คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Case 1 : Magic is Magic [Part 2]
Case 1 : Magic is Magic
บทที่ 2
ดวงตาที่ล่องลอยไปเบื้องหน้าไร้จุดมุ่งหมาย ไร้ชีวิต
ร่างกายแข็งชืดที่คุกเข่าลงผืนธรณี
อุ้งมือโอบประครองศีรษะราวกับเป็นเครื่องบรรณาการ
แอ่งเลือดที่ไหลทะลักมาจากบาดแผลที่ลำคอที่ถูกสะบั้นให้ขาด
Magic is Magic
The show must go on
สาส์นท้าทายจากฆาตกรที่ส่งให้เอ็กโซซิสท์ได้ค้นหา..โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเหยื่อต่อไปเป็นใคร และกำลังล่อใครออกมากันแน่?
.
.
.
.
เสียงฝ่าเท้ากระทบกับพื้นเฉอะแฉะดังไปทั่วบริเวณ แทมินมองไปรอบๆป่าดำมืดด้วยความสนใจกับถิ่นของดาร์คเอลฟ์ที่มีดาร์คเอลฟ์พามาเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิดว่าผืนป่าเหล่านี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงโดยอาศัยมิติทับซ้อน
“เราจะไปเริ่มกันตรงไหน”แขนยาวขยับขึ้นชี้ไปเบื้องหน้าที่มืดมิดไร้แสงไฟจนน่าหวาดหวั่น แต่ทางซ้ายมือของอีแทมินกลับมีแสงสว่างเลือนรางท่ามกลางกลุ่มหมอก
“แต่ตรงนั้นมีแสงไฟ”
“นายจะเดินไปตามแสงเรื่อยๆ โดยที่นายไม่มีวันจะไปถึง สุดท้ายนายก็จะตายอยู่ในป่านั่นน่ะแหละ ตามมา”แทมินไหวไหล่เดินตามคนพูดน้อยที่วันนี้ยอมพูดยาวเหยียดเพื่ออธิบายข้อมูลดาร์คเอลฟ์ การเดินทางที่เงียบแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเอาเสียเลย หากเอาจงฮยอนมาด้วยคงดีจะได้มีเพื่อนคุยบ้าง
ปลายนิ้วชี้ถูกกัดด้วยเขี้ยวจนมีหยดเลือดซึมออกมา ชเวมินโฮป้ายนิ้วชี้ลงกลางอากาศที่เป็นช่องห่างระหว่าง ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่โค้งแปลกประหลาดราวกับเป็นบานประตู มือหนาคว้าต้นแขนพ่อมดปีศาจไว้ก่อนจะพาเดินเข้าไป
อีแทมินรู้สึกถึงร่างกายสั่นสะท้านกับความเย็นยะเยือกที่เขาเดินผ่านเข้ามา
“ยินดีต้อนรับสู่เผ่าดาร์คเอลฟ์”
เอลฟ์คือภูตผู้ทำความดี สดใส และช่วยเหลือมนุษย์ แต่ดาร์คเอลฟ์นั้นเป็นหนึ่งในปีศาจด้วยสายเลือดปีศาจแต่กำเนิด เลยถูกจัดเป็นปีศาจระดับอันตรายอีกหน่งเผ่าพันธุ์ที่ไม่ควรข้องแวะ
บรรยากาศรอบตัวของอีแทมินนั้นถึงจะมีแสงไฟและผู้คนเดินไปมาแต่ก็ไม่ชวนให้ผ่อนคลาย เพราะแทบทุกคนที่ใส่ฮู้ดคลุมทั้งตัวจนไม่เห็นใบหน้า
“มันเป็นแฟชั่นรึไง”
และมีเพียงความเงียบที่เขาได้รับกลับคืนมา..
