ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sister Complex :: รักนี้...ต้องห้าม[รึเปล่า!!?]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที2 แทนที่

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 59


    บทที่2 แทนที่


    (เอลิน่า เอเมอร์รัล)

    ...มินาได้แต่นิ่งอึ้งไป
    ที่จริงแล้วเธอไม่ได้คิดจะต่อต้านการแต่งงานใหม่ของพ่อ
    เธอรู้ดีว่าหลังจากที่แม่ของเธอจากไปนั้นท่านเหงาแค่ไหน การที่สักวันหนึ่งท่านจะเปิดใจรักใครคนใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

    แต่สิ่งที่เธอกังวลคือเธอจะเข้ากับภรรยาใหม่ของพ่อได้ดีหรือเปล่า
    ภรรยาใหม่ของพ่อจะรับได้ไหมที่ท่านมีเธอเป็นลูกติด
    อีกอย่างการที่เธอเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไรอาจทำให้ภรรยาใหม่ของพ่อเข้าใจไปว่าเธอไม่เต็มใจต้อนรับแล้วกลายเป็นปัญหาตามมาก็เป็นได้
    [มินา...ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า?]

    พ่อของเธอเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนาน
    ความกังวลฉายชัดในน้ำเสียงของท่านยามที่เอ่ยถามออกไป
    "หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ ถ้าพ่อคิดจะแต่งงานใหม่..."
    เธอว่าตามความเป็นจริง ถ้าผู้หญิงคนนั้นรักพ่อของเธอจริงก็ไม่เป็นไร
    [พ่อกลัวว่าลูกจะน้อยใจ หรืออาจจะคิดว่ามีคนมาแทนที่แม่ของลูก...]
    เสียงจากปลายสายบ่งบอกได้ชัดว่าเป็นกังวลในเรื่องนี้มากขนาดไหน
    ที่จริงแล้วมินาเองก็เคยคิดแบบนั้นอยู่บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็คิดได้ว่าเธอจะกักให้ท่านอยู่กับเธอแค่คนเดียวไปตลอดคงเป็นไปไม่ได้
    "หนูไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ หนูรู้ว่ามันเป็นความสุขของคุณพ่อ...
    แล้วคุณพ่อจะแต่งงานใหม่เมื่อไรคะ"

    [ก็ไม่ได้แต่งเร็วๆนี้หรอก
    พ่อคิดว่าจะให้ลูกกับคุณโรสคุ้นเคยกันดีก่อน
    เธอเป็นคนใจดีมากเลยนะ ลูกต้องชอบเธอแน่นอน]
    "งั้นเหรอคะ..."
    [ใช่ ถ้ากลับบ้านไปจะพาไปแนะนำให้รู้จักนะ
    ลูกของคุณโรสเองก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูก แถมเรียนโรงเรียนเดียวกันด้วย ต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆ]

    "ค่ะ..."
    [โอ้ะ! ใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว แค่นี้ก่อนนะลูก แล้วพ่อจะโทร.มาใหม่
    ดูแลตัวเองด้วยนะ]
    "คุณพ่อก็เช่นกันค่ะ..."
    ติ้ด!
    มินากดวางสาย ในใจรู้สึกโหวงๆอย่างประหลาด แม้ว่าแม่เธอจะเสียไปหลายปีแล้วแต่เธอก็คิดว่ามันเร็วไปอยู่ดีที่พ่อของเธอมีคนใหม่...
    แต่คิดมากไปก็ใช่ว่าอะไรๆจะดีขึ้น
    สุดท้ายมินาจึงเก็บความกังวลไว้ในใจแล้วหันไปให้ความสนใจกับการอาบน้ำ ทำกับข้าว และทานข้าวเย็นของตัวเองมากกว่า

    ...
    ..
    .

    "หา!!! พ่อเธอจะแต่งงานใหม่!!!"
    ลิลินอุทานอย่างตกใจเมื่อมินาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
    วันนี้มินาถูกยัยเพื่อนตัวดีลากมาทานข้าวด้วยกันที่โรงอาหารจนได้ ขณะที่คุยกันเรื่อยเปื่อยมินาก็เล่าเรื่องนี้ให้ลิลินฟัง
    และอย่างที่เห็น ยัยบ้านี่ตะโกนซะลั่นโรงอาหารจนคนที่อยู่รอบๆหันมามอง
    "อยะ...อย่าเสียงดังสิลิลิน...คนมองแล้วนะ..."
    มินากระซิบบอกลิลินด้วยเสียงอันสั่นๆ
    เพราะการที่ทุกสายตาจับจ้องมามองแบบนี้เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

    ...ทำไมเธอต้องมานั่งให้คนมองด้วยล่ะเนี่ย...

