คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Case 2 : Bloody Rose [Part 1]
Case 2 : Bloody Rose
บทที่ 1
หากความรักนั้นเป็นดั่งเช่นกุหลาบขาวที่บริสุทธิ์..คงจะเป็นความรักที่งดงามและน่ายกย่องยิ่งนัก
กุหลาบขาวถูกปักลงบนอกด้านซ้ายของเด็กหนุ่มที่มีหยาดเลือดหลั่งริน ริมฝีปากของบุคลลที่ยืนอยู่เหนือร่างนั้นขยับขึ้นลงเอ่ยถ้อยคำให้ร่างไร้ชีวิตที่นอนแน่นิ่ง
“ขอโทษนะ แต่ฉันทนไม่ได้จริงๆ”
สีแดงซึมผ่านเสื้อนอนและกุหลาบขาวที่ปักลงอกด้านซ้ายนั้น กลีบดอกสีบริสุทธิ์ถูกสีแดงจากที่เปรอะเปื้อนเลือดที่กระเซ็นและดูดซึมโลหิตเข้ามาทีละน้อย สีขาวกลายเป็นสีแดงเข้มจนแทบไม่เหลือสีเดิม
กุหลาบสีขาวกลายเป็นกุหลาบสีเลือด งดงามและน่าสะพรึงกลัวไปในคราเดียวกัน
.
.
.
.
โรงเรียนประจำนั้นจะมีนักเรียนพักอยู่รวมถึงอาจารย์ประจำหอพัก บรรยากาศที่เคยสงบสุขนั้นมีความตึงเครียดแผ่ออกมาจางๆกับเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นสองศพภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว สองศพนั้นมีความเหมือนกันเรื่องเพศชายแต่แตกต่างกันในเรื่องชั้นปีและไม่มีจุดเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น สภาพการตายมีอยู่หนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือกุหลาบขาวที่ปักลงอกด้านซ้ายตำแหน่งหัวใจ
คดีกุหลาบเลือดกำลังเริ่มต้นขึ้นและเป็นประเด็นที่เหล่านักเรียนพูดถึงกันมากที่สุด
“แล้วทำไม พวกเราถึงต้องมาที่นี่ล่ะ”คิมจงฮยอนพูดขึ้นพลางมองไปยังเหล่านักเรียนที่เดินออกจากหอพักเพื่อเข้าเรียน ในโรงเรียนนี้มีทั้งนักเรียนชายและหญิงโดยหอพักของนักเรียนชายกับหญิงจะถูกแบ่งไว้คนละฝั่งอย่างชัดเจน มีการป้องกันเข้มงวดเลยไม่เคยมีเรื่องราวเสียหายใดๆเกิดขึ้น
“คดีกุหลาบเลือดน่ะสิ”หัวหน้าหน่วยตอบพลางขยับแว่นตาขึ้นเล็กน้อย มีสายตาสงสัยมาจากนักเรียนที่ผ่านไปผ่านมาแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาพูดคุย เพราะบรรยากาศรอบตัวดูกดดันจนไม่น่าใกล้โดยเฉพาะผู้ชายในชุดอาจารย์ที่ตัวสูงที่สุด
“นายเคยอ่านเอกสารก่อนมาบ้างมั้ย ที่นี่เป็นโรงเรียนในเครือของศาสนจักรดังนั้นการเกิดเหตุทุกอย่างทางศาสนจักรก็ต้องรับผิดชอบ”เสียงคีย์บ่นขึ้นแต่จงฮยอนกลับส่ายหัวและพูดต่อ
“ไม่ใช่แบบนั้น คือ ทำไมต้องเป็นพวกเราล่ะ? เอ็กโซซิสท์หน่วยอื่นก็มีเยอะแยะ”
“ศาสนจักรกลัวว่าจะเป็นฝีมือเจ้านั่นอีกน่ะสิ”อีจินกิตอบให้ก่อนจะหันไปมองหน่วยสอดแนมที่มักปลอมตัวบ่อยๆ ชเวมินโฮกำลังกอดอกหน้านิ่งไม่พูดอะไรออกมาตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว
“ไม่มีความเห็นหรอมินโฮ”
“ไม่”
“งั้น ไปพบอาจารย์ใหญ่กันได้แล้วล่ะ”ปีศาจทั้งสี่ก้าวเดินตรงไปยังตึกสูงเพื่อหาอาจารย์ใหญ่ตามที่ถูกแทรกแซงมาให้สืบคดี และพวกเขาก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังก้าวเดินไปด้วยท่าทางไม่เร่งรีบมากนัก เด็กนักเรียนคนนั้นหันกลับมาก่อนจะกระตุกยิ้มให้แล้วเดินจากไป
อีแทมินกลายเป็นนักเรียนที่โรงเรียนแห่งศาสนจักรไปแล้ว
บานประตูเลื่อนอัตโนมัติแต่สภาพตึกเรียนยังคงกลิ่นอายตะวันตกสมัยยุคกลางได้อย่างดี เหล่านักเรียนที่วิ่งเล่นวุ่นวายรีบกลับไปนั่งที่โดยสายตาจับจ้องไปยังอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“อรุณสวัสดิ์นักเรียน”
“อรุณสวัสดิ์ครับ/ค่ะ”
“อาจารย์ชื่อคิมคิบอม”กระดานขาวหากแต่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และมีปากกาวางไว้หลากหลายสีแทบไม่ต่างกับกระดาษขาวที่มีปากกาให้รอใช้ คีย์เลือกสีดำขึ้นมาก่อนจะเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษลงไป เมื่อเขียนเสร็จก็หันกลับไปส่งยิ้มให้นักเรียนที่มองอยู่
“จะมาสอนวิชาภาษาอังกฤษ ฝากตัวด้วยนะ”
“มาฝากที่ห้องผมสิครับอาจารย์”หนึ่งในนักเรียนพูดโดยได้เสียงโห่แซวจากเพื่อนที่เหลือได้ไม่ยาก คิมคิบอมกระตุกยิ้มก่อนจะพูดขึ้น
“กักบริเวณห้าวัน มีใครอยากให้ไปฝากตัวที่ห้องอีกรึเปล่า”
“ชเวมินโฮ”เสียงทักทายนั้นนิ่งเย็นชาเหมือนกับแววตานั่นจนนักเรียนไม่กล้าพูดอะไรออกมา ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองไปรอบห้องก่อนจะเห็นอีแทมินที่ยักคิ้วมาให้
“สอนวิชาคณิตศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำหอชายระดับปลาย มีอะไรสงสัยรึเปล่า”
“อาจารย์คะ”เด็กสาวคนหนึ่งค่อยๆยกมือขึ้นทั้งที่มีท่าทางไม่มั่นใจ ชเวมินโฮพยักหน้าเป็นเชิงให้พูดได้และมองไปยังใบหน้านักเรียนคนนั้น
“อาจารย์คนก่อนไปไหนหรอคะ”
“ไปพักผ่อน”และในห้องเรียนนี้ก็ไม่มีเสียงใดๆออกมาอีกนอกจากการเช็คชื่อและการอธิบายเนื้อหา
“อีจินกิ”พูดไปพลางเขียนชื่อบนกระดานไปพลางก่อนจะหันกลับมาหานักเรียนที่มองตามอยู่ ดวงตาเล็กใต้กรอบแว่นกวาดมองไปรอบๆก่อนจะเผยอยิ้มบางออกมาเล็กน้อยไม่ให้บรรยากาศอึดอัดมากนัก
“จะมาสอนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานให้กับพวกเธอ แทนอาจารย์ที่ไปพักผ่อน ระยะเวลาในการอยู่ไม่แน่นอน มีอะไรสงสัยมั้ย?”
