาเบิ้ลผู้ได้โอกาสรีบกอดล็อคร่างเล็กๆนั่นไว้ไม่ให้ลุกหนีไปได้
"ทะ...ทำอะไรของนายน่ะ!"
มินาที่ตกใจกับการจู่โจม(?)กระทันหันได้แต่ถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้างดงามน่ารักขึ้นสีน้อยๆเนื่องจากสภาพของทั้งคู่ตอนนี้มันช่างล่อแหลมชวนให้เข้าใจผิดยิ่งนัก
"หึหึหึ มินา...นั่งคุยกันอยู่ตรงนี้ต่อเถอะนะครับ"
ร่างสูงหัวเราะชั่วร้าย ก่อนจะกระซิบข้างหูคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
มินายิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่เมื่อสัมผัสได้ว่าริมฝีปากของคนเจ้าเล่ห์แทบจะงับใบหูของเธออยู่รอมร่อแล้ว
"ปะ...ปล่อยฉันลง...นะ...นะ~"
เจ้าของร่างกายบอบบางยิ่งพูดตะกุกตะกักยิ่งกว่าเดิม
ซาเบิ้ลยกยิ้มชั่วร้ายขึ้นอีกครั้ง
เขาหัวเราะเบาๆในลำคอขณะใช้ใบหน้าหล่อเหลาวางพาดไว้ที่ไหล่บางๆของเธอ
"อยู่แบบนี้มันไม่ดีตรงไหนล่ะฮึ?"
"กะ...ก็...ก็มันดู...ไม่ดี"
ใบหน้าของคนตัวเล็กบัดนี้แดงไปถึงใบหูเสียแล้ว
ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่ามินาเริ่มตัวสั่นไปแล้วด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอกำลังเขินหรือกำลังกลัวเขากันแน่
"ถ้า...ถ้าใครมาเห็นเข้า...ล่ะ...ก็..."
"บนดาดฟ้านี้ไม่มีใครขึ้นมาหรอกน่า"
คนได้เปรียบพูดพลางกลั้วหัวเราะ
...ลองใครขึ้นมาบนนี้สิ เขาจะตามราวีมันจนชั่วฟ้าดินสลายเลย!...
ตอนนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเขากำลังสนุก...สนุกมาก
ยิ่งเหยื่อตัวน้อยของเขาไม่ประสีประสาแบบนี้น่ะมันยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
มันสนุกจนเขาหยุดแกล้งเธอไม่ได้จริงๆนั่นแหละ
...แบบนี้เขาคงปล่อยให้มินาตัวน้อยๆหลุดมือไม่ได้แล้วล่ะ...
"ตะ...แต่ว่า..."
มินาน้อยผู้ไม่รู้ประสีประสาพยายามหาข้ออ้างที่จะทำให้ตัวเองพ้นจากสภาพชวนเข้าใจผิดนี้
ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้คิดจะใช้กำลังหรือด่าเขาแรงๆเลย
ทั้งที่เมื่อก่อนแค่มีเพื่อนผู้ชายบางคนทำเนียนมาจับมือเธอ เธอยังเผลอจับหมอนั่นทุ่มจนกระดูกหักมาแล้ว
เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้ใกล้ชิดเธอขนาดนี้มาก่อน...แม้แต่คุณพ่อเองก็ไม่เคยกอดเธอในระยะประชิดแบบนี้...อย่างน้อยก็ไม่ได้กอดเพราะคิดอะไรชั่วร้ายอย่างที่คนตัวสูงเป็นอยู่!
ดังนั้น สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้นี้คือกระทุ้งศอกใส่เขาแรงๆให้จุกจนกระอักเลือด ลุกขึ้นกระทืบกล่องดวงใจเขาซ้ำๆจนมันสูญพันธุ์ หรือไม่ก็ขนเอาสิ่งมีชีวิตทั้งอาณาตจักรสัตว์มาสรรเสิญเขา
...แต่ทำไมการอยู่ในอ้อมกอดเขาถึงทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะดิ้นให้หลุดล่ะ!!?...
