ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SHINee Yaoi] Sweet Taste, Bitter Taste (Hoon, TaeKey)

    ลำดับตอนที่ #2 : Sweet Or Bitter [2] ---แก้ไขคำผิด---

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 109
      2
      24 ธ.ค. 57



     


     

     

    Sweet Taste, Bitter Taste

    By Crazy_Dragon

              Sweet or Bitter [2]

                อีจินกิพลิกตัวเล็กน้อยเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นรบกวนการนอนของตน หลังจากพยายามมุดหน้าซุกกับหมอนหนีแต่ก็ไม่พ้นจึงยอมลุกขึ้นนั่งโดยที่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท มือนุ่มพยายามควานหาโทรศัพท์ก่อนจะปรือตาขึ้นมองแล้วกดปิดไปซะ

                “หกโมงเองนี่”เสียงหวานนั้นงึมงำออกมาแผ่วเบาแต่ก็พยายามลืมตาขึ้นมาแล้วก้าวลงจากเตียง พอก้าวเดินก็รู้สึกเหมือนกับสติกำลังกลับมามากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งนึกออกว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ดวงตาเล็กลืมขึ้นเต็มตาก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเดินออกจากห้องพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวขาออกมาเช่นกัน ทั้งสองคนจึงเผลอหันมองหน้ากันโดยไม่ตั้งใจ

                “เหอะ”

                “ชิ”เสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจของคนทั้งคู่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ชเวมินโฮก้าวเดินออกจากห้องโดยในมือมีเครื่องแต่งกายและผ้าขนหนูเตรียมพร้อมอาบน้ำ

                “ไม่ได้อยากจะพูดด้วยหรอกนะ แต่คุณช่วยไปทำความสะอาดครัวเอาขนมเหม็นๆนั่นไปทิ้งซะที ทิ้งข้ามคืนไว้อีก แย่จริงๆ”

                “ก่อนจะพูดอะไรช่วยดูหน่อยได้มั้ยคุณเอเลี่ยน ผมทำความสะอาดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วยซ้ำ”ดวงตาเล็กมองหน้าคนตัวสูงกลับอย่างเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มนั้นเบะออกทำท่าเลียนแบบพูดคำว่าแย่จริงๆออกมาได้กวนโมโหเสียจนมินโฮรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา

                ร่างเพรียวส่งเสียงฮึขึ้นจมูกเมื่อร่างสูงของอีกฝ่ายมีท่าทีไม่พอใจแต่คล้ายกับยอมถอยให้ก่อนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อคืนหลังจากทะเลาะกันแยกย้ายเข้าห้องก็เป็นมินโฮที่มาอาบน้ำก่อนแล้วหายเข้าห้องไปไม่ออกมาอีก ดังนั้นเขาจึงใช้ช่วงเวลาหลังจากนั้นมาทำความสะอาดและอาบน้ำ ถึงแม้ว่าจะเสียดายส่วนผสมเหล่านั้นก็ตามที

                อีจินกิไม่รู้ว่าชเวมินโฮจะรู้ชื่อของเขาหรือไม่ แต่เขาจะไม่มีทางเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาเด็ดขาดจนกว่าเจ้าเอเลี่ยนนั่นจะยอมพูดดีๆ และมาแนะนำตัวกับเขาก่อน

                และอีจินกิไม่ได้รับรู้เลยว่าชเวมินโฮที่รู้ชื่อของเขาแล้ว ก็คิดแบบเดียวกับเขาเช่นกัน..

    Sweet Or Bitter

                อีแทมินที่เพิ่งจะมาเปิดร้านได้ไม่นานหันกลับไปมองตรงประตูเมื่อรู้สึกถึงการจับจ้องแต่ก็ไม่พบใคร ร่างโปร่งมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนใจและหันหลังทำขนมหวานที่สามารถเสิร์ฟได้ทันที เช่นเค้กชนิดต่างๆ โดยแทมินได้รับความไว้ใจจากแจจุงให้ถือกุญแจร้านมาเปิดร้านทุกเช้าตั้งแต่หกโมงหรือจะมาสายก็ได้ถ้าทำเค้กไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งบางครั้งจะเป็นแจจุงที่มาก่อนและพวกเขาก็จะช่วยกันทำเค้กเพื่อให้ทันเวลาเปิดร้าน

