ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF SHINee Yaoi&Yuri] HOOn Only!

    ลำดับตอนที่ #55 : Come Closer

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 265
      0
      27 มี.ค. 59

    Come Closer

    BY: Crazy_Dragon

    [ท่านรอง ณ กากกามใจบาปเกิร์ล อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดมหาชน]

    ปล. ไม่มีความรู้เรื่องทางแพทย์เลย ข้อมูลคงมีผิดพลาดแน่ๆ ขออภัยด้วยนะคะ

                ชายหนุ่มร่างสูงมองไปรอบๆห้องของคุณหมออีจินกิด้วยความสนใจ โรงพยาบาลชั้นนำแบบนี้ค่อนข้างใส่ใจกับบุคลลกรโดยเฉพาะหมอเป็นพิเศษ ยอมลงทุนมีห้องส่วนตัวในแผนกให้เพื่อให้สามารถมานอนพักผ่อนได้ถ้ามีเวลา โดยจะมีห้องรวมซึ่งอยู่ด้านนอกเพื่อให้พูดคุยพักผ่อนกัน และในห้องก็จะมีโซฟาขนาดใหญ่ไว้ให้ โดยที่เขานั่งอยู่นี่ก็มีผ้าห่มพับไว้เรียบร้อยรวมทั้งหมอนด้วย

                บานประตูห้องเปิดออกและใบหน้าหวานที่ดูหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อยก็มองมาทางเขา และนั่นยิ่งทำให้คิ้วเรียวขมวดแน่นกว่าเดิม ขาเรียวก้าวตรงมาหาก่อนจะมองไปยังคุณหมอชเวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาและลุกขึ้นยืนมองมาเช่นกัน

                “หลบผมหน่อยได้มั้ยครับ ผมจะไปเอาเอกสาร”ร่างสูงมีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ยอมหลบให้แต่โดยดี นี่เป็นครั้งแรกที่ชเวมินโฮได้มานั่งอยู่ในห้องของคุณหมออีโดยไม่ถูกไล่ให้ออกไปข้างนอก พอจินกิวางแฟ้มเดิมในมือลงและเริ่มค้นหาแฟ้มอันใหม่ มินโฮก้าวเข้าไปประชิดและก้มลงถาม

                “โต๊ะรกแบบนี้จะหาเจอได้ไงล่ะครับ”

                “หาเจอทุกรอบนั่นแหละ”ตอบโดยไม่มองหาและมือเล็กก็หยิบเอกสารนู่นนี่ออกจนกระทั่งเจอที่จะใช้ มินโฮยอมรับว่าหมอแผนกศัลยกรรมนี้งานเยอะมากจริงๆ ทั้งที่จินกิกับเขาต่างมาทำงานที่นี่กันได้ประมาณหนึ่งปีเท่านั้นแต่เขากลับมีเวลามาเดินไปไหนมมาไหนมากกว่านิดนึง

                มินโฮมองตามคนตัวเล็กกว่าที่เดินสวนออกไปมือใหญ่จึงคว้าข้อมือเล็กไว้ทำให้อีกฝ่ายหันหน้ามามอง พยายามดึงข้อมือหนีออกแต่ก็ไม่เป็นผลอะไร ร่างเพรียวจึงยืนนิ่งๆรอให้คุณหมอชเวพูดอะไรออกมาแต่กลับไม่มีคำใดๆหลุดออกมาซักนิด

                "นี่"

                "ครับคุณหมอ"

                "ปล่อยข้อมือผมได้รึยัง"น้ำเสียงที่ปกติก็นุ่มนวลน่าฟังอยู่หรอก แต่ตอนนี้กลับดุและห้วนยิ่งกว่าตอนเดินมาเสียอีก ถึงกำลังไม่สบอารมณ์แต่ก็ดูน่าเอ็นดูดี ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อยและยิ่งกระชับข้อมือเล็กให้แน่นขึ้น และได้การมองดุกลับมาอีกระลอก

                "คุณหมอดุเกินไปแล้วนะครับ"

                "คุณหมอชเวครับ ผมมีเคสอื่นต้องไปดูแลอีก ไม่แกล้งกันซักวันจะได้มั้ย"

                "คนน่ารักมักใจร้ายนี่เรื่องจริงสินะ"พอพูดไปก็ยิ่งโดนจ้องเพราะไม่พอใจ ข้อมือเล็กยิ่งพยายามดึงหนีแต่มือใหญ่ก็ยังคงจับไว้แน่น ดวงตาเรียวมองไปยังมุมปากของมินโฮที่ตอนนี้มีรอยช้ำและถูกแต้มยาไว้บางๆ

                "ไม่ห่วงผมหน่อยหรอ ผมน่ะเจ็บตัวเพราะไปช่วยคนไข้ของคุณหมออีเลยนะ"พอโดนทวงบุญคุณเข้าอีจินกิก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้เมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมา พอดีว่าคนไข้ที่มารักษากับเขาดันเป็นพวกหนึ่งในกลุ่มอันธพาลแล้วคู่กรณีก็ตามมาถึงที่นี่ ในขณะที่เขากำลังจะวิ่งไปไกล่เกลี่ยการทะเลาะวิวาทมินโฮก็เข้าไปขวางการชกต่อยจนได้ลูกหลงมาหนึ่งที