"แต่ว่าอะไรล่ะ..."
ซาเบิ้ลยังคงกลั่นแกล้งร่างเล็กด้วยความสนุกสนานต่อไป
"ก็...ก็...เราอยู่ในสภาพ...แบบนี้...มันคง...มันคง...ดู...ไม่ค่อยดี"
มินาพูดแต่ละคำด้วยความยากลำบาก
โดยเฉพาะคำสุดท้ายที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนฟังแทบไม่ได้ยิน
"ก็ไม่มีใครมานั่งดูซักหน่อย...ไม่ต้องกลัวหรอกน่า"
คนหน้าด้านหน้ามึนยังคงกอดร่างเล็กๆไว้เหมือนเดิม ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยแต่อย่างใด
"ตะ...แต่ว่า...นาย...กะ...กำลัง...กำลัง...ลวนลาม...ฉันอยู่...นะ"
"ไม่ใด้ลวนลามซักหน่อย ถ้าผมจะลวนลามน่ะนะ..."
เลเวลความชั่วร้ายของซาเบิ้ลยังคงเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ
เขาใช้ท่อนแขนแกร่งนั้นรัดร่างบางให้แน่นกว่าเดิม
มือซนๆของเขาเริ่มเลื้อยจากเอวบางสูงขึ้นมาเรื่อยๆ
"อยะ...อย่าทำแบบนั้นนะ!"
มินารีบร้องห้ามพลางตะครุบมือของเขาไว้
โชคดีที่เธอไวพอที่จะหยุดเขาได้ก่อนที่เขาจะแตะต้องอะไรๆของเธอไปจริงๆ
"ล้อเล่นหรอกน่า^^"
ลำพังแค่มือบางๆของเธอสู้แรงของเขาไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ด้วยความที่เป็นคนดี(?)อยู่บ้างทำให้เขายอมหยุดจริงๆ
"ก็ผมอยากคุยกับมินาคนเดียวนี่นา..."
อุปมาดั่งคำโบราณว่าไว้
ไม่ได้ด้วยเลห์ก็ต้องเอาด้วยกล...ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา
ดังนั้น
เขาจึงเริ่มเปลี่ยนจากบังคับ(?)มาเป็นออดอ้อนบ้าง
"แต่ว่า...ฉันเกรงใจลิลินเขานะ จะให้เขาเรียนแทนแบบนี้ทุกวันก็แย่สิ"
มินาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆเพราะความสำนึกผิด
ทั้งที่ลิลินคอยจดแลคเชอร์ให้เธอทุกวัน แต่เธอกลับมานั่งคุยเล่นกับซาเบิ้ลแบบนี้ มันก็เหมือนได้เพื่อนใหม่ลืมเพื่อนเก่าน่ะสิ
"ปล่อยฉันลงเถอะนะคะ...รุ่นพี่"
เธอลองขอร้องเขาด้วยเสียงหวานๆ
บางทีถ้าใช้ไม้อ่อนเขาอาจยอมปล่อยเธอก็ได้
"ทำไมถึงห่วงแต่ลิลินจังเลยล่ะ ไม่ห่วงผมบ้างรึไง"
แต่คนนิสัยเสียก็ยังคงงอแงต่อไป
ก็ตอนนี้เขากำลังสนุกนี่นา จ้างให้เขาก็ไม่ปล่อยหรอก
"ก็นายไม่มีอะไรน่าห่วงนี่..."
เหมือนว่าอาการพูดติดๆขัดๆของมินาจะเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว
แปรผกผันกับความอดทนที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน
ก็เขานั่นแหละ ไม่รู้จะอะไรกันนักหนา
มาตื๊อให้เธอโดดเรียนด้วยกันยังไม่พอ ยังมาทำเนียนกอดเธอไว้แบบนี้แถมยังบอกอะไรไม่ฟังอีก
...หมอนี่มันหน้ามึนเกินไปแล้วนะ!...
