คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่3 เปลี่ยนแปลง
บทที่3 เปลี่ยนแปลง
(ลิลิน ลิลิน่า เบลล์)
...เป็นอีกครั้งที่มินาไม่สามารถทำตามความตั้งใจของตนเองได้
เมื่อในวันนี้เธอคิดว่าจะไม่หลับขณะที่คุยกับซาเบิ้ลอีกเด็ดขาด
แต่จนแล้วจนรอดเธอก็นั่งหลับต่อหน้าเข้าอีกจนได้(นี่เธอนอนน้ำลายยืดด้วยรึเปล่าน่ะ อี๋ น่าเกลียด!)
มินาลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียหลังสัญญาณหมดคาบสุดท้ายดังขึ้นเหมือนเมื่อคราวก่อเด๊ะๆ แต่จะต่างออกไปก็ตรงที่คราวนี้มีชายหนุ่มผมดำซึ่งนั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆเป็นคนปลุก
"ไง หลับสบายมั้ย^___^"
"กะ...ก็ดี"
มินาที่รู้สึกอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีตอบอย่างเก้อๆ
...นี่เธอเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย!!?...
"งั้นเหรอ...ดีจังนะ"
...มันดีตรงไหนฟะเนี่ย!!!...
มินาได้แต่คิดในใจ
ไอ้การที่คุยกับใครสักคน(โดยเฉพาะคนที่เพิ่งรู้จัก)แล้วมานอนหลับเป็นตายน้ำลายยืดน่ะ รู้ถึงไหนก็คงอายไปถึงนั่น
"ละ...แล้วฉันหลับไปตอนไหนเหรอ"
มินาละล่ำละลักถามด้วยเสียงสั่น ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกชัดเจนว่าเธออาย
หากแต่ไม่ใช่ความอายแบบ'เขินอาย'หรอกนะ
มันคือความอายแบบ'อับอาย'ต่างหาก
"เมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน...
ตอนที่ผมกำลังอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของวิชาที่มินาต้องเรียนเมื่อขึ้นปีสาม"
...นั่นไง!...
มินาอุทานในใจ ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ถ้าเธอไม่หลับน่ะสิแปลก
"งะ...งั้นเหรอ แย่จังนะ"
มินาพูดอย่างเก้อๆ
ริมฝีปากอิ่มสวยยกยิ้มขึ้นมาอย่างแหยๆเหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
"แต่ก็นะ กว่ามินาจะขึ้นปีสามก็อีกนานเลย เอาไว้ถึงตอนนั้นค่อยเรียนรู้เองก็ได้เนอะ"
ซาเบิ้ลบอกด้วยท่าทีสบายๆ
ตอนนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นมากจนไม่อยากจะแกล้งเธอแล้ว(แต่กับคนอื่นน่ะไม่แน่)
"อืม..."
มินาที่ไม่รู้จะพูดต่อว่าอย่างไรจึงเอ่ยไปแค่นั้น
"ลงไปข้างล่างกันเถอะ"
ร่างสูงว่า
"อีกเดี๋ยวภารโรงก็คงจะมา ถ้าเห็นเธอล่ะก็แย่แน่"
"นั่นสินะ..."
มินาพึมพำออกมา เมื่อตอนปีหนึ่งเธอเคยถูกจับได้ว่าแอบหนีมาบนนี้ครั้งหนึ่ง และถูกลงโทษจนเธอเข็ดไม่กล้ามาที่นี่ไปพักใหญ่เลยล่ะ
...มินาหยิบกล่องนมเปล่าๆใส่ถุงที่นำมาอย่างลวกๆแล้วถือมันด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายถือหมอนรูปแมวใบโปรดที่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้
ขาเรียวสวยพาเจ้าของมันเดินมาจนเกือบถึงประตูดาดฟ้า
แต่แล้วก็ถูกเสียงเข้มที่อยู่เบื้องหลังเรียกไว้เสียก่อน
"มินา"
"หือ?"
มินาตอบรับไปอย่างงงๆ
...เธอว่าตัวเองไม่ได้ลืมอะไรนะ...
"พรุ่งนี้เธอจะมาอีกรึเปล่า?"
ร่างบางนึกอะไรอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไป
"ก็น่าจะมา"
เพียงแค่นั้นคนตัวสูงก็คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
"พรุ่งนี้เจอกันนะ"
"อ...อื้อ"
...
