คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1 ส่งข่าว
บทที1: ส่งข่าว
(ลิลิน ลิลิน่า เบลล์)
...หลังเลิกเรียนมินาแอบลงมาจากดาดฟ้าเงียบๆคนเดียว
เธอจำได้ว่าเมื่อกลางวันนี้เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่หลับเพราะเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างๆเป็นการรบกวนสมาธิในการนอนของเธอ(ที่จริงคือไม่กล้านอนว่างั้น)
มินาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับตัวเองไม่ให้หลับต่อหน้าคนแปลกหน้า แต่ดูเหมือนความพยายามของเธอจะไม่สำฤธิ์ผล
เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เผลอหลับ
หลับก่อนที่จะหมดคาบพักด้วยซ้ำ! เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนั่งหลับอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเปลี่ยวกายโดยมีเสื้อนอกของซาเบิ้ลห่มให้อยู่เท่านั้น
มินาเดินถือเสื้อนอกของซาเบิ้ลมาตามทางอย่างงงๆ ในใจคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาเสื้อไปคืนให้เขา แต่คิดดูอีกทีเธอก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ชั้นไหนห้องไหนอยู่ดี
...เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงมีแต่ต้องเอามาทุกวันจนกว่าจะเจอตัวละนะ...
ว่ากันตามตรงแล้วเสื้อนอกตัวนี้ก็ราคาแพงอยู่(ทั้งเครื่องแบบและค่าเทอมโรงเรียนนี้แพงจนผู้ปกครองบางคนถึงกับร่ำไห้)
ร่างสูงคิดยังไงถึงเอามันมาห่มให้เธอก็ไม่ทราบได้
...คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครน้ำเน่ารึไงนะ...
มินาคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะเรียนของตัวเอง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลิลินเพื่อสนิทของตนที่ยืนหน้ามุ่ยรอต้อนรับอยู่แล้ว
"ว่าไงยัยตัวดี ไหนว่าจะไม่โดดไงยะ"
ลิลินกล่าวด้วยใบหน้ามู่ทู่ ทำแก้มป่องๆเหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ
ใบหน้างดงามน่ารักของลิลินดูงอง้ำ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักของเธอลดลงไปเลย
ตรงกันข้ามกลับทำให้เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กมากขึ้นไปอีก(ทั้งที่ยัยนี่อายุสิบเจ็ดแล้วแท้ๆ::มินา)
และนั่นทำให้มินาไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไมเพื่อของเธอถึงเป็นที่นิยมมากขนาดได้ขึ้นเป็นดาวเด่นของรุ่นได้
ลิลิน 'ลิลิน่า เบลล์' เป็นเด็กสาวตัวเล็กน่ารัก
เธอสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรเท่านั้น
มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังรับกันได้ดีกับหน้าตาที่หวานหยดย้อยชวนละเมอเพ้อหา
ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆเนียนละเอียดแบบคนตะวันออกนั้นทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลยิ่งนัก
มีริมฝีปากสีเชอร์รี่น่าสัมผัสและดวงตาสีช็อคโกแล็ตดูหวานซึ้งที่ราวกับจะสะกดคนทั้งโลกให้ต้องมนต์ได้เพียงแค่ปรายตามอง