    "ทะ...โทษที ฉันตกใจน่ะ แหะๆ"
    ลิลินได้เเต่ยิ้มแก้เก้อเมื่อนึกได้ว่าเพื่อนตนไม่ชอบการเป็นจุดสนใจเท่าไร
    "ว่าแต่ พ่อเธอจะแต่งกับใคร ที่ไหน ยังไงนะ?"
    ลิลินถามต่อเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆหันเหความสนใจไปทางอื่นแล้ว
    ความอยากรู้อยากเห็นที่ฉายชัดในแววตาสีช็อคโกแลตคู่สวยทำให้มินาถึงกับเหงื่อตก
    ...เรื่องอยากรู้อยากเห็นนี่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ...
    "เท่าที่รู้ก็เป็นแม่ม่ายน่ะ น่าจะชื่อโรสรึอะไรสักอย่าง เห็นว่าลูกเขาอายุพ่อๆกับพวกเรานี่ล่ะ"
    มินาตอบไปตามที่รู้ 
    "งั้นเธอก็กำลังจะมีพี่น้องน่ะสิ ว่าแต่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันนะ"
    ลิลินว่าพลางทำท่าครุ่นคิดไปด้วย
    ในหัวก็เริ่มจินตนาการหน้าตาของว่าที่สมาชิกใหม่ในครอบครัวของเพื่อนรัก
    "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณพ่อบอกแค่ว่าเรียนโรงเรียนนี้แล้วก็อายุน่าจะพอๆกับฉันน่ะ..."
    "งั้นเหรอ ถ้าเข้ากันได้ดีก็คงดีนะ"
    ลิลินว่า...

    ทั้งสองคุยกันเรื่อยเปื่อยไปได้ซักพักการสนทนาขอทั้งสองก็ต้องหยุดชะงักลง
    เมื่อคนทั้งโรงอาหารให้ความสนใจกับผู้ที่มาใหม่

    "นั่นเอลิน่านี่นา...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ"

    "นั่นสิ ปกติเธอไม่ทานข้าวที่โรงอาหารไม่ใช่เหรอ"

    "ก็เป็นคนดังขนาดนั้นนี่นะ"

    "ดูสิเธอ เอลิน่าควงมากับคุณซาเบิ้ลล่ะ..."

    "อาจจะคบกันอยู่ก็ได้นะสองคนนั้นน่ะ"

    "เห็นว่าพวกเขาสนิทกันตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้วไม่ใช่เหรอ"

    "เขาก็สมกันดีนี่นา ไอดอลอันดับหนึ่งกับอัจฉริยะของโรงเรียนน่ะ..."

    "น่าอิจฉาจังเลยเนอะ"

    เสียงซุบซิบรวมทั้งเสียงกรี้ดกร้าดเรียกให้ทั้งสองหันไปมอง
    มินาตกตะลึงเล็กน้อยกับสิ่งที่เห็น
    ผู้ที่ก้าวเข้ามาในโรงอาหารตอนนี้คือซาเบิ้ลผู้ที่เจอกับเธอบนดาดฟ้าเมื่อวาน ท่าทางว่าการที่เขาเป็นคนดังจะเป็นเรื่องจริง เพราะดูจากการที่มีคนพูดถึงเขามากขนาดนี้ท่าทางจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในทางที่ดีเสียด้วยสิ

    มินาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเอาเสื้อไปคืนเขาเลยไหม แต่เมื่อนึกถึงสายตานับร้อยที่จะจ้องมองมาก็ทำให้มินายกเลิกความคิดนั้นออกไปจากสมองแทบจะทันที เธอปล่อยให้ร่างสูงของซาเบิ้ลเดินผ่านไปอย่างโดดเด่นเป็นสง่า และเมื่อมองดูดีๆแล้วมินาพบว่าข้างกายของซาเบิ้ลคือรุ่นพี่ปีสามที่เธอพอจะรู้จักอยู่บ้าง
    'เอลิน่า เอเมอร์รัล' นักแสดงวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงมากในปัจจุบันนี้และถือเป็นหนึ่งในนักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนด้วย
    เอลิน่าดูโดดเด่นสะดุดตาแม้เพียงยามเดินผ่าน ทุกย่างก้าวเธอที่เฉียดกรายล้วนทำให้ผู้คนรอบๆจับจ้องไม่วางตา

    ด้วยรูปร่างที่สูงเพรียวสง่าดุจนางพญา
    เส้นผมสีบลอนด์ทองหยักศกเป็นธรรมชาติยาวสลวยถูกมัดรวบเป็นทรงpony tail(หางม้า)
    ผิวของเธอขาวกระจ่างใสราวกับหิมะแรกของฤดู
    ดวงตาเรียวสวยส่องประกายงดงามดุจมรกตน้ำดีที่มีมูลค่ามหาศาล
    จมูกของเธอโด่งรั้นบ่งบอกอารมณ์เอาแต่ใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนอยากเอาอกเอาใจเธอทั้งนั้น ริมฝีปากสีสวยราวกุหลาบแรกแย้มบัดนี้หุบสนิทไม่บ่งบอกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์แบบไหน ใบหน้าสวยคมเชิดขึ้นแบบคนมั่นใจในตัวเองสูง
    ยิ่งควงคู่มากับซาเบิ้ลยิ่งดูสมกันราวกิ่งทองใบหยกเลยทีเดียว