"อะไรกัน ไม่เรียกพี่แบบเมื่อกี้อีกเหรอ..."
"..."
"เพราะไม่มีอะไรน่าห่วงเลยไม่ห่วงกันเหรอครับ...น่าน้อยใจจังเลยนะ~~~"
ส่วนซาเบิ้ลผู้ไม่มีต่อมสำนึกผิดก็ยังคงลื่นไหลได้เรื่อยๆเหมือนปลาไหลที่แหวกว่ายอยู่ในบ่อน้ำมันเบนซิน
ที่เป็นแบบนี้เพราะตั้งแต่เกิดมา เขายังไม่เคยเห็นใครน่าสนใจเท่ามินามาก่อน
...คนที่ทั้งน่ารังแกและน่าปกป้องในเวลาเดียวกันแบบนี้น่ะ...
ซาเบิ้ลลอบยิ้มชั่วร้ายอยู่คนเดียว
วันนี้แหละเขาจะเอามุกแกล้งคน(?)ใหม่ๆที่นั่งคิดทั้งคืนมาทดลองใช้ดู
...ก็มุกปกติใช้กับมินาไม่ค่อยได้นี่นะ...
เรื่องอะไรเขาจะต้องยอมปล่อยเหยื่อที่น่าสนุกนี่ไปละ~~~
"ถ้างั้นผมจะงอนแบบลิลินบ้างดีมั้ยน้าาา"
เขาลองขู่(?)ดูบ้าง เผื่อเธอจะยอมโดดเรียนเป็นเพื่อนเขาจริงๆ
ก็วันนี้เขาไม่อยากลงไปเจอหน้าโง่ๆของพวกน่ารำคาญที่อยู่ข้างล่างสักเท่าไร ดังนั้น การโดดเรียนกับมินาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
"ถ้างอนเพราะเรื่องแบบนี้ฉันจะไม่ง้อหรอกนะ!"
มินาที่(เหมือนจะ)ฟิวส์ขาดแล้วหันไปตะโกนใส่หน้าเขา
เธอรู้แล้วล่ะว่าเขามันอัจฉริยะจริงๆ
...เพราะเขาสามารถทำให้คนเอื่อยเฉื่อยอย่างเธอโมโหได้ไงล่ะ!...
แต่อนิจจาชีวาไม่ใช่เรื่องง่าย
ดูเหมือนว่ามินาน้อยผู้ฟิวส์ขาดจะลืมเรื่องสำคัญไปอย่างหนึ่ง
นั่นคือลืมไปว่าทั้งเธอและเขาอยู่ในอิริยาบทแบบไหน
และเพราะแบบนั้นทำให้ตอนนี้จมูกของทั้งคู่แทบจะชนกันอยู่แล้ว!
"อะ..."
ดวงตาสีน้ำผึ้งคู่สวยเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
คงเป็นเพราะอารมณ์โมโหน้อยๆที่เกิดขึ้นจากการที่เขาไม่ยอมปล่อยเธอลงซักที ทำให้เธอลืมตัวแล้วหันมาว่าเขาแบบนี้
...ทั้งหมดก็ความผิดเขานั่นแหละ!...
