ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (no more updates) La Chanson บทเพลงของนายดวงดาวและพระจันทร์ของเขา

    ลำดับตอนที่ #1 : Introduction

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 36
      1
      30 พ.ย. 60

    STORY                         La Chanson บทเพลงของนายดวงดาวและพระจันทร์ของเขา

    MAIN COUPLE             HYUNWOO n MOONVOK

    WRITER                       MONIE’sPARK

     

    INTRODUCTION

    ท่ามกลางผู้คนมากมาย ที่เดินสวนทางไปมาในชั่วโมงเร่งด่วน

    เขาไม่ได้รู้สึกว่ารีบร้อนอะไรด้วยซ้ำ

    ทำไมคนเมืองเหล่านี้ต้องรีบเดินเพื่อให้ถึงจุดหมายเร็วๆ

    ทั้งที่จริง.......แค่ตื่นเช้ากว่านี้

    ไม่รีบเร่งกันแบบนี้ ก็คงไม่มีชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้

     

    โดยเฉพาะวินาทีการแย่งขึ้นขบวนรถไฟ.....

    .....เหมือนที่ตอนนี้ เขาโดนหญิงสาวคนหนึ่งผลักให้ออกจากขบวนรถ

    ความจริงถ้ารีบขนาดนั้น......

     

     

     

     

    .......ป้าควรมาตั้งแต่ตีสาม

     

     

     

    “ขอโทษนะ นั่งด้วยได้มั้ย” เขาหันซ้ายหันขวา ก่อนจะมองคนตรงหน้า ผู้ชายตัวเล็ก ผมยาวถึงอก ยืนก้มหน้า สองมือน้อยๆถือกล่องข้าวสีสันสดใส จ้า สดใสเหมือนสีเสื้อ แต่หน้าเจ้านี่ไม่สดใสเอาเสียเลย

    “เอาสิ”

    “ขอบคุณ” หนุ่มแปลกหน้ายิ้มจางๆ ให้ ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขาและลงมือจัดการข้าวเช้าที่เตรียมมา

    “มาคนเดียวเหรอ” เขาถามไปอย่างนั้น ที่จริงก็แค่ชวนคุยไม่ให้บรรยากาศมันน่าอึดอัด

    “.................” หนุ่มแปลกหน้าเงยหน้าขึ้น สะบัดผมเล็กน้อย ดวงตากลมๆมองด้วยความไม่พอใจ

    “ขอโทษที ไม่อยากให้เงียบ” เขาให้เหตุผลด้วยเสียงที่เบาลง

    “เวลากินข้าว.....อย่าพูด ข้าวจะติดคอ” หนุ่มผมยาวที่เคี้ยวข้าวกลืนลงคอแล้ว ตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อย

    “ขอโทษที”

    .................

    ...........

    .....

    แล้วความเงียบก็เข้าแทนทีอีกครั้ง

    ให้ตายเถอะ เขาไม่ชอบแบบนี้เลย นี่ใคร? นี่ซองฮยอนอูไง ซองฮยอนอูคนคูล และเฟรนด์ลี่ ทำไมเจอแต่คนไม่เป็นมิตรเลยนะ ไม่อยากคุยกันใช่ไหม ได้......เขาฟังเพลงก็ได้

    맘한켠에 위한 방을 비워줘

     

    준비가 안된건 알어 그건 내게 맡겨둬

     

    맘한켠에 위한 방을 비워줘

     

    준비가 안된건 알어 그건 내게 맡겨둬~

     

    ไม่รู้ว่าเขาเปิดเสียงดังเกินไป หรือคนตรงหน้าอยากคุยกับเขากันแน่ เมื่อเขากวาดสายตากลับมาตรงๆ ก็พบว่าหนุ่มผมยาวส่งสายตาเป็นประกายให้เขาเสียแล้ว

    “ฟังเพลงนี้เหมือนกันเหรอ”

    “ก็ฟังตามที่แอพสุ่มให้ฟัง” เขาตอบตามจริง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงที่ฟังอยู่นั้นเป็นของใคร แต่เท่าที่ฟังก็เพลินดี

    “นึกว่าชอบเพลงของพี่เขาเสียอีก” หนุ่มผมยาวคนนี้นี่แปลกคนจริงๆเลยนะ

     

     

     

     

    แต่ก็น่ารักดี

     

    “เปล่า.......” เขาส่ายหน้าประกอบ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เพลงของใคร นายคิด? เนคิด? ชื่อเรียกยากขนาดนี้ เก็บไว้เรียกคนเดียวเถอะ

    “...พี่เขาให้ลองฟังเหรอ”  คนตรงหน้านี่ก็ขยันทำหน้าตาน่ารักจังเลย มีใครบอกเจ้าตัวมั้ยว่า การกระพริบตาถี่ๆ แบบนั้น มันน่ารัก....

