ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF SHINee Yaoi&Yuri] HOOn Only!

    ลำดับตอนที่ #48 : [OneShot] In your eyes

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      0
      24 พ.ค. 58

    In your Eyes

    By: Crazy_Dragon [ท่านรอง ณ กากกามใจบาปเกิร์ล อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดมหาชน]

     

     

              สำหรับ 7 ปีนั้น ใครหลายคนอาจจะมองว่ามันนานเกินพอแล้ว แต่สำหรับพวกเขาและอีกหลายๆคน..เวลาแค่นี้ยังถือว่าไม่พอ อยากจะอยู่แบบนี้ต่อไปอีกซัก 10 ปี หรือ 20 ปี อยู่ให้นานยิ่งกว่าที่รุ่นพี่ในวงการคนไหนเคยทำได้

     

              และสำหรับชเวมินโฮแล้ว เวลาที่อยู่กับคนที่เขารักแค่นี้ยังไม่พอด้วยซ้ำ

             

              ตลอดเวลาที่อนยูลีดเดอร์ของชายนี่จะอยู่ในสายตาของเขาเสมอมา ไม่ว่าจะทำอะไร จะไปที่ไหน เขาจะคอยมองอยู่ตลอดเพราะความรู้สึกที่มีมันมากกว่าคำว่าเพื่อนร่วมวง พี่อนยูเป็นทั้งลีดเดอร์ที่น่าเคารพ เป็นพี่ชายที่แสนดี และเป็นคนที่เขารักจนหมดหัวใจ..

     

              “ผมรักพี่นะ พี่เข้าใจมั้ย”

     

              “เข้าใจสิ พี่รู้มาตลอดแหละมินโฮ”

     

              วินาทีที่สารภาพถึงความรู้สึกที่มากเกินกว่าพี่น้องนั้น หัวใจเต้นแรงและเร็วจนไอดอลนักกีฬาอย่างเขายังกลัวที่มันจะหยุดเต้นเพราะความตื่นเต้นและความกลัว เสียงนุ่มหูนั้นตอบกลับอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มที่ใจดีเหมือนเคย ดวงตาที่เขาหลงใหลนั้นเปล่งประกายและร่างกายนุ่มนิ่มของลีดเดอร์ก็เข้ามาอยู่อ้อมกอดของเขา

     

              “ขอบคุณนะมินโฮ ขอบคุณที่รู้สึกเหมือนกัน”

     

              ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อีจินกิจะอยู่ในสายตาของชเวมินโฮเสมอ ไม่ว่าจะตอนที่มีความสุขที่สุดหรือจมอยู่ในความเศร้าเขาก็จะยืนหยัดอยู่ข้างๆลีดเดอร์ที่พยายามเพื่อพวกเขามาตลอด

     

              “ผ่าตัด?”

     

              พอได้ยินจากปากคนที่รัก ความรู้สึกในตอนนั้นมันเหมือนกับโลกจะหยุดหมุน ความกลัวความกังวลถาโถมเข้ามาจนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แต่พอมองไปยังใบหน้าหวานที่แสดงว่าไม่รู้สึกอะไร มือใหญ่ก็เอื้อมไปแตะกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา ดวงตาเรียวเล็กนั้นมองขึ้นมาพร้อมกับการฝืนจนน้ำสีใสเอ่อคลอเต็มไปหมด

     

              เขาสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าลีดเดอร์จะมีอาการแปลกๆเวลาร้องเพลงในบางครั้ง ชอบเอามือจับที่คอบ้าง หรือไม่พูดออกมาเลยก็มี ต่อให้ใครไปถามก็ไม่ยอมบอกจนในที่สุดเมื่อไม่กี่วันก่อนถึงได้ยอมพูดออกมาว่าเส้นเสียงอักเสบ

     

              “แล้ว?” ในขณะที่จะถามออกไปว่าเส้นทางอนาคตจะทำอย่างไรก็ต้องกลืนคำถามนั้นลงไป เมื่อพี่อนยูที่เข้มแข็งก้มหน้าลงพร้อมไหล่ที่สั่นเทา จากหัวหน้าวงที่มากด้วยความรับผิดชอบกลายเป็นอีจินกิที่เจ็บเป็น ร้องไห้เป็น มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหน้าและสุดท้ายคนตรงหน้าเขาก็สั่นหัวเป็นการบอกไม่รู้

     

              “พี่ไปปรึกษาทางบริษัทแล้ว แต่..”