เหมือนว่าร่างกายบอบบางของมินาจะขัดข้องไปชั่วขณะ
ราวกับว่าไม่มีอวัยวะใดในร่างกายที่ทำงานได้เลยนอกจากหัวใจที่เต้นแรงขึ้นกว่าปกติ
เต้นแรงขึ้น...จนเหมือนมันจะหลุดออกมา
ถึงแม้ว่ามินาจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มองหน้าเขาใกล้ๆแบบนี้
ทั่วทั้งใบหน้าของเขาไร้ซึ่งรอยตำหนิใดๆที่จะปรากฏให้เห็นแม้จะพยายามสอดส่องหาในระยะประชิดเช่นนี้ก็ตาม คงเป็นเพราะแบบนี้นี่เองที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนวัยกว่าเด็กหนุ่มที่อายุเท่ากันบางคน
เมื่อพิจารณาดีๆแล้ว มินาพบว่าขนตาของเขายาวกว่าขนตาของผู้ชายทั่วไปเล็กน้อย
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของเขาดูหวานขึ้น
แต่กระนั้นคิ้วเข้มๆและจมูกที่โด่งเป็นสันก็ยังช่วยให้เขาดูสมเป็นชายชาตรีอยู่
เมื่อเธอมองมายังดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นประกายของเขาก็พบว่าดูงดงามมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อมองใกล้ๆแบบนี้
พอมองดีๆแล้วราวกับว่าดวงตาคู่นั้นช่างลึกล้ำยิ่งกว่ามหาสมุทรที่ลึกที่สุด...อาจลึกจนไม่มีที่สิ้นสุดเลยก็ได้
และราวกับว่าลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นมีบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่
บางสิ่ง...ที่แค่มองใกล้ๆก็ไม่อาจละสายตาได้
บางสิ่ง...ที่เพียงได้มองก็อยากเก็บเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
...เธอไม่อยากให้ใครได้มองตาเขาใกล้ๆแบบนี้เลย...
ไม่อยากให้ใครได้ใกล้ชิดเขาแบบที่เธอทำอยู่...อยากเก็บไว้มองเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ช่างเป็นช่วงเวลาที่เนิ่นนานนัก...เนิ่นนานที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
แม้แต่คนขี้แกล้งอย่างซาเบิ้ลยังถึงกับไปไม่เป็นเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะแกล้งจูบแบบเนียนๆไปแล้ว แต่ทำไมกับเด็กคนนี้เขาถึงทำแบบนั้นไม่ได้นะ
...เป็นแบบนี้อีกแล้ว ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!..
ราวกับเวลาที่ไหลเวียนผ่านทุกสรรพสิ่งได้หยุดนิ่งลง
เหมือนดั่งสายลมที่พัดผ่านรอบตัวเขาเมื่อครู่ได้หยุดนิ่งลงไปด้วย
คล้ายกับว่าสรรพเสียงรอบกายนั้นจะเงียบสงัดลงไปเสียสิ้น
แม้แต่อากาศที่เขาใช้หายใจจนถึงก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถใช้การได้ดังแต่ก่อน
...นี่เขากำลังจะถูกนัยน์ตาสีน้ำผึ้งใสนั่นกลืนกินอีกครั้งแล้วงั้นเหรอ!!?...
ความรู้สึกราวกับถูกสะกดนิ่งเข้าเล่นงานจิตใจของชายหนุ่มทั้งที่ไม่ได้เป็นแบบนี้มานานแล้ว
...หรือเขาจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจมืดอีกแล้วนะ...
ซาเบิ้ลพยายามที่จะไม่สนใจดวงตาสีน้ำผึ้งกลมโตที่กำลังสั่นระริกคู่นั้น
ดวงตาคู่นั้นบ่งบอกว่าเธอเองก็รู้สึกใจสั่นดังที่เขาเป็น
มันช่างเชิญชวนให้เขาอยากทำอะไรๆอันมิบังควรเสียเหลือเกิน
ร่างกายบอบบางนุ่มนิ่มในอ้อมกอดนั่นดูจะสั่นนิดๆไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัวหรือไม่
มือบางๆที่กุมมือเขาค้างไว้อยู่อย่างลืมตัวก็เริ่มมีเหงื่อเม็กเล็กๆซึมออกมา
กลิ่นแชมพูอ่อนๆลอยมากระทบจมูกเขาเมื่อสายลมบางๆโชยผ่าน
ถ้าอยู่แบบนี้นานๆเข้าเขาคงจะต้องตบะแตกเป็นแน่
ร่างสูงเบนสายตาให้ต่ำลงมาเล็กน้อย เเละเมื่อมองต่ำลงมาเพียงนิดเดียวเขาก็พบกับริมฝีปากอิ่มสวยสีลิ้นจี่
...คงจะหวานน่าดู ต้องหวานมากแน่ๆ...