    “ไม่รู้สิ ก็มันสุ่มจากเพลย์ลิสต์ของโรงเรียน” เพลงจากเด็กโรงเรียนนี้ถือว่าดังระดับหนึ่งเลยนะ ก็ดังมากพอที่แอพลิชันเพลงใหญ่ที่สุดของประเทศ ทำเพลย์ลิสต์ให้โดยเฉพาะ แถมยังต้องเสียเงินซื้อฟังอีกต่างหาก

    “เราจางมุนบก อยู่ห้องเอฟ” ห้องเอฟ? แสดงว่าเรียนไม่เก่งชัวร์

    “ห้องเอฟ? ห้องบ๊วยเหรอ”

    “ไม่ใช่! ห้องเอฟคือห้องที่ไม่มีพื้นฐานต่างหาก” หนุ่มผมยาวสะบัดหน้าด้วยความโมโห แต่ดูอย่างไรก็เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆกำลังงอนชายหนุ่มอย่างเขามากกว่า

    “ขอโทษ เราเพิ่งย้ายมา เลยไม่รู้ระบบที่นี่”

    “แล้วมานั่งทำไมตรงนี้ ไม่ไปประชุมนักเรียนใหม่เหรอ” ประชุม? ประชุม.......ฮยอนอูเบิกตาโตทันที เขาลืมเข้าประชุมเด็กใหม่จริงๆ ด้วย เขาไม่รอให้คนผมยาวพูดอะไรต่อ เขาลุกทันทีมือคว้ากระเป๋า สองเท้าเขยิบออกจากที่นั่งตรงนั้นแล้วหมุนตัวใส่เกียร์หมาวิ่งไปห้องประชุมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

     

     

     

     

     

    ก็ไม่มีประกาศเรียกนี่หว่า.........ใครมันจะไปรู้ล่ะ

     

     

     

     

     

     

     “ที่นั่งว่างมั้ย” ชายหนุ่มที่วิ่งมาเต็มกำลัง ชะลอความเร็วลงจนแทบจะสโลว์โมชัน เขาค่อยๆ เดินช้าๆ ไม่ให้ครูที่กำลังง่วนกับเอกสารทักเขา สองเท้าก้าวช้าๆไปที่แถวที่ใกล้ประตูที่เขาเข้ามาที่สุด ก่อนจะถามคนที่นั่งอยู่ข้างเก้าอี้ว่างด้วยอาการเหนื่อย

    “ไม่มี นั่งสิ” ชายคนนั้นพยักหน้า ฮยอนอูนั่งข้างๆทันที

    “ขอบใจนะ”

    “.......อือ....” ชายหนุ่มคนข้างๆ ตอบกลับมาแค่นั้น  โอเค ที่นี่ ไม่มีใครเป็นมิตรกับเขาสักคน

    “เราซองฮยอนอู นายล่ะ” แต่เข้าไม่ลดละ เขาต้องมีเพื่อนให้ได้

    “.......”

    “ขอโทษที” นี่เขาเจอคนเย็นชาอีกแล้วหรือ? ผู้ชายคนนี้ดูทรงแล้ว ถ้าไม่ลูกคุณหนูก็คงพวกเทพเจ้าไม่สุงสิงกับคนธรรมดาอย่างเขาเป็นแน่ ก็พ่อคุณนั่งหลังตรงเชิดหน้าเสียขนาดนั้น

    “.....จองชีฮยอน....” เสียงนั้นเบา แต่ก็ดังพอที่เขาจะได้ยิน

    “อืม......” เขาได้แต่พยักหน้าตาม

    “เรายุนจีซอง” เสียงมาจากคนที่นั่งถัดจากจองชีฮยอนคนหยิ่ง น้ำเสียงถึงแม้จะเป็นการกระซิบแต่ก็รับรู้ถึงความเป็นมิตรได้ทันที

    “เราฮยอนอู ซองฮยอนอู” เขาตอบกลับไปเบาๆเช่นกัน

    “ชู่ววววว์” ชายอีกคนที่นั่งข้างหน้าเขาหันมาส่งเสียงให้เงียบ ตกลงคนที่นี่ไม่มีใครเป็นมิตรเท่ายุนจีซองสักคน

     

     

     

     

     

     

    แล้วนักเรียนที่นี่ก็ดูเข้าถึงยากมาก เหมือนจับเด็กสายฮิปฮอปมานั่งฟังเพลงไทยเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×