คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : The Flower of Snow
Snowdrops
.The Flower of Snow
Winter Wish - LH Winter Love Hina : Winter Wish
........................................................................................................................................
ท้องฟ้าเป็นสีขาวออกเทาหม่นๆ ดังเช่นที่เคยเป็น....
ความหนาวเย็นแทรกอยู่ในทุกอณูอากาศเช่นทุกปี...
ละอองหิมะสีขาวบริสุทธิ์ค่อยๆโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า..
มือน้อยๆทั้งสองแบออกรับ สัมผัสถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วผิวหนัง..แต่ไม่อาจ...บาดลึกเข้าไปถึงหัวใจ
...หัวใจที่หนาวเย็นยิ่งกว่า....
นัยน์ตาสีดำสนิทของเด็กหญิงจ้องมองตามมือเล็กของตนที่เอื้อมไปแตะยังป้ายหินเบื้องหน้า ลูบไล้ไปตามอักษรสลักแล้วหลับตาลง กลั้นน้ำใสที่รื้นขึ้นมาไว้ภายใน ไม่อาจ..ปล่อยให้มันรินไหลลงมาได้....ด้วยปฏิญาณตนไว้แล้วว่าจะไม่อ่อนแออีก..
จะไม่ร้องไห้....โดยเฉพาะตรงนี้...ต่อหน้าผู้ให้กำเนิดชีวิตทั้งสอง...
เด็กน้อยโอบกอดป้ายหินไว้ หวังให้ไออุ่นจากตนได้ช่วยคลายความเป็นห่วง...ให้ผู้ที่หลงเหลือเพียงซากขี้เถ้าอยู่ใต้ผืนดินได้นอนหลับอย่างสงบ
พร้อมกันนั้นก็แย้มยิ้มบาง ที่แม้จะเจือด้วยความเศร้าและเสียงกระซิบที่เปล่งออกมาก็สั่นเครือ หากแต่หนักแน่น ราวต้องการย้ำถึงความสัตย์..ว่าเธอจะปฏิบัติตามนั้นให้เห็นจริงๆ
“หลับให้สบายนะคะ...คุณพ่อ.....คุณแม่....สเตลลาจะเป็นเด็กดี..สเตลลาจะเข้มแข็ง จะมีชีวิตต่อไปให้ได้”
...แม้จะต้องอยู่ตัวคนเดียวก็ตาม
........................................................................................................................................
สเตลลากระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นขึ้น ขณะเดินฝ่ากองหิมะกลับออกมาจากสุสานผ่านมาทางป่าใกล้ๆ ทั่วทั้งตัวของเธอเป็นสีดำแห่งการไว้ทุกข์ แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะจากไปได้เกือบปีแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังคงใส่มันด้วยไม่อาจลืมเลือนโศกนาฏกรรมครั้งนั้นได้ กระทั่งสีตากับสีผมของเธอเองก็เป็นสีแห่งรัตติกาล จนทำให้เธอดูแตกต่าง และโดดเด่นขึ้นมาทันทีท่ามกลางบรรยากาศของฤดูหนาวที่มีแต่สีขาวบริสุทธิ์
สายลมเย็นพัดผ่านมาแผ่วเบา จากท้องฟ้าสีเทาหิมะยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด
สเตลลาเม้มปาก...เธอเกลียดหิมะ.....เกลียดแสนเกลียด...
เพราะหากไม่มีมัน.....หากมันไม่ตกหนักในวันนั้น......เธอก็คงไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้
เด็กหญิงขยำผ้าในมือ หลุบตาลงมองพื้นเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นละอองหิมะเบื้องบนอีก
พลัน..เท้าของเธอก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มคะมำไปข้างหน้า ร่างเล็กไถลครูดไปกับพื้น แต่เด็กหญิงก็ไม่สนใจกับความเจ็บปวด เธอรีบลุกขึ้นปัดเศษน้ำแข็งออกจากตัว และตั้งท่าจะเดินต่อทันที ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า
สิ่งนั้นคือต้นสโนว์ดรอบต้นเล็ก ดอกของมันล้วนเบ่งบานกันหมด กลีบสีขาวเล็กๆแข่งกันแย้มอวดความน่ารักน่าดู เว้นเสียแต่ดอกหนึ่งที่อยู่บนยอด มันเป็นเพียงดอกเดียว....ที่ยังเป็นดอกตูม ไม่เบ่งบานเฉกเช่นดอกอื่นๆ
ความจริงสเตลลาจะเดินหนีไปซะเฉยๆโดยไม่สนใจใยดีมันเลยก็ได้ แต่เธอกลับรู้สึก......สงสาร..เสียดาย และไม่อยากให้ดอกไม้ดอกนั้นถูกทำลายก่อนจะได้เบ่งบาน....
.....ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เด็กหญิงก็ย่อตัวลง และค่อยๆนำต้นสโนว์ดรอบต้นเล็กนั้นขึ้นมาอย่างเบามือ หันซ้ายหันขวา เพื่อหาที่ที่เด็กคนนี้จะได้เติบโตอย่างสงบ แล้วก็เลือกเอาใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนี่ง สเตลลาจัดการขุดดิน โกยหิมะออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางต้นสโนว์ดรอบลงไปอย่างนุ่มนวล กลบจนเรียบร้อย และหันมาปัดเศษดินตามไม้ตามมือตามเสื้อผ้าออกจนหมด
ถึงจะจัดการย้ายต้นสโนว์ดรอบจนเสร็จเรียบร้องแล้ว แต่สเตลลาก็ยังคงนั่งยองๆอยู่ในท่าเดิม พลางเท้าคางมองดอกไม้สีขาวสะอาดด้วยรอยยิ้มที่บางจนดูแทบไม่ออกว่ายิ้ม แล้วก็เอื้อมมือไปลูบดอกตูมๆบนยอดนั้นเบาๆอย่างเอ็นดู
แต่อยู่ๆ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ดอกสโนว์ดรอบที่ตูมนั้น ชูช่อขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ พลางแย้มกลีบออกอย่างช้าๆ แสงสว่างสีขาวเรืองๆรวมกันอยู่ตรงกึ่งกลางเกสรเป็นวงกลมราวกลุ่มหิ่งห้อยสีขาว ที่ค่อยๆแตกกระจายและจางหายไปกับมวลอากาศ พร้อมกับปรากฏสิ่งหนึ่งขึ้นแทนที่....สิ่งที่ทำให้ดวงตาสีนิลเบิกค้างอย่างตกตะลึง
“สวัสดีค่าาาาาา!!!”