ซาเบิ้ลลอบกลืนน้ำลายลงคอ
เขาไม่เคยนึกอยากสัมผัสริมฝีปากใครเท่านี้มาก่อนเลย
เหมือนกับว่าเขาลืมริมฝีปากเย้ายวนของผู้หญิงทุกคนที่เคยสัมผัสมาหมดสิ้น
ราวกับว่าเธอเป็นสิ่งเดียวในโลกที่เขาปราถนา
ขอแค่มีเธอละก็...
"ขะ...ขอโทษครับ ผมจะไม่เล่นอะไรแผลงๆแบบนี้อีกแล้วล่ะ"
แต่เขาก็ต้องหักห้ามใจตัวเอง
เพราะหากเขาเผลอทำอะไรลงไปจริงๆล่ะก็
...เหยื่อตัวน้อยๆของเขาต้องไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกเป็นแน่...
"อะ...อื้อ"
มินาที่เพิ่งตั้งสติได้รับคำสั้นๆ
ร่างบางรีบลุกออกจากตักเขาอย่างรวดเร็วเพราะร่างสูงเองก็ยอมปล่อยง่ายๆ
"ให้ผมเดินไปส่งข้างล่างได้มั้ย?"
ซาเบิ้ลถามด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
ทั้งที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว
อาจเป็นเพราะเห็นแก้มแดงๆของคนตัวเล็กหรือเพราะอะไรก็ไม่ทราบได้
"อื้อ..."
ในขณะที่มินาเองก็แทบจะไม่ได้พูดอะไร
หัวใจดวงน้อยของเธอเองก็ยังคงแกว่งไปแกว่งมาไม่หยุดราวกับลูกตุ้มของนาฬิกาที่ตีครบชั่วโมงอย่างไรอย่างนั้น
ฝ่ามือใหญ่ที่ดูแข็งแรงกุมข้อมือบางๆนั่นอีกครั้งก่อนที่ร่างสูงจะเดินนำคนตัวเล็กลงไปข้างล่าง
...ไม่มีแม้แต่คำพูดซักคำ แม้แต่ใบหน้าแดงๆของอีกฝ่ายทั้งคู่ก็ยังไม่กล้ามองด้วยซ้ำ...
ทั้งคู่ทำได้เพียงจูงมือกันไปเงียบๆพร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่ไม่มีใครรู้ว่ามันก่อตัวขึ้นตอนไหน
...รู้เพียงว่ามันสะสมมานานจนอัดแน่นอยู่ในหัวใจของทั้งคู่จนเต็มไปหมด...
...
..
.
"นี่เธอไปสนิทสนมกับหมอนั่นตั้งแต่เมื่อไรน่ะ"
มินาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มๆของใครบางคนเอ่ยถามจากด้านหลัง
เมื่อเหลียวมองกลับไปก็พบกับเส้นผมสีแดงแปร้ดบาดตาตัดกับผิวสิแทนเข้มๆของเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายผู้ตั้งคำถาม
"นายมาเรียนเป็นด้วยเหรอ...เซต"
แทนที่จะตอบคำถามมินากลับถามกลับไปซะงั้น
เธอไล่สายตาดูสารรูปของเพื่อนร่วมชั้นตัวเองแล้วถอนใจออกมาอย่างหน่ายๆ
ขนาดเธอแค่ไม่ติดกระดุมเสื้อนอกยังโดนด่าเช้าด่าเย็น แล้วดูหมอนี่สิ!
เซตไม่ได้สวมเสื้อนอกมาโรงเรียนด้วยซ้ำ เสื้อเชิ้ตตัวในก็ปลดกระดุมเม็ดบนถึงสองเม็ดแถมยังปล่อยลอยชายอีก เนคไทค์ก็ผูกหลวมๆเหมือนแค่พันๆมันมาพอเป็นพิธี ไหนจะผมสีแดงๆที่ต่อให้เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นสีผมธรรมชาติ แต่ไม่ว่าจะตะแคงสายตาดูยังไงมันก็ทำสีเอาชัดๆ นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมชอบหนีโรงเรียนไปมีเรื่องชกต่อยกับคดีเรื่องชู้สาวที่มีมาให้ได้ยินบ่อยๆนั่นอีกนะ
เรียกได้ว่าการเจอหมอนี่ในห้องเรียนนับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์สุดๆเลย!