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นโรงละครขนาดใหญ่กำลังมีการแสดงของนักมายากล โดยช่วงนี้นั้นได้มีการจัดประกวดตามหานักมายากลที่เก่งที่สุดในประเทศ อีจินกิกำลังจับจ้องไปยังเวทีเบื้องหน้าที่มีม่านแดงปิดไว้อย่างไม่ละสายตา โดยที่จงฮยอนกับคีย์แอบลักลอบเข้าไปด้านหลังเวที
“ถ้าเอาแทมินมาด้วยก็คงดี หมอนั่นจะได้ใช้อะบราคาดาบราซ่อนพวกเรา”คีย์หัวเราะเล็กน้อยแล้วพยายามเข้าไปข้างในด้วยการปลอมตัวเป็นนักข่าว ดวงตาเฉี่ยวคมจับจ้องไปยังนักแสดงที่กำลังเตรียมขึ้นเวที
งานเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และเขาต้องทำงานนี้ให้จบภายในวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นอีก
“พวกคุณก็เป็นนักมายากลหรอครับ ถ้าไม่ใช่ช่วยออกไปด้วยนะครับ ข้างหลังนี่มีไว้สำหรับผู้แสดงนะครับ”
“ขอโทษด้วยครับ พวกเราเป็นนักข่าวอยากจะมาสัมภาษณ์น่ะครับ”จงฮยอนรีบพูดพร้อมชูกล้องขึ้นมาแสดงตนเอง แล้เพราะคำตอบนี้เขากับคีย์ก็สามารถเดินทางต่อไปอย่างง่ายดาย
แค่บอกจะมาทำข่าวก็ถูกเชิญเข้าไปอย่างง่ายดาย..สมแล้วที่เป็นมนุษย์
“แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าเป็นคนในนี้ เพราะไอ้เวทมนต์บ้านั่นแท้ๆเลยไม่ได้กลิ่นอะไรเลย น่าโมโหจริงๆ”เสียงทุ้มกระซิบชิดริมหูทำให้คีย์หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะเป็นคนรักกันแต่จงฮยอนนั้นแทบไม่ด้สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ นานๆทีที่คิมจงฮยอนจะเข้ามาใกล้เขาแบบนี้
“ถ้ามีคนเข้าร่วมจริง แสดงว่ามันต้องเป็นพวกคลั่งไคล้มายากลอย่างมากต้องแสดงออกตอนพูดแน่ๆ ที่สำคัญคือ มันต้องการแสดงฝีมือ เพราะฉะนั้นการประกวดใหญ่ครั้งนี้มันต้องมาด้วยแน่ๆ”
ย้อนกลับไปประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนหน้า
“เฮ้ พวกนาย!”จงฮยอนรีบเดินเข้าทุบประตูห้องนอนแต่ละคนด้วยแรงไม่น้อย แวมไพร์และอินคิวบัสที่มีชีวิตอยู่ยามค่ำคืนเปิดประตูมาแทบจะพร้อมกันและตั้งท่าจะด่าพร้อมกันอีกต่างหาก ถึงจะใช้ชีวิตทั้งกลางวันกับกลางคืนสลับกันแล้วแต่สถานการณ์มาตลอด แต่สุดท้ายนอนตอนกลางวันก็เป็นเวลาในร่างกายที่กำหนดไว้อยู่ดี
นอนไปยังไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ...
“ใจเย็นๆ ฉันออกไปสืบข่าวมาน่ะ วันนี้จะมีการแสดงมายากลที่โรงละครกลางเมือง สนใจไปสำรวจกันมั้ย”
“มันเริ่มกี่โมงล่ะจงฮยอน”คีย์ถามขึ้นและเริ่มมีท่าทีกระตือรือร้น ในขณะที่หัวหน้าหน่วยกลับซบลงกรอบประตูแล้วเงียบเสียงลงไป
“หกโมงเย็นน่ะ แล้วก็ได้ตั๋วมาหนึ่งใบสุดท้าย..”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นพร้อมกับการชูตั๋วราคาแพงขึ้นมา ทำให้คีย์มั่นใจว่าตั๋วที่ได้มานั้นไม่ใช่วิธีสุจริตแน่ๆ
แต่พวกเขาเป็นปีศาจจะมาสนใจทำไมกับเรื่องตั๋วว่าได้มายังไง
“เอากระดาษมาซิคีย์ ใบ..อ่า ใบเบิกเงินอะไรนั่นน่ะ ฉันจะเขียนไปให้ศาสนจักรว่าจ่ายค่ารักษาให้คนนั้นด้วย จงฮยอนไปดูว่าคนที่นายไปเอาตั๋วมาไปนอนตายที่โรงพยาบาลไหน ชื่ออะไร ภายในสิบนาทีนะ”
“เดี๋ยวสิจินกิ สิบนาทีนี่มันโหดไปแล้วนะ”