“งั้นมาเช็คชื่อกันเลยละกันนะ”
คิมจงฮยอนเดินไปรอบๆโรงเรียนเพื่อสำรวจดูกล้องวงจรปิด ดวงตากวาดมองไปก็พบว่ามีกล้องวงจรปิดค่อนข้างน้อยและในหอพักที่ไปสำรวจเมื่อครู่ก็มีติดไว้ตามทางเดินแต่ก็มีมุมอับให้เห็น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ติดไว้ตามทางเดินเท่านั้นและกล้องบางตัวก็พังไปแล้วด้วย คงเพราะคิดว่าที่นี่นักเรียนเป็นระเบียบดีจึงไม่ใส่ใจเรื่องกล้องวงจรปิดมากนัก
พอเกิดเหตุขึ้นมามันถึงได้วุ่นวายใหญ่โต
ตั้งใจจะเดินไปยังที่เกิดเหตุทั้งสองที่คือหนึ่งสวนด้านหลังหอพักชายระดับปลาย กับอีกที่คือห้องน้ำในโรงพละ ศพทั้งสองศพโดนฆ่าด้วยอุปกรณ์แถวนั้นอย่างโรงพละก็โดนไม้เบสบอลทุบ และในสวนก็โดนจอบฟาดลงไปอย่างพอดี
การตรวจลายนิ้วมือเลยไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยในกรณีนี้ และจากการวิเคราะห์ของคีย์ทำให้รู้ว่าคนลงมือต้องเป็นคนที่แรงเยอะพอสมควรและไม่มีทางที่เด็กระดับต้นจะทำได้ รวมถึงสถานที่นี้ใหญ่โตและแบ่งสัดส่วนของระดับต้นกับปลายชัดเจน หากจะเดินมาฆ่าคนถึงนี้คงไม่มีทางที่จะไม่มีใครพบเจอ
แต่ก็ระบุไม่ได้ว่าเป็นอาจารย์หรือนักเรียนที่ลงมือดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการปลอมตัวลงมาแทรกแซง โดยได้รับการยินยอมจากอาจารย์ใหญ่และศาสนจักรก็ดำเนินเรื่องให้
อีจินกิไปสอนวิทยาศาสตร์พื้นฐานให้ห้องหนึ่งกับสอง คิมคีบอมไปสอนวิชาภาษาอังกฤษให้ห้องสองกับสาม ชเวมินโฮไปสอนคณิตศาสตร์พื้นฐานให้กับห้องสามกับสี่รวมถึงเป็นอาจารย์ประจำหอชาย
และคนที่ลงไปแทรกซึมในหมู่นักเรียนคืออีแทมิน ที่ยอมปรุงยาลดอายุมากินจนดูเด็กลงจนอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี ส่วนเขาซึ่งก็คือคิมจงฮยอนเป็นอาจารย์พิเศษให้สำหรับนักเรียนที่เลือกเรียนวิชาดนตรี และเป็นอาจารย์ประจำหอพักชายเหมือนมินโฮ
โรงเรียนนี้จะมีการเรียนการสอนคือช่วงเช้าทุกคนจะเรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกันหมด แต่พอช่วงบ่ายก็แล้วแต่ว่าใครลงเรียนวิชาอะไรเพิ่มตามที่สนใจ โดยในแต่ละชั้นปีจะแบ่งออกเป็นสี่ห้องเรียน และห้องเรียนจะมีนักเรียนไม่เกินสี่สิบคน และอาจารย์ในวิชาพื้นฐานก็จะมีวิชาละสองคนเท่านั้นส่วนอาจารย์พิเศษจะมีมากกว่าแต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่โรงเรียนแบบอาจารย์ในวิชาพื้นฐาน