เสียงใสอย่างเริงร่า เช่นเดียวกับประกายตาสีฟ้าครามบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีทองเป็นลอนสลวยรับกับชุดกระโปรงสีขาวฟูฟ่องรูปทรงคล้ายกลีบของสโนว์ดรอบ ดูดีๆแล้ว เด็กคนนี้แสนจะน่ารักน่ามองปานนางฟ้าตัวจ้อย แต่ที่ทำให้สเตลลาตาค้างไม่ใช่ความน่ารัก หากแต่เป็นความสูง...ความสูงที่สูงเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือของเด็กคนนี้!
นี่มัน.....เกิดอะไรขึ้น?......
........................................................................................................................................
เด็กหญิงยกผ้าขนหนูขึ้นขยี้ผมสีดำยาวที่เปียกปอนและหอมกลิ่นแชมพูสระผม พลางก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำที่ยังมีไอน้ำร้อนๆลอยอยู่จางๆ
อันที่จริง....เธอไม่ได้อยากอาบน้ำรับหนาวตอนดึกๆแบบนี้หรอก หากว่าไม่ได้วิ่งฝ่าหิมะมาอย่างรวดเร็วเสียจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
ไอ้ปัญหาเรื่องเปียกนี่ไม่เท่าไหร่.....แต่อีกเรื่องนี่สิ........
“เสร็จแล้วเหรอคะ”
เสียงใสเจื้อยแจ้วดังขึ้นจากเด็กน้อยตัวจิ๋วที่ถือสิทธินั่งห้อยขาอยู่ริมขอบโต๊ะทำงานของสเตลลา....เด็กน้อยตัวจิ๋วที่แม้เธอจะใส่เกียร์ห้าวิ่งหนีสุดชีวิตแต่ก็ยังอุตส่าห์ตามมาทัน
“ขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ” เด็กหญิงตัวจิ๋วกระโดดขึ้นยืนบนโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว แล้วเริ่มกล่าวด้วยเสียงใสน่ารักน่าเอ็นดู
“ฉันเป็นภูติประจำต้นสโนว์ดรอบ มาเพื่อตอบแทนคุณเรื่องที่ช่วยฉันขึ้นจากกองหิมะ ฉันชื่อว่าสโนว์ดรอบค่ะ เรียกสโนว์ก็ได้ ขอบคุณมากค่ะสำหรับความช่วยเหลือ”
ภูตน้อยนามสโนว์กล่าวแล้วยอบตัวลงอย่างสวยงาม ก่อนจะส่งยิ้มที่ดูอบอุ่นราวแสงอาทิตย์กลางทุ่งหิมะมาให้
“แล้วคุณล่ะคะ?” สโนว์เอียงคอถามอย่างซื่อๆ สเตลลามองแล้วถอนหายใจ ไม่อยากตอบแต่ก็ตอบด้วยเสียงเรียบเฉยชา
“สเตลลา กาแลนทัส”
“คุณสเตลลาหรือคะ! ชื่อเพราะจัง กาแลนทัส...ชื่อเหมือนกันเลย...ดีจัง”
สโนว์พูดเสียงดัง นัยน์ตาสีฟ้าครามเป็นประกายวิบวับเพราะความตื่นเต้น แล้วภูตน้อยก็ยอบตัวลงอีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณสเตลลา”
สเตลลาอยากบอกเหลือเกนว่าไม่ยินดีด้วยเลยที่ได้รู้จัก แต่ก็ทำได้แค่พ่นลมออกทางจมูกอย่างหงุดหงิด
“ฉันจะอยู่กับคุณจนกว่าจะทดแทนบุญคุณจนหมดค่ะ ขอรบกวนด้วยนะคะ”
ไม่ล่ะ.....ไม่เลย....ไม่รบกวนเลยสักนิด....ไม่รบกวนเลย...
โธ่....ชีวิตอันสงบสุขของฉัน...
ใครก็ได้...บอกทีเถอะว่าเธอแค่ละเมอฝันไป
........................................................................................................................................
“นี่ๆ นี่คุณกำลังจะไปไหนเหรอคะ” สโนว์ถามอย่างกระตือรือร้นขณะลอยวนอยู่รอบตัวของเด็กหญิงที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดการอาหารเช้าและเครื่องแต่งกายต่างๆบนตัวให้เข้าที่
“โรงเรียน” เด็กหญิงตอบสั้นห้วนอย่างรำคาญ แต่สโนว์กับร้องขึ้นพลางบินฉวัดเฉวียนไปมารอบๆตัวเธอไม่หยุดอย่างตื่นเต้นดีใจ
“โรงเรียนเหรอคะ? มันเป็นยังไงคะ? สนุกมั้ย? ให้ฉันไปด้วยได้มั้ย?”
“ไม่ได้” เสียงดุทำให้ดวงหน้าเยาว์งอง้ำอย่างผิดหวัง แต่ก็ยังไม่เลิกที่จะอ้อน
“นะคะ นอกจากคุณแล้ว ไม่มีใครเห็นฉันหรอกค่ะ ให้ฉันไปด้วยนะคะ น้าา~”
สเตลลาสะบัดหน้าหนีอย่างขี้เกียจต่อคำ เด็กหญิงคว้าขนมปังขึ้นมากัดในปากหนึ่งแผ่นแล้วหันไปหยิบกระเป๋าเป้ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็วโดยมีภูติน้อยบินตามหลังมาหน้าระรื่นเพราะนึกว่าสาวเจ้าอนุญาตแล้ว ไม่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ที่กรุ่นๆจวนปะทุของใครบางคนเอาเสียเลยจริงๆ
........................................................................................................................................
กิ๊ง ก่อง
เสียงกริ่งสวรรค์ดังขึ้นบ่งบอกเวลาเลิกเรียน นักเรียนหลายคนกระวีกระวาดรีบเก็บของกันโดยเร็วแล้วลุกออกไปจากห้อง บ้างก็กลับบ้าน บ้างก็ไปทำงานต่อ บ้างก็ไปเที่ยวกับเพื่อน ทุกคนต่างดำเนินกิจกรรมไปอย่างรีบร้อน เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ตรงข้ามกับสเตลลา ที่เก็บของอย่างบรรจงไม่เร่งรีบ และเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไร้วิญญาณ
“โรงเรียนนี่สนุกจังเลยนะคะ มีคนเต็มไปหมดเลย เนาะ คุณสเตลลา!?...คุณสเตลลาคะ?
เด็กหญิงยังคงนั่งนิ่ง ไม่ตอบสนองและไม่สนใจว่าภูตน้อยที่ลอยอยู่ข้างๆใกล้ๆจะเรียกด้วยเสียงที่ดังมากแค่ไหนก็ตาม
“นี่หล่อน!!!”