“ห้านาที”บานประตูปิดดังปั้งภายในเวลาที่แทบไม่ถึงวินาที จินกิกระตุกยิ้มก่อนจะรับใบที่คีย์ส่งมาให้แล้วเริ่มขีดเขียนจำนวนเงิน บรรยากาศเงียบลงทันทีจนน่าอึดอัด..ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
คีย์อยากจะถามจินกิเหลือเกินว่าทำไมต้องยุ่งกับจงฮยอนด้วย..แต่กลัวถามแล้วจะเสียเพื่อนและคนรัก
ถึงแม้ตัวเองจะเสียใจขนาดไหนก็ตาม
กลับมาปัจจุบันที่โรงละครขนาดใหญ่ หัวหน้าหน่วยปีศาจเอ็กโซซิสท์ขยับกายบิดขี้เกียจแล้วหาวออกมา ในใจหวังแต่ว่าสมาชิกอีกสองคนที่ไปถึงเผ่าพันธุ์ดาร์คเอลฟ์จะรีบกลับมาเสียที
“ช่วงรอการแสดงนี่น่าเบื่อมากเลยนะครับ”ดวงตาเรียวเหลือบมองคนข้างตัวที่ส่งยิ้มมาให้และหมายถึงกำลังต้องการเปิดบทสนทนากับเขา อีจินกิพยักหน้าแล้วเริ่มชวนคุยเผื่อว่าจะมีข้อมูลอื่นๆที่ช่วยได้
“ชอบมายากลหรอครับ”ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ารับ ดวงตานั้นยังคงจับจ้องมายังใบหน้าได้รูปของหัวหน้าหน่วยที่เริ่มสนใจชวนคุยจริงจัง
“มันน่ามหัศจรรย์นี่น่ะครับ แล้วผมอุตส่าห์ซื้อบัตรราคาแพงๆเพื่อมาดูเลยนี่นา”คำตอบเจือเสียงหัวเราะทำให้ปีศาจที่พยายามทำตัวร่าเริงเริ่มหัวเราะบ้าง ถึงแม้แววตาจะไม่ได้มีความขบขันใดๆเลยสักนิดเดียว
ไม่ถูกชะตาเลยสักนิด
“มายากลก็คือมายากลนั่นแหละครับ พอจับทางได้มันก็ไม่สนุกแล้ว”
“บางทีมันอาจจะสนุกนะครับ พอเราคว้าสิ่งที่เราคิดว่าใช่เอาไว้เราก็ดีใจ แต่พอปล่อยมือออกมากลับไม่มีอะไรอยู่เลย”รอยยิ้มบางส่งให้แวมไพร์ที่นั่งหน้านิ่งและไม่พูดอะไรตอบกลับ ดวงตาเรียวเล็กนั้นมองตรงไปเบื้องหน้าเพื่อคอยเก็บทุกรายละเอียด
.
.
.
.
อีแทมินมองไปรอบๆและพยายามฟังข้อมูลต่างๆจากเหล่าเอลฟ์ที่ใส่ฮู้ดปิดใบหน้าเสียจนมิด โดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าการเปิดเผยใบหน้าเพื่อพูดคุยกันมันยากตรงไหน มีเพียงส่วนน้อยที่เอาฮู้ดลงและพูดคุยกัน..ทำให้เห็นว่าดาร์คเอลฟ์นั้นมีดวงตาที่ดำสนิทเหมือนกับชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าเขา
“ดาร์คเอลฟ์ส่วนใหญ่เป็นอาชญากร นักฆ่า และคนทำเรื่องผิดกฎหมาย ดวงตาของเรามีเอกลักษณ์และไม่เคยไว้ใจใครทั้งนั้น”
“แต่นายกลับมาเป็นแบบนี้เนี่ยนะ ผ่าเหล่าไปหน่อยมั้ง”
“เมื่อก่อนเราไม่ต้องปิดบังใบหน้าแบบนี้หรอก”คำตอบไม่ตรงคำถามทำให้แทมินไหวไหล่ ร้านอาหารที่มีคนหลากหลายมารวมกันเป็นแหล่งข่าวชั้นดีว่าใครทำอะไรที่ไหน และถ้าโชคเข้าข้างจริงๆอาจจะเจอกับดาร์คเอลฟ์นั่นเลยก็ได้
เพราะการฆาตกรรมที่ผ่านมาเริ่มลดระยะห่างลงไป จากศพแรกห่างกับศพที่สองเป็นเวลาสามวัน ศพที่สองกับศพท่ามระยะห่างกันสองวัน และศพที่สามกับศพที่สี่ระยะห่างกันหนึ่งวัน เป็นไปได้ว่าวันนี้อาจจะมีการฆาตกรรมเพิ่มขึ้นดังนั้นพวกเขาควรมาดักทางเสียก่อน
“จริงรึเปล่าที่ว่าแกไปร่วมมือกับมนุษย์”
“เหอะ หมอนั่นมันบ้า ฉันก็แค่ช่วยนิดหน่อยแค่นั้นเอง จะได้เป็นนักมายากลที่เก่งที่สุดในโลกไง”แทมินเบิกตากว้างพยายามฟังบทสนทนานั้นที่ดังจากโต๊ะถัดไป เหมือนโชคเข้าข้างให้พวกเขาได้ข้อมูลจากปากฆาตกรเอง ชเวมินโฮเองก็พยายามที่จะตั้งใจฟังเช่นกัน แต่เสียงที่ค่อนข้างเบาทำให้ได้ยินขาดๆหายไปบางช่วย
“โรงละครนั่นน่ะหรอ? แกจะไปทันรึไง?”