                ดวงตาของเขามองเค้กในตู้ที่จัดเรียงไว้สวยงามตั้งแต่เมื่อคืน โดยที่เขากับเจ้านายจอมเรื่องมากช่วยกันทำหลังร้านปิดตอนหนึ่งทุ่ม เค้กหลายชนิดที่สีสันและรสชาติแตกต่างกันไปเรียงกันสวยงามชวนลิ้มลองไปเสียหมด มือสากหยิบเอาขนมมาการองที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วทำเสร็จเมื่อครู่มาจัดเรียงสีตามลำดับอย่างสวยงาม ซึ่งทุกการกระทำของเขาได้ตกอยู่ในสายตาของคีย์ที่แอบมองแล้วจ้องอย่างตั้งใจผ่านกระจกใสของประตูร้าน

                ใบหน้าสวยของคีย์แดงเรื่อกับอาการเขินอายที่เกิดขึ้นมาเองยามได้เห็นใบหน้าหล่อปนสวยนั้นดูจริงจัง ร่างบางรีบเดินห่างออกไปเพราะกลัวแทมินจะมองขึ้นมาพบกันตนเองเข้าเช่นเมื่อครู่จนหลบแทบไม่ทัน

                ขนาดชื่อเขาแทมินยังไม่รู้เลย จู่ๆจะให้เข้าไปทักทายก็คงแปลกแน่ๆ

                “นี่คุณจะตามมาอีกนานแค่ไหนเนี่ย”เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างเหลืออดเมื่ออากาศยามเช้าที่ควรทำให้รู้สึกสดชื่นกลับไม่เหมือนเดิม เมื่อรูมเมทใหม่ที่เดินหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างหลังเขาไม่เลิกแบบนี้ ทั้งขึ้นรถเมล์คนเดียวกันลงป้ายเดียวกันแล้วเดินมาพร้อมกัน

                “คุณคิดว่าคุณเป็นใครที่ผมจะต้องมาตามเนี่ย คิดว่าตัวเองหน้าตาดีนักรึไง? ผมจะไปทำงานน่ะสิ”เสียงนุ่มนั้นแหวขึ้นอย่าอดไม่ได้เช่นกัน และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ทั้งสองคนเปลี่ยนมาเป็นเดินข้างกันถึงแม้ว่าจะยังปะทะฝีปากกันไม่หยุด

                เมื่ออีจินกิหยุดเท้าลงมินโฮก็เผลอหยุดตามก่อนจะแหงนมองร้านขายของหวานที่อยู่ติดกับร้านอาหารที่เขาทำแล้วมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย

                “นายทำงานที่นี่หรอเนี่ย”

                “ทำไม อย่าบอกนะว่านายทำงานร้างข้างๆนี่น่ะ”ร่างสูงขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ แค่การอยู่ร่วมห้องกันเขาก็โมโหเช้าโมโหเย็นจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ที่ทำงานก็ดันใกล้กันขนาดนี้อีกต่างหาก แต่ก็ยังดีกว่าการทำงานที่เดียวกัน

                “ฉันต้องซวยแน่ๆ ซวยแน่ๆเลย”อีจินกิแกล้งพึมพำแต่เสียงดังพอให้อีกคนได้ยินแล้วเดินเข้าไปในร้านที่แทมินกำลังจ้องมองมาด้วยความประหลาดใจ โดยชเวมินโฮที่ไม่ทันตอบโต้ก็ได้แต่สบถเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปยังร้านอาหารที่ติดกัน ซึ่งทั้งคู่ต่างไม่สังเกตเลยสักนิดว่าสรรพนามที่ใช้เรียกกันนั้นเปลี่ยนจากการสุภาพแบบประชดมาเป็นจิกกัดกันอย่างเปิดเผยและไม่เป็นทางการมากขึ้น

