ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sister Complex :: รักนี้...ต้องห้าม[รึเปล่า!!?]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1 ส่งข่าว

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 59


    บทที1: ส่งข่าว


    (ลิลิน ลิลิน่า เบลล์)


    ...หลังเลิกเรียนมินาแอบลงมาจากดาดฟ้าเงียบๆคนเดียว

    เธอจำได้ว่าเมื่อกลางวันนี้เธอพยายามอย่างมากที่จะไม่หลับเพราะเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างๆเป็นการรบกวนสมาธิในการนอนของเธอ(ที่จริงคือไม่กล้านอนว่างั้น)

    มินาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการบังคับตัวเองไม่ให้หลับต่อหน้าคนแปลกหน้า แต่ดูเหมือนความพยายามของเธอจะไม่สำฤธิ์ผล

    เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็เผลอหลับ

    หลับก่อนที่จะหมดคาบพักด้วยซ้ำ! เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนั่งหลับอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเปลี่ยวกายโดยมีเสื้อนอกของซาเบิ้ลห่มให้อยู่เท่านั้น

    มินาเดินถือเสื้อนอกของซาเบิ้ลมาตามทางอย่างงงๆ ในใจคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาเสื้อไปคืนให้เขา แต่คิดดูอีกทีเธอก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ชั้นไหนห้องไหนอยู่ดี


    ...เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงมีแต่ต้องเอามาทุกวันจนกว่าจะเจอตัวละนะ...


    ว่ากันตามตรงแล้วเสื้อนอกตัวนี้ก็ราคาแพงอยู่(ทั้งเครื่องแบบและค่าเทอมโรงเรียนนี้แพงจนผู้ปกครองบางคนถึงกับร่ำไห้)

    ร่างสูงคิดยังไงถึงเอามันมาห่มให้เธอก็ไม่ทราบได้

    ...คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครน้ำเน่ารึไงนะ...

    มินาคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะเรียนของตัวเอง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นลิลินเพื่อสนิทของตนที่ยืนหน้ามุ่ยรอต้อนรับอยู่แล้ว

    "ว่าไงยัยตัวดี ไหนว่าจะไม่โดดไงยะ"

    ลิลินกล่าวด้วยใบหน้ามู่ทู่ ทำแก้มป่องๆเหมือนกับเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ

    ใบหน้างดงามน่ารักของลิลินดูงอง้ำ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักของเธอลดลงไปเลย

    ตรงกันข้ามกลับทำให้เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเด็กมากขึ้นไปอีก(ทั้งที่ยัยนี่อายุสิบเจ็ดแล้วแท้ๆ::มินา)


    และนั่นทำให้มินาไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไมเพื่อของเธอถึงเป็นที่นิยมมากขนาดได้ขึ้นเป็นดาวเด่นของรุ่นได้


    ลิลิน 'ลิลิน่า เบลล์' เป็นเด็กสาวตัวเล็กน่ารัก

    เธอสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรเท่านั้น

    มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงกลางหลังรับกันได้ดีกับหน้าตาที่หวานหยดย้อยชวนละเมอเพ้อหา

    ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆเนียนละเอียดแบบคนตะวันออกนั้นทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลยิ่งนัก

    มีริมฝีปากสีเชอร์รี่น่าสัมผัสและดวงตาสีช็อคโกแล็ตดูหวานซึ้งที่ราวกับจะสะกดคนทั้งโลกให้ต้องมนต์ได้เพียงแค่ปรายตามอง

    ทั่วทั้งใบหน้าเนียนใสของลิลินมีตำหนิอยู่จุดเดียวเท่านั้นคือใต้ตาข้างซ้ายซึ่งมีใฝเม็ดเล็กๆอยู่หนึ่งเม็ด

    แต่มันกลับไม่ทำให้ใบหน้าของเธอดูน่าเกลียดแต่อย่าใด

    ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ลิลินดูโดดเด่นขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว จะเรียกว่าเป็น'ใฝเสน่ห์'ก็คงได้

    จากรูปร่างที่เล็กกระทัดรัดบวกกับนิสัยร่างเริง และดูโก๊ะๆเหมือนเด็กของลิลิน

    ทำให้ไม่ว่าลิลินจะเดินไปทางไหน

    ก็ล้วนเรียกให้คนรอบข้างเหลียวหลังมองได้โดยไม่ต้องเอ่ยปาก


    โดยเฉพาะเมื่อเธอเดินเคียงคู่ไปกับมินา

    ดูเหมาะสมกันราวเจ้าชายเจ้าหญิง(ตามที่พวกเพื่อนร่วมชั้นว่า)