"เธอจะจิกกัดกันให้ได้อะไรฟะเนี่ย"
เซตบ่นออกมาเบาๆ เพราะที่นั่งของเขาอยู่ข้างหน้าของเธอทำให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันบ่อยๆ
ถ้าไม่นับลิลินหมอนี่ก็ถือว่าสนิทกับเธอมากที่สุดในรุ่นแล้วล่ะนะ
"ก็มันแปลกนี่..."
"ช่างฉันเถอะน่า! ว่าแต่เธอเหอะ ไปสนิทสนมกับไอ้เจ้านักเรียนดีเด่นนั่นตั้งแต่เมื่อไร"
ทั้งคู่ยังคงคุยกันเรื่อยเปื่อยขณะที่เดินมายังโต๊ะเรียนของตัวเอง
"ก็เจอกันตอนโดดเรียนน่ะ...ทำไมงั้นเหรอ?"
มินาถามพลางเลื่อนเก้าอี้ตัวเองออกแล้วเข้าไปนั่งเท้าคางอย่างสบายใจเฉิบ
"นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนนะเลยขอเตือนไว้ ไอ้หมอนั่นน่ะไม่ได้ดีอย่างที่เห็นภายนอกหรอกนะ"
เซตบอกขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองบ้าง
"งั้นเหรอ..."
มินาถามกลับเรียบๆ
...ซาเบิ้ลนี่ดูเป็นคนดีด้วยเหรอ?...
ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายนาทีก่อนยิ่งนิยามคำว่า'คนดี'ที่เพื่อนร่วมชั้นว่าไม่ได้
"ถ้าไม่เชื่อกันระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่านะเฟ้ยบอกไว้ก่อน หมอนั่นน่ะชอบทำมาสนิทสนมกับนักเรียนหญิงคนนั้นคนนี้ แต่พอเขาบอกชอบก็ดันบอกว่าห่วงเรียนมากกว่าตลอดเลย"
เซตเริ่มต้นแฉพฤติกรรมของนักเรียนดีเด่นให้เพื่อนฟัง
"ก็เขาเป็นเด็กเรียนนี่ ก็ต้องห่วงเรียนเป็นธรรมดาสิ"
มินาตอบกลับไปบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะที่พวกบ้าเรียนจะไม่สนใจเรื่องความรัก ดูยัยลิลินของเธอเป็นตัวอย่างสิ
ยัยนั่นมีผู้ชายมาบอกรักประจำไม่เห็นจะรับรักใครบ้างเลย
"เฮอะ! ถ้ามันเป็นคนดีอย่างงั้นจริงก็ดีสิ"
เซตยังคงไม่หยุดเตือนเพื่อนของตัวเอง
ด้วยรู้ดีว่ามีผู้หญิงหลายต่อหลายคนต้องร้องไห้ให้กับรักเรียนดีเด่นของโรงเรียนคนนี้มาแล้ว
"เธอรู้มั้ยว่าหมอนั่นน่ะมันทั้งดื่มทั้งเที่ยวยิ่งกว่าฉันเสียอีก เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ฉันยังไม่เคยเห็นมันควงผู้หญิงคนไหนถึงเดือนซักคน แถมยังเลือกคบแต่กับพวกเด็กโรงเรียนอื่นเพื่อไม่ให้พวกอาจารย์จับได้ ฉลาดไม่เบาเลยล่ะ"
มินาเริ่มกังวลน้อยๆเมื่อได้ฟังคำเตือนของเพื่อน ยิ่งนึกถึงตอนที่เขาทำรุ่มร่ามกับเธอก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้คำพูดของเซตมีน้ำหนักมากขึ้น
เพียงแต่...