     

              “ผมจะอยู่ข้างๆพี่ ทั้งก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด พี่ต้องอดทนไว้นะครับ”

     

              และอีจินกิก็เข้ามาสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้งพร้อมเสียงร้องไห้ที่ไม่ว่าใครที่ได้ยินคงทนไม่ได้ สมาชิกที่เหลือต่างแสดงความกังวลออกมาและได้แต่หวังว่าการผ่าตัดจะออกมาด้วยดี

     

              ถึงจะยิ้มแย้มและพยายามเล่นมุกตลกๆที่มันไม่ขำสักนิดใส่กระดาษ แต่ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าอนยูนั้นกำลังฝืนตัวเองอีกแล้ว พอช่วงเวลาที่คนอื่นออกไปหรือไม่สนใจ ดวงตาเรียวคู่นั้นจะแสดงออกถึงความท้อแท้ความอ่อนล้าให้เห็น และแน่นอนว่าเขาเห็นทุกอย่าง..รู้ว่ารู้สึกอะไรคิดอะไร เพียงแต่เขาไม่สามารถที่จะพูดคำใดๆออกไปได้

     

              บางทีก็ต้องให้เวลา..ให้พี่จินกิของเขาได้คิดทบทวนกับตัวเอง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างๆเสมอเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

     

              ช่วงเวลาที่ยากลำบากผ่านพ้นไปท่ามกลางความกดดันของจินกิเอง ทุกๆวันจะต้องฝึกพูด ฝึกออกเสียง เพื่อให้พร้อมสำหรับการทำอาชีพที่รักที่สุด หลายต่อหลายครั้งที่เขาจะเห็นพี่จินกิตาแดงช้ำเหมือนเพิ่งร้องไห้มาเวลากลับถึงหอพัก และทุกๆครั้งที่เจ้าตัวจะหัวเราะและบอกว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

     

              และทุกๆครั้งอีจินกิก็จะมาอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นเสมอ ถึงจะไม่มีน้ำตา ไม่มีคำพูดปลอบโยน แค่สัมผัสที่ถ่ายทอดให้กันและกันก็มากเกินพอ มากพอที่จะรับรู้ซึ่งกันและกันว่าคิดอะไรอยู่

     

              “ทุกๆคนยังอยู่ข้างๆพี่ พี่เข้าใจใช่มั้ยครับ”

     

              “พี่รู้มินโฮ พี่จะพยายาม”

     

              วันเวลาหมุนผ่านมาเรื่อยๆพร้อมกับอาการที่ดีขึ้นจนเกือบเหมือนเดิมแทบทุกอย่าง แต่จินกิกลับยังกังวลเรื่องเสียงของตนอยู่ดี มีการขึ้นคอนเสิร์ต เตรียมอัลบั้มจนหลายๆคนมองข้ามเรื่องที่หัวหน้าวงวิตกกังวล แต่สำหรับเขาแล้วเขาไม่เคยละเลยที่จะจับจ้องไปยังคนที่เขารัก

     

              “ผมว่าเสียงพี่ก็เหมือนเดิมแล้วนะ”

     

              “งั้นหรอ”

     

              “เมื่อคืนผมฟังแล้วก็ว่าเหมือนเดิมนี่ครับ” แกล้งพูดให้จินกิเขินจนหน้าแดง มือนุ่มที่แรงไม่น้อยนั้นฟาดลงไหล่เขาดังเผียะ จินกิมองดุก่อนจะเผยอยิ้มออกมา ร่างเพรียวบางเอนลงมาซบลงไหล่กว้างและหลับตาลง