    เพราะว่ากันตามตรงแล้วมินาเองก็ไม่ใช่พวกที่จืดจางอะไร เธอเป็นที่นิยนในหมู่รุ่นน้องหญิงในระดับหนึ่งเลยล่ะ(แน่นอนว่ามินาไม่ได้ภาคภูมิใจกับมันเลยซักนิด...บางทีอาจจะถึงขั้นอยากร้องไห้เลยก็ได้)

    มินาเป็นเด็กสาวอายุสิบหกย่างเข้าสิบเจ็ดปี

    เป็นคนที่ตัวค่อนข้างเล็กแต่ไม่ถึงกับดูผอมเกินไปเพราะมีสัดส่วนที่ดีกว่าเด็กสาววัยเดียวกันมาก

    เธอสูงหนึ่งร้อยหกสิบสองเซนติเมตรและมีวี่แววว่าจะสูงขึ้นได้อีก

    มีผิวขาวกระจ่างใสเนียนนุ่มดุจน้ำนมสดไร้ซึ่งรอยตำหนิใดๆ

    บนใบหน้ารูปไข่ประกอบด้วยคิ้วเรียวสวยได้รูป ดวงตากลมโตสีน้ำผึ้งใสที่เหมือนดึงดูดใครก็ตามที่จ้องมองไม่ให้ละสายตาไปไหนได้อีกถูกล้อมรอบด้วยแพขนตางอนยาวเป็นธรรมชาติไร้การจัดแต่ง

    จมูกเล็กๆรั้นขึ้นเล็กน้อยแลดูคล้ายคนเอาแต่ใจแม้ว่าที่จริงแล้วเจ้าตัวจะเป็นคนที่เฉื่อยชาก็ตามที ริมฝีปากอิ่มสวยได้รูปของเธอเป็นสีลิ้นจี่ธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่านการแต่งแต้มใดๆทั้งสิ้นให้ความรู้สึกชวนสัมผัสและน่าลิ้มลองยิ่งกว่าขนมหวานชั้นเลิศชิ้นไหนๆ

    แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีผู้ใดได้ลิ้มลองสัมผัสริมฝีปากสีหวานนี้มาก่อน

    พวงแก้มทั้งสองข้างเป็นสีเลือดฝาดนิดๆบ่งบอกแน่ชัดว่าเธอเป็นคนสุขภาพดีแต่กระนั้นเธอก็ดูน่าทะนุถนอมยิ่งนัก

    และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในตัวเธอคงไม่พ้นเส้นผมสีคารเมลยาวประบ่าที่เธอได้รับมาจากแม่

    โดยรวมแล้วก็จัดได้ว่าเป็นเด็กสาวที่สวยมากคนหนึ่ง


    แต่เหตุใดเธอจึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงด้วยกันนั้นมินาไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่เคยมีเพื่อนร่วมชั้นบางคนบอกว่า

    อาจจะเป็นเพราะภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูนิ่งๆ(ทั้งที่จริงๆคือเอื่อยเฉื่อย+ขี้เกียจเนี่ยนะ) กับการที่เธอสนิทสนมกับลิลินซึ่งเป็นดาวเด่นของรุ่นเป็นพิเศษอย่างนี้ก็ได้ที่ทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกัน 

    สุดท้ายแล้วจึงมีพวกรุ่นน้องหญิงบางคนให้ความสนใจเธอ

    ...ก็คงประมาณนั้น...

    "โทษที ฉันเผลอหลับไปน่ะ"

    มินาทำได้เพียงกล่าวขอโทษไปเท่านั้น ใจจริงเธอไม่ได้อยากทำให้เพื่อนรักโกรธหรอก

    แต่ช่วยไม่ได้ที่วันนี้เธอเผลอหลับภายในเวลาไม่นาน สุดท้ายจึงต้องโดดเรียนไปโดยปริณยาย

    ลิลินผู้เป็นเพื่อนสนิทยังคงทำหน้ามุ่ยไม่เลิก สองแก้มอมลมจนป่องตามนิสัยของเจ้าตัว

    ขณะที่มินาพยายามอธิบายว่าเธอเผลอหลับบนดาดฟ้าโรงเรียนก่อนที่สัญญาณหมดคาบพักจะดังขึ้นเสียอีก ซึ่งเหมือนว่าลิลินก็แค่ฟังๆไปเพื่อที่จะรอสวดยาวเท่านั้นเอง

    แม้มินาจะดูเหมือนคนนิ่งๆไม่ค่อยสนใจโลกภายนอก แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนใกล้ชิดมากเลยล่ะ