“ที่นั่นน่ะหรอ? หมอนั่นมันแสดงไป พองานเลิกฉันก็ไปหาคนก็แค่นั้น..ท่านจะต้องพอใจแน่ๆ”
มินโฮกับแทมินมองหน้ากันเมื่อรู้สึกว่ามีบุคคลปริศนาโผล่ขึ้นมาอีกหนึ่งคน แทมินเริ่มส่งสายตาถามว่าจะเอายังไงกับดาร์คเอลฟ์นี่ แต่คำตอบที่ได้ไม่ใช่คำพูดกลับเป็นการกระทำของร่างสูงที่เดินเข้าไปหาอีกฝ่าย มือใหญ่นั้นกระชากลงให้มานอนกองกับพื้น ขายาวตวัดเข้าตรงลำตัวอีกที แต่เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่เหลือกลับไม่มีท่าทีสนใจใดๆ ราวกับเรื่องปกติที่มีการทะเลาะกัน
ในขณะที่คู่สนทนานั้นวิ่งหายออกไปเรียบร้อย
“แกต้องไปโรงละครกับพวกเราแล้วว่ะ”
“เหอะ..หมาของศาสนจักรนี่เอง ถึงแกจะจับฉันไว้ยังการสังเวยมันก็มีอยู่ดี!”อีแทมินมองโดยรอบเมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศเริ่มคุกรุ่น..โดนดาร์คเอลฟ์นับสิบรุมไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
แต่ประเด็นคือรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาเป็นเอ็กโซซิสท์?
“หุบปากไปซะ”เสียงทุ้มต่ำนั้นทำให้บรรยากาศคล้ายจะเย็นลง หมัดหนักเข้าไปตรงมุมปากฝ่ายที่นอนกองกับพื้นจนเลือดออก
“หมาของศาสนจักรมันเข้ามาโว้ย! ไอ้พวกปีศาจทรยศ!!!”มือใหญ่ทะลวงตรงอกข้างซ้ายแล้ววกระชากก้อนอวัยวะที่ยังคงเต้นไม่หยุด ดวงตาสีดำสนิทนั้นเต็มไปด้วยความโมโหและคุ้มคลั่งราวกับสัว์ร้าย และเพราะคำพูดนั้นทำให้ดาร์คเอลฟ์นั้นเริ่มโจมตีคนทรยศต่อเผ่าพันธุ์ มินโฮสบถออกมาด้วยความโมโหแล้วเริ่มรับมือกลับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่กำลังโจมตีเขากับแทมิน
คดีนี้ไม่น่าจะปิดได้ง่ายเสียแล้ว..
ร่างสูงร่างหนึ่งที่มีฮู้ดบนศีรษะกำลังวาดเขตแดนเพื่อทำการเคลื่อนย้าย โรงละครที่อยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะนั้นยังคงทำการแสดงต่อไป อำนาจสะกดของเขากับดาร์คเอลฟ์สองคนนั้นหวังว่าจะทำงานได้อย่างดี
เพื่องานใหญ่ก็ต้องมีการเสียสละเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กันบ้าง โดยเฉพาะพวกไร้ประโยชน์กำจัดทิ้งไปเสียได้ก็ดี
แสงสว่างวาบพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวที่ถูกมัด ดวงตากลมโตนั้นรื้นไปด้วยน้ำตาของความหวาดกลัว ร่างกายเปล่าเปลือยถูกจับมัดคุกเข่าแบบเดียวกับสี่ศพก่อนหน้า เธอรู้ตัวดีว่าโอกาสของเธอมันไม่เหลืออีกแล้ว ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด..แค่กำลังกลับจากมหาวิทยาลัยก็เท่านั้น
แม้แต่จะร้องขอชีวิตยังไม่สามารถพูดออกมาได้ด้วยเทปปิดปาก
ไม่มีคำพูดเยิ่นเย้อ ไม่มีคำเอ่ยลาหรือเสียงหัวเราะ เพราะเขาจะเสียเวลาไม่ได้แม้ว่าคู่หูของเขายังไม่กลับมาจากการแสดงก็ตามที
ศีรษะที่กลิ้งหลุดจากบ่าพร้อมเลือดสีแดงที่ไหลทะลักออกมาจนนองพื้น กระเด็นเปรอะเปื้อนฆาตกรที่ไม่สนใจกลิ่นคาวนี้ ข้อมือทั้งสองข้างถูกจับมัดติดกันโดยที่ฝ่ามือหงายออก ศีรษะที่มีดวงตาเบิกค้างนั้นถูกวางลงอย่างพอดี เลือดของฆาตกรหยดงกองเลือดนั้นพร้อมภาษาแปลกประหลาด เลือดขยับไหวจนเป็นตัวอักษรแล้วค่อยๆเลือนหายไปช้าๆ
Magic is Magic
You have one chance. Fuck you EXORCIST
ความคิดเห็น