                นี่เขาก็เพิ่งไปจัดการเรื่องนี้มาให้จบลงด้วยดี ก็ยอมรับอยู่หรอกว่าถ้าไม่ได้คนที่ยืนอมยิ้มได้ยียวนกวนประสาทคงวุ่นวายมากกว่านี้

                "เจ็บแค่นี้จะเป็นอะไรไป หรือคุณเจ็บตรงไหนอีก?"มินโฮชักจะหมั่นเขี้ยวอีกฝ่ายที่ดูยังไงก็รู้ว่าประชดเขาอยู่ ผิดกับตอนทำแผลที่นุ่มนวลและเสียงที่เป็นห่วงเขาอย่างลิบลับ

                "เจ็บที่หัวใจน่ะครับ"

                "โดนตรงอกด้วยหรอ? ทำไมไม่พูดให้เร็วกวานี้ล่ะ เห็นแค่ตอนโดนต่อยปากนี่นา"พอเห็นท่าทางตกใจและเป็นห่วงจริงมินโฮก็หลุดขำออกมา ร่างเพรียวขมวดคิ้วอีกรอบและเริ่มออกแรงดึงข้อมือหนีให้มากขึ้นกว่าเดิม

                "คุณนี่มัน กลับไปแผนกตัวเองเลยนะ"

                "แผนกเด็กไม่มีคุณหมออีนี่ครับ"

                "อีแทมินไง ปล่อยได้แล้ว"พอนึกถึงหน้ารุ่นน้องนั่นมินโฮก็ส่ายหัววืด ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้คนแบบแทมินมาเป็นหมอเด็กได้ คราวนี้มินโฮออกแรงดึงทำให้จินกิเซมาข้างหน้าเล็กน้อยและเกือบจะล้มใส่คนตัวสูงกว่า

                "ชเวมินโฮ!"

                "นานๆทีจะได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ ผมขอฉวยโอกาสหน่อยสิ"ไม่พูดเปล่ามืออีกข้างก็เอื้อมมารั้งเอวเล็กให้เข้ามาใกล้ ปฏิกิริยาก็เป็นตามที่คิด เสียงนุ่มร้องโวยวายและพยายามดิ้นหนี ใบหน้าหวานที่แหงนมองแดงจัดและดูไม่พอใจเขามากจริงๆ

                "ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ"

                "ไม่ใจอ่อนเลยหรอ ผมจีบคุณหมออีมาหลายเดือนแล้วนะ"อีจินกิเบ้ปากพลางนึกถึงคำว่าจีบของอีกฝ่ายที่ผ่านมา แต่ดูยังไงมันก็คือการแกล้งให้เขาได้อายต่อหน้าคนอื่นชัดๆ

                "ไม่เลยสักนิด"

                "คนน่ารักนี่ใจร้ายจริงๆนะเนี่ย เสียใจจัง"บอกเสียใจแต่ยังยิ้มกว้างเหมือนเดิม ร่างสูงแกล้งผ่อนแรงที่รั้งเอวเล็กนั่นเล็กน้อยให้จินกิเสียหลักก่อนที่จะรั้งกลับเข้ามาใหม่ให้ใกล้กว่าเดิม ดวงตาเล็กเบิกกว้างเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงมาใกล้จนหัวใจเต้นแรงขึ้นมา

                "ถอยไปนะ.."เสียงนุ่มหูกระซิบแผ่วเบาแต่มินโฮยังคงเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ดวงตาเล็กหลับแน่นเพราะริมฝีปากอีกฝ่ายอยู่ห่างเพียงแค่ไม่กี่เซ็นและใกล้เรื่อยๆจนแทบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว มินโฮกระตุกยิ้มมองท่าทางน่ารักก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปข้างใบหูแทน

                "เจ็บปากอยู่เลยจูบไม่ได้ คุณหมออีผิดหวังแย่"

                "อะ เอ๊ะ?"ดวงตาเล็กลืมขึ้นด้วยความงุนงง ยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ทันอีกฝ่ายก็พูดขึ้นต่อ "แต่พอหายแล้วจะมาทำต่อนะครับ ขอบคุณสำหรับการทำแผล"เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบอยู่ข้างๆทำให้ใบหน้าหวานแดงเห่อจนร้อน มินโฮผละออกมาและปล่อยตัวจินกิให้เป็นอิสระ รอยยิ้มบางปรากฎบนใบหน้าก่อนที่ขายาวจะเดินสวนเพื่อออกจากห้องอีกฝ่าย

                "มะ ชเวมินโฮ! พูดอะไรน่ะ นี่!"

                "ครั้งหน้าเตรียมจูบไว้ให้ผมด้วยนะครับ"เสียงทุ้มพูดปนหัวเราะก่อนจะโบกมือลาร่างเพรียวที่ทำท่าเหมือนจะฟาดเขาด้วยแฟ้มประวัติคนไข้ในมือ เมื่อคนตัวสูงเดินออกหายไปจินกิก็ยังมือขึ้นจับตรงตำแหน่งหัวใจที่ตอนนี้มันเต้นแรงจนรู้สึกได้ ไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่แต่ใจอ่อนกับการจีบของคุณหมอชเวแล้วจริงๆ

                คนแบบชเวมินโฮมันมีอะไรดีถึงได้มาป่วนหัวใจเขาเล่นได้แบบนี้นะ!