เสียงตะโกนสูงปรี๊ดที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาสโนว์สะดุ้งเฮือก แต่ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับสเตลลาเลยแม้แต่น้อย เด็กหญิงค่อยๆผินหน้ามาประจันกับเจ้าของมลพิษทางเสียงอย่างเนือยๆเฉื่อยชาไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
“เอ้า! หัดทำเวรซะมั่งซียะ” เด็กหญิงที่ย้อมผมสีส้มแปร๊ด ใส่กระโปรงเสียสั้น ยื่นไม้ถูกพื้นเข้ามาจนเกือบจะติดหน้าของสเตลลา แต่เธอก็ไม่สนใจ เอ่ยตัดบทอย่างกวนๆแล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างต่อ
“เวรใครเวรมัน ไม่ใช่เวรฉัน ไม่ต้องมายัดเยียด”
เท่านั้นแหละ เด็กหญิงเปรี้ยว(นามสมมติที่สโนว์ตั้งให้ในใจ)คนนั้นก็กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ ทำท่าอัดอั้นอยากจะร้องกรี๊ดขึ้นมาให้ได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
“โอ๊ย! เกลียดมานานแล้วกับไอ้ท่ายโสนี่! งานนี้ แม่จะตบสั่งสอนซะให้เข็ดเลย ไอ้นังตัวดี!”
ไม่ว่าเปล่า ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของสเตลลาจนตัวลอยจึ้นจากเก้าอี้ เด็กหญิงเปรี้ยวเงื้อแขนขึ้นตบลงมาสุดแรง แต่ไม่ทันที่จะได้แตะแม้ปลายเส้นผมสีดำ ร่างของเด็กหญิงเกเรก็ถูกผลักกระเด็นหวือไปกระแทกเข้ากับฝาผนังอีกด้านด้วยพลังอำนาจบางอย่างในทันทีทันใด
“นิสัยไม่ดี คิดจะทำร้ายคุณสเตลลา ต้องโดนแบบนี้!” สโนว์กล่าวด้วยน้ำเสียงกร้าว นิ้วเล็กชี้ขึ้นฟ้า หิมะขนาดย่อมๆหนึ่งกองเริ่มก่อตัวขึ้นเหนือร่างเด็กหญิงเปรี้ยวคนนั้น และเมื่อนิ้วชี้ตวัดลง กองหิมะกองนั้นก็หล่นโครมตามลงมาใส่หัวสีส้มแสบตานั้นทันที
สเตลลาอ้าปากค้าง ขณะที่สโนว์กอดอก เชิดหน้าขึ้นยิ้มอย่างภาคภูมิใจในผลงานของตนพลางส่งประกายตาวิบวับมาเหมือนกับจะขอคำชมที่เด็กหญิงทำให้ได้แค่การยกมือขึ้นรวบตัวภูตน้อยไว้ แล้วใส่เกียร์ห้าโกยอ้าวออกจากโรงเรียนไปอย่างไม่คิดชีวิต
“ทำบ้าอะไรของเธอห๊า!!!”
สเตลลาตะโกนใส่สโนว์ที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้าเธอ ไอสีขาวขุ่นจากการหายใจปรากฏขึ้นถี่จนแทบจะรวมตัวกลายเป็นหมอกได้เพราะการหอบที่มาจากความเหนื่อยและความโมโห
“ไม่ต้องห่วงค่ะ นอกจากคุณสเตลลาแล้วไม่มีใครมองเห็นฉันหรอกค่ะ”
สโนว์ยังคงตอบยิ้มๆอย่างซื่อๆไร้เดียงสา
“ไม่ใช่เรื่องนั้น นั่นฉันรู้ แต่ไอ้การที่เธอทำแบบนั้นน่ะ มันไม่ดี มันจะทำให้ฉันเดือดร้อน....รู้มั้ย?”
สเตลลาลงเสียงหนักด้วยความโกรธ “ไม่ต้องแทนคงแทนคุณอะไรทั้งนั้น ถ้าจะทำแบบนี้สู้เธอกลับไปซะดีกว่า ให้ฉันอยู่สงบๆคนเดียวเหมือนเดิมก็ดีแล้ว”
“ฉัน...ฉัน.....ฉันแค่...” สโนว์หน้าซีดเผือด หลุบตาลงมองพื้นเพราะพูดอะไรไม่ออก ร่างเล็กเริ่มสะอึกสะอื้นด้วยความรู้สึกผิด
สเตลลาถอนหายใจระบายความร้อนที่สุมอกอยู่บ้างออกมา ตอนนี้ เธอเริ่มใจเย็นลงได้บ้างแล้ว
ภูตน้อยนี่ไม่ได้ผิดอะไรเลย.....ความจริงแล้วก็แค่อยากช่วยเธอเท่านั้นเอง
ไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอเดือดร้อนเลย...แค่อยากช่วย....อยากตอบแทนคุณ...... เธอน่าจะรู้.....