อาจารย์พื้นฐานคนหนึ่งจะต้องรับผิดชอบสอนวิชาที่รับผิดชอบแก่นักเรียนชั้นปีละสองห้อง เป็นงานที่หนักแต่ก็ดีสำหรับการที่จะลงไปสังเกตการณ์เหล่านักเรียนที่เป็นผู้ต้องสงสัยทุกคน ส่วนอาจารย์พิเศษแบบเขาคือสอนนักเรียนในแต่ละชั้นปีที่ลงเรียนวิชาช่วงบ่ายที่เลือกเองโดยเขาเลือกไปสอนระดับปลายปีสอง
ส่วนอาจารย์ประจำหอก็คือผู้ดูแลหอพักมีหอละสี่คน โดยเป็นบุคคลน่าสงสัยรองมาจากนักเรียนแต่ก็ตัดทิ้งไปเพราะถึงแม้จะรู้ตำแหน่งกล้องวงจรปิดดีแต่จากสืบสวนเบื้องต้นของศาสนจักรก็เลยตัดทิ้งไปและจับเขากับมินโฮเข้าไปแทรกแทนสองตำแหน่ง
และอีแทมินปลอมเป็นนักเรียนเข้าใหม่ในระดับปลายปีหนึ่ง เพื่อจะได้เก็บข้อมูลจากเหล่านักเรียนให้ได้มากที่สุด ในทีแรกตั้งใจจะให้คีย์ลงไปด้วยแต่อุปกรณ์ปรุงยาของแทมินทำยาลดอายุได้คนเดียวดังนั้นจึงต้องตัดทิ้งไป และให้แทมินเหนื่อยหน่อยกับการเข้าตีสนิทรุ่นพี่
โรงเรียนนี้มีหอพักสำหรับอาจารย์พื้นฐานอีกดังนั้นจะเป็นหน้าที่ของจินกับคีย์ในการเข้าไปจับตาดู ส่วนหอหญิงยังคงตกลงกันไม่ได้แต่ก็อาจจะต้องมีการใช้แผนการเล็กน้อย แต่เป้าหมายที่เน้นคือผู้ชายมากกว่าจากแรงการทำร้ายศพทั้งสองศพ
คิมจงฮยอนหวังว่าเสน่ห์อินคิวบัสของคีย์จะใช้ได้ดีสำหรับงานนี้ และใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วย
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือค้นหาผู้ร้ายในจำนวนนักเรียนระดับปลายจำนวน 480 คน และ ในหมู่อาจารย์อีกราวๆห้าสิบคน เป็นจำนวนน้อยมากสำหรับโรงเรียนทั่วไปแต่สำหรับการสืบคดีถือเป็นจำนวนที่มากเกินไป
คิมจงฮยอนจึงไม่แปลกใจนักว่าทำไมพวกนั้นถึงโยนงานมาให้ปีศาจแบบพวกเขาจัดการ ถึงแม้ว่าคดีนี้ดูท่าทางจะไม่มีปีศาจมาเกี่ยวข้องเลยก็ตาม
ในขณะที่กำลังเดินไปยังทิศทางโรงพละก็ได้ไปเห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่กำลังรีบเดินมาทั้งที่เป็นเวลาเข้าเรียนไปแล้ว