                ถึงจะต่างฝ่ายต่างทำงานกันมาได้ประมาณหนึ่งปีแต่มินโฮเพิ่งจะรู้จินกิได้มาประมาณแปดเดือนก่อนเพราะการต้องมาทำงานร่วมกันในครั้งแรก..

    ย้อนไปเมื่อ 8 เดือนก่อน

                ชเวมินโฮเด็กใหม่ในแผนกกุมารเวชที่ตอนนี้กำลังศึกษาเฉพาะทางปีหนึ่งมองไปยังแฟ้มประวัติคนไข้ที่อยู่ในมือ รายละเอียดลงไว้ชัดเจนและบทสรุปที่ได้คือการรักษาต้องผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งตอนนี้แผนกศัลยกรรมก็มาถึงกันแล้ว

                “รบกวนด้วยนะครับ”ต่างฝ่ายต่างลุกขึ้นยืนโค้งให้กันและนั่งลงอีกครั้ง ดวงตาคมโตมองไปก็เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงริมสุดของโต๊ะกำลังก้มลงอ่านเอกสารในมือด้วยความสนใจ

                น่ารัก...ที่เขาพูดกันว่าเด็กใหม่แผนกศัลยกรรมน่ารักนี่ไม่ผิดเลยซักนิด ดวงตาเรียวเล็ก ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากอิ่มที่เม้มลงตอนใช้ความคิด ดูน่ารักไปหมดจริงๆ

                “เพราะเคสนี้ค่อนข้างยากเราจึงต้องการหมอศัลย์เฉพาะทางด้านทรวงอกมาช่วยในการรักษาด้วย พวกคุณคิดว่าไงครับ”บทสนทนาเริ่มต้นขึ้นทำให้มินโฮต้องผละความสนใจจากคนน่ารักมาสนใจงานตรงหน้า

                ตั้งแต่เกิดมายี่สิบกว่าปีชเวมินโฮไม่เคยรู้สึกตกหลุมรักใครกะทันหันได้ขนาดนี้มาก่อนจริงๆ พอจบการประชุมต่างฝ่ายต่างแยกย้ายและเขาตัดสินใจเดินไปหาคุณหมออีที่กำลังก้มอ่านอะไรซักอย่างในโทรศัพท์มือถือ

                “คุณหมออีจินกิครับ”

                “ครับ?”ใบหน้าหวานแหงนขึ้นมองพร้อมรอยยิ้มทำเอาชเวมินโฮรู้สึกเหมือนสัญญาณการเชื่อมต่อของสมองไปยังปากมันตายด้านไปชั่วขณะ อีจินกิดูงงๆเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกแล้วไม่ยอมคุยด้วย ดวงตาเรียวมองไปยังบัตรประจำตัวก็พบว่าอีกฝ่ายคือชเวมินโฮที่ถูกพูดถึงว่าหล่อนักหล่อหนา และยังเป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าของโรงพยาบาลที่นี่อีก

                “คุณหมอชเว?”

                “คุณหมออีนี่น่ารักจริงๆนะครับ”

                “เอ๊ะ? อ่า มีอะไรรึเปล่าครับ”

                “อ๋อ”เสียงทุ้มหยุดลงพร้อมรอยยิ้มบางบนใบหน้า ร่างสูงโน้มหน้าลงไปใกล้คนตัวเล็กกว่าทำให้จินกิขยับถอยไปอัตโนมัติท่ามกลางสายตาเหล่ารุ่นพี่ที่มองรุ่นน้องสองคนนี้ด้วยความสนใจ “ผมว่าผมชอบคุณหมออีเข้าแล้วล่ะ ขอจีบนะครับ”

                “ฮะ!? นี่คุณหมอชเวพูดอะไรน่ะ”

                “ว่าไงครับ ตกลงมั้ย”

                “นี่ คุณ...”

                “ไม่ตกลงไม่ได้แล้วใช่มั้ยครับ”

                “ใช่.. ไม่! อะไรของคุณน่ะ”ดวงตาเล็กเบิกกว้างและใบหน้าหวานแดงจัด พอโดนไล่ถามติดๆและยังเลือกใช้คำที่ทำให้สับสนก็ทำให้ตอบผิดจากความคิด อีจินกิทั้งอายทั้งโกรธท่ามกลางเสียงแซวจากรุ่นพี่และรอยยิ้มกวนประสาทของชเวมินโฮ

                เป็นการเริ่มต้นที่ดูไม่ค่อยไปได้สวยเท่าไหร่

                หลังจากนั้นเขาก็เริ่มไปแวะเวียนฝ่ายศัลยกรรมอยู่เสมอ ตอนแรกก็ว่าจะไปจีบแบบดีๆอยู่หรอก แต่พอเห็นใบหน้าน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวก็ชักจะอยากแกล้ง ยิ่งจากตอนไปขอจีบก็ยิ่งพาลอยากแกล้งอีกเรื่อยๆ ทีนี้เลยไปขยันแกล้งจนโดนไล่ทุกรอบที่เจอกัน

                ถ้าถามว่าเสียใจมั้ยมันก็มีบ้างแหละ แต่หน้าตาหวานๆตอนไม่พอใจ หน้าแดง และทำท่าจะเอาของในมือเงื้อมาฟาดเขามันน่ารักมากจริงๆ