    "นั่นคุณเอลิน่า ไอดอลที่กำลังอยู่ตอนนี้ไงล่ะ เขาว่ากันว่าคนนี้น่ะศิษย์เอกของโมนิก้า แอสโทเรียผู้ล่วงลับเลยนะ"
    ลิลินกระซิบเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักมีท่าทีว่าจะสนิกสนใจเอลิน่า
    เพราะยัยนี่ไม่ค่อยจะจำชื่อใครได้เท่าใดนัก เว้นแต่ว่ายัยนี่จะสนใจใครเท่านั้นแหละ ทำให้ลิลินต้องคอยเล่าคนนั้นคนนี้ให้ฟังเสมอๆ
    "ฉันรู้จักน่า... ก็เค้าออกทีวีแทบทุกวันเลยนี่นา"

    มินาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้นึกสนใจเอลิน่าเท่าใดนัก
    เพียแต่พอจะจำได้รางๆว่า'โมนิก้า'ผู้เป็นมารดาของเธอเคยพูดถึงเอลิน่าให้ฟังบ่อยๆ
    แม่ของเธอคืออาจารย์ที่สอนวิชาการแสดงให้กับเอลิน่า(ที่จริงก็สอนเธอด้วยนั่นแหละ…แต่เธอไม่เคยคิดจะเอามาใช้)
    แม่ของมินาเคยเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมากๆคนหนึ่งของวงการ
    และมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้แม้ว่าจะเสียชีวิตไปนานแล้วก็ตาม
    และนั่นแหละที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอยู่บ้าง แต่เพราะโรงเรียนนี้ก็มีพวกคนดังตั้งมากมาย ทำให้เธอไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนัก

    ...ซึ่งก็เป็นผลดีต่อเธออย่างที่สุด...

    "เห็นว่าเอลิน่าปลื้มแม่เธอมากเลยนะ ได้ยินมาว่าเค้าเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่มีสินค้าทุกอย่างเกี่ยวกับแม่เธอเลยล่ะรู้มั้ย"
    ลิลินว่าต่อ
    "งั้นเหรอ..."
    แต่ดูเหมือนว่ามินาจะไม่ค่อยสนใจเท่าไร สำหรับเธอแล้วผู้หญิงที่ชื่อโมนิก้าเป็นเพียงคุณแม่ธรรมดาๆที่ใจดีมากๆคนหนึ่งเท่านั้น...
    คุณแม่...ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทดแทนได้
    เพียววูบหนึ่งที่นัยน์ตาของมินาสะท้อนความเศร้าออกมา แต่เพียงครูก็กลับมาเฉื่อยชาดังปกติ
    "ส่วนผู้ชายที่อยู่ข้างๆกันนั่นชื่อซาเบิ้ล นักกีฬาว่ายน้ำที่ชนะการแข่งขันระดับประเทศเมื่อเดือนก่อนนี้ไง แถมยังมีผลการเรียนดีที่สุดในชั้นปี...ไม่สิ! ในโรงเรียนเลยต่างหาก
    เป็นนักเรียนดีเด่นน่ะ"
    "อืม..."

    มินาตอบส่งๆไปอย่างนั้น
    เธอเลิกมองเอลิน่าแล้วแม้ว่าคนทั้งโรงอาหารจะยังมองอยู่ก็ตาม
    สิ่งที่เธอให้ความสนใจตอนนี้มีแต่อาหารตรงหน้าเท่านั้น
    หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จแล้วมินาก็เข้าเรียนคาบบ่ายตามปกติ เดินกลับบ้านกับลิลินเหมือนเช่นทุกวัน อาบน้ำ กินข้าว แล้วก็นอนหลับ
    ตื่นเช้าวันเสาร์เธอก็ใช้ชีวิตในวันหยุดตามปกติ
    แต่เมื่อตื่นเช้าวันอาทิตย์เพื่อมาทำความสะอาดบ้านจนเกือบเที่ยง พักดื่มนมรสกาแฟและทานข้าวกลางวันตามปกติแล้ว

    แทนที่หลังทานข้าวเสร็จเธอจะได้นอนกลางวันดังที่ตั้งใจไว้
    ยัยลิลินก็ดันโผล่หน้ามาหาเสียอย่างนั้น คุยๆกันไปซักพักเธอก็ถูกลิลินคะยั้นคะยอให้เล่นเจ้าเปียโนหลังใหญ่ที่ห่างมือเธอหลายเดือนให้ฟัง
    มินาที่ทนแรงรบเร้าไม่ไหวจึงต้องลุกขึ้นมาเล่นให้ฟังอย่างเสียไม่ได้