                “อรุณสวัสดิ์ครับ”พอเข้ามาในร้านใบหน้าหวานที่บูดบึ้งก็เปลี่ยนมายิ้มสดใสเหมือนเคย แทมินหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะทักทายกลับ

                “อรุณสวัสดิ์ครับ ผมชื่ออีแทมินนะ อายุยี่สิบสาม”

                “พี่ชื่ออีจินกิอายุยี่สิบสี่แล้วล่ะ”ถึงเมื่อวานเขาคิดว่าแทมินจะได้ยินชื่อเขาแล้ว แต่จินกิก็ยังคงแนะนำตัวกลับไปอีกอยู่ดี

                พาทิซิเย่หรือคนทำขนมหวานนั้นมักจะเรียนกันเต็มที่ก็ปีกว่าๆเท่านั้น ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องนำมาใช้ ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะไปเรียนเพิ่มเติมหลังจบมหาวิทยาลัยกันแล้ว

                “ครับผม เห็นหน้าครั้งแรกผมนึกว่าพี่จะอายุเท่าผมไม่ก็เด็กกว่าซะอีก แล้วนี่พี่เตรียมอะไรมามั้ย”

                “ก็ว่าจะมาทำที่นี่แหละ ทำที่ห้องพักไม่สะดวกเท่าไหร่”พอนึกถึงหน้าของรูมเมทก็อดไม่ได้จะถอนหายใจออกมา อีแทมินที่คอยสังเกตอยู่จึงถามขึ้นอีกด้วยความสงสัย

                “คนนั้นน่ะหรอครับเพื่อนร่วมห้องพี่”

                “คนร่วมห้องเท่านั้นแหละ พี่ขอยืมครัวหน่อยนะ”อีจินกิมองเวลาที่บอกว่าตอนนี้แปดโมงกว่าแล้ว และเขาเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมงเพื่อการทำขนมหวานออกมาให้เสร็จสมบูรณ์ ขาเรียวก้าวไปยังส่วนตู้เย็นและเปิดตามตู้ต่างๆเพื่อดูวัตถุดิบทั้งหมด

                ร่างโปร่งของแทมินขยับถอยอกมาเพื่อคอยสังเกตดู โดยบานประตูก็เปิดออกเมื่อเหล่าบริกรเดินเข้ามาส่งเสียงทักทายและเตรียมตัวจัดร้านให้เข้าที่สวยงาม

                “พี่จะทำอะไรหรอ? ผมอยากให้พี่ทำงานที่นี่นะ จะได้มีเพื่อนคุย”ดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นเปล่งประกายแต่คนที่ก้มๆเงยๆอยู่ไม่ได้สังเกตเห็นมากนัก ร่างเพรียวเดินหยิบของไปมาจนกระทั่งครบเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมองแทมินที่ยืนอยู่ด้านหน้าเคาท์เตอร์

                “ไว้รอพี่ทำเสร็จก็รู้”

    Sweet Or Bitter

                “เป็นอะไรของนายเนี่ย”คนที่ยังคงหุดหงิดพอเดินเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยมองเพื่อนสนิทในที่ทำงาน ที่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวราวกับกำลังเพ้อหรือเมากาว คนโดนทักหันกลับมามองใบหน้าหล่อของร่างสูงที่ตอนนี้ทั้งดูโมโหและสงสัยไปในคราวเดียวกัน

                “เป็นคนหน้าตาดีที่มีความสุขไง”คำตอบที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในหน้าตาทำให้มินโฮคลายอารมณ์โกรธแล้วเปลี่ยนเป็นระอาอย่างง่ายดาย ร่างสูงหัวเราะหึในลำคอออกมาเล็กน้อยก่อนจะมองวัตถุดิบที่กำลังขนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เขาชำนาญการทำอาหารพวกอิตาลี่และสเปนที่รสชาติออกเผ็ดร้อน ในขณะที่คีย์นั้นจะไปถนัดทางด้านอาหารจีน