ทั่วทั้งใบหน้าเนียนใสของลิลินมีตำหนิอยู่จุดเดียวเท่านั้นคือใต้ตาข้างซ้ายซึ่งมีใฝเม็ดเล็กๆอยู่หนึ่งเม็ด
แต่มันกลับไม่ทำให้ใบหน้าของเธอดูน่าเกลียดแต่อย่าใด
ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ลิลินดูโดดเด่นขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว จะเรียกว่าเป็น'ใฝเสน่ห์'ก็คงได้
จากรูปร่างที่เล็กกระทัดรัดบวกกับนิสัยร่างเริง และดูโก๊ะๆเหมือนเด็กของลิลิน
ทำให้ไม่ว่าลิลินจะเดินไปทางไหน
ก็ล้วนเรียกให้คนรอบข้างเหลียวหลังมองได้โดยไม่ต้องเอ่ยปาก
โดยเฉพาะเมื่อเธอเดินเคียงคู่ไปกับมินา
ดูเหมาะสมกันราวเจ้าชายเจ้าหญิง(ตามที่พวกเพื่อนร่วมชั้นว่า)
เพราะว่ากันตามตรงแล้วมินาเองก็ไม่ใช่พวกที่จืดจางอะไร เธอเป็นที่นิยนในหมู่รุ่นน้องหญิงในระดับหนึ่งเลยล่ะ(แน่นอนว่ามินาไม่ได้ภาคภูมิใจกับมันเลยซักนิด...บางทีอาจจะถึงขั้นอยากร้องไห้เลยก็ได้)
มินาเป็นเด็กสาวอายุสิบหกย่างเข้าสิบเจ็ดปี
เป็นคนที่ตัวค่อนข้างเล็กแต่ไม่ถึงกับดูผอมเกินไปเพราะมีสัดส่วนที่ดีกว่าเด็กสาววัยเดียวกันมาก
เธอสูงหนึ่งร้อยหกสิบสองเซนติเมตรและมีวี่แววว่าจะสูงขึ้นได้อีก
มีผิวขาวกระจ่างใสเนียนนุ่มดุจน้ำนมสดไร้ซึ่งรอยตำหนิใดๆ
บนใบหน้ารูปไข่ประกอบด้วยคิ้วเรียวสวยได้รูป ดวงตากลมโตสีน้ำผึ้งใสที่เหมือนดึงดูดใครก็ตามที่จ้องมองไม่ให้ละสายตาไปไหนได้อีกถูกล้อมรอบด้วยแพขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติไร้การจัดแต่ง
จมูกเล็กๆรั้นขึ้นเล็กน้อยแลดูคล้ายคนเอาแต่ใจแม้ว่าที่จริงแล้วเจ้าตัวจะเป็นคนที่เฉื่อยชาก็ตามที ริมฝีปากอิ่มสวยได้รูปของเธอเป็นสีลิ้นจี่ธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่านการแต่งแต้มใดๆทั้งสิ้นให้ความรู้สึกชวนสัมผัสและน่าลิ้มลองยิ่งกว่าขนมหวานชั้นเลิศชิ้นไหนๆ
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีผู้ใดได้ลิ้มลองสัมผัสริมฝีปากสีหวานนี้มาก่อน
พวงแก้มทั้งสองข้างเป็นสีเลือดฝาดนิดๆบ่งบอกแน่ชัดว่าเธอเป็นคนสุขภาพดีแต่กระนั้นเธอก็ดูน่าทะนุถนอมยิ่งนัก
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในตัวเธอคงไม่พ้นเส้นผมสีคารเมลยาวประบ่าที่เธอได้รับมาจากแม่
โดยรวมแล้วก็จัดได้ว่าเป็นเด็กสาวที่สวยมากคนหนึ่ง
แต่เหตุใดเธอจึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงด้วยกันนั้นมินาไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่เคยมีเพื่อนร่วมชั้นบางคนบอกว่า
อาจจะเป็นเพราะภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูนิ่งๆ(ทั้งที่จริงๆคือเอื่อยเฉื่อย+ขี้เกียจเนี่ยนะ) กับการที่เธอสนิทสนมกับลิลินซึ่งเป็นดาวเด่นของรุ่นเป็นพิเศษอย่างนี้ก็ได้ที่ทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกัน
สุดท้ายแล้วจึงมีพวกรุ่นน้องหญิงบางคนให้ความสนใจเธอ
...ก็คงประมาณนั้น...