..
.
"ฉันบอกเธอกี่ครั้งกี่หนแล้วว่า
'อย่า-โดด-เรียน'น่ะ หา!!!"
"ขอโทษ..."
"เธอขอโทษฉันตลอด และหลังจากนั้นเธอก็ยังโดดเรียนเหมือนเดิม! "
"ขอโทษ..."
"เธอจะต้องให้ฉันพูดอีกซักกี่รอบว่าการเรียนรู้ด้วยตัวเองน่ะมันสำคัญกับชีวิตแค่ไหน
ถ้าเธอคิดว่าการที่ฉันจดแลคเชอร์ให้เธอตลอดทั้งเทอมทำให้เธอได้ใจล่ะก็...ฉันคงต้องเลิกทำแล้ว!"
ลิลินที่ทำแก้มป่องพูดอย่างเคืองๆการสนทนาของทั้งคู่วกกลับมาเป็นแบบนี้เป็นรอบที่ร้อยกว่าได้
หลังจากที่ลิลินพบว่ายัยมินาตัวดีโดดเรียนอีกแล้ว
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยัยนี่ถึงไม่รู้จักใส่ใจการศึกษาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่ออนาคตเอาซะเลย
...ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ...
มินาได้แต่นิ่งเงียบฟังคำบ่นของเพื่อนตัวเล็กไป(และขอโทษเป็นระยะ)เท่านั้น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว วันนี้ก็ไปจบลงที่ร้านไอศครีมร้านโปรดของลิลินอยู่ดี
"คอยดูนะมินา ถ้ามีครั้งต่อไปละก็ ฉันจะไม่ยอมให้เธอลอกการบ้านอีกต่อไปเลย!"
เสียงคาดโทษของลิลินดังขึ้นตลอดทางทั้งสองเดินกลับบ้านด้วยกันตามปกติ
เมื่อเห็นว่าลิลินเดินเข้าไปในบ้านแล้ว มินาก็เดินเลยมาจนถึงบ้านของตัวเองที่อยู่ข้างๆทันที
"กลับมาแล้วค่ะ"
เธอเอ่ยกับความว่างเปล่าดังที่เคยทำมาจนคุ้นชิน
ร่างบางเดินเฉื่อยๆไปยังตู้เย็นแล้วหอบเอานมรสกาแฟจำนวนห้าถึงหกกล่องขึ้นไปบนห้องด้วย
มินาเดินมาจนถึงห้องริมสุดซึ่งเป็นห้องของเธอ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปแน่นอนว่าต้องพบกับเจ้าเหมียวทั้งหลายที่นั่งๆนอนๆรอให้เธอกลับมาเล่นด้วย
"กลับมาแล้ว..."
มินาเอ่ยกับเจ้าตัวจ้อยทั้งหลาย
มือเรียวสวยลูบหัวตุ๊กตาตัวใหญ่ที่สุดอย่างรักใคร่หวงแหน
ก่อนจะใช้แก้มใสๆคลอเคลียกับตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเองคล้ายกับแมวที่กำลังออดอ้อนเจ้านายของมันอยู่
"นี่...การ์ฟิลด์"
เธอเอ่ยกับเจ้าตุ๊กตาแมวสีส้มในอ้อมกอด
"ทำไมมินาถึงแก้นิสัยขี้เซาของตัวเองไม่ได้นะ..."
มินาว่า ในใจนึกไปถึงเมื่อตอนบ่ายที่ตัวเองเผลอหลับไปต่อหน้าต่อตาใครบางคน
ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะมานั่งสนใจว่าจะหลับต่อหน้าคนนั้นคนนี้หรือเปล่า(ก็ปกติไม่มีใครมานั่งจ้องเธอแบบนี้นี่)
แต่กับเพื่อนใหม่ที่เธอเจอแค่2-3ครั้งคนนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดียามเผลอหลับต่อหน้าเขา
อาจเพราะเวลาพบเขานั้นเขาเจาะจงคุยเฉพาะกับเธอก็เป็นได้
มินาวางเจ้าเหมียวน้อยลง ทิ้งตัวลงกัลที่นอนแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาดังที่เคยทำยามใช้ความคิด
...แล้วทำไมเธอต้องไปแคร์ความรู้สึกหมอนั่นด้วยล่ะเนี่ย...?