    ดังนั้นการที่ลิลินโกรธแบบจึงนี้เริ่มทำให้มินาใจเสียหน่อยๆ

    เพราะยัยนี่เป็นเพื่อนสนิทที่เธอรักที่สุด เป็นคนสำคัญเพียงไม่กี่คนที่เธอยอมลงให้จริงๆ

    ด้วยตัวเธอนั้นเป็นคนขี้อายที่เข้าหาใครไม่เป็น ตอนขึ้นม.ปลายปีหนึ่งนั้นเธอคงต้องนั่งเรียนคนเดียวเป็นแน่แท้หากลิลินไม่ย้ายห้องมาอยู่กับเธอเสียก่อน

    เพราะยัยลิลินนั้นแตกต่างกับเธอ

    ลิลินทั้งสดใส ร่าเริง และเข้ากับทุกคนได้ง่าย ทำให้ในเวลาไม่นานก็กลายเป็นที่รักของทุกคนได้แล้ว

    แต่ตัวเธอนั้นออกจะประหม่าในยามที่พูดคุยกับคนที่ไม่คุ้นเคย

    ประกอบกับเป็นคนขี้อายที่ไม่ชอบอยู่ท่ามกลางคนเยอะๆอยู่ด้วยแล้ว

    ทำให้สุดท้ายทำให้มินาไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ

    แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่ามินาจะไม่มีเพื่อนเลย เพียงแต่เพื่อนที่สนิทกับเธอจริงๆมีเพียงลิลินเท่านั้น ซึ่งลิลินเองก็ดูสนิทสนมกับมินาที่สุดเช่นกันเพราะทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่ยังเล็กๆ บ้านของลิลินอยู่ติดกับบ้านของมินา ทั้งสองเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่จำความได้ ไปเรียนด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ(และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองกลายเป็นคู่จิ้นในสายตาคนอื่น)

    วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่ทั้งสองนัดว่าจะกลับบ้านด้วยกัน

    เพียงแต่สาวน้อยน่ารักอย่างลิลินมีทีว่าว่าจะงอนตุ้บป่องเสียแล้วเพราะยัยมินาตัวดีหนีเรียนคาบบ่ายทั้งหมด

    "ฉันขอโทษจริงๆนะลิลิน"

    มินากล่าวขึ้นอีกครั้ง สำหรับเธอแล้วลิลินเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่เธอยอมง้อจริงๆ

    "ก็ได้ แต่เธอต้องเลี้ยงไอติมฉันนะ"

    ฝ่ายลิลินที่โกรธง่ายหายเร็วก็ยื่นข้อเสนอที่ช่วยให้ได้กินฟรีทันใด

    "นี่กะเอาไว้แล้วสินะ=___="

    คนเสียเปรียบได้แต่บ่นออกมา

    ...ไอ้เราก็นึกว่าโกรธกันจริงๆ ที่ไหนได้หวังกินฟรีอยู่นี่เอง...

    "ไม่งั้นจะงอนจริงๆนะ"

    ไม่ว่าเปล่าคนจะเสียโอกาสก็ทำแก้มป่องให้อีก

    "จ้าๆ เข้าใจแล้ว"

    มินายกมือยอมแพ้ในที่สุด

    อย่างไรเสียลิลินคนนี้ก็ต้องสำคัญกว่าเงินค่าไอติมอยู่แล้ว

    เมื่อเห็นเพื่อนรักมีท่าทีว่าหายงอนแล้ว มินาจึงหันไปให้ความสนใจกับการจัดกระเป๋าของตัวเอง

    มือบางจัดการเอาหนังสือใส่กระเป๋าอย่างคล่องแคล่ว และไม่ลืมที่จะนำเสื้อนอกของซาเบิ้ลใส่ไปเป็นอย่างสุดท้าย

    "มินา นั่นเสื้อใครน่ะ?"

    ฝ่ายลิลินที่เพิ่งสังเกตว่ามีเสื้อนอกของนักเรียนชายติดมือเพื่อนรักมาก็ร้องทักขึ้น

    "อ๋อ นี่น่ะเหรอ คนรู้จักลืมไว้น่ะ"

    มินาตอบไปส่งๆ

    ...หมอนั่นคงจัดอยู่ในหมวดคนรู้จักได้ล่ะมั้ง...

    "เห~~~ คนรู้จักงั้นเหรอ~

    มินาน้อยของฉันเติบโตเป็นสาวแล้วสินะ"

    คนตัวเล็กกว่าเริ่แซวเพื่อนสนิท ในใจก็นึกสนุกขึ้นมานิดๆที่หาเรื่องแกล้งคนตรงหน้าได้

    "ใช่ที่ไหนเล่า!!!"