"โทษที ฉันเผลอหลับไปน่ะ"
มินาทำได้เพียงกล่าวขอโทษไปเท่านั้น ใจจริงเธอไม่ได้อยากทำให้เพื่อนรักโกรธหรอก
แต่ช่วยไม่ได้ที่วันนี้เธอเผลอหลับภายในเวลาไม่นาน สุดท้ายจึงต้องโดดเรียนไปโดยปริณยาย
ลิลินผู้เป็นเพื่อนสนิทยังคงทำหน้ามุ่ยไม่เลิก สองแก้มอมลมจนป่องตามนิสัยของเจ้าตัว
ขณะที่มินาพยายามอธิบายว่าเธอเผลอหลับบนดาดฟ้าโรงเรียนก่อนที่สัญญาณหมดคาบพักจะดังขึ้นเสียอีก ซึ่งเหมือนว่าลิลินก็แค่ฟังๆไปเพื่อที่จะรอสวดยาวเท่านั้นเอง
แม้มินาจะดูเหมือนคนนิ่งๆไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนใกล้ชิดมากเลยล่ะ
ดังนั้นการที่ลิลินโกรธแบบจึงนี้เริ่มทำให้มินาใจเสียหน่อยๆ
เพราะยัยนี่เป็นเพื่อนสนิทที่เธอรักที่สุด เป็นคนสำคัญเพียงไม่กี่คนที่เธอยอมลงให้จริงๆ
ด้วยตัวเธอนั้นเป็นคนขี้อายที่เข้าหาใครไม่เป็น ตอนขึ้นม.ปลายปีหนึ่งนั้นเธอคงต้องนั่งเรียนคนเดียวเป็นแน่แท้หากลิลินไม่ย้ายห้องมาอยู่กับเธอเสียก่อน
เพราะยัยลิลินนั้นแตกต่างกับเธอ
ลิลินทั้งสดใส ร่าเริง และเข้ากับทุกคนได้ง่าย ทำให้ในเวลาไม่นานก็กลายเป็นที่รักของทุกคนได้แล้ว
แต่ตัวเธอนั้นออกจะประหม่าในยามที่พูดคุยกับคนที่ไม่คุ้นเคย
ประกอบกับเป็นคนขี้อายที่ไม่ชอบอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆอยู่ด้วยแล้ว
ทำให้สุดท้ายทำให้มินาไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ
แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่ามินาจะไม่มีเพื่อนเลย เพียงแต่เพื่อนที่สนิทกับเธอจริงๆมีเพียงลิลินเท่านั้น ซึ่งลิลินเองก็ดูสนิทสนมกับมินาที่สุดเช่นกันเพราะทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่ยังเล็กๆ บ้านของลิลินอยู่ติดกับบ้านของมินา ทั้งสองเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่จำความได้ ไปเรียนด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ(และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองกลายเป็นคู่จิ้นในสายตาคนอื่น)
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่ทั้งสองนัดว่าจะกลับบ้านด้วยกัน
เพียงแต่สาวน้อยน่ารักอย่างลิลินมีทีว่าว่าจะงอนตุ้บป่องเสียแล้วเพราะยัยมินาตัวดีหนีเรียนคาบบ่ายทั้งหมด
"ฉันขอโทษจริงๆนะลิลิน"
มินากล่าวขึ้นอีกครั้ง สำหรับเธอแล้วลิลินเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่เธอยอมง้อจริงๆ
"ก็ได้ แต่เธอต้องเลี้ยงไอติมฉันนะ"
ฝ่ายลิลินที่โกรธง่ายหายเร็วก็ยื่นข้อเสนอที่ช่วยให้ได้กินฟรีทันใด
"นี่กะเอาไว้แล้วสินะ=___="
คนเสียเปรียบได้แต่บ่นออกมา
...ไอ้เราก็นึกว่าโกรธกันจริงๆ ที่ไหนได้หวังกินฟรีอยู่นี่เอง...
"ไม่งั้นจะงอนจริงๆนะ"
ไม่ว่าเปล่าคนจะเสียโอกาสก็ทำแก้มป่องให้อีก
"จ้าๆ เข้าใจแล้ว"
มินายกมือยอมแพ้ในที่สุด
อย่างไรเสียลิลินคนนี้ก็ต้องสำคัญกว่าเงินค่าไอติมอยู่แล้ว
เมื่อเห็นเพื่อนรักมีท่าทีว่าหายงอนแล้ว มินาจึงหันไปให้ความสนใจกับการจัดกระเป๋าของตัวเอง
มือบางจัดการเอาหนังสือใส่กระเป๋าอย่างคล่องแคล่ว และไม่ลืมที่จะนำเสื้อนอกของซาเบิ้ลใส่ไปเป็นอย่างสุดท้าย
"มินา นั่นเสื้อใครน่ะ?"
ฝ่ายลิลินที่เพิ่งสังเกตว่ามีเสื้อนอกของนักเรียนชายติดมือเพื่อนรักมาก็ร้องทักขึ้น
"อ๋อ นี่น่ะเหรอ คนรู้จักลืมไว้น่ะ"
มินาตอบไปส่งๆ
...หมอนั่นคงจัดอยู่ในหมวดคนรู้จักได้ล่ะมั้ง...
"เห~~~ คนรู้จักงั้นเหรอ~
มินาน้อยของฉันเติบโตเป็นสาวแล้วสินะ"
คนตัวเล็กกว่าเริ่แซวเพื่อนสนิท ในใจก็นึกสนุกขึ้นมานิดๆที่หาเรื่องแกล้งคนตรงหน้าได้
"ใช่ที่ไหนเล่า!!!"