    ...มินานั่งอยู่หน้าเปียโนตัวใหญ่ นิ้วเรียวสวยกดไปตามแป้นต่างๆอย่างคุ้นชิน
    ทำนองเพลงแว่วหวานถูกบรรเลงโดยเด็กสาวผมสีคารเมล
    ทั้งจังหวะและท่วงทำนองลื่นไหลไม่ผิดเพี้ยนบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่ไม่น้อย น้ำเสียงหวานรื่นหูขับขานไปตามท่วงทำนองของบทเพลงนั้น
    ลิลินนั่งฟังเพลงด้วยความรู้สึกชื่นชม

    ยามที่มินาอยูกับเครื่องดนตรีเช่นนี้เธอรู้สึกดีราวกับว่าได้ชมการแสดงชั้นหนึ่งเชียวล่ะ มินาเล่นดนตรีได้เก่งสมกับที่เป็นลูกสาวของ'อลัน อีริค'นักดนตรีอิสระผู้ไม่ยอมง้อสังกัดใดๆ
    และร้องเพลงได้เพราะสมกับที่เป็นลูกสาวของ'โมนิก้า แอสโทเรีย'ผู้ได้รับการกล่าวขานว่ามีน้ำเสียงอันไพเราะดุจเสียงสวรรค์จริงๆ
    "เธอนี่เล่นเก่งเหมือนเดิมเลยนะมินา
    สุดยอดจริงๆ เธอมันอัจฉริยะ!"
    ลิลินเอ่ยชมเมื่อมินาเล่นจบเพลง เธออยากเล่นดนตรีได้แบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่ว่าจะฝึกยังไงก็เล่นไม่ได้อยู่ดี

    "ฉันก็ทำได้แค่เรื่องแบบนี้นั่นแหละ ถ้าเป็นเรื่องเรียนฉันสู้เธอไม่ได้หรอก..."
    มินายิ้มบางๆกับคำชมนั้น
    ก่อนจะเอ่ยตอบไปตามตรงว่าเธอสู้ลิลินไม่ได้
    ที่จริงแล้วลิลินเรียนเก่งเป็นอันดับต้นๆของรุ่น(ส่วนเธอน่ะร่อแร่เฉียดตกประจำ) สามารถเรียนห้องเอส(สเปเชี่ยล)ได้อย่างสบายๆ แต่ลิลินกลับเลือกที่จะย้ายมาเรียนห้องบีกับเธอ นั่นเองก็เป็นเหตุผลอีกอย่างทำให้เธอรักเพื่อนคนนี้มาก
    "แหมๆ ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย~~~"
    ลิลินที่ถูกชมแกล้งทำเป็นอายม้วนแบบที่ดูยังไงก็รู้ว่า'ทำเอาฮา' มินาเห็นอย่างนี้จึงหลุดขำออกมาเบาๆ

    "ในที่สุดก็ยอมยิ้มซักทีนะ^___^"
    จู่ๆลิลินก็พูดออกมา
    "เอ๋...?"
    มินาตกใจไม่น้อยที่ลิลินพูดเช่นนี้
    แต่เมื่อนึกดูดีๆมันก็จริงอย่างที่ลิลินพูด สองสามวันมานี้เธอแทบไม่ได้ยิ้มเลย
    อาจเพราะกังวลเรื่องที่ครอบครัวกำลังจะมีสมาชิกใหม่ ซึ่งสองคนนั้นเป็นคนแบบไหนเธอก็ยังไม่รู้เลย
    "ที่จริงแล้วเธอกังวลเรื่องภรรยาใหม่ของพ่อใช่มั้ยล่ะ"
    ลิลินผู้รู้ใจมินาทักอย่างถามออกไป

    ...ดูออกด้วยงั้นเหรอ...

    "ก็นิดหน่อยน่ะ ฉันกลัวว่าจะเข้ากับเขาไม่ได้..."
    มินาตอบเรียบๆทั้งที่ในใจกังวลอยู่ไม่น้อย
    "ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ถ้ายัยแม่เลี้ยงนั่นเป็นคนไม่ดีนะ ฉันจะช่วยเธอจัดการเอง!"
    ลิลินว่าพลางทำท่าทางเหมือนจะออกไปรบประกอบไปด้วย
    แล้วมินาก็ต้องหลุดขำกับท่าทางของเพื่อนอีกครั้ง
    ทั้งมารบเร้าให้เล่นเปียโน ทั้งพูดปลอบ ทั้งหมดนี่ก็เพื่อให้เธอสบายใจขึ้นสินะ...
    ...ไม่ว่าจะเวลาไหนเธอก็รู้ใจฉันเสมอเลยนะ ลิลิน...
    มินารู้สึกผ่อนคลายลงมาก เพราะไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เธอก็ยังมีลิลินเพื่อนรักคอยอยู่เคียงข้างนี่นา

    ตอนนี้เธอไม่รู้สึกกังวลอะไรอีกแล้วล่ะ...