“เธอ ทำไมไม่เข้าห้องเรียน”เด็กสาวสะดุ้งก่อนจะหันกลับมายังทางที่จงฮยอนยืนอยู่ ขาเรียวคู่นั้นรีบก้าวเข้ามาหาและส่งสายตาสงสัยมาให้
“อาจารย์คิมจงฮยอน เป็นครูพิเศษที่เพิ่งเข้ามาสอนน่ะ”
“อ๋อค่ะ หนูไม่ค่อยสบายเลยตื่นสาย”
“งั้นก็รีบไปเถอะ”จงฮยอนมองตามเด็กสาวคนนั้นไป ดวงตาหรี่ลงเมื่อตอนเด็กสาวแสนสวยที่เข้ามาใกล้นั้นมีกลิ่นของผู้ชายติดมาด้วย คิมจงฮยอนตัดสินใจเดินตรงไปยังทิศทางที่เธอเพิ่งจากมา กลับพบว่านี่ไม่ใช่ทางไปหอหญิงหรือสถานพยาบาลแต่เป็นทางไปยังโรงอาหารกลาง
คงจะโดนแกล้งมาแน่ๆ
ร่างหนาเคลื่อนกายไปด้วยท่าทีเหมือนคนทั่วไปที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษ บานประตูอัตโนมัติเลื่อนออกเผยให้เห็นข้างในที่กว้างโปร่งและดูสง่างามด้วยการตกแต่งแบบยุโรป ก้าวขาไปตามทางเดินก็พบกับเด็กหนุ่มสี่ห้าคนที่นั่งอยู่และพูดคุยเสียงดัง
“ทำไมไม่ไปเรียน”ทำเสียงดุเข้มให้เด็กเหล่านั้นตกใจเพราะปกติเวลานี้จะไม่มีอาจารย์มาเดินดู คิมจงฮยอนอยากจะขำกับท่าทางเด็กพวกนี้ที่เมื่อครู่อย่างกับลิงแต่ตอนนี้เรียบร้อยขึ้นมาทันตาเห็น
“ฉันเป็นอาจารย์เพิ่งเข้ามาใหม่ สั่งกักบริเวณซะดีมั้ง”
“พวกผมขอโทษครับ!”
“แต่บอกเหตุผลมาฉันอาจจะทำเป็นไม่เจอพวกเธอก็ได้นะ”
“พวกเราตื่นสายครับ เลยรอเวลาที่จะเรียนคาบต่อไปเลย”จงฮยอนมองไปยังแววตาเด็กกลุ่มนี้ที่มองก็รู้ว่ากำลังโกหก
“แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
“ผะ ผู้หญิง ผม..”ทำหน้าดุจ้องไปยังใบหน้าเด็กกลุ่มนี้เรียงคนจนในที่สุดหนึ่งในนั้นจึงยอมพูดขึ้น
“เธอสวยพวกเราก็เลยแหย่เธอเล่นน่ะครับ..แค่ดึงตัวไว้เฉยๆเองนะครับ!”จงฮยอนหยิบเอาอุปกรณ์ที่ทางโรงเรียนแจกมาก่อนจะมองไปยังป้ายชื่อเด็กกลุ่มนี้ ใช้เวลาไม่นานก็เจอระดับชั้นและห้องที่อยู่ก่อนจะป้อนข้อมูลลงไป
“กักบริเวณสองวัน”
“อาจารย์..”
“ไปเรียนได้แล้ว”เด็กกลุ่มนั้นรีบวิ่งไปโดยจงฮยอนหัวเราะออกมาเล็กน้อย ดูจากท่าทางก็คงจะเป็นอย่างที่เด็กพวกนี้พูดและคงไม่มีอะไรเกินเลยมากนัก จงฮยอนอยากจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะยังมีเด็กนักเรียนที่ตื่นสายอยู่อีกรึเปล่า
ชเวมินโฮเป็นถึงอาจารย์ประจำหอเลยนี่นะ
TBC.