                ร้านอาหารร้านนี้ค่อนข้างใหญ่ในระดับหนึ่งแต่ก็มีเชฟเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครชำนาญการด้านใดและจะมีด้านนั้นเพียงสองคน โดยจะแบ่งเป็นช่วงเช้ากับช่วงบ่าย และก็จะมีลูกมือหรือผู้ช่วยเชฟตำแหน่งละคนเช่นกัน ซึ่งพอเก็บเกี่ยวประสบการณ์กันมากพอแล้วก็จะลาออกไปทำงานตามโรงแรมหรือร้านอาหารใหญ่กว่านี้ เพราะเงินเดือนจะสูงกว่าและได้ทำอาหารที่หลากหลายมากกว่าด้วย

                แต่เจ้าของร้านหรือซูเชฟยุนโฮที่ความเชี่ยวชาญหลายด้านจะลงครัวเองเมื่ออาหารนั้นเริ่มทำไม่ทันหรือมีเวลาว่างมากพอ ตัวมินโฮเองก็ค่อนข้างนับถือเจ้าของร้านคนนี้ที่เก่งและสามารถบริหารงานให้ได้อย่างดี

                “แล้วนายเป็นอะไรซะล่ะ อารมณ์เสียแต่เช้า”ร่างสูงที่เพิ่งสั่งงานให้ผู้ช่วยเชฟช่วยหั่นผักต่างๆล้างเนื้อสัตว์เตรียมพร้อมหันกลับมามองก่อนจะตอบคำถาม

                “ก็คนร่วมห้องเมื่อวานนั่นน่ะแหละ”คีย์เลิกคิ้วมองเมื่อเพื่อนของตนเลี่ยงใช้คำว่าเพื่อนร่วมห้อง และนั่นยิ่งทำให้เขาต้องขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วเริ่มถามจริงจังมากขึ้น

                “นิสัยเขาแย่มากเลยหรอ”

                “ไม่รู้สิ..รู้แต่หมอนั่นน่าจะเป็นพาทิซิเย่แค่นั้นแหละ”

                “นายไม่ชอบเขาพราะเขาทำขนมหวานเนี่ยนะ!”คีย์เริ่มเสียงดังทำให้คนอื่นหันมองจึงโดนมือใหญ่แจกตักบัมที่หน้าผากไปหนึ่งที คีย์ยกมือขึ้นลูบหน้าผากตนเองที่แดงเถือกแล้วตวัดตามองอย่างหาเรื่อง

                “เจ็บนะเว้ย! นายนี่มันงี่เง่าจริงๆ”มินโฮเองก็ยอมรับว่าเขาค่อนข้างงี่เง่าพอสมควร แต่เขาไม่ชอบกลิ่นเลี่ยนหวานๆแบบนั้นเลยสักนิด เขาชอบรสชาติที่หนักและขมไปเลย ไม่ใช่จะหวานๆเปรี้ยวๆหรือครีมนุ่มที่เขาว่ามันแหยะบอกไม่ถูก

                “ฉันไม่ชอบหน้าไอ้ตาขีดนั่น”

                “อ้าวเฮ้ย ตาฉันก็ตี่นะ!”มินโฮหัวเราะออกมาก่อนจะมองใบหน้าของคีย์ที่ยังดูขุ่นเคือง ซึ่งเขาชักรู้สึกว่าหน้าของอีจินกิกับคิมคีบอมนี่ค่อนข้างคล้ายกันจริงๆจนอดพูดขึ้นมาไม่ได้

                “นายกับหมอนั่นหน้าคล้ายกันเลยนะ เพิ่งจะรู้เมื่อเช้าว่าทำงานที่ร้านขนมข้างๆนี่”มือขาวของร่างบางคว้าต้นแขนแข็งแรงมินโฮแน่น ดวงตาเฉี่ยวสวยแหงนสบตากับร่างสูงที่ส่งสายตางุนงงมาให้

                “อะไรวะ”

                “ติดต่อรูมเมทนายให้ฉันที”คำขอที่ทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วพยายามแกะมือขาวนั่นออก แต่ก็ยากเย็นเกินไปเมื่อเขาแกะออกมือของคีย์ก็ตะปบลงมาที่แขนเขาอีกไม่เลิก

                “ไม่มีทาง แล้วก็ปล่อยแขนฉันได้แล้ว”