อยู่ๆเธอก็ตั้งคำถามขึ้นมาอย่างหาคำตอบไม่ได้
คืนนี้มินาใช้เวลาเกือบค่อนคืนในการคิดว่าทำอย่างไรเธอจึงจะไม่หลับกลางวันอีก
...
..
.
"มาแล้วเหรอ"
ร่างสูงเอ่ยทักทายเมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าเดินขึ้นมาในชั้นดาดฟ้าของโรงเรียน
เธอกับเขาขึ้นมาเจอกันบนนี้แทบทุกวันจนเป็นเรื่องปกติแล้ว
"หวัดดี"
ร่างบางเอ่ยตอบ สองขาเรียวสวยพาร่างของผู้เป็นเจ้าของเดินไปนั่งอยู่ข้างๆเขา
"กินอะไรมารึยังล่ะ"
ซาเบิ้ลถามยิ้มๆ เมื่อสังเกตดีๆแล้วจะพบว่าวันนี้เขาเอาข้าวกล่องมาทานบนดาดฟ้าด้วย(แหม มันก็ต้องเตรียมพร้อมกันบ้าง::ซาเบิ้ล)
"..."
มินาไม่ตอบหากแต่ชูถุงขนมปังที่ซื้อมาจากร้านค้าโรงเรียนให้เขาดูแทน
"กินแต่อาหารขยะมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ"
ร่างสูงเตือนอย่างเป็นห่วง
"ก็มันไม่มีเวลาทำนี่..."
เธอว่าด้วยเสียงแผ่วๆเหมือนกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด(แต่ไม่ยอมรับผิด)
"บ้านอยู่แถวไหน"
"หา???"
มินาที่งุนงงกับคำถามแบบกระทันหันทำได้เพียงแค่ถามซ้ำเท่านั้น
"ผมถามว่าบ้านมินาอยู่แถวไหน"
ซาเบิ้ลยืนยันคำถามอีกครั้ง
"กะ...ก็แถวๆนี้"
สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำตอบตะกุกตะกักของเด็กสาว
ซาเบิ้ลส่งสายตาตำหนินิดๆมาให้เธอ ก่อนจะพูดประโยคถัดไป
"ถ้าอยู่แถวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบนี่ ตื่นเช้าๆมาทำกับข้าวเองก็ได้"
เขาแนะนำ
"ฉันตื่นสายน่ะสิ...นายก็น่าจะรู้ว่าฉันขี้เซา"
มินาบอกแบบสำนึกผิดนิดๆ(อ่าาา...ฉันคงทำอะไรซักอย่างผิดไปสินะ::มินา)
"แล้วทำไมไม่ให้คุณแม่ทำให้ กินแต่อาหารขยะแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ"
ซาเบิ้ลบอกอย่างเป็นห่วง ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะห่วงยัยเด็กนี่ทำไมกัน
ตรงกันข้ามกับมินาที่ทำหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำว่า'คุณแม่'
เธอเงียบไปจนเขาผิดสังเกต
...รึว่าจะโกรธที่เขายุ่งย่ามเรื่องของเธอเกินไปกันนะ...
"มินา..."
"ฉันไม่มีแม่หรอก..."
ขณะที่ซาเบิ้ลกำลังจะเอ่ยปากขอโทษเธอก็พูดขัดเขาเสียก่อน
"ไม่มีแม่งั้นเหรอ...?"
เขาทวนคำพูดของเธอเบาๆ รู้สึกว่าเขาจะพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดเสียแล้ว
"แม่ฉันเสียตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุแปดขวบ...ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์น่ะ"
มินาพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ในแววตาฉายชัดถึงความโศกเศร้ายามนึกถึงเรื่องในอดีต
"ผมเสียใจด้วยนะครับ..."
เขาทำได้เพียงเอ่ยแสดงความเสียใจกับเธอเท่านั้น
ยามนี้เขารู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ถูกเมื่อเผลอไปสะกิดแผลเก่าของเธอเข้า ทั้งๆที่หากเป็นคนอื่น เขาคงหาทางซ้ำเติมแบบเนียนๆไปแล้ว แต่กับคนตัวเล็กตรงหน้าเขากลับรู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างงั้น
...นี่มันไม่ใช่ความผิดเขาเลยนะ!...