คิดแล้วแววดุในดวงตาสีนิลก็อ่อนลง.....เธอเอง...ก็พูดแรงไป
“....เอ่อ.....” สเตลลาพูดขึ้นแทรกความเงียบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากกว่าเดิมแต่ก็ค่อนข้างตะกุกตะกักไม่ได้ใจความเพราะเด็กหญิงไม่ถนัดเลยกับการพูดอย่างนิ่มนวล “คือ...ฉันรู้ว่าเธออยากช่วย แต่บางเรื่อง
.มันก็ไม่ควรทำ.....ฉัน...ฉันแค่อยากจะบอกว่าเธอไม่จำเป็นต้องตอบแทนคุณฉัน....กลับบ้านไปก็ได้.....ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแรงๆแบบนั้น...ฉันขอโทษ..สโนว์”
ภูตน้อยเงยหน้าขึ้นในทันทีทันใด รอยยิ้มระบายบนใบหน้า แก้มเป็นสีชมพูเรื่อ ดวงตาสีฟ้าครามเป็นประกายด้วยความดีใจ “คุณสเตลลาเรียกชื่อฉัน....เรียกชื่อฉันเป็นครั้งแรก”
พลัน..ร่างของสโนว์ก็ดิ่งลงจูบพสุธาเอาดื้อๆจนสเตลลาร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“สโนว์!!” เด็กหญิงร้องเสียงดังพลางรีบประคองภูตน้อยขึ้นจากกองหิมะ
“...ด...ดีใจจนหมดแรงเลยค่ะ ฮะฮะ” สโนว์แย้มรอยยิ้มกว้างที่ทำให้โลกกระจ่างและดูสดใสขึ้นทันตา “คุณสเตลลาเรียกชื่อฉันครั้งแรก ดีใจจังเลย”
สเตลลาเม้มปากจนเรียบเป็นเส้นตรง ทั้งที่เธอนึกอยากจะออกปากไล่ภูตน้อยอยู่เมื่อครู่ แต่พอได้เห็นรอยยิ้ม ได้รับรู้ถึงมิตรภาพที่สโนว์มีให้แล้ว.....หัวใจที่เคยแข็งกระด้างเย็นชา ก็เริ่มอุ่นอ่อน จนรู้สึกได้ว่ามันกลับมาเต้นอีกครั้ง
“งั้น...สโนว์ก็เลิกเรียกฉันว่าคุณได้แล้ว มัน....มันดูห่างเหิน” เด็กหญิงพูดพลางทำทีเป็นยกมือขึ้นแนบแก้มให้อบอุ่น แต่แท้จริงแล้วเพื่อปิดบังสีชมพูที่ระเรื่อขึ้นมาด้วยความดีใจระคนเขินอาย “เรียกสเตลลาก็พอ”
สโนว์ฉีกยิ้มกว้างอย่างเบิกบานเริงร่า “จ้ะ สเตลลา”
น่ารักดี....แต่ก็.....น่าหมั่นไส้
นั่นคือความคิดของสเตลลาขณะมองรอยยิ้มนั้น หมั่นไส้มากๆเข้า จึงตัดสินใจหันไปคว้าเอาหิมะขึ้นมาหนึ่งก้อนแล้วขว้างใส่สโนว์อย่างเต็มแรง
“ว้าย!?” ภูตน้อยที่ไม่ทันตั้งตัว โดนเข้าไปเต็มรักแล้วกลิ้งโค่โร่ไปกับพื้น ก่อนจะตะเกียกตะกายกลับขึ้นมาในสภาพมอมแมมที่สเตลลาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ
สโนว์ทำแก้มป่อง ถลาบินขึ้นไปกลางอากาศแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้า เสกบอลหิมะจำนวนมากแล้วสั่งให้พวกมันพุ่งเข้าจู่โจมใส่เด็กหญิงแบบไม่ยั้ง
“ขี้โกงนี่” สเตลลาร้องท้วงพลางวิ่งพายุบอลหิมะไปมาเป็นพัลวัน ก่อนคว้าหิมะปากลับไปใส่อย่างไม่ยอมแพ้
“สเตลลาเล่นก่อนนี่” สโนว์เสกหิมะแล้วชี้นิ้วให้มันพุ่งเข้าหาเด็กหญิงอีก
“แต่สโนว์ขี้โกง” สเตลลาหลบพลางเขวี้ยงหิมะตอบโต้
“ไม่ยอมง่ายๆหรอก!!!” ทั้งคู่ร้องแล้วปาหิมะใส่กัน
ศึกสงครามท่ามกลางฤดูหนาวดำเนินไปอย่างดุเดือด ทว่าจบลงอย่างเรียบง่ายเมื่อต่างฝ่ายต่างลงไปนอนแผ่หลาอยู่กับพื้นทั้งคู่เพราะหมดแรงข้าวต้ม
เสียงหัวเราะดังก้องประสานไปในอากาศอย่างมีความสุข...
“จะ..จะกลับบ้านกันรึยัง?” สเตลลาเอ่ยปนหอบพลางเอียงหน้าไปหาสโนว์ที่แผ่อยู่บนหิมะข้างๆ
“อื้อ” สโนว์พยักหน้า
“กลับกันเถอะ”
........................................................................................................................................
บ้านในตอนนี้...สเตลลาเรียกมันได้เต็มปากว่าบ้าน
แม้อากาศจะยังคงหนาวเยือกเพราะไม่มีเครื่องทำความร้อน แต่มันก็อบอุ่น.....
รู้สึกอบอุ่นมากๆ...ในหัวใจ......
เพียงเพราะมี....ใครอีกคนหนึ่งมาอยู่ด้วย.....ช่วยให้คำว่าเหงาจางหายละลายไป
เพียงเพราะมี...ใครอีกคน...ที่มาร่วมแบ่งปันไออุ่นและช่วงเวลาดีๆด้วยกัน
แถมต้องแบ่งข้าวหารครึ่งกันกินด้วยล่ะ....
“นี่ๆ...กินช้าๆก็ได้” สเตลลาเตือนไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ แต่สโนว์ก็ไม่ฟัง เพราะเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับโจ๊กร้อนๆในชามอย่างเอาเป็นเอาตาย แถมพอจัดการของตัวเองเสร็จก็มาทานของเธอต่ออีกต่างหาก ยังกับไม่ได้กินอะไรมาหลายสิบวันอย่างนั้น
“อร่อยมากเลย ขอบคุณจ้า” สโนว์แปะมือทั้งสองเข้าหากันพร้อมผงกหัวขอบคุณเป็นท่าสิ้นสุดการสวาปาม แล้วก็เรอออกมาเบาๆอย่างไม่อายสายตาใคร “อิ่มแปล้เลย ฮะฮะ”
“เลอะไปหมดเลย ดูสิ”
สโนว์ยิ้มน้อยๆกับคำเอ็ดกึ่งเอ็นดูของสเตลลา ทั้งคู่หัวเราะคลอกันเบาๆขณะที่เด็กหญิงใช้ทิชชูเช็ดตัวให้ภูตน้อย จากนั้นจึงยกจานชามไปล้างและเก็บเข้าชั้น ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเอาแรง
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูนั้นเอง สเตลลาก็เหลือไปเห็นประกายตาวิบวับจากสโนว์ที่กำลังแสดงท่าทีออดอ้อนสุดชีวิต เพื่อสื่อให้เธอรู้ว่า ขอเข้าไปนอนด้วยนะ ขอเข้าไปด้วย ได้โปรด
ต้องโทษหัวใจที่เริ่มอ่อนอุ่นเพราะภูตจิ๋วนี่จริงๆ.......เด็กหญิงคิด
สเตลลาถอนหายใจเบาๆพลางอมยิ้มแล้วพยักหน้าอนุญาต....สโนว์เห็นแล้วก็บินขึ้นบินลงตีลังกาหน้าหลังด้วยความดีใจอย่างโอเว่อร์ ก่อนจะรีบบินปร๋อเข้าไปในห้องแล้วร่อนลงจอดที่เตียง คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัวพร้อมเอนลงพิงหมอนเตรียมนอนเต็มที่...เร็วกว่าเจ้าของห้องเสียอีก