                “ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ นะ นะ”ถึงมินโฮจะดูเป็นคนใจร้อนหรือปากร้ายไปบ้าง แต่กับคนสนิทนั้นเขาแทบจะยอมให้ทุกเรื่อง ร่างสูงถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คีย์แทบจะร้องกรี๊ด(?)ออกมา

                “เลิกงานแล้วไปร้านนั้นกัน ฉันจะพานายไปเอง”

                ตอนนี้คิมคีบอมเห็นโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับแทมินขึ้นมาหน่อยๆแล้ว

                “แต่นายต้องบอกเหตุผลมาว่าทำไมถึงอยากเจอหมอนั่น”และแล้วริมฝีปากของคีย์ก็เล่าเรื่องเหตุผลพร้อมอาการเขินอายทุบตีร่างสูงไปด้วย จนชเวมินโฮชักจะรู้สึกว่าเขาอาจจะทำอะไรที่ผิดพลาดลงไปครั้งใหญ่ก็ได้..

                เข็มนาฬิกาเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเกือบเก้าโมงเช้า อีแทมินชะโงกหน้าเข้ามาดูก่อนจะเห็นว่าบนจานสีขาวนั้นมีขนมหนึ่งชิ้นที่วางไว้อยู่ตรงกลาง เนื้อครีมชีสสีขาวเนียนดูนุ่มลิ้นกำลังถูกตกแต่งด้วยผลไม้หลากสีสันไม่ใช่แค่บลูเบอร์รี่สีม่วงเท่านั้น ผลไม้แต่ละชิ้นถูกหั่นลงอย่างประนีตและจัดวางไว้สวยงาม

                ส่วนล่างที่มักจะเป็นขนมปังกรอบธรรมดาก็ใช้เป็นบิสกิตสีดำที่บดละเอียดแทน วิปครีมสีขาวเนียนนุ่มถูกใช้ประดับตรงข้างๆแล้วมีซอสสตรอว์เบอร์รี่ราดทับซ้ำอีกที อีแทมินมองมิกซ์ฟรุ้ตชีสเค้กตรงหน้าด้วยความสนใจ

                “พี่จินกิ..ผมอยากกินแล้วอ่ะ”

                “ต้องให้คุณแจจุงชิมก่อนสิ”ร่างโปร่งมองใบหน้าหวานของคนที่ต้องทดลองงานแล้วอดไม่ได้จะยิ้มออกมา เวลาตั้งใจทำอะไรจริงจังนี่ก็น่ารักไปอีกแบบสำหรับเขา อีแทมินเลื่อนสายตาลงมาพิจารณาขนมหวานในจานอีกครั้งที่ดูสวยงามหลากสีสัน ถึงจะทำออกมาดูดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่อร่อยก็จบกัน

                “สวัสดีครับคุณแจจุง”เสียงบริกรดังขึ้นพร้อมกันทำให้แทมินหันกลับไปมองชายหนุ่มหน้าสวยที่เข้ามาใหม่ อีแทมินยิ้มกว้างยียวนแล้วร้องทักขึ้น

                “อรุณสวัสดิ์ครับเจ้านาย ตรงเวลาเหมือนเดิมเลย”

                “ไม่ใช่คนขี้เกียจแบบนายนี่แทมิน คุณทำเสร็จแล้วรึยัง”ประโยคหลังหันไปคุยกับจินกิที่ส่งเสียงทักทายออกมา ร่างเพรียวพยักหน้ารับก่อนจะถือเอาจานใบสวยนั้นออกมาให้เจ้าของร้านที่เดินไปนั่งตรงโต๊ะตัวเดิมที่คุยกับเขาเมื่อวาน

                “หน้าตาน่ากินดีนะ”คำชมแรกทำให้อีจินกิเผลอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างโล่งอก ถึงเขาจะมั่นใจในความสามารถของตนเองแต่ก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี

                คิมแจจุงค่อยๆกดปลายช้อนลงชีสเค้กเนื้อเนียนนั่นก่อนจะกดสายตามองขนมปังกรอบสีดำที่ไม่แตกตัวเลอะเทอะแล้วยิ้มออกมา ช้อนคันเล็กกำลังจะเข้าสู่ริมฝีปากด้วยความลุ้นระทึกของอีจินกิโดยที่แทมินเองก็ช่วยลุ้นตามไปด้วย