                ความประทับใจต่อมาก็คงเป็นความทุ่มเทให้กับคนไข้ของคุณหมออีนี่แหละ เพราะเป็นที่รู้กันว่าหมอศัลย์จะต้องจัดเวรลงไปอยู่ห้องฉุกเฉิน และมีวันหนึ่งในขณะที่เขากำลังจะกลับบ้านก็เห็นจินกิในชุดกาวน์กำลังวิ่งไปยังประตูทางเข้าโรงพยาบาล

                จะทักก็คงโดนโกรธจริงแน่ๆคราวนี้ เพราะเหมือนว่ามีอุบัติเหตุใหญ่และคนเจ็บจำนวนมากกำลังมาที่โรงพยาบาลนี้ จากที่จะกลับบ้านก็เลยเปลี่ยนมาเป็นช่วยรักษาคนไข้แทน เขาเองก็อยากช่วยมากกว่านี้แต่คงทำอะไรไม่ได้มากนักนอกจากคนเจ็บเล็กน้อยที่พอรักษาเบื้องต้นให้ได้

                “คุณหมออีคะ ช่วยไปผ่าตัดให้ทีค่ะ คนไม่พอแล้วจริงๆ”ถึงจะเห็นสีหน้ากังวลแต่จินกิก็รีบวิ่งไปตามที่พยาบาลบอก เพราะถึงจะเป็นหมอแล้วก็จริงแต่การจะให้มือใหม่ได้รับงานเดี่ยวโดยไม่มีใครคอยช่วยก็ถือว่าหนักเอาการ ร่างสูงเดินไปนั่งตรงที่นั่งเพื่อเฝ้าคอยว่าจินกิจะออกมาตอนไหน

                ทั้งๆที่เขาควรกลับไปพักผ่อนแท้ๆ แต่สุดท้ายก็แพ้ความรู้สึกตัวเองที่ห่วงจินกิจนเลือกจะมานั่งคอยตรงนี้

                เวลาผ่านไปเรื่อยๆและความวุ่นวายก็หยุดลง มินโฮมองเวลาที่ข้อมือก็พบว่าเกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ห้องผ่าตัดเปิดออกและร่างเพรียวของคุณหมออีก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าจนเห็นได้ชัด

                “เหนื่อยแย่เลยสินะครับ”

                “คุณหมอชเว? ผมไม่มีอารมณ์จะมาให้คุณแกล้งหรอกนะ”

                “เห็นผมเป็นคนแบบนั้นไปซะแล้วสิ ดื่มน้ำหน่อยมั้ย เหงื่อท่วมเลย”น้ำผลไม้กระป๋องยื่นไปตรงหน้าและคราวนี้จินกิก็เลือกที่จะไม่โวยวายอะไรนอกจากรับมาและนั่งลงข้างๆ มินโฮมองคนที่มือสั่นสุดท้ายเลยเปิดกระป๋องให้แล้วส่งกลับ

                “ขอบคุณ..”

                “กังวลอะไรอยู่”มือนุ่มที่ยกกระป๋องเครื่องดื่มลดลงและถอนหายใจออกมา ร่างเพรียวตัดสินใจลุกขึ้นยืนจะเดินออกไปแต่มือใหญ่ก็คว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อน

                “ผมไม่น่าไว้ใจหรอครับ”

                “อื้อ ผมต้องไปดูคนไข้ต่อแล้ว ปล่อยได้มั้ย”ร่างสูงลุกขึ้นยืนและคราวนี้กระตุกข้อมือให้อีกฝ่ายที่อยู่ห่างไปขยับเข้ามาใกล้ มืออีกข้างที่ถือกระป๋องน้ำรีบยกขึ้นดันช่วงอกกว้างไว้ไม่ให้ไปใกล้จนเกินไป ดวงตาเรียวตวัดขึ้นมองดุแต่กลับพบว่าใบหน้าที่ดูดีมีรอยยิ้มบางและแววตาที่มองมาด้วยความอบอุ่น

                “มีอะไรก็พูดให้ผมฟังได้ ผมไปหาคุณหมออีบ่อยอยู่นะ”

                “คุณนี่วุ่นวายจริง”เสียงที่ตอบกลับนั้นแผ่วเบาแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนกับทุกที มินโฮยอมปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าหลุดออกจากการเกาะกุม ร่างเพรียวถอยหลังไปเล็กนอยและเม้มปากลงอย่างใช้ความคิด ดวงตาเรียวหลุบลงและแก้มใสทั้งสองข้างก็มีรอยแดงจางๆ

                “...ขอบคุณ”

                “หือ เรื่องน้ำก็ขอบคุณผมไปแล้วนี่นา”

                “ไม่ใช่! ที่..”

                “ที่?”