“มาเร็ว มาเร็ว” สโนว์ร้องเรียกพลางตบหมอนเชื้อเชิญ “เดี๋ยวจะเล่านิทานให้ฟัง”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้อง” สเตลลาเดินมาขึ้นเตียง ดันสโนว์ให้หลบขึ้นไปด้านบนของหมอนแล้วล้มตัวลงนอนและหันหน้าเข้าข้างฝา ทำท่าไม่อยากฟัง ทว่าสโนว์ก็ตามตื้อไม่ยอมเลิกด้วยการบินขึ้นมาเขย่าๆตัวเด็กหญิงอยากจะเล่าเสียให้ได้ จนเธอจำยอมตกปากตกลงอย่างรำคาญ
“ฟังนะ...ฟังน้า” สโนว์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่สเตลลาพลิกตัวกลับมานอนหงายพร้อมส่งเสียงฮึมฮัมรับเบาๆในลำคอ
ภูตน้อยยิ้มกว้าง แล้วเริ่มเล่านิทานเห่กล่อมด้วยน้ำเสียงชวนฝัน
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว....ในสมัยที่พระเจ้าเริ่มสร้างโลก...พระองค์สร้างสรรพชีวิตขึ้นมาพร้อมกับธรรมชาติ สร้างเหล่าเทพและภูติขึ้นมาคอยดูแล และจำลองพืชพันธุ์ต่างๆจากสวนของพระองค์มาไว้ในโลกมนุษย์ และได้มอบสีสันต่างๆให้กับมัน......แต่ทว่า...พระองค์กลับลืมมอบสีสันให้แก่ดอกไม้ดอกเล็กๆดอกหนึ่งไปเสียสนิท...ดอกไม้ดอกนั้นจึงไร้สี โดดเดี่ยว ไม่มีใครอยากเกี่ยวข้อง เพราะถือว่าไม่ได้รับพรให้กำเนิดมา ควรจะสูญสิ้นไปเสีย
ขณะที่ดอกไม้ดอกนั้นกำลังสิ้นหวังและค่อยๆเหี่ยวแห้งลง ฤดูหนาวก็มาเยือน เหล่าพันธุ์ไม้อื่นๆต่างหลบลี้หนีหายไปเสียสิ้น มีเพียงดอกไม้ดอกนี้เท่านั้นที่ยังคงกล้าเบ่งบานแม้ว่าตนจะไร้ซึ่งสีสันใดๆ เทพสีขาวแห่งหิมะ สัญลักษณ์แห่งฤดูหนาว รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก จึงเข้ามาคุยกับดอกไม้.....แล้วเทพสีขาวก็ได้รับรู้ถึงความน่าสงสารของดอกไม้นั้น จึงบอกกับดอกไม้ว่า ‘หากเธอไม่รังเกียจ ก็เอาสีสันของฉันไปสิ’ แล้วเทพองค์นั้นก็มอบสีของหิมะให้แก่ดอกไม้ ดอกไม้ดีใจมาก สัญญากับเทพสีขาวว่าจะเป็นมิตรกับหิมะ กับฤดูหนาว ตลอดไปเป็นการตอบแทนบุญคุณ”
“เอาล่ะ...ทายซิดอกไม้นั้นชื่ออะไรเอ่ย...?” สโนว์แย้มยิ้มจนตาหยีพลางจับจ้องไปที่สเตลลาด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ
สเตลลายิ้มบางแล้วตอบทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “สโนว์ดรอบ”
“...ว้า....ไม่ลุ้นเอาซะเลย” สโนว์ทำแก้มป่องก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง “นี่ล่ะเป็นเหตุที่ว่าทำไมต้นสโนว์ดรอบถึงบานในฤดูหนาว แล้วก็เป็นต้นไม้ที่มีภูต เพราะพวกเราก็มีหน้าที่ควบคุมดูแลหิมะด้วย เพื่อเป็นการรับใช้และตอบแทนเทพสีขาว”
“ฉันไม่เชื่อเรื่องเทพ แล้วก็ไม่ชอบหิมะ” สเตลลาพูดตัดบท หัวเราะเบาๆแล้วหันกลับเข้าข้างฝา “นิทานน่ารักดี ขอบใจ ราตรีสวัสดิ์”
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่ดังแผ่วเบาบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กหญิงหลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สโนว์มองพลางยิ้มให้กับแผ่นหลังนั้นบางๆ ด้วยรู้สึกดีใจ ที่ได้เห็นสเตลลายิ้ม หัวเราะ และนอนหลับอย่างเป็นสุขได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมาเป็นเวลานาน
สโนว์หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ที่ที่หิมะยังคงตกอยู่บ้าง.......บางตา
เธอเป็นภูต...นั่นเป็นหน้าที่...เป็นอุบัติเหตุ....เธอพร่ำบอกตัวเองอย่างนี้เรื่อยมา แต่ก็ไม่อาจลบความรู้สึกผิดที่มีออกไปได้
หากตอนนั้น ถ้าเธอ.....ไม่อยากรู้อยากเห็นในพลัง....สเตลลาก็คงไม่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้
ภูตอย่างเธอมีชีวิตอยู่ได้แค่หนึ่งปี...อีกแค่วันเดียว....ก็จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว.....
อีกแค่วันเดียว.....ชีวิตของเธอก็จะจบลง และเธอก็จะกลับไปเป็นต้นสโนว์ดรอบอีกครั้ง
ก่อนที่ชีวิตของเธอจะจบลง เธออยากจะบอก....อยากจะสารภาพถึงความผิดทั้งหมด ถึงได้มาอยู่กับสเตลลาแบบนี้
...อยากจะสารภาพ เพื่อที่ความรู้สึกผิดนี้จะได้เบาบางลง.....
...พอเธอได้บอกออกไปแล้ว สเตลลาจะรู้สึกอย่างไรนะ...จะเกลียดเธอรึเปล่า...
กลัวเหลือเกิน....เพราะสเตลลาเป็นคนดี....เธอเองก็ชอบสเตลลา....ไม่อยากโดนเกลียด...แต่ก็ต้องบอก...เพราะตัดสินใจแล้ว...
สโนว์คลานข้ามคอของสเตลลาไปแล้วแนบตัวลงกับแก้มของเด็กหญิง หลับตาลง..สัมผัสถึงความอบอุ่น
...พรุ่งนี้...ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ช่างมันเถอะ
...แค่ตอนนี้...ได้รู้ว่ายังได้อยู่ข้างกัน...แค่นั้นก็พอ...
........................................................................................................................................
สเตลลาทิ้งตัวลงนั่งบนชิงช้าอันเล็กในสนามเด็กเล่นที่ผ่านระหว่างทางกลับบ้าน พื้นไม้นั้นเย็นเฉียบและกลายเป็นสีขาวเพราะเต็มไปด้วยคราบน้ำแข็ง เด็กหญิงโล้มันไปมาพลางยิ้มบางๆอย่างอารมณ์ดี ตรงข้ามกับสโนว์ที่สถิตอยู่บนหัวของเธอ
“วันนี้วันคริสต์มาสอีฟ พรุ่งนี้ก็คริสต์มาสแล้ว ไปเที่ยวในเมืองด้วยกันมั้ย?”