มินาปฏิเสธทันควัน
...ก็แค่เสื้อของคนที่เพิ่งรู้จักเท่านั้นเอง...
ที่สำคัญคนประเภทที่เป็นที่รู้จัก(ตามที่เจ้าตัวบอก)แบบนั้นน่ะ เธอไม่ใคร่จะอยากเข้าใกล้เท่าไรหรอก...
พวกเด่นๆที่สนิทกับเธอน่ะ มีแค่ลิลินคนเดียวก็พอ
"เห~~~ จริงเร้อออ"
ลิลินยังคงแซวไม่หยุด แม้จริงๆแล้วจะรู้ดีว่ายัยมินาไม่ชายตาแลสิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่ไหน...(เอ่อ...หวังว่าจะไม่ชายตาแลอะนะ...) แต่ก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าใครกันน้าาา ที่ถอดเสื้อนอกมาให้เพื่อนตนถือ
...คงไม่ใช่พวกแฟนคลับ(ลับๆ)ของยัยนี่หรอกนะ...
"ลิลิน เธอก็รู้ว่าจริงแท้แน่นอน"
มินาเองเมื่อจับน้ำเสียงสนุกสนานของอีกฝ่ายได้ก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"จ้าๆ เข้าใจแล้ว
กลับบ้านกันเถอะ^___^"
ลิลินผู้เปลี่ยนเรื่องได้รวดเร็วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"อื้อ"
จากนั้น ทั้งสองก็เดินกลับบ้านด้วยกันตามปกติ
...
..
.
"กลับมาแล้วค่ะ..."
มินาพูดตามมารยาทที่ถูกฝึกสอน แม้ว่าภายในบ้านจะว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของคนที่รอต้อนรับเธอก็ตาม
มินาอยู่บ้านนี้คนเดียว...
ถ้าจะพูดให้ถูกคือยู่กับพ่อที่นานๆครั้งจะได้กลับบ้านสักที
พ่อของเธอทำงานเป็นนักดนตรี
(ที่รักอิสระเสรีเสียเหลือเกิน)
จึงมีการเดินสายแสดงในต่างประเทศบ่อยๆ
ในปีหนึ่งๆกลับมาแทบจะนับครั้งได้...
ส่วนแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็กๆ
...โดยรวมแล้วเรียกว่าอยู่คนเดียวได้ล่ะนะ...
ร่างบางเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นแล้วนำเอานมรสกาแฟแพ็กใหญ่ที่แวะซื้อระหว่างทางออกมาจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย หยิบเอานมรสกาแฟกล่องที่มีอยู่เดิมขึ้นมาเจาะดูดระหว่างที่เดินขึ้นไปบนห้อง
บ้านของเธอเป็นบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป
มีสี่ห้องนอน(ชั้นบนสามชั้นล่างหนึ่ง) สองห้องน้ำ(ชั้นบนและล่างอย่างละห้อง) หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องใต้ดิน(เก็บของ)
ด้านล่างมีโรงจอดรถซึ่งจุรถยนต์ได้ประมาณสองคันแต่รับรองได้เลยว่าไม่ต้องใช้หรอกเพราะเธอเดินสองขาไปโรงเรียนเป็นประจำ ส่วนรถของพ่อเธอก็อยู่เมืองนอกกับเจ้าของมันนั่นล่ะ
ว่ากันตามตรงแล้วที่บ้านของมินาก็มีฐานะในระดับหนึ่ง
พ่อของเธอซึ่งเป็นนักดนตรีมีรายได้ดีทีเดียว
เห็นได้ชัดจากการที่มีแกรนด์เปียโนหลังใหญ่มาตั้งอยู่กลางบ้านไว้ให้เธอเล่นได้แก้เบื่อ(แต่เเน่นอนเธอไม่ค่อยได้แตะต้องมันหรอก)
พ่อของเธอดูจะสนับสนุนให้เธอเดินตามรอยตัวเองอยู่ไม่น้อย
ท่านสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้ให้เธอ ซึ่งเธอก็ได้แต่รับมันมาเป็นความรู้ติดตัวไปอย่างนั้น
มินาเดินเอื่อยเรื่อยเอื่อยเฉื่อยจนมาถึงห้องนอนของเธอเอง ร่างบางวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะเครื่องเขียน ดูดนมรสกาแฟรวดเดียวหมอกกล่องก่อนส่งกล่องเปล่าของมันลงถังขยะข้างโต๊ะอย่างแม่นยำ
จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนลายกาฟิลด์ทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนชุดนั่นล่ะ
ร่างบางกลิ้งไปกลิ้งมายนเตียงสองสามครั้ง
ห้องของเธอประกอบด้วยที่นอนลายแมว ตุ๊กตาแมวสามสี่ตัว ผ้าม่านลายแมว กระเป๋ารูปแมว ผ้าเช็ดเท้าลายแมว
และของใช้อื่นๆที่เป็นรูปแมว!