                “ที่รอกันไง ชเวมินโฮ!”เสียงเรียกชื่อนั้นดุและขึ้นสูงบ่งบอกว่าโดนกวนโมโหอีกแล้ว เพราะเมื่อจินกิเงยหน้ามามองคนเข้าใจยากก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มกว้างและมีรอยยิ้มขบขัน ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงได้ขยันหาเรื่องแกล้งหาเรื่องแหย่เขาได้ตลอดเวลาขนาดนี้

                “ไม่เอาไม่โมโหสิครับคุณหมออี ผมกลับไปก่อนละกันนะ พรุ่งนี้จะไปทวงค่าน้ำ”

                ยิ่งเห็นท่าทางหงุดหงิดแล้วทำอะไรไม่ได้ยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะยีแก้มนุ่มๆด้วยความหมั่นเขี้ยว เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายที่ก้มหน้าลงและเหมือนจะเขินกับการต้องขอบคุณเขาด้วยเรื่องแบบนี้ยิ่งทำให้น่าแกล้ง พอแกล้งแล้วก็อยากจะเข้าไปโอ๋ต่อแต่ติดที่ว่าจินกิคงไม่ยินยอม เลยได้แต่โบกมือลาและเดินกลับออกมา

                “ไม่ต้องมาเลยนะ!

                หวังว่าซักวันจะได้ไปโอ๋คนน่ารักหลังจากแกล้งจนพอใจแล้วน่ะนะ

                คิมจงฮยอนเดินเข้ามาในห้องของจินกิก็พบเจ้าของห้องที่ดูหงุดหงิดใจและหน้าแดง ซึ่งเดาสาเหตุได้ไม่ยากเพราะตัวต้นเหตุเพิ่งจะทักทายเขาไปเมื่อครู่นี้เอง

                “เล่นตัวจริงนะ~

                “จงฮยอน พูดอะไรอีกน่ะ”

                “เห็นมาหาแฟ้มคนไข้ซะนาน รีบไปได้แล้ว อ้อ ถ้าเขาเลิกตื๊อแล้วอย่ามาฟูมฟายล่ะ”

                “คิมจงฮยอน!

                “นี่พูดจริงนะ ฉันไม่โอ๋นายหรอก”จินกิอยากจะเอาแฟ้มในมือไปตีเพื่อนสนิทซักทีกับท่าทางที่ยั่วโมโหบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อชวนมองของชเวมินโฮก็เบ้ปากแล้วพูดเสียงห้วน “เลิกตื๊อสิดี จะได้ไม่มีใครมาแกล้ง”

                “อู้ย พอเวลานั้นมาถึงอย่ามา ฮยอนอ่า ฮยอน ทำไงดี ฮยอน โอ๊ย!”คราวนี้แฟ้มฟาดลงต้นแขนจงฮยอนด้วยแรงไม่น้อยและร่างเพรียวก็เดินสวนออกไปไม่พูดอะไรด้วยอีก คนที่แซวและดัดเสียงเล็กเสียงน้อยรีบเดินตามไปโดยไปเกาะแกะให้อีกฝ่ายยกโทษให้ และได้รับการทำร้ายร่างกายตามมาเป็นระยะๆจนกระทั่งจินกิหายโมโหนั่นแหละ

                แต่ถึงจะพูดไปว่าไม่มาอีกก็ดี แต่เอาเข้าจริงพอนึกตามแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย

    Come Closer

                หลังจากวันนั้นชเวมินโฮก็ยังคงมาวุ่นวายกับเขาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนถ้าอีกฝ่ายว่างก็มักจะหาเขาเจออยู่เป็นประจำ ตอนแรกๆก็น่ารำคาญอยู่หรอกแต่ตอนนี้มันก็เคยชินไปแล้ว อย่างเวลานี้เขามักจะไปซื้อกาแฟมากินเมื่อหันไปทางขวาตอนเข้าแถว จะเห็นคนตัวสูงเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม

                และชเวมินโฮก็เดินเข้ามาจริงๆ

                “กินกาแฟเวลานี้ตลอดเลยนะครับ”

                “คุณก็มาตลอดไม่ใช่รึไงล่ะ”ใครๆก็รู้ว่าหนุ่มหล่อตัวสูงกำลังพยายามจีบคุณหมอหน้าหวานมานานพอสมควร โดนไล่โดนว่าไปขนาดไหนก็ยังวนเวียนกลับมาด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม แต่สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณหมออีเริ่มใจอ่อนก็ตรงที่ไม่ค่อยไล่แล้ว

                “อ้อ แสดงว่าที่ไม่ยอมเปลี่ยนเวลาเพราะอยากให้ผมหาเจอสินะ”

                “ไม่ใช่ซะหน่อย หลงตัวเอง”มินโฮหัวเราะมองคนน่ารักที่หน้าแดงและหันหน้าหนีเขาไปอีกแล้ว ร่างสูงโน้มตัวลงไปใกล้ก่อนจะพูดเสียงเบาลงให้ได้ยินกันเพียงสองคน “แต่ผมดีใจนะที่คุณหมออีไม่เปลี่ยนเวลาหนีผม ผมจะได้มีเวลาเจอคุณหมออีบ่อยๆไง”

                ร่างเพรียวหน้าแดงเรื่อและคล้ายตอบโต้อะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ มันก็มีบ้างหรอกที่มินโฮจะพูดอะไรเลี่ยนๆใส่เขา แต่หลังๆนี่แทนที่ภูมิต้านทานคนตัวสูงจะดีขึ้นกลับแย่ลงทุกที ใจเต้นแรงทุกครั้งที่โดนแกล้งโดนหยอด พยายามไม่ให้มามีอิทธิพลเหนือความคิดสุดท้ายก็แพ้เข้าให้จนได้ แต่ด้วยทิฐิที่บอกใครต่อใครไว้ว่าจะไม่หลงรักคนแบบชเวมินโฮเด็ดขาดก็ทำให้ปากหนักไปอีก