    มินาปฏิเสธทันควัน

    ...ก็แค่เสื้อของคนที่เพิ่งรู้จักเท่านั้นเอง...

    ที่สำคัญคนประเภทที่เป็นที่รู้จัก(ตามที่เจ้าตัวบอก)แบบนั้นน่ะ เธอไม่ใคร่จะอยากเข้าใกล้เท่าไรหรอก...

    พวกเด่นๆที่สนิทกับเธอน่ะ มีแค่ลิลินคนเดียวก็พอ

    "เห~~~ จริงเร้อออ"

    ลิลินยังคงแซวไม่หยุด แม้จริงๆแล้วจะรู้ดีว่ายัยมินาไม่ชายตาแลสิ่งมีชีวิตเพศผู้ที่ไหน...(เอ่อ...หวังว่าจะไม่ชายตาแลอะนะ...) แต่ก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าใครกันน้าาา ที่ถอดเสื้อนอกมาให้เพื่อนตนถือ

    ...คงไม่ใช่พวกแฟนคลับ(ลับๆ)ของยัยนี่หรอกนะ...

    "ลิลิน เธอก็รู้ว่าจริงแท้แน่นอน"

    มินาเองเมื่อจับน้ำเสียงสนุกสนานของอีกฝ่ายได้ก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    "จ้าๆ เข้าใจแล้ว

    กลับบ้านกันเถอะ^___^"

    ลิลินผู้เปลี่ยนเรื่องได้รวดเร็วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    "อื้อ"

    จากนั้น ทั้งสองก็เดินกลับบ้านด้วยกันตามปกติ

    ...

    ..

    .







    "กลับมาแล้วค่ะ..."

    มินาพูดตามมารยาทที่ถูกฝึกสอน แม้ว่าภายในบ้านจะว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของคนที่รอต้อนรับเธอก็ตาม

    มินาอยู่บ้านนี้คนเดียว...

    ถ้าจะพูดให้ถูกคือยู่กับพ่อที่นานๆครั้งจะได้กลับบ้านสักที

    พ่อของเธอทำงานเป็นนักดนตรี

    (ที่รักอิสระเสรีเสียเหลือเกิน)

    จึงมีการเดินสายแสดงในต่างประเทศบ่อยๆ

    ในปีหนึ่งๆกลับมาแทบจะนับครั้งได้...

    ส่วนแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็กๆ


    ...โดยรวมแล้วเรียกว่าอยู่คนเดียวได้ล่ะนะ...


    ร่างบางเดินเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นแล้วนำเอานมรสกาแฟแพ็กใหญ่ที่แวะซื้อระหว่างทางออกมาจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย หยิบเอานมรสกาแฟกล่องที่มีอยู่เดิมขึ้นมาเจาะดูดระหว่างที่เดินขึ้นไปบนห้อง

    บ้านของเธอเป็นบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป

    มีสี่ห้องนอน(ชั้นบนสามชั้นล่างหนึ่ง) สองห้องน้ำ(ชั้นบนและล่างอย่างละห้อง) หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว และหนึ่งห้องใต้ดิน(เก็บของ)

    ด้านล่างมีโรงจอดรถซึ่งจุรถยนต์ได้ประมาณสองคันแต่รับรองได้เลยว่าไม่ต้องใช้หรอกเพราะเธอเดินสองขาไปโรงเรียนเป็นประจำ ส่วนรถของพ่อเธอก็อยู่เมืองนอกกับเจ้าของมันนั่นล่ะ


    ว่ากันตามตรงแล้วที่บ้านของมินาก็มีฐานะในระดับหนึ่ง

    พ่อของเธอซึ่งเป็นนักดนตรีมีรายได้ดีทีเดียว

    เห็นได้ชัดจากการที่มีแกรนด์เปียโนหลังใหญ่มาตั้งอยู่กลางบ้านไว้ให้เธอเล่นได้แก้เบื่อ(แต่เเน่นอนเธอไม่ค่อยได้แตะต้องมันหรอก)

    พ่อของเธอดูจะสนับสนุนให้เธอเดินตามรอยตัวเองอยู่ไม่น้อย

    ท่านสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้ให้เธอ ซึ่งเธอก็ได้แต่รับมันมาเป็นความรู้ติดตัวไปอย่างนั้น

    มินาเดินเอื่อยเรื่อยเอื่อยเฉื่อยจนมาถึงห้องนอนของเธอเอง ร่างบางวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะเครื่องเขียน ดูดนมรสกาแฟรวดเดียวหมอกกล่องก่อนส่งกล่องเปล่าของมันลงถังขยะข้างโต๊ะอย่างแม่นยำ 


    จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนลายกาฟิลด์ทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนชุดนั่นล่ะ

    ร่างบางกลิ้งไปกลิ้งมายนเตียงสองสามครั้ง

    ห้องของเธอประกอบด้วยที่นอนลายแมว ตุ๊กตาแมวสามสี่ตัว ผ้าม่านลายแมว กระเป๋ารูปแมว ผ้าเช็ดเท้าลายแมว

    และของใช้อื่นๆที่เป็นรูปแมว!