    ...
    ..
    .

    เช้าวันจันทร์ มินามาโรงเรียนกับลิลินตามปกติ
    ระหว่างเดินขึ้นห้องเรียนมีรุ่นน้องหญิงม.ต้นกลุ่มหนึ่งกล่าวทักทายมินา แต่เธอทักทายกลับไปตามมารยาทและคุยกันต่อได้เพียงเล็กน้อยก็ถูกยัยลิลินที่ทำแก้มป่องโวยวายว่าจะขึ้นห้องเรียนสายแล้วพลางลากเธอขึ้นห้องเรียนไปด้วยกัน
    แน่นอนว่าเมื่อมาถึงห้องเรียนทั้งสองก็ต้องได้รับเสียงแซวจากพวกเข้าใจผิดคิดไปใหญ่
    เจ้าพวกนี้พากันโห่ร้องแซวเรื่องที่ลิลินลากเธอออกมาจากรุ่นกลุ่มน้อง
    มินาได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความ(อับ)อาย ส่วนลิลินก็โวยวายยกใหญ่ว่าเข้าใจผิดกันหมดแล้ว แต่เสียงทั้งมวลก็ต้องเงียบลงเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาปรากฏตัวขึ้น

    ...วันนี้มินานั่งเรียนด้วยความตั้งอกตั้งใจกว่าเดิม
    เพราะว่าเธอแอบเอาหมอนลายแมวใบเล็กมาด้วย
    ทำให้การทำสมาธิ(แอบหลับ)ของเธอราบรื่นกว่าครั้งไหนๆ
    มินาเรียนหนังสือ(แอบหลับ)ด้วยความตั้งอกตั้งใจจนถึงเวลาพักเที่ยง
    เมื่อสัญญาณดังขึ้นเธอก็ผงกหัวขึ้นมาเล็กน้อยบ่งขอกถึงการสิ้นสุดสมาธิ(แอบหลับ)

    "ไง ตื่นแล้วเหรอ"
    ลิลินยังคงทักทายเธอด้วยคำพูดเดียวกับที่เคยพูดทุกวัน
    "อาาา วันนี้ฉันไปกินข้าวคนเดียวนะ..."
    มินาตอบรับพร้อมกับบอกว่าจะไปกินข้าวคนเดียว
    วันนี้เธอหมดอารมณ์ไปโรงอาหารเสียแล้วเพราะเสียงล้อของพวกที่เข้าใจผิด 
    "อ้าว ทำไมละ"

    "..."
    มินาไม่ตอบหากแต่ปรายตาไปมองพวกที่แซวเธอเมื่อเช้า
    ลิลินเองเมื่อมองตามก็เข้าใจความหมายในทันที
    "เข้าใจละ=___="
    ลิลินว่า
    มินาลุกขึ้นจากที่นั่งริมหน้าต่างของตัวเอง
    โบกมือเล็กน้อยเพื่อบอกให้ลิลินรู้ว่าเธอจะไปแล้ว จากนั้นจึงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
    "ต้องกลับมาเรียนคาบบ่ายด้วยนะ"
    ลิลินมองตามแผ่นหลังบอบบางนั่นไปเล็กน้อย
    ก่อนจะตะโกนบอกยัยเพื่อนตัวดี เพราะยัยนี่ถ้าได้ไปกินข้าวคนเดียวก็มักจะโดดเรียนคาบบ่ายเป็นประจำ

    "จ้าๆ เข้าใจแล้ว"
    มินาได้แต่ตอบรับไปอย่างนั้นแหละ
    ขาเรียวสวยพาร่างบางขึ้นมาจนถึงประตูดาดฟ้า
    วันนี้เธอแอบหนีบเจ้าหมอนใบโปรดมาด้วย ตั้งใจว่าวันนี้ล่ะจะนอนให้เต็มที่ชดเชยที่เสาร์-อาทิตย์นี้ไม่ได้นอนกลางวัน
    ร่างบางเดินทำท่าจะไปยังใต้ต้นไม้ต้นเดิม แต่แล้วขาทั้งสองก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่ามีร่างสูงของใครคนหนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
    "ไง ผมนึกว่าวันนี้เธอก็ไม่มาซะอีก..."