                “ก็ ช่างเถอะน่า เอาคาปูชิโน่หวานน้อยครับ”มินโฮอมยิ้มเมื่อคุณหมออีเลือกจะเบี่ยงประเด็นหนีไปสั่งกาแฟแทน ร่างสูงก้าวเข้าไปประชิดแล้วเท้าแขนลงเคาท์เตอร์โดยชะโงกหน้าข้ามไหล่ลาดไปหาพนักงานขาย

                “เป็นสองแก้วเลยครับ หวานน้อยเหมือนกันเพราะผมได้ความหวานจากคนแถวนี้แล้ว”

                “นี่! คุณพูดอะไรน่ะ”

                “ผมพูดอะไรผิดหรอครับ? ก็คุณหมอจินกิเป็นหวานใจของผมไง”อีจินกิรู้สึกเหมือนตัวเองถูกความอายเล่นงานจนตัวระเบิดไปแล้ว เสียงที่อีกฝ่ายพูดนั้นไม่ได้เบาเลยและไหนจะรอยยิ้มบางที่เหมือนพูดเรื่องธรรมดาทั่วไปนั่นอีก

                “ไม่กินกาแฟแล้ว! ถอยไปเลยนะ”ร่างเพรียวจับแขนแข็งแรงให้ปล่อยจากเคาท์เตอร์และรีบเดินหนีห่างออกไป มินโฮหันกลับไปบอกพนักงานให้ทำตามเดิมและเขาจะเป็นคนจ่ายค่ากาแฟให้เอง จริงๆเขาก็อายอยู่หรอกแต่การได้เห็นจินกิอายมันก็คุ้มค่าอยู่

                ยิ่งเห็นจินกิดูใจอ่อนขึ้นเรื่อยๆมันก็ชื่นใจจริงๆ ถ้าได้เป็นแฟนเมื่อไหร่จะแกล้งเช้าแกล้งเย็นจับฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวเลย

                ทางด้านคนเดินหนีมารีบกลับเข้าไปในห้องของตัวเองไม่ทักใครทั้งนั้น ซึ่งคนที่รู้ก็พอจะเดาออกว่าคงโดนมินโฮแกล้งมาอีกแล้ว คงมีเพียงจงฮยอนที่ลุกขึ้นยืนและเดินตามเข้าไปถึงในห้องของจินกิ

                “โดนชเวมินโฮแกล้งมาอีกแล้วสิ”

                “ฮยอนอ่า ฮยอน ทำไงดี ฮยอน”

                นี่ไง...เหมือนที่เขาพูดไว้เป๊ะๆ เพียงแต่อาจจะเป็นคนละสาเหตุกันก็เท่านั้นเอง

                “ทำไงอะไรล่ะ เอ้า ไหนเล่ามาสิครับคุณหมออี”คิมจงฮยอนลากเก้าอี้มานั่งโดยปล่อยให้จินกิที่นั่งลงกับโซฟาเล่าเรื่องราวและความรู้สึกให้ฟัง ทั้งขำทั้งสงสารคนประเภทปากอย่างใจอย่างที่โดนแกล้งซะหลุดมาดไปแล้ว ระหว่างที่กำลังเล่าเสียงเคาะประตูดังขึ้นและร่างสูงที่อยู่ในบทสนทนก็ปรากฏตัวขึ้น ดวงตาเล็กเบิกกว้างเพราะไม่รู้ว่าชเวมินโฮได้ยินอะไรไปบ้างเปล่า

                “คุณหมออีลืมกาแฟน่ะครับ”

                “คุณ อะ เอาไปเถอะ”

                “หืม กำลังยุ่งอยู่สินะครับ”ทั้งแววตาและรอยยิ้มไม่ได้ทำให้วางใจเลยว่ามินโฮรไม่รู้อะไรบ้าง ขายาวก้าวเข้ามาและยื่นกาแฟส่งไปให้ร่างเพรียวที่ยื่นมือมารับและดูจะพยายามหบสายตาเขาตลอดเวลา

                “เดี๋ยวผมมาเอาค่ากาแฟทีหลังนะครับ อ้อ เผื่อคุณหมออีจะยังกังวล”รอยยิ้มตรงมุมปากทำให้จินกิรู้สึกไม่ไว้ใจขึ้นมากกว่าเดิม นับวันมินโฮจะยิ่งรุกหนักขึ้นทุกทีจนเขาตั้งตัวไม่ทันแล้ว “ปากผมหายเจ็บแล้วล่ะ ไม่ลืมนะครับ?”