     

              “ขอบคุณนะที่อยู่ด้วยกันเสมอ”

     

              “อีกสิบปียี่สิบปีผมก็จะอยู่กับพี่ หนีผมไม่พ้นหรอกครับ”

     

              “ใครหนีล่ะ ในเมื่อพี่ก็มองมินโฮอยู่ พี่จะหนีไปไหนได้กัน” และบทสนทนานั้นก็ปิดท้ายด้วยเสียงโห่แซวจากสามคนที่เหลือ โดยคนโดนแซวอย่างจินกิก็ได้แต่โวยวายแก้เขินไป ส่วนเขาเองก็เอาแต่หัวเราะอยู่แบบนั้น

     

              ช่วงเวลา 7 ปีสำหรับเขาแล้ว..มันช่างแสนสั้นและยังมีเวลาอีกยาวนานที่จะก้าวเดินไปด้วยกันทั้งห้าคน และเขาจะเป็นคนกุมมือของลีดเดอร์เอาไว้ไม่ปล่อยไปไหนเด็ดขาด พวกเขาต่างเข้าใจกันและกัน อย่างในคอนเสิร์ตที่ผ่านมาที่จู่ๆหัวหน้าวงที่พวกเขาภูมิใจเกิดร้องโฮออกมากลางเวที เจ้าตัวพยายามจะหยุดแต่ก็ทำไม่ได้ เหมือนความเครียดความเหนื่อยที่สะสมมามันมากเกินกว่าจะเก็บต่อได้อีก

     

              เขาจำได้เลยว่าคีย์เป็นคนหันมาเรียกเขาด้วยท่าทางร้อนรน เพราะปกติพี่จินกิของพวกเราจะไม่ร้องไห้ง่ายๆแบบนี้ ร่างสูงรีบก้าวเข้าไปหาและรั้งลีดเดอร์ตัวนุ่มเข้าสู่อ้อมกอดเหมือนทุกที และเมื่อรั้งเข้ามาแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าอีกฝ่ายทิ้งตัวลงมาหาเขา ใบหน้าน่ารักเกยกับไหล่และยังร้องไห้ออกมา โดยที่เขาเองก็ได้แต่ประครองเอาไว้แบบนั้น

     

              “พี่อนยูเขาลำบากมาก” เสียงของจงฮยอนทำให้ร่างเพรียวยกมือขึ้นปิดปากเพื่อพยายามควบคุมตัวเองให้อยู่ แทมินก้าวเข้ามาลูบหัวปลอบพี่ใหญ่พร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง และสุดท้ายอีจินกิที่อยู่ในบทบาทของอนยูก็พยายามหัวเราะและฝืนตัวออกจากการกอด มือขาวยังคงป้ายน้ำตาออกจากหน้าแม้ว่าเจ้าตัวจะยิ้มออกมาอยู่ก็ตาม

     

              ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..ชเวมินโฮจะอยู่เคียงข้างและเฝ้ามองอีจินกิอยู่เสมอ

     

              “ไม่ต้องกังวลนะ”เสียงของจงฮยอนก่อนที่งานฉลองครบเจ็ดปีดังขึ้นทำให้มินโฮกับอนยูที่ตกลงจะร้องเพลง In your eyes ด้วยกันหันมามอง ร่างหนาที่ปรับสายกีต้าร์เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มรู้ทันมาให้

     

              “จะสวีทกันก็ตามใจไปเลย ถือซะว่าเซอร์วิสแฟนด้วย พรีเวดดิ้งด้วย ดีมั้ย?”

     

              “ไอ้บ้าจงฮยอน!