"มินาต้องรักคุณแม่มากแน่ๆ"
เขาเอ่ย ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าพูดออกไปทำไม
"อือ...ตอนนั้นฉันติดแม่มากเลยล่ะ"
มินาเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเธอในยามนี้ได้
"ฉันชื่นชมท่านมาก ตัวฉันในตอนนั้นใฝ่ฝันอยู่ตลอดเวลาว่าอยากจะเป็นแบบท่าน...
"
มินาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
อาจเป็นเพราะว่าเธออยากระบายความทุกข์ใจที่สะสมมาหลายปีก็เป็นได้
เธอเหลือบมองคนข้างกายเหมือนจะถามว่าเธอเล่าอะไรไม่น่าฟังออกไปหรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรจึงเล่าต่อ
"ก็เหมือนกับตัวของท่านเองที่รักฉันมากจนสัมผัสได้...
แม่อยากให้ฉันเป็นอย่างแม่ ท่านบอกว่าภูมิใจที่มีฉันเป็นลูก
แม่ให้ฉันใช้นามสกุลของท่าน ราวกับจะประกาศให้โลกรู้ว่าฉันเป็นลูกแม่"
ซาเบิ้ลยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี เขาอยากรู้เรื่องราวของเธอทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน
เขาอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้
อยากใกล้ชิดมากกว่านี้
อยากอยู่กับเธอให้นานกว่านี้
...ทำไมกันนะ...
"คุณแม่น่ะทั้งใจดีแล้วก็อ่อนโยน ที่สำคัญ...ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหนแม่ก็จะมาฉลองวันเกิดกับฉันเสมอ"
"..."
"แต่แล้ววันเกิดในปีที่แปดแม่กลับไม่มาฉลองกับฉัน...ไม่มาอีกเลยนับจากนั้น"
มินาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าซึม
ดวงตาสีน้ำผึ้งสั่นระริกยามนึกถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน
"วันนั้นฉันตั้งใจทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ฉันพยายามแต่งตัวให้สวยที่สุด ตกแต่งทั่วทั้งห้องนั่งเล่นด้วยตัวเอง ฉันแต่งหน้าเค้กเป็นรูปของแม่
ฉันนั่งอยู่บนเปียโนหลังใหญ่ ตั้งใจว่าจะเล่นเพลงโปรดให้แม่ฟัง"
มินาเว้นระยะเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ
"แล้วเพื่อนร่วมงานของแม่ก็โทร.มา
ตัวฉันที่นึกว่าเป็นแม่วิ่งไปรับโทรศัพท์อย่างดีใจ แต่แล้วก็ต้องรับรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้าในวินาทีนั้น...
รถยนต์ที่แม่นั่งมาเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ
มีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน แต่แม่ของฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้น..."
มินาเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าที่ยามปกติดูเหมือนจะนิ่งเฉยยามนี้ฉายแววเศร้าโศกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ซาเบิ้ลรู้สึกหดหู่กับเรื่องที่ได้ฟัง
แม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน แต่ทั้งพ่อและแม่ที่หย่าร้างกันของเขาก็อยู่ดีมีสุขกันทั้งคู่ ไม่ได้มีใครล้มหายตายจากไปสักคน
"มินาคงเหงามากเลยสินะ..."
ซาเบิ้ลเอ่ยด้วยใจจริง ความจริงใจของเขานั้นยากนักที่จะมอบให้ใครต่อใคร
จากที่เคยสวมหน้ากากเข้าหาทุกคน ยามนี้เขาสามารถสาบานกับตัวเองได้เลยว่า เขาอยากปกป้องเด็กคนนี้จากใจจริงๆ
"ไม่หรอก คุณพ่อฉันน่ะดูแลฉันอย่างดีเลย^___^"
มินาบอกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส...
ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจอย่างประหลาดเมื่อมองรอยยิ้มนั้น
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน แทบทุกคนที่เขารู้จักเป็นเพียงพวกไร้ค่าในสายตาเขาเท่านั้น
แต่เขากลับไม่เคยคิดว่ามินาไร้ค่าเลย เพียงครั้งแรกที่เจอเขาก็รู้สึกแล้วว่าเธอคนนี้ดูน่าทนุถนอมกว่าคนอื่นๆอยู่มาก
...เธอดูเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆที่อาจจะกลัวคนแปลกหน้าบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อเริ่มเปิดใจให้แล้วก็จะสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจแน่นอน...
"ผมชอบให้มินายิ้มแบบนี้จัง..."