              "เจ็บปากอยู่เลยจูบไม่ได้ คุณหมออีผิดหวังแย่" "แต่พอหายแล้วจะมาทำต่อนะครับ ขอบคุณสำหรับการทำแผล"

              "ครั้งหน้าเตรียมจูบไว้ให้ผมด้วยนะครับ"

                มือเล็กยกขึ้นปิดปากทันทีและเบิกตากว้างมองคนที่หัวเราะเล็กน้อยในลำคอและเดินจากไป คิมจงฮยอนที่กลายเป็นอากาศในช่วงเวลาหนึ่งมองทั้งจินกิที่นิ่งอึ้งไปและมองตามไปยังทางที่คุณหมอตัวสูงเดินออกไป

                “จูบหรอ? เฮ้ย จูบกันแล้วจริงดิ”

                “ยัง!! แค่เกือบ โอ๊ย ฮยอน แย่แน่ๆแบบนี้ แย่จริงๆ”

                “ใจเย็นเว้ยใจเย็น อายุก็ไม่น้อยกันแล้วนะ ชอบก็ไปบอกเลยไม่ต้องมาเขินอะไรแล้ว ไปจูบเลย”

                “ไอ้บ้า!”อีจินกิกัดปากมองค้อนใส่เพื่อนสนิทที่หัวเราะลั่น เขาไม่ใช่พวกหน้าไม่อายแบบจงฮยอนเสียหน่อย แค่นี้ก็ทำตัวไม่ถูกเขินจนไม่มีสติแล้ว จะให้จู่ๆเดินไปหาแล้วบอกว่าเขาชอบมินโฮเนี่ยนะ..แค่คิดก็พอรู้ว่าต้องโดนแกล้งโดนแซวเรื่องนี้อีกยาวแน่ๆ

                อีจินกิจะทำยังไงดี?

                ในช่วงค่ำของวันเดียวกันจินกิกำลังไปเก็บของเพื่อกลับบ้าน ขาเรียวก้าวเดินไปตามทางเดินในแผนกที่ไม่ค่อยมีใครแล้ว ดวงตาเรียวมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่สังเกตเห็นร่างสูงที่ยืนขวางอยู่หน้าห้อง

                “แหงนหน้ามองทางบ้างก็ดีนะครับคุณหมออี”

                “ยังไม่เดินชนใครละกัน”มินโฮก้มมองคนช่างเถียงที่ทำหน้างอและขยับตัวหลบไปอีกทาง ขายาวจึงขยับตามไปขวางหน้าไว้อีก

                “ไปกินข้าวเย็นกันครับ”

                “ไม่ไป ผมจะรีบกลับบ้าน”

                “โอเค งั้นเราไปกินข้าวบ้านคุณหมออีกันดีกว่า”ประโยคที่พูดมาทำให้จินกิละความสนใจจากโทรศัพท์มาแหงนหน้ามองคนตัวสูงกว่าแบบเต็มตา ทำไมชเวมินโฮถึงได้เข้าข้างตัวเองได้ตลอดขนาดนี้นะ พอจะพูดปฏิเสธร่างสูงก็จับต้นแขนและหมุนดันเข้าไปในห้องและปิดประตูตามหลัง ปลายนิ้วเรียวยาวก็แตะลงตรงริมฝีปากและใบหน้าคมก็โน้มลงเข้ามาใกล้

                “เลิกถอยห่างจากผมได้แล้วครับ ขยับเข้ามาใกล้บ้างก็ได้ ผมเปิดโอกาสให้คุณหมอแล้วนะ”

                “ผม..”

                “จะไปกินที่ร้านอาหารด้วยกันดีๆ หรือจะให้พาไปกินกันสองต่อสองครับ?”ใบหน้าหวานแดงเรื่อเมื่อแววตาที่มองมาเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างตอนที่พูดว่าไปกันสองคน และดวงตาคมโตที่มองมาไม่ได้ฉายแววหยอกล้อเหมือนทุกทีกลับจริงจังและแน่วแน่จนทำอะไรไม่ถูก

                แค่ตอบปฏิเสธไปทำไมถึงพูดไม่ออกกันนะ..

                “จะว่าไปแล้ว ผมว่าเราติดค้างอะไรกันไว้อยู่”มือใหญ่เลื่อนมาจับใบหน้าหวานให้แหงนขึ้นเล็กน้อยและปลายนิ้วโป้งกดคลึงตรงริมฝีปากอิ่มนุ่ม ดวงตาเล็กเบิกกว้างเมื่อนึกได้ว่าเมื่อช่วงบ่ายอีกฝ่ายมาพูดอะไรไว้ ยิ่งเห็นท่าทางตกใจร่างสูงยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ ริมฝีปากร้อนเคลื่อนลงไปจนแทบสัมผัสแต่ติดที่ปลายนิ้วโป้งกั้นขวางไว้

                “ถ้าให้ผมจูบก็หลับตาลงแล้วไปกินข้าวด้วยกัน แต่ถ้าไม่ก็ผลักผมออกไปแล้วผมจะไม่มาวุ่นวายกับคุณอีก ผมให้คุณหมออีเลือกแล้วนะครับ”

                ฝ่ามือนุ่มยกขึ้นแตะลงไหล่กว้างคล้ายจะดันออกแต่ดวงตาเล็กหลุบลงต่ำและเกิดความลังเลขึ้นมา ก็เขาชอบมินโฮไปแล้วจะผลักออกก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่มาแล้วจริงๆ แต่ถ้ายอมไปเลยก็อายจนไม่รู้ว่าหลังจากนี้มินโฮจะแกล้งอะไรเขาอีก ซึ่งโดนแกล้งหนักกว่าเดิมแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไมอีกแล้ว