    แน่ละเธอชอบแมวมาก

    เจ้าตัวจ้อยขนปุกปุยที่วันๆเอาแต่นอนนั่นน่ะ

    มันขี้เล่น ขี้อ้อน เลี้ยงง่าย ไม่เรื่องมาก เธอชอบที่สุดเลย! แต่น่าเสียดายเธอไม่ได้เลี้ยงแมวเพราะไม่ค่อยจะมีเวลาดูแลเท่าไรนัก

    มินาคว้าเอาตุ๊กตาตัวที่ใหญ่ที่สุดมากอดไว้ เจ้านี่คือของขวัญวันเกิดชิ้นสุดท้ายที่ได้จากแม่ ดังนั้นเธอทั้งรักทั้งหวงมันสุดๆ


    มินาเล่นกับตุ๊กตาตัวโปรดของตัวเองดังที่เคยเป็นมา

    พูดคุยจ๊ะจ๋ากับตุ๊กตาแล้วเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ราวกับมันเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว

    แต่เล่นกับตุ๊กตาได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

    มินาจึงผละจากเจ้าเหมียวน้อยตัวโปรด

    เมื่อเห็นว่าหน้าจอปรากฏชื่อของปลายสายก็กดรับแล้วกรอกเสียงลงในโทรศัพท์


    "สวัสดีค่ะคุณพ่อ"

    [ว่าไงมินา ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ คิดถึงพ่อมั้ยเอ่ย]

    ปลายสายตอบกลับมาอย่างใจดี

    พ่อของเธอมักโทรศัพท์มาหาเธอบ่อยๆ

    ด้วยเหตุนี้เองแม้ว่าเธอกับพ่อจะอยู่ห่างกันแค่ไหนแต่ก็ไม่ทำให้มินาเหงามากนัก

    "ค่ะ คุณพ่อทำงานเป็นยังไงบ้างคะ"

    [การตอบรับของที่นี่ดีกว่าที่คิดเยอะเลย คิวแสดงแน่นมากเลยล่ะ]


    "ถ้าเหนื่อยคุณพ่อก็พักผ่อนบ้างนะคะ อย่าหักโหม"

    มินาเอ่ย ตั้งแต่แม่เสียไป มีแต่พ่อเธอเท่านั้นที่คอยดูแล แต่เธอก็ไม่อยากให้พ่อเธอทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่สบายอย่างที่แม่เธอเคยเป็นบ่อยๆเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่

    [พ่อน่ะแค่ได้ยินเสียงลูกก็หายเหนื่อยแล้ว ว่าแต่เดือนหน้าพ่อน่าจะได้กลับบ้านแล้ว อยากได้ของฝากอะไรมั้ย?]


    "แค่คุณพ่อกลับมาก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ"

    มินาตอบตามความเป็นจริง แค่ได้เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัยเธอก็พอใจแล้ว

    [งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ...]

    คนเป็นพ่อกลั้วหัวเราะ การที่ลูกสาวคนเดียวแสดงความเป็นห่วงแบบนี้ ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเหมือนจะมลายหายสิ้นไปหมด

    [นี่มินา...]

    แต่แล้วอยู่ๆปลายสายก็มีน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมา

    "ว่าไงคะ?"


    มินาถามกลับไปอย่างสงสัย

    [ลูกจะว่าอะไรมั้ยถ้าพ่อจะ...เอ่อ...]

    ปลายสายอ้ำอึ้งจนมินาอดแปลกใจไม่ได้

    "คุณพ่อจะทำไมเหรอคะ?"

    เธอถามย้ำไปอีกที รอบนี้พ่อของเธอมาแปลก อยู่ๆก็มาคุยอ้ำๆอึ้งๆเหมือนกลัวที่จะพูดให้เธอฟัง

    [คือ...พ่อคิดว่าพ่อเจอคนที่ใช่น่ะ...]

    "เจอ...คนที่ใช่?"

    [ลูกจะว่าอะไรมั้ยถ้าหากว่าพ่อ...เอ่อ...จะแต่งงานใหม่น่ะ...]

    พ่อของเธอพูดออกมาในที่สุด

    ในขณะที่ตัวของมินาเองได้แต่นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×