                ช้อนเงินถูกใช้งานลงวิปครีมสีขาวฟูนุ่มแล้วตักเข้าปากอีกครั้ง คิ้วสวยของแจจุงขมวดเล็กน้อยก่อนจะวางช้อนลงบนจานเหมือนเดิม พอแหงนหน้าขึ้นก็สบตากับพาทิซิเย่ตัวแสบกับอีจินกิที่จ้องมาราวกับไม่เคยเห็นเขามาก่อน

                “เนื้อเค้กนุ่มดี ไม่หวานไม่เลี่ยนจนเกินไปและผลไม้ก็หั่นพอดีคำ ขนมปังกรอบข้างล่างไม่แตกร่อนด้วย ส่วนวิปครีมคุณใช้ของที่ร้านผม ถูกต้องมั้ย?”

                “อ่า ใช่แล้วครับ เพราะผมกลัวมันจะไม่ทันเลยเอามาใช้ก่อน”แจจุงพยักหน้ารับแล้วเงียบลงไปอย่างใช้ความคิด บรรยากาศรอบตัวดูกดดันขึ้นมาทันทีจนแทมินยังรู้สึกอึดอัดเลยต้องรีบถามออกไป

                “ผ่านมั้ยเจ้านาย?”

                “ไม่..”คนฟังรู้สึกหัวใจหล่นวูบแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรดวงหน้าสวยของเจ้าของร้านก็เผยอยิ้มขึ้นมา

                “ไม่ต้องทดลองงานแล้ว ตอนนี้คุณเป็นพาทิซิเย่ร้านผมแล้วนะจินกิ”

                “โหย เจ้านายทำผมกับพี่จินกิหัวใจแทบวาย!”เสียงอีแทมินโวยวายทำให้คนที่ผิดหวังเมื่อครู่และยังงงๆอยู่ได้สติแล้วยิ้มกว้าง ร่างเพรียวรีบโค้งขอบคุณก่อนจะหันไปกอดกับแทมินที่เข้ามากอดเช่นกัน

                คิมแจจุงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะตักชีสเค้กเข้าปากอีกคำ ไม่รู้ว่าเจ้าอีแทมินตัวแสบมันจะดีใจอะไรนักหนาและไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

                “เจ้านายๆ ผมขอชิมคำนึงสิ”

                “อยากกินก็ไปทำเองสิ อ้อ จินกิไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณแจจุงก็ได้นะ เรียกเจ้านายเหมือนเด็กนี่ก็ได้”

                “ครับเจ้านาย”จินกิยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะเมื่ออีแทมินเริ่มก่อกวนเจ้านายร้องขอกินขนมจนน่าหมั่นไส้ ตอนนี้เขารูสึกว่าความฝันการเป็นพาทิซิเย่และมีร้านเป็นของตัวเองด้วยเงินเก็บของตนเริ่มจะก่อรูปก่อร่างขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

                 TBC.

                บไปกับตอนสอง..สาระคืออะไร? ฮ่าๆๆๆ เอาเถอะๆ มันเป็นฟิคคลายเครียดหวานๆนี่เนอะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่ารีบร้อน รีดเดอร์รู้สกว่าตอนนึงมันสั้ไปมั้ยคะ หรือว่ามันกำลังดีแล้ว สามารถติชมได้เต็มที่เลยนะคะ ตอนถัดๆไปก็เริ่มจะจริงจังแล้วค่ะ นี่แค่เกริ่นๆ(?) ฮ่าๆๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ



    แจกสูตรขนม

                กลับมาแจกสูตรอีกครั้ง แน่นอนว่ามิกซ์ฟรุ้ตชีสเค้กนั่นค่อนข้างจะมโนเล็กน้อย ฮา เลยเอาบลูเบอร์รี่ชีสเค้กมาฝากแทนละกันนะคะ!

    Blueberry Cheesecake   << จิ้มเลยเจ้าฮะ
     

     

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×