แน่ละเธอชอบแมวมาก
เจ้าตัวจ้อยขนปุกปุยที่วันๆเอาแต่นอนนั่นน่ะ
มันขี้เล่น ขี้อ้อน เลี้ยงง่าย ไม่เรื่องมาก เธอชอบที่สุดเลย! แต่น่าเสียดายเธอไม่ได้เลี้ยงแมวเพราะไม่ค่อยจะมีเวลาดูแลเท่าไรนัก
มินาคว้าเอาตุ๊กตาตัวที่ใหญ่ที่สุดมากอดไว้ เจ้านี่คือของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายที่ได้จากแม่ ดังนั้นเธอทั้งรักทั้งหวงมันสุดๆ
มินาเล่นกับตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเองดังที่เคยเป็นมา
พูดคุยจ๊ะจ๋ากับตุ๊กตาแล้วเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ราวกับมันเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว
แต่เล่นกับตุ๊กตาได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
มินาจึงผละจากเจ้าเหมียวน้อยตัวโปรด
เมื่อเห็นว่าหน้าจอปรากฏชื่อของปลายสายก็กดรับแล้วกรอกเสียงลงในโทรศัพท์
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ"
[ว่าไงมินา ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ คิดถึงพ่อมั้ยเอ่ย]
ปลายสายตอบกลับมาอย่างใจดี
พ่อของเธอมักโทรศัพท์มาหาเธอบ่อยๆ
ด้วยเหตุนี้เองแม้ว่าเธอกับพ่อจะอยู่ห่างกันแค่ไหนแต่ก็ไม่ทำให้มินาเหงามากนัก
"ค่ะ คุณพ่อทำงานเป็นยังไงบ้างคะ"
[การตอบรับของที่นี่ดีกว่าที่คิดเยอะเลย คิวแสดงแน่นมากเลยล่ะ]
"ถ้าเหนื่อยคุณพ่อก็พักผ่อนบ้างนะคะ อย่าหักโหม"
มินาเอ่ย ตั้งแต่แม่เสียไป มีแต่พ่อเธอเท่านั้นที่คอยดูแล แต่เธอก็ไม่อยากให้พ่อเธอทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่สบายอย่างที่แม่เธอเคยเป็นบ่อยๆเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่
[พ่อน่ะแค่ได้ยินเสียงลูกก็หายเหนื่อยแล้ว ว่าแต่เดือนหน้าพ่อน่าจะได้กลับบ้านแล้ว อยากได้ของฝากอะไรมั้ย?]
"แค่คุณพ่อกลับมาก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ"
มินาตอบตามความเป็นจริง แค่ได้เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัยเธอก็พอใจแล้ว
[งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ...]
คนเป็นพ่อกลั้วหัวเราะ การที่ลูกสาวคนเดียวแสดงความเป็นห่วงแบบนี้ ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเหมือนจะมลายหายสิ้นไปหมด
[นี่มินา...]
แต่แล้วอยู่ๆปลายสายก็มีน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมา
"ว่าไงคะ?"
มินาถามกลับไปอย่างสงสัย
[ลูกจะว่าอะไรมั้ยถ้าพ่อจะ...เอ่อ...]
ปลายสายอ้ำอึ้งจนมินาอดแปลกใจไม่ได้
"คุณพ่อจะทำไมเหรอคะ?"
เธอถามย้ำไปอีกที รอบนี้พ่อของเธอมาแปลก อยู่ๆก็มาคุยอ้ำๆอึ้งๆเหมือนกลัวที่จะพูดให้เธอฟัง
[คือ...พ่อคิดว่าพ่อเจอคนที่ใช่น่ะ...]
"เจอ...คนที่ใช่?"
[ลูกจะว่าอะไรมั้ยถ้าหากว่าพ่อ...เอ่อ...จะแต่งงานใหม่น่ะ...]
พ่อของเธอพูดออกมาในที่สุด
ในขณะที่ตัวของมินาเองได้แต่นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น.
ความคิดเห็น