    ซาเบิ้ลเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
    มินาไม่พูดอะไรแต่เดินตรงไปนั่งลงที่ประจำก่อนจะเอานมรสกาแฟขึ้นมาเตรียมจะเจาะดูดตามปกติ
    แต่แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรได้
    "รอเอาเสื้อของนายเหรอ...?"
    มินาว่าพลางหยิบเอาเสื้อนอกของเขามาส่งให้
    โชคดีที่เธอเอามันมาด้วยเพราะคิดว่าอาจเจอเขาบนนี้
    ซาเบิ้ลรับเสื้อนอกของเขามาพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วสูดดมเบาๆ
    "ฉันซักให้แล้วน่า=___="
    มินาตอบนิ่งๆเมื่อเห็นเขาทำท่าทางราวกับว่ามันสกปรก(ในสายตาเธออะนะ)
    แน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ทรัพย์สินของคนอื่นบกพร่องแน่นอนถ้าอยู่ในมือตน
    "กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมดีจัง"

    ซาเบิ้ลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
    "งั้นเหรอ..."
    แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมากกว่านมรสกาแฟที่เธอดื่มอยู่แต่อย่างใด
    มินายังคงดูดนมรสกาแฟกล่องนั้นด้วยสีหน้านิ่งเช่นเดิม
    "ท่าทางมินาจะชอบมันมากเลยนะ..."
    "หือ?"
    มินาหันมามองเขา รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เขายังไม่กลับลงไปข้างล่างอีก
    "เจ้านมรสกาแฟเนี่ย เห็นดื่มทีเป็นลังๆเลยนี่นา"
    ซาเบิ้ลพูดยิ้มๆ ตอนเจอกันครั้งแรกเขาเห็นเธอดื่มไปราวๆห้าถึงหกกล่อง วันนี้ก็เห็นเธอดื่มอีก ท่าทางว่าคนตัวเล็ก(กว่าเขา)จะชอบมันมากจริงๆ

    "กลิ่นมันหอมดีน่ะ แก้ง่วงได้ด้วย..."
    มินาตอบ ดูดนมรสกาแฟอึกสุดท้ายแล้วหยิบกล่องใหม่มาเจาะดูดต่อ
    "ก็เห็นหลับอยู่ดีนี่นา..."
    ซาเบิ้ลว่าต่อ
    นึกถึงตอนที่คุยกับเธอครั้งก่อน พอมีนมรสกาแฟเด็กสาวก็ดูจะคุยได้เรื่อยๆ แต่พอนมหมดก็หลับปุ๋ยอย่างกับเด็กทารก
    นึกแล้วก็ขำไม่น้อย
    "นะ...นั่นสินะ"
    มินาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ ในใจนั้นรู้สึกอับอายเป็นอย่างมากกับนิสัยขี้เซาของตัวเองที่แก้ไม่หายเสียที
    "หือ?"
    "คือฉันน่ะ...จะว่าไงดี..."

    เสียงหวานดูจะกังวลอยู่น้อยๆที่จะพูดออกไป
    "ว่าไงดีล่ะ?"
    ซาเบิ้ลถามไปอย่างกวนๆ ในใจเริ่มนึกสนุกขึ้นมานิดๆ
    "คือฉันน่ะ ถ้าเจอที่สงบๆจะหลับง่ายน่ะนะ"
    สุดท้ายมินาจึงเลือกที่จะโกหกไป รู้สึกว่ามันคงจะเสียมารยาทไม่น้อยหากจะบอกว่าการคุยกับเขานั้นน่าเบื่อ
    ก็คนเพิ่งเคยเจอกันนี่นะ จะให้คุยถูกคอเลยคงเป็นไปไม่ได้
    เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ได้คิดแบบนั้น ซาเบิ้ลคิดที่เพิ่งค้นพบวิธีการแกล้งมินากำลังนึกสนุก
    ต่อมโรคจิตตามนิสัยคนขี้แกล้งเริ่มทำงานขึ้นมานิดๆ
    "ผมนึกว่าเธอเบื่อการคุยกับผมเลยหลับไปเสียอีก^___^"

    พรวด!!!
    นมรสกาแฟที่เธอดื่มอยู่พร้อมใจกันพุ่งพรวดออกมา
    ดูเหมือนอวัยวะทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกลืนอาหารของเธอจะทำงานขัดข้องไปชั่วคราวจากที่สั่งให้กลืนนมที่อยู่ในปากกลับทำตรงกันข้ามเสียนี่
    เด็กสาวสำลักนมรสกาแฟไอค่อกแค่กจนคนที่อยู่ข้างๆต้องลูบหลังให้
    ซาเบิ้ลมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มขำๆ
    โดยปกติคนทั่วไปจะยกย่องเทิดทูนเขาเพราะเขาเป็นอัจฉริยะ
    คนพวกนั้นเข้าหาเขาเพราะชื่อเสียง เขาก็แค่ปั้นหน้ายิ้มแล้วสั่งให้ทำอะไรโง่ๆด้วยเหตุผลโง่ๆซึ่งพวกนั้นก็ทำตาม

    คิดๆไปแล้วมันก็ทั้งน่าเบื่อและน่ารำคาญมากสำหรับเขา
    แต่เด็กสาวตรงหน้าเขาไม่เหมือนคนพวกนั้น
    เธอเป็นคนแรกที่ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเขาไปมากกว่านมกล่อง(ซึ่งที่จริงเขาค่อนข้างจะเสียเซล์ฟกับเรื่องนี้)แถมสามารถหลับในขณะที่คุยกับเขาได้
    ซาเบิ้ลลอบยิ้มเจ้าเลห์อยู่คนเดียว

    ...รอยยิ้มเหมือนเด็กที่นึกสนุกเมื่อได้ของเล่นใหม่...