ไร้เสียงตอบ สโนว์ยังคงนั่งเหม่อมองท้องฟ้าสีเทาไม่ยอมตอบสนอง
“สโนว์? สโนว์?”
“อ๊ะ!?...จ๋า?” สโนว์สะดุ้งสุดตัวเมื่อสเตลลาเริ่มโคลงหัวไปมาพร้อมกับเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้น เด็กหญิงขมวดคิ้วเล็กๆกับอาการเหม่อลอยของภูตน้อย ทั้งที่ปกติแสนจะเริงร่า พูดไม่หยุดและอยู่ไม่นิ่ง
“เป็นอะไรรึเปล่า เหม่อตั้งแต่ออกมาจากโรงเรียนแล้วนะ”
สเตลลาเอียงหัวจนร่างของภูตน้อยไถลตกลงมาบนมือ ก่อนจะลุกขึ้นจากชิงช้าและเริ่มมุ่งหน้ากลับบ้าน.....บ้านที่น่าอยู่ขึ้นมาก นับแต่มีสโนว์เข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป
“...ม..ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดอะไรเพลินๆเท่านั้น” แก้มของภูตน้อยแดงเรื่อ สโนว์ส่ายหน้าแรงๆอย่างไม่กลัวว่าคอจะหลุด สเตลลามองแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ช่างเถอะ” เด็กหญิงว่า “พรุ่งนี้คริสต์มาส ว่าไง ไปเที่ยวในเมืองกันมั้ย?”
รอยยิ้มสดใสพลันเหือดหายไปจากใบหน้าของสโนว์อย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำชวน ภูตน้อยหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ทำให้สเตลลาที่กำลังจะก้าวออกจากสนามเด็กเล่นต้องหยุดเดินแล้วหันหลังกลับเข้ามาด้วยความงุนงงสงสัย
“เป็นอะไรไป สโนว์”
น้ำเสียงอ่อนโยนกลายเป็นมีดกรีดลึกลงในหัวใจจนสโนว์อยากร้องไห้ แต่วันนี้...อย่างไรเสียเธอก็ต้องบอกให้ได้...ไม่บอกวันนี้ก็ต้องบอกพรุ่งนี้..สู้บอกตอนนี้เลยยังจะดีเสียกว่า
“นี่....สเตลลา”
“หือ?”
“จำ....วันที่เราพบกันครั้งแรกได้มั้ย?”
“ได้สิ” เด็กหญิงไหวไหล่
“ถ้าเกิดฉัน......ฉัน” สโนว์หันหน้าหนีไปด้านข้าง ไม่ยอมสบตา “...ฉันจะบอกว่า วันนั้น...เธอไม่ได้พบฉันโดยบังเอิญ..แต่ฉันตั้งใจ...แล้วก็ถ้าฉันคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องอยู่คนเดียวล่ะ...เธอจะว่ายังไง”
สายลมพัดแผ่วๆ พาเอาความหนาวเย็นและความเงียบที่น่าอึดอัดเข้ามาปกคลุมและคั่นกลางระหว่างทั้งสอง เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ กว่าที่สเตลลาจะได้สติแล้วเอ่ยแทรกขึ้น
“...ม...หมายความว่ายังไง?” เสียงของเด็กหญิงสั่น ด้วยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังได้ยิน
สโนว์สูดลมหายใจเข้าเพื่อเพิ่มความเข้มแข็ง กลั้นใจพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการบังคับให้มันราบเรียบไร้อารมณ์
“อย่างที่ฉันเคยเล่า ภูตแห่งสโนว์ดรอบอย่างพวกเรามีหน้าที่ควบคุมหิมะ....และพวกเราก็มีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น ในวันคริสต์มาสของปีที่แล้ว....วันที่ฉันเพิ่งจะเกิดและต้องทำให้หิมะตก ด้วยความที่ฉันยังควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้มันเลยกลายเป็นพายุ...ที่ทำให้เกิดหิมะถล่ม จน...จน..พ่อแม่เธอ....”
ภูตน้อยกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคออย่างช้าๆ “...ฉันจึงมาหาเธอ....มาหาเพราะฉันอยากจะ....”
“พอแล้ว!!!”
สเตลลาตวาดลั่น ทั้งเจ็บปวดเพราะถูกหักหลังหลอกลวง และร้อนรุ่มราวถูกเผาด้วยไฟ แต่หัวใจกลับหนาวสะท้านจนแทบหยุดเต้น....ได้แต่ภาวนาร่ำร้องให้สิ่งที่ได้ยินเป็นเพียงแค่คำโกหกหรือตลกร้าย....ทั้งที่รู้ว่าความปรารถนานี้ไม่มีทางเป็นจริง
ทำไม....ทำไม
“ทำไม...ถึงต้องทำแบบนี้
.” เสียงของเด็กหญิงสั่นเครือ “ทำไมถึงต้องเข้ามาตีสนิท....เพื่อมาดูเหรอ...ว่าผลงานของตัวเองสำเร็จดีมั้ย?...ทำไม...อุตส่าห์คิดว่าเป็นเพื่อน...เป็นครอบครัวเดียวกัน...สะใจเธอแล้วใช่มั้ยล่ะ?..สะใจเธอแล้วใช่มั้ยถึงได้ทำแบบนี้!!”
“ไม่ใช่นะสเตลลา!”
“ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน!!”
สโนว์ผงะ หัวสมองมึนชาราวกับถูกตบอย่างแรง จนแทบจะพยุงร่างให้ลอยอยู่บนอากาศไม่ได้
นัยน์ตาสีรัตติกาลที่มองตรงมานั้น...ทั้งเคียดแค้น..และชิงชังอย่างที่สุด
“ไปซะ..อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เด็กหญิงกระซิบเสียงต่ำแล้วหันหลังหนี สโนว์หลับตาลง ซึมซับถ้อยคำร้ายกาจนั้นแต่โดยดี ในใจ...นึกอิจฉามนุษย์ยิ่งนัก ที่ยังมีน้ำตาให้ไหล..แต่ภูตอย่างเธอแม้จะโศกเศร้าเพียงใดก็ไม่อาจร้อง..
“พรุ่งนี้เป็นวันคริสต์มาส....เป็นวันสิ้นสุดชีวิตของฉัน..”