"อะ...เหรอ"
มินาหัวเราะอย่างงงๆ
"ฉันคงเหมือนพวกคนหยิ่งๆ อะไรทำนองนี้สินะ"
ราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปเสียแล้ว
เพราะมินาไม่ค่อยพูด(กับคนที่ไม่สนิท)ทำให้คนส่วนมากคิดว่าเธอเป็นคนเย็นชา ซึ่งคนเอื่อยเฉื่อยๆอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าแก้ตัวอย่างไรจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปเท่านั้น
ก็อย่างที่บอกเธอมันคนขี้อาย ถ้าไม่จำเป็นเธอแทบไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธออยู่ตรงไหนของโลกด้วยซ้ำ
"ผมคิดว่ามินาเป็นคนขี้อายมากกว่า"
คำตอบของซาเบิ้ลทำให้มินาประหลาดใจเล็กน้อย เธอเอียงคออย่างสงสัยก่อนถามต่อ
"ทำไมนายคิดอย่างงั้นล่ะ?"
"ก็ถ้ามินาเป็นคนหยิ่งจริงๆมินาก็ต้องหลงตัวเองใช่มั้ยล่ะ"
"เห...?"
"แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกคนหยิ่งผยองมักจะคิดว่าตัวเองดีเลิศกว่าคนอื่น"
เขาขยายความให้ฟังพลางกลั้วหัวเราะ
ที่จริงเขาก็เป็นหนึ่งในไอ้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ว่านั่นเหมือนกัน
แต่นักเรียนดีเด่นอย่างเขาก็มีดีพอที่จะให้ยืดอกด้วยความภาคภูมิใช่มั้ยล่ะ
"งั้นเหรอ..."
มินาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนไม่ค่อนสนใจ
แต่จริงๆแล้วก็ตกใจเล็กน้อยกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับนี้
"มินาน่ะไม่ใช่พวกหลงตัวเองแน่นอน
ตรงกันข้าม มินาเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองใช่ไหมล่ะ"
ราวกับเขาอ่านใจเธอได้ สิ่งที่เขาพูดตรงเผงไม่ผิดเพี้ยนเลยซักนิด
"ก็นะ...เวลาอยู่ต่อหน้าคนมากๆฉันก็รู้สึกประหม่าน่ะ ฉันไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไงดีเวลาที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉัน"
มินาว่าอย่างอายๆ ใบหน้าสวยขึ้นสีน้อยๆเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น
"ไม่ต้องคิดมากหรอก มินาเป็นแบบนี้ก็น่ารักดีแล้ว"
ร่างสูงบอกด้วยรอยยิ้มสดใส
ซึ่งเขาก็คิดอย่างที่พูดจริงๆนั่นแหละ
ในความคิดของเขามินาที่เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้ว แม้เธอจะเป็นคนขี้อายแต่เธอก็ไม่ได้น่ารำคาญเลยสักนิดในสายตาเขา
เพราะเธอไม่ได้ขี้อายแบบสุดโต่งหรืออายจนตัวสั่นทุกสถานการณ์อะไรแบบนั้น
แต่เธอเป็นคนขี้อายแบบเงียบๆทำให้ดูน่ารัก ไร้เดียงสา และน่าปกป้องในเวลาเดียวกัน
"นะ...น่ารักงั้นเหรอ!!?"
มินาหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
แม้รู้ว่าเขาก็แค่พูดปลอบใจ แต่เพราะไม่ค่อยมีใครมาชมว่าน่ารักตรงๆแบบนี้ทำให้เธอถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
"แต่ว่าตอนนี้เราเลิกสนใจเรื่องหยุมหยิมแล้วมากินข้าวกันก่อนนะครับ"
ไม่ว่าเปล่าคนตัวสูงหยิบข้าวกล่องของตัวเองออกมาเปิดด้วย
ภาพอาหารหน้าตาน่ากินพร้อมส่งกลิ่นหอมหวนชวนลิ้มลองทำให้มินาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
"มินาก็มากินด้วยกันสิ"
เขาเอ่ยชวนพลางตักอาหารเข้าปาก
"จะดีเหรอ..."
คนถูกชวนได้แต่อึกอักเท่านั้น ด้วยรู้ว่าเขาคงชวนไปตามมารยาท
ไม่ได้คิดจะให้เธอแย่งข้าวกินรึอะไรเทือกนั้นหรอก
...แต่เหตุใดสิ่งที่อยู่ในกล่องข้าวมันช่างยวนตายวนใจอย่างนี้!...