    "เป็นอะไรมากมั้ย?"
    เขาถามก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอเช็ดปาก
    ...ยัยนี่น่าสนุกดีจริงๆ...
    "มะ...ไม่เป็นอะไรแล้ว"
    มินาที่ผ่านการสำลักจนหน้าดำหน้าแดงตอบอย่างตะกุกตะกัก
    "เธอเป็นคนแรกเลยนะเนี่ย"
    ซาเบิ้ลว่า

    "ปกติไม่เคยมีใครเบื่อผมหรอก ส่วนใหญ่จะกรี้ดกร้าดอย่างกับเจอดารา
    หรือไม่ก็ยกย่องเทิดทูนอย่างกับว่าผมไปกู้โลกมาหรืออะไรทำนองนั้น"
    "งะ...งั้นเหรอ"
    มินาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
    "ที่จริงฉันก็ไม่ได้คิดว่านายน่ารำคาญหรอก...
    ว่าไงดี ฉันก็แค่ไม่ค่อยคุ้นกับการมีเพื่อนใหม่ๆน่ะ"
    "งั้นเหรอ..."
    ซาเบิ้ลกล่าวยิ้มๆ 
    รู้สึกสนุกมากขึ้นเรื่อยๆอย่างประหลาด
    "ก็นะ ฉันเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดีน่ะ ขอโทษจริงๆนะที่เสียมารยาท"
    มินาเอ่ย เธอรู้สึกผิดกับเขาจริงๆ
    ตอนนี้เธอเริ่มเปิดใจเขามากขึ้นเล็กน้อย
    เพราะจะว่าไปแล้วซาเบิ้ลคนนี้ก็มีส่วนคล้ายกับยัยลิลิน เพื่อนสนิทของเธออยู่เช่นกัน

    ...ทั้งเรื่องเรียนเก่ง เป็นคนดัง และไม่ชอบให้ใครมายกย่อง(?)...

    "ไม่เป็นไรครับมินา"
    ซาเบิ้ลยังคงยิ้มอย่างใจดี 
    "ผมน่ะ อยากเป็นเพื่อนกับมินานะ^___^"
    เขาเอ่ย ลึกๆแล้วเขาก็อยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ เพราะเธอเป็นคนแรกที่ไม่ได้มองเขาอย่างเทิดทูนบูชาเพียงเพราะเขาเป็นอัจฉริยะ แต่มองเขาเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป
    "ทำไมนายถึงอยากเป็นเพื่อนกับคนพิลึกๆแบบฉันล่ะ?"
    มินาถาม ในใจก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ
    เพราะคนทั่วไปมักมองว่าเธอเย็นชา แม้ว่าความจริงเธอเพียงแต่ขี้เกียจและขี้อายมากๆเท่านั้นเอง
    "อืม...

    คงเพราะว่าเธอเป็นตัวของตัวเองดีละมั้ง"
    ซาเบิ้ลกล่าวด้วยรอยยิ้มและใบหน้าที่ราวกับปล่อยออร่าออกมาได้
    ...รอยยิ้มแบบที่เขาชอบแกล้งทำ...
    "ใจดีจังเลยนะ..."
    "แน่นอนอยู่แล้ว ก็ผมน่ะ..."
    เด็กหนุ่มพูด(โม้)ไม่ทันได้จบ สัญญาณหมดเวลาพักก็ดังขึ้น
    อาจเพราะทั้งสองมัวแต่คุยจนลืมเวลา
    แม้อาหารกลางวันก็แทบจะไม่มีสักชิ้นที่ตกถึงท้องของทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ
    "ไปเรียนได้แล้วนะ นายน่ะ"
    เด็กสาวบอก 

    เพราะเท่าที่ฟังมาเขาคือนักเรียนระดับ อัจฉริยะ การโดดเรียนคงเป็นเรื่องใหญ่โตและสำคัญสำหรับชีวิตเขามาก
    "แล้วมินาล่ะ?"
    "ฉันโดด..."
    ไม่ว่าเปล่าโชว์หมอนลายแมวใบโปรดให้เขาดูด้วย
    "งั้นผมโดดด้วย"
    เขาว่า เพราะอย่างไรเสียเรื่องที่อาจารย์สอนเขาก็รู้ๆอยู่แล้ว
    "จะดีเหรอ นายเป็นเด็กเรียนนะ=___="
    "ไม่เป็นไรหรอก เวลาเรียนไม่มีผลกับผมน่ะ อาทิตย์ก่อนผมก็ยังรอมินาจนถึงเลิกเรียนได้เลย"