ภูตน้อยพูดเสียงแผ่ว...ไม่หวังเลยสักนิดว่าเด็กหญิงที่กำลังหันหลังให้จะได้ยิน
“ไม่ต้องห่วง....ฉันจะไม่มาให้เธอเห็นอีก....แต่ที่ฉันอยากบอกคือ...ฉันไม่ได้คิดจะหลอกลวงเธอ ทั้งหมดที่ฉันทำไปเพราะฉันแค่....แค่อยากจะลบความรู้สึกผิด....แค่อยากจะ....”
“อยากจะขอโทษ”
สโนว์มองแผ่นหลังของสเตลลาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว และรู้ดีว่าเด็กหญิงตรงหน้านี้ก็ปวดร้าวไม่ต่างกัน...บางที..อาจจะยิ่งกว่า
“ขอโทษนะ...ขอโทษ...ลาก่อน”
แล้วสโนว์ก็หายลับไปกับหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างหนัก สายลมพัดกระหน่ำรุนแรง โหมกระพือความหนาวเย็น..ที่ไม่อาจเทียบได้เลยกับน้ำแข็งในใจของสเตลลาในตอนนี้
เธอเคยคิด....ว่าหากได้อยู่กับสโนว์....เพียงแค่มีสโนว์อยู่เป็นเพื่อน...ก็คงจะอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุขและเข้มแข็ง....แม้จะไม่มีพ่อแม่ก็คงไม่เป็นไร....
.......เคยคิดแบบนั้น
เด็กหญิงทรุดตัวลงกับพื้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม รินรดดวงใจที่บอบช้ำ แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี....
.....ทำไมกัน......
........................................................................................................................................
สเตลลาโล้ชิงช้าในสนามเด็กเล่นไป.......มา.....ไป....มา......ช้าๆ พลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่แม้จะเป็นเวลาเย็นแต่ก็ยังคงเป็นสีเทาหม่นๆด้วยอาการเหม่อลอย
.....เข็มนาฬิกายังคงเดินต่อไป ชีวิตเองก็ก้าวตามไปไม่หยุด ทุกอย่างดูสดใสเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา โดยเฉพาะวันนี้...วันที่เป็นวันคริสต์มาส
.....แต่สำหรับสเตลลานั้น เธอหายใจเข้าออกอย่างเลื่อนลอย ให้เวลามันผ่านไปทั้งวัน ราวกับเข็มนาฬิกานั้นได้หยุดเดินลงแล้วโดยสิ้นเชิง
นัยน์ตาสีดำที่ช้ำจากการร้องไห้กวาดมองไปทั่วสนามเด็กเล่นซึ่งเต็มไปด้วยหิมะแล้วหลับตา บทสนทนาในคืนวานนั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำ เล่นซ้ำเวียนวนไปมาอยู่ในหัวอย่างไม่รู้จบ
“ถ้าเกิดฉัน......ฉัน...ฉันจะบอกว่า วันนั้น...เธอไม่ได้พบฉันโดยบังเอิญ..แต่ฉันตั้งใจ...แล้วก็ถ้าฉันคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องอยู่คนเดียวล่ะ...เธอจะว่ายังไง”
“ไปซะ..อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
เด็กหญิงลืมตา เงยหน้ามองหิมะที่เริ่มโปรยลงมาบางๆ
หิมะ....ที่ทำให้นึกถึงสโนว์
แรกเริ่มที่เจอกัน ภูตน้อยตนนั้นแสนจะน่ารำคาญในความรู้สึก
ทว่าก็อบอุ่น.... เหมือนกองไฟกลางฤดูหนาว
ดีใจ....ที่ได้เจอ...แต่แล้ว...มันก็เปลี่ยนเป็นความหลอกหลวง แช่แข็งหัวใจให้หนาวเยือกและเดียวดาย
“ขอโทษนะ...ขอโทษ...ลาก่อน”
หิมะละอองหนึ่งวางตัวลงที่ขอบตา ไออุ่นจากกายส่งผลให้มันละลายแล้วกลายเป็นน้ำใสรินไหลลงมาอาบแก้มแทนน้ำตาที่แห้งเหือด
“แค่อยากจะ......อยากจะขอโทษ”
ทั้งเคียดแค้น..โกรธเกลียด..และชิงชัง ....แต่ส่วนที่มากกว่าคือส่วนที่รับรู้...ว่าตลอดเวลาอันแสนสั้นที่ได้อยู่ด้วยกัน...ความจริงใจของสโนว์นั้น..มีมากแค่ไหน
โกรธ...จนไม่อยากจะสนใจ....แต่ก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้
ปล่อยไปไม่ได้ เพราะเธอเองก็มีสิ่งที่อยากบอกเช่นกัน
สเตลลาลุกขึ้นจากชิงช้าแล้วออกวิ่ง วิ่ง พลางร้องตะโกนเรียกชื่อภูตน้อยไม่ยอมหยุด
เธอวิ่งไปที่บ้าน ตามหาในเมืองไม่เว้นซักตรอกซอกซอย วิ่งเท่าที่กำลังขาจะวิ่งได้...แต่ก็ไม่พบแม้เงา
นัยน์ตาสีนิลสอดส่ายไปมาอย่างกระวนกระวายใจ และได้แต่มองเข็มนาฬิกากระดิกเข้าใกล้เลขสิบสอง ซึ่งเป็นตัวแบ่งปีเก่าและปีใหม่ออกจากกันทุกขณะ
ได้แต่มอง....เวลาแห่งชีวิตของสโนว์ที่กำลังหดสั้นลง โดยไม่รู้เลยว่าภูตน้อยตนนั้นกำลังอยู่ที่ใด
สโนว์....สโนว์....เธออยู่ที่ไหน
สเตลลาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กลายเป็นสีดำและแต่งแต้มด้วยหิมะสีขาวบางๆ....เหมือนกับวันนั้น....วันที่พบกันครั้งแรกที่ป่าใกล้สุสาน...
ป่าใกล้สุสาน!!.....ใช่แล้ว!!!
เด็กหญิงไม่รอช้า หันหลังกลับแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว ให้เร็วที่สุด ไม่สนความเหนื่อยล้า ความหนาวเหน็บ ไม่สนแม้ความเจ็บจากการโดนหิมะกัด และไม่สนว่ามันจะทำให้เสื้อสีดำที่ใส่อยู่นี้เปียกปอนแค่ไหน ไม่สนอะไรทั้งนั้น..
อยากจะบอกว่าเธอเองก็อยากจะขอโทษ
อยากจะบอกว่าแม้จะโกรธ...แต่ก็จะยกโทษให้
อยากให้ได้รู้....ว่าดีใจกับความอบอุ่นและจริงใจที่มอบมาให้แค่ไหน
อยากให้รู้....ว่าดีใจที่มีเธอเป็นเพื่อน
อยากจะพบ..อยากเจออีกสักครั้ง
เพราะฉะนั้น....อย่าเพิ่งไปนะ..