"ดีสิครับ อันนี้อร่อยนะ ลองชิมดูสิ"
ร่างสูงเอ่ยพลางยื่นไส้กรอกทอดชิ้นพอดีคำจ่อปากคนตัวเล็ก
"เอ้า อ้าปากสิครับ ผมป้อน"
มินาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงอ้าปากงับไส้กรอกทอดจากมือเขา
เมื่อนำเข้าปากแล้วพบเธอก็ว่ามันอร่อยอย่างที่เขาว่าจริงๆ
...ถ้าได้กินอีกก็คงดี ไม่สิ นั่นมันกับข้าวชาวบ้านนะ!...
"เอาอีกมั้ย?"
"อื้ม"
แล้วเขาก็ส่งไส้กรอกทอดเข้าปากเธอไปอีกคำ
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมให้คุณแม่ทำมาเผื่อนะ"
"จะดี...!"
พูดไม่ทันจบเขาก็ส่งไส้กรอกชิ้นที่สามเข้าปากเธอเสียแล้ว
"อำอะไออ๊องอายเอี่ย!(ทำอะไรของนายเนี่ย!)"
มินาพูดทั้งที่ของกินยังเต็มปาก
มือบอบบางทุบไปที่ต้นแขนของซาเบิ้ลเบาๆเป็นการแก้แค้น
ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
และโดยที่ไม่รู้ตัว
มินาก็ถูกชายหนุ่มป้อนข้าวให้จนหมดทั้งกล่อง
...
..
.
ภาพของหนุ่มสาวสองคนพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมกันราวกับคู่รักปรากฏสู่สายตาของลิลิน
วันนี้เธอลงทุนขึ้นมาตามเพื่อนสนิทถึงบนดาดฟ้าทั้งที่รู้ว่ามันผิดกฏเพราะกลัวว่าเพื่อนจะโดดเรียนอีก
ร่างเล็กๆเดินขึ้นบันใดมาจนถึงหน้าประตูดาดฟ้า
แต่ในขณะที่ริมฝีปากสีเชอร์รี่กำลังจะอ้าออกเพื่อตะโกนเรียกเพื่อ
ขาเรียวเล็กก็ต้องชะงักลงเสียก่อน
สุดท้ายแล้วลิลินก็ต้องรีบหลบอยู่หลังประตูเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ได้อยู่คนเดียว
...เป็นอย่างนี้เองสินะ...
ทั้งเสื้อนอกปริศนาที่มินาถือมาวันนั้น
ทั้งปฏิกิริยาที่มินาเอาแต่มองซาเบิ้ลที่โรงอาหารเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
ทั้งเรื่องที่มินาโดดเรียนคาบบ่ายอยู่บ่อยๆ
คำตอบของท่าทีแปลกๆทั้งหมดอยู่ตรงนี้นี่เอง
...มินากำลังคบกับนักเรียนดีเด่นคนนั้นอยู่สินะ...
อยู่ๆก้อนเนื้อตรงอกซ้ายของลิลินก็เจ็บแปลบขึ้นมา
ทำไมกันนะ
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้เพียงว่าถ้าเป็นยามปกติเธอคงเข้าไปแทรกเหมือนตอนที่พวกรุ่นน้องเข้ามาคุยกับมินาแล้ว
แต่กับชายคนนี้เธอกลับไม่กล้าเข้าไปแทรก
ไม่รู้เพราะเหตุใด อาจเพราะเขาคนนี้ดูสนิทสนมกับมินามากกว่ารุ่นน้องพวกนั้น
หรืออาจเพราะเขาอยู่ปีสูงกว่าทำให้เธอไม่กล้าวิ่งเข้าใส่
หรือจะเพราะอะไรเธอก็ไม่ทราบได้
เธอรู้เพียงว่าเธอรู้สึกอึดอัดยามเห็นมินาใกล้ชิดคนอื่นเท่านั้น
...แต่มินาก็มีสิทธิ์จะคบกับเขานี่นา...
ลิลินกัดฟันแน่น
ข่มความรู้สึกเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุเอาไว้แล้วเดินจากไปจากตรงนั้นเงียบๆคนเดียว.
ความคิดเห็น