    เขาพูดอย่างภาคภูมิใจ เพราะเป็นนักเรียนห้องพิเศษทำให้เขาเข้าเรียนตอนไหนก็ได้(แต่ต้องทำรายงานจำนวนมากมายมหาศาลส่งอาจารย์ทุกอาทิตย์)
    "ถ้าห่วงเสื้อขนาดนั้นก็ไม่นาจะถอดทิ้งไว้แต่แรกนะ..."
    มินาพูดมันทีที่เขาว่าจบ ในใจก็ยังสงสัยไม่หายว่าเขาจะถอดเสื้อนอกทิ้งไว้ให้เธอทำไมในเมื่อเขาและเธอเพิ่งรู้จักกัน
    หรือว่าพวกอัจฉริยะนี่จะเพี้ยนกันทุกคน
    "กะ...ก็เห็นว่าลมมันเย็น ผมกลัวมินาจะไม่สบายน่ะ"
    ซาเบิ้ลแถไปอย่างนั้น ที่จริงเขาถอดเสื้อนอกไว้เพราะหวังให้เธอวิ่งวุ่นตามหาเขาทั่วโรงเรียนต่างหาก

    มุกแกล้งคนมุกนี้เขาใช้ประจำ
    โดยเฉพาะกับพวกผู้หญิง ยัยพวกนั้นมักคิดไปไกลว่าเขามีใจให้
    เวลาที่เห็นพวกนั้นทำหน้าแดงน่ะมันตลกสุดๆไปเลย
    พอยัยพวกนั้นมาบอกรักก็ปฏิเสธไปว่าห่วงเรียนมากกว่า
    ยิ่งเห็นหน้าเหวอๆของยัยพวกนั้นยิ่งสะใจขึ้นไปอีก
    แต่เมื่อเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้วิ่งวุ่นตามหาเขาตามแผน ความงกเงินยามคิดถึงราคาเสื้อทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายมารอเธอเองจนได้

    ...คิดแล้วก็ชักจะอายนิดๆแฮะ...

    "อาาา จะว่าไปอาทิตย์ก่อนเห็นนายกับคุณเอลิน่าเดินด้วยกันที่โรงอาหาร
    นายคบกับเขาอยู่เหรอ?"
    ร่างบางถามต่อด้วยความสงสัย
    คิดๆดูเขาก็โชคดีไม่น้อยที่ได้คบกับคนดังคับฟ้าอย่างเอลิน่า
    "เอลิน่าน่ะเหรอ เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมน่ะ วันนั้นเธออยากทานข้าวที่โรงอาหารแต่ไม่กล้าไปคนเดียว เลยให้ผมไปเป็นเพื่อนก็แค่นั้น
    ทำไม? สนใจผมรึไง"

    ซาเบิ้ลตอบตามความจริง พร้อมกับหยอดวาจาหลงตัวเองเข้าไปด้วยหวังให้คนตรงหน้าหน้าแดงให้เห็นอีก(หลังจากหน้าแดงเพราะสำลักไปแล้วทีหนึ่ง)
    "หลงตัวเองจังเลยนะนายเนี่ย"
    แต่กลับได้คำจิกกัดกลับมาเสียนี่
    "แล้วนายน่ะ อยู่ปีสามเหรอ?"
    เธอถามต่อ ไม่ได้สนใจสีหน้าเงิบรับประทานของซาเบิ้ลแต่สักน้อย
    แต่ก็นะ ดูเหมือนว่าพอเริ่มผูกมิตรได้แล้วร่างบางจะสนอกสนใจเขามากขึ้นเยอะเลย

    ...อย่างน้อยก็เริ่มสนใจเราขึ้นมาแล้วล่ะนะ...

    "ใช่แล้ว ปีสามห้องเอสน่ะ ที่จริงมินาควรเรียกผมว่าพี่...!"
    "แล้วพวกห้องเอสโดดเรียนแบบนี้ไม่โดนสวดยับรึไง"
    คำถามกึ่งจิกกัดถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากสีลิ้นจี่จิ้มก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคเสียอีก
    เพราะแม้ว่านักเรียนห้องเอสจะไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องเวลาเรียน แต่ปกติก็เห็นพากันนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องเรียนนี่นา
    แต่หมอนี่ดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับมันเท่าใดนัก
    "ไม่หรอก ผมเป็นคนพิเศษน่ะ"
    ซาเบิ้ลว่า เผยรอยยิ้มเจ้าเลห์ที่มักปกปิดเอาไว้อย่างชัดเจน.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×