"ดูยังไงเขาก็ไม่เหมือนคนที่เที่ยวหนักกว่านายเลยนะ..." เพราะไม่ว่าจะตะแคงสายตาดูจากมุมไหนก็ไม่มีทางเชื่อได้ว่าซาเบิ้ลผู้ได้ชื่อว่านักเรียนดีเด่นจะเที่ยวจัดกว่าเด็กเกอย่างเซตไปได้
ทำให้คำพูดเมื่อครู่ของเซตดูไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร
"เอาง่ายๆแค่ชุดนักเรียนเขายังแต่งถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้วเลย หน้าตาก็ดูจะสดใสไม่เหมือนพวกเที่ยวจัดๆแบบนาย"
ว่าพลางก็เหล่ตาไปมองเพื่อนร่วมชั้นของตนอีกครั้ง
จะเห็นได้ชัดว่าขอบตาของเซตนั้นบวมช้ำจากการทั้งดื่มทั้งเที่ยวจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนนั่นเอง
"แถมผลการเรียนเขาก็ออกจะดี พวกเที่ยวจัดๆคงไม่ค่อยสนใจทำเกรดหรอกใช่ม้า..."
พูดไปก็นึกถึงวันที่เกรดออก เซตเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีผลการเรียรแย่กว่ามินาผู้ทำข้อสอบได้เฉียดตกทุกวิชา(ยกเว้นพละ ศิลปะ และดนตรี)
"หมอนั่นมันก็ดีเฉพาะในโรงเรียนนั่นแหละน่า พอออกไปข้างนอกน่ะนะ..."
เซตเว้นจังหวะเล็กน้อยเหมือนจะดูปฏิกริยาของเพื่อน
"..."
"ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ว่ามันน่ะไปทุกๆที่ด้วยตัวคนเดียวโดยที่ไม่มีนักเลงคนไหนกล้าแหยมกับมันเลย"
เซตดัดเสียงให้ต่ำลงเล็กน้อยเหมือนตอนที่กำลังเล่าเรื่องสยองขวัญ
"เธอรู้รึเปล่าว่าหมอนั่นน่ะดังมากเลยนะในแก๊งของพวกฉัน"
"หมายถึงแก๊งไบกอนน่ะเหรอ จะว่าไปนายเป็นลูกกระจ๊อกอยู่ในแก๊งนั้นนี่นะ"
"แก๊งไลออนเฟ้ย!!!"
เซตรีบแก้คำผิดให้ทันที
ให้ตายเหอะ...ถ้าลูกพี่ของเขามาได้ยินคงร่ำไห้เป็นแน่
ก็ชื่อแก๊งที่อุตสาห์ตั้งให้ดูองอาจดุจพญาราชสีห์ดันกลายเป็นแก๊งกำจัดยุง มด แมลงสาบเสียได้นี่
...แล้วที่สำคัญเขาไม่ใช่ลูกกระจ๊อกเฟ้ยยย เขาน่ะนัมเบอร์ทูของแก๊งเชียวนะ!!!...
"อาาา นั่นแหละ เขาดูไม่เหมือนสมาชิกในแก๊งอะไรนี่เลยนะ"
"ก็ไม่ใช่น่ะสิ หมอนั่นน่ะไม่แม้แต่จะก้มหัวให้ลูกพี่ฉันด้วยซ้ำ"
เพื่อนร่วมชั้นหัวแดงเล่าต่ออย่างออกรสออกชาติ
ในใจก็นึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน
...นักเรียนดีเด่นผู้ถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้วยามอยู่ในโรงเรียน เดินไปทักทายลูกพี่ของเขาอย่างไม่มีทีท่าจะเกรงกลัวเลยสักน้อย เป็นลูกพี่ของเขาที่อีกที่ดูเหมือนจะเชื่องๆลงเมื่อคุยกับหมอนั่น
ทั้งๆที่ในร้านเหล้าร้านนั้นมีลูกสมุนแก๊งไลออนอยู่เต็มไปหมด...