     

              ถึงความหมายของเพลงมันจะเศร้า แต่ด้านที่บอกถึงเขาสองคนมันก็มีเช่นกัน

     

              เสียงเชียร์ ทะเลสีเพิร์ลอควา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้ามันทำให้ดวงตาพร่าเลือนด้วยความดีใจ ไม่เคยคิดว่าจะมีวันหนึ่งที่ทุกคนมาร่วมงานครบรอบวันก่อตั้งของวง จะมีผู้คนที่รักและพร้อมสนับสนุนพวกเขามากขนาดนี้

     

              และถ้าไม่มีชายนี่ ชเวมินโฮคงไม่มีโอกาสได้พบกับคนที่เขารักมากที่สุดคนหนึ่งในชีวิตแบบนี้

     

              เสียงกีต้าร์ที่นุ่มนวลดังมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของแฟนคลับ เสียงนุ่มหวานของลีดเดอร์ดังไปทั่วสถานที่จัดงานก่อนจะตามด้วยเสียงของเขา.. ดวงตาเรียวสวยมองมายังเขาด้วยความรู้สึกอัดแน่นที่อยู่ภายใน ทั้งขอบคุณ ดีใจ และความรักที่มอบให้ และเขาเองก็จ้องกลับไปและพยายามถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดไปให้ทั้งหมด

     

              สองมือแตะกันโดยไม่ต้องมีการเตรียมหรือนัดกันล่วงหน้า สัมผัสนุ่มจากฝ่ามือขาวเหมือนจะรั้งความสนใจจากเสียงกรี๊ดที่ถูกใจกับการเซอร์วิสแบบนี้ ฝ่ามือที่ประกบกันนั้นเลื่อนขึ้นสูงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นประสานกันไว้แน่น ใครหลายคนอาจจะมองว่ามันคือการแสดง แต่สำหรับคนสองคนที่กุมมือกันอยู่นั้น..มันคือความรู้สึกที่ถ่ายทอดให้ต่างฝ่ายต่างรับรู้

     

              รัก..และจะอยู่ด้วยกันถึงแม้ว่าวันที่ทุกคนต้องแยกย้ายกันจะมาถึง พวกเขาจะสนใจกันและกันอยู่เสมอ จะเฝ้ามองแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ก็ตาม รู้เพียงแค่สองคนก็มากเพียงพอแล้ว

     

              สุดท้ายทั้งคู่ก็เข้ากอดกันและกันโดยที่ไมค์ของมินโฮถูกปิดลง เสียงทุ้มกระซิบที่ยากจะได้ยิน แต่จินกิก็สามารถฟังมันได้ทัน

     

              “ผมรักพี่นะ”

     

              “รักมินโฮเหมือนกัน”

     

              ขอแค่อยู่ด้วยกันต่อไป เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วจริงๆ

     

    THE END

     

              แอร้ ฟิคสั้นนม๊ากมากจบลงอีกแล้ว แปลกไปหน่อยแต่ก็คิดแบบนี้จริงๆนะคะ.. #มโนแรงมาก เรียกว่าเป็นมุมมองของแม่ยกโฮอนคนหนึ่งของเราก็ได้ ที่เรามองว่าสองคนนี้เขาใส่ใจกันและกันมากแค่ไหน และแพราะมันคือฟิคทันเหตุการณ์มันเลยมีแค่นี้แหละเออ ถ้ามากกว่านี้ไรท์คงดองไปอีกเดือนและจะไม่ทัเหตุการณ์แล้ว... ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ!

     

              ปล. ขอขอบคุณชายนี่ ที่ทำให้เราเป็นไรท์เตอร์ที่อยู่ยงคงกระพันมายาวนาน เขียนมาเก้าปีแล้วและจะเขียนต่อไป ขอบคุณที่ทำให้รู้จักสิ่งใหม่ๆ ได้มีประสบการณ์ที่ดีและแอบไม่ดี ฮา ดีใจมากที่ครบเจ็ดปีแล้ว ตอนแรกไม่ชอบเลยขอสารภาพ แต่ตอนนี้รักมากเลย.. ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ยังอยู่กันถึงห้าคนแม้จะผ่านมาเจ็ดปีแล้วก็ตาม 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×