Special
เบื้องหลังการสืบคดี Bloody Rose
หนึ่งวันก่อนเริ่มทำคดี
กองหนังสือลอยข้ามห้องมาโดยเวทมนต์ของพ่อมดปีศาจที่เดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น หนังสือหลายสิบเล่มกระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงและสีหน้าของคนอีกสี่คนก็แปรเปลี่ยนไปกับสิ่งที่เห็น
ทั้งตกใจ สนุกสนาน เรียบเฉย และสนใจกองหนังสือนี่
“นี่คือหนังสือระดับชั้นมัธยมปลาย ที่พวกนายจะต้องจำและเข้าใจภายในหนึ่งวันนี้”อีแทมินอธิบายก่อนจะลงนั่งด้วยท่าทางอารมณ์ดี ด้วยความต้องปลอมตัวเป็นนักเรียนจึงไม่ต้องมาลำบากอะไรกับการอ่านหนังสือน่าเบื่อพวกนี้
“เอาล่ะ วิทยาศาสตร์พื้นฐานของฉัน”มือขาวเอื้อมมาเอากองหนังสือส่วนบนสุดลงไปไว้กับตัว คีย์เองก็มาหยิบหนังสือภาษาอังกฤษลงไปจนกองหนังสือลดลงไปกว่าครึ่ง ชเวมินโฮเอาหนังสือคณิตศาสตร์พื้นฐานมาไว้กับตัว และเหลือหนังสือทฤษฎดนตรีไว้ตรงหน้ามนุษย์หมาป่าที่เริ่มทำหน้าเหมือนกลืนยาขมลงไป
“ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย”
“ห้องใครห้องมัน แยกย้าย”หัวหน้าหน่วยไม่ตอบประโยคของจงฮยอนและสั่งให้ทุกคนหิ้วกองหนังสือของตนเองไปด้วย จงฮยอนอยากจะบ้าตายที่อายุร่วมสองร้อยปีต้องมาอ่านเนื้อหาสำหรับเด็กๆแบบนี้ สำหรับมนุษย์หมาป่าแบบเขามักจะรักการลงมือทำมากกว่านั่งอ่านทฤษฎีบ้าบอพวกนี้
“ให้ตายเถอะจินกิ! เราแค่เข้าไปสืบคดีนะ”
“ถ้าปลอมตัวไม่ดีก็สืบไม่ได้สิจงฮยอน เข้าห้องไปซะ”พอพูดจบอีจินกิกับคิมคีบอมก็แยกย้ายเข้าไปห้องนอนไปทันที เหลือเพียงอีกสามคนเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่
มนุษย์หมาป่าอายุสองร้อยปีต้องมาทำความเข้าใจวิชาของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน..ถ้าไม่ได้เป็นเอ็กโซซิสท์คงไม่ได้มีประสบการณ์น่าเบื่อแบบนี้แน่ๆ
ไม่ว่าจะยังไงก็ตามคิมจงฮยอนเกลียดการอ่านหนังสือเรียนที่สุดไม่ว่าจะร้อยปีก่อนหรือปัจจุบันนี้ก็ตามที สงสัยว่าเขาคงต้องเข้าโบสถ์ไปสารภาพบาปที่ด่าแช่งพระเจ้าอยู่ในใจบ่อยๆเสียแล้ว
“ฉันเข้าใจว่านายโง่นะจงฮยอน แต่ทำตัวฉลาดหน่อยก็แล้วกัน”
ดาร์คเอลฟ์ปากหนักพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและลุกขึ้นเดินออกไป อีแทมินหัวเราะลั่นกับคนโดนด่าที่ยังอึ้งไปกับฝีปากของสมาชิกที่ตัวสูงที่สุดในหน่วยนี้ พอตั้งสติได้ก็ตะโกนด่าแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจเลยก็ตาม
“ไอ้เวรมินโฮ!!”
คิมจงฮยอนก็เป็นมนุษย์หมาป่าที่ทำอะไรก็โดนด่าอยู่เสมอน่ะแหละ..
TBC.
เริ่มคดีที่สองแล้วค่า แปะๆ ซึ่งมันอาจจะไม่สนุกก็คงขออภัยไว้ก่อน แนวนี้มันยากจริงๆค่ะ ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นเกริ่นนำและอธิบายว่าตัวละครมีหน้าที่อะไร และสภาพในโรงเรียนเป็นยังไง ขอบคุณสำหรับการติดตามและการเข้ามาอ่านนะคะ ติชมได้เลยค่ะ!
ปล. แถมสเปให้เล็กๆหวังว่าจะเรียกรอยยิ้มได้นะคะ ฮ่าๆๆ
ความคิดเห็น