                ดวงตาเล็กหลับลงเป็นการยินยอมโดยปลายนิ้วที่กั้นกลางไว้ก็ถูกเลื่อนลงไปรั้งเอวคอดให้เขามาหา ฝ่ามือที่ประครองใบหน้าหวานจับปรับให้ได้มุมและริมฝีปากร้อนก็บดลงกลีบปากนุ่มที่รออยู่ สัมผัสบดคลึงที่เคล้าคลอวอนขอให้อีกฝ่ายเผยอปากขึ้น เมื่อได้โอกาสลิ้นร้อนรีบเข้าไปหาความหอมหวานที่อดทนรอมานานหลายเดือน สัมผัสรุกเร้าทำให้ร่างเพรียวเริ่มถอยหนีมือใหญ่ยังคงไม่ยอมให้ใบหน้าหวานผละออก แม้จะไม่ได้ดุดันแต่กลับหนักหน่วงและเน้นย้ำจนเสียงนุ่มหูร้องออกมาในลำคอ

                ร่างสูงค่อยๆผละปากออกมองไปยังใบหน้าหวานที่แดงก่ำและหายใจหอบถี่ กลีบปากอิ่มช้ำเผยอขึ้นและดวงตาเรียวช้อนขึ้นมองเขาซึ่งในแววตานั้นมีความลังเลอะไรบางอย่างอยู่ ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรต่อมือเล็กก็เอื้อมมารั้งช่วงลำคอให้โน้มลงไปหา ริมฝีปากน่ารักแตะลงแผ่วเบาซ้ำๆเหมือนลังเลแต่สุดท้ายก็เลือกจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบที่หอมหวานนี้ก่อน

                น่ารักซะแบบนี้เขาจะอดทนไม่แกล้งได้ยังไงกัน..

                “อย่าพูดอะไรนะ”หลังจูบที่สองที่ร่างเพรียวเป็นฝ่ายเริ่มเสียงนุ่มหูที่แผ่วเบาก็ดังขึ้น เจ้าตัวหันหน้าหนีและไม่ยอมที่จะเผชิญหน้ากับเขาเลย มือเล็กที่ถือโทรศัพท์ไว้ตลอดถูกยกขึ้นมาอยู่ตรงหน้าและยื่นมาเหมือนจะให้

                “ใส่เบอร์โทรมาสิ”

                “ให้ผมเมมชื่อว่าอะไรดี คุณหมอชเวหรอ?”ริมฝีปากอิ่มเม้มลงแน่นเหมือนความคิดในหัวกำลังตีกัน แต่เมื่อตัดสินใจได้ว่าไมมีอะไรจะเสียแล้วเจ้าตัวก็แหงนหน้าขึ้นมอง ริมฝีปากแดงช้ำขยับเป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังยิ้มกว้าง

                “ชากียา..”

                “หืม เรายังไม่ได้คบกันเลยนะครับ”

                “จูบไปแล้วก็คือคบกันแล้วนั่นแหละ โอ๊ย พลาดแล้ว..”

                “ชากียา”คนที่กำลังหงุดหงิดตัวเองเพราะเขินมากเกินไปแหงนหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียก ก็เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั่นอยู่ไม่ไกลเลยและยังทำท่าจะเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกด้วย “ผมว่าคืนนี้เราไปกินรามยอนที่บ้านผมดีกว่านะ”

                “กิน..รามยอน? ไม่ไปแล้ว! อย่าเข้ามาใกล้นะชเวมินโฮ ผมจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้นแหละ”

                “อะไรกัน เรียกชากียาสิครับ เพราะอีกไม่นานจะต้องเรียกยอโบแทนแล้วนะ”อีจินกิหน้าแดงจัดจะตีก็มือไม่ยอมไป ทั้งเขินทั้งหงุดหงิดที่โดนแกล้งหนักติดกันจนทำอะไรไม่ถูก มินโฮมองท่าทางน่ารักก็หัวเราะออกมาแล้วจับใบหน้าหวานให้เงยขึ้นมองตัวเองอีกครั้ง

                “งั้นจะจูบจนกว่าชากียายอมไปกินรามยอนละกันนะ”

                “ไม่! อื้ออ”

                และสุดท้ายอีจินกิก็ไปกินรามยอนที่บ้านของชเวมินโฮจนได้...

    THE END

                ฟิคใสใสจบแล้วค่ะ ฮา ก็อยากให้มันออกมาน่ารักก๊าวใจนะ แต่เพราะไม่มีโมเม้นงุงิและไม่มีประสบการณ์แนวนี้เลยทำให้แปลกๆและก๊าวแบบไม่สุดไงไม่รู้ ฮือ ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่เข้ามาอ่าน และขออภัยด้วยที่ยังเขียนไม่ดีพอ จริงๆฟิคนี้มันแค่วันช็อตที่โพสในทวิตแท้ๆ ฮ่าๆๆๆๆ

                ปล. ถ้าแต่งงานกันแล้วจะเรียกยอโบแทนชากียานะคะ แปลว่าที่รักเหมือนกัน

                ปล.อีกซักที ถ้าชวนไปกินรามยอนในเกาหลี เขาหมายความว่าชวนไปฟีจเจอริ่งกันค่ะ...

    (c) Porcelain theme
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×