...คิดแล้วมันก็น่าแปลกใช่ไมล่ะ...
"เหรอ...แล้วมันแปลกยังไงล่ะ?"
ส่วนมินาผู้ไม่ค่อยสนใจโลกภายนอกก็ดูจะเข้าใจอะไรๆยากอยู่ดี
"นี่เธอไม่รู้เหรอ นักเรียนชายทั้งโรงเรียนกลัวลูกพี่ฉันกันทั้งนั้นแหละ ก็เห็นมีไอ้หมอนี่คนเดียวที่แทบจะเดินไปตบหัวลูกพี่ฉันได้"
"ลูกพี่นายนี่น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?"
มินาถามต่อ ไม่เห็นจะรู้เลยว่าหัวหน้าแก๊งไบกอน...เอ้ย! แก๊งอะไรสักอย่างนี่จะน่ากลัวตรงไหน
...หรือเพราะว่าเธอไม่เคยเห็นกันนะ...
"โห นี่เธอไม่เคยเห็นลูกพี่ฉันเหรอวะ เขาโคตรน่ากลัวเลยนะเฟ้ย แค่มองตาเธออาจเข่าอ่อนไปเลยก็ได้"
"ขนาดนั้นเลย?"
"เออดิ เพราะงั้นเธออย่าเข้าใกล้หมอนั่นจะดีกว่านะ"
เซตย้ำเตือนเพื่อนของตนอีกครั้ง
เพราะยัยนี่ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คน(นอกจากคนในแก๊ง)ที่เขามี ทำให้เขานึกเป็นห่วงยัยนี่จริงๆ
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไม่ควรเข้าใกล้ล่ะ?"
"ก็หมอนั่นน่ะมันโรคจิต เธอคิดว่าคนที่ทั้งเที่ยว ทั้งดื่ม แถมยังไม่มีท่าทีว่าจะกลัวผู้ทรงอิทธิพลอย่างลูกพี่ฉันมันจะเป็นพวกสนใจแต่การเรียนจริงๆเหรอ"
"...?"
"แล้วเธอคิดว่าคนแบบนี้มันจะไปให้ความหวังชาวบ้านแล้วค่อยบอกว่าห่วงเรียนทำไมถ้ามันไม่คิดว่าเป็นการเล่นสนุกกับความรู้สึกของคนน่ะ"
"เล่นสนุก?"
"ไม่รู้เหรอว่าหมอนั่นน่ะดูถูกทุกอย่างที่ไม่ใช่ตัวของมันเอง นักเรียนทุกคนในโรงเรียนนี้ก็เหมือนของเล่นของมันนั่นแหละ
เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันหรอกนะฉันถึงเตือนเธอน่ะ คนนิสัยเสียแบบนั้นไม่เห็นจะมีอะไรน่าคบเลยซักนิด...ทำไมพวกผู้หญิงถึงยังติดกับมันทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ คนดีๆออกจะมีเยอะแยะ..."
เซตเตือนพร้อมกับบ่นนั่นบ่นนี่เสียยืดยาว เขายังคงบ่นนั่นบ่นนี้ไปเรื่อยจนกระทั่งอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาในห้อง
"เอาล่ะนักเรียน เราจะมาทบทวนกันต่อจากคาบเมื่อที่แล้วกันก่อนนะ
เปิดไปที่หน้าสามร้อยเจ็ดสิบเก้า บทที่สามว่าด้วยเรื่องอารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีการค้นพบภาพวาดที่ผนังถ้ำ...."
อาจาร์ประจำวิชาเริ่มต้นบทเรียนยาวเหยียดของตนเองในทันที มินาคงจะหลับไปเหมือนปกติแล้ถ้าหากไม่ได้สังเกตว่า ที่นั่งข้างๆเธอนั้นว่างเปล่า!
...แล้วลิลินล่ะ?...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น