ได้โปรด...อย่าเพิ่งไป
อย่าเพิ่งไปนะ สโนว์
........................................................................................................................................
“แฮ่ก แฮ่ก”
สเตลลาหอบตัวโยน ทั้งเนื้อตัวเปียกซก แต่เธอก็ได้พบ....ในที่สุดก็พบแล้ว
ที่โคนต้นไม้ใหญ่...ต้นสโนว์ดรอบต้นเล็กกำลังส่องแสงสว่างออกมาเรืองๆ สโนว์อยู่ตรงนั้น ยืนอยู่บนดอกไม้ที่ชูช่อขึ้นอย่างผิดปกติบนยอด ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยจนน่าใจหาย ประกายความสดใสที่เคยมีเลือนไปสิ้น
“สโนว์...” สเตลลาส่งเสียงเรียกแผ่วเบา ภูตน้อยหันหน้ามาช้าๆ พอเห็นเธอเข้า ริมฝีปากเล็กแย้มยิ้มอย่างดีใจอยู่แวบหนึ่ง แล้วจางไปอย่างรวดเร็วราวหิมะที่ละลายเมื่อใกล้กองไฟ
“ฉันไม่ได้ผิดคำพูดนะ สเตลลามาหาฉันเอง...ฉันไม่ได้โผล่ไปให้สเตลลาเห็นซะหน่อย”
ว่าจบสโนว์ก็ยิ้มบางอย่างแสนเศร้า
“สโนว์...ฉัน...ฉัน”
เสียงของเด็กหญิงสั่น เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างที่อัดแน่นทั้งในอกและลำคอ จนไม่อาจพูดออกไปได้อย่างที่ใจคิด
“ภูตอย่างฉันมีชีวิตอยู่ได้แค่หนึ่งปี จากคริสต์มาสนึงสู่อีกคริสต์มาสนึง หนึ่งปี ก่อนที่จะกลับไปเป็นเมล็ด...รอที่จะเกิดใหม่” สโนว์หลับตาลง ลืมขึ้น แล้วพูดเรียบๆอย่างอ่อนโยน “ถึงเวลาแล้วล่ะ”
แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง
เข็มนาทีกระดิกชี้พอดีที่เลขสิบสองอย่างแม่นยำ ระฆังเงินส่งเสียงใสก้องกังวานไปทั่วทุกอาณาบริเวณ ความไพเราะของมัน ทำให้หัวใจของผู้ที่ได้ยินแช่มชื่น จนต้องหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
แต่ไม่ใช่กับสเตลลา...เสียงนั้นบาดลึก กรีดซ้ำให้หัวใจที่แหลกอยู่แล้วละเอียดแทบกลายเป็นผงธุลี
“ถึงจะแค่หนึ่งปี แต่ฉันก็ไม่เสียใจเลย...ที่ได้พบกับเธอ”
สโนว์ยิ้มบาง ขณะที่ต้นสโนว์ดรอบเริ่มเ หี่ยวแห้งลง เ หี่ยวแห้งลงเรื่อยๆ ช้าๆ สเตลลามองอย่างตกใจและรีบปราดเข้าไปใกล้
“..เดี๋ยวสิสโนว์!...เธอจะไปไม่ได้นะ! ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยว่าฉันอยากขอโทษ! ขอโทษที่พูดแบบนั้น! ฉันหายโกรธเธอแล้ว! ฉันยกโทษให้เธอแล้ว! ฉันดีใจกับทุกสิ่งที่เธอทำให้....ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอแม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆก็ตาม!...เพราะงั้น...ฮึก...เพราะงั้น....เธอจะไปไม่ได้นะ....แข่งปาหิมะเรายังไม่รู้ผลกันเลยด้วยซ้ำ!!”
สเตลลาหอบจนไอขาวจากการหายใจลอยฟุ้งเป็นฝ้า น้ำหูน้ำตาไหลพรากลงมายังกับน้ำตก แต่เด็กหญิงก็ไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด ปล่อยให้มันรินไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่อายใคร
สโนว์ยิ้มกว้าง พลางยกมือเล็กขึ้นจับที่แก้มของเด็กหญิงน้อย ไล้ไปตามส่วนที่เปียกอย่างอ่อนโยน
“ฉัน แค่กลับไปเป็นต้นสโนว์ดรอบเท่านั้น...พอมันโต...เราก็จะได้พบกันอีก เราจะได้เป็นเพื่อนกันอีก เพราะฉันก็ไม่ได้ไปไหนเลย...จะอยู่ตรงนี้เสมอ”
มือเล็กจิ๋วแตะตรงหัวใจของเด็กหญิงอย่างแผ่วเบา สเตลลาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา เธอคงไม่มีวันได้รู้ว่า..สโนว์เองก็อยากร้องไม่แพ้กัน แต่ก็ไม่อาจร้อง แม้จะเศร้าเพียงใดก็ตาม
ภูตน้อยยิ้มให้อย่างสดใสเริงร่า รอบตัวมีประกายของความอบอุ่นที่ยิ่งกว่าแสงตะวัน ขณะที่ร่างกายของสโนว์นั้นค่อยๆสลาย...กลายเป็นละอองแสงสีขาวคล้ายกับหิ่งห้อยหิมะที่พากันโผบิน
“Merry Christmas ขอให้มีความสุขมากๆ ไว้เจอกันใหม่นะจ๊ะ สเตลลา”
ละอองแสงทั้งหมดแตะกระจายออกจากกัน แล้วลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า ก่อนจะตกลงมาเป็นหิมะ....
...หิมะสีขาวบริสุทธิ์...ที่ส่องแสงสีเงินออกมาเรืองๆ...ราวละอองดาวที่แตกกระจาย....ทั้งอ่อนโยน...นุ่มนวลและสวยงาม
“ว้าว! หิมะตกแล้ว”
“ดูสิ สวยจัง”
“Happy Christmas”
“สุขสันต์วันคริสต์มาส”
“ขอให้มีความสุข”
เสียงผู้คนที่ต่างพากันร้องขึ้นอย่างยินดี ดังกระหึ่มมาจากในเมือง แสงพลุ แสงไฟ และแสงเทียน ส่องสว่างไปทั่ว จนราวกับจะเปลี่ยนกลางคืนให้กลายเป็นกลางวัน งดงามเป็นประกาย เฉกเช่นเดียวกับความสุขที่เอ่อล้นหัวใจในยามนี้ของทุกคน
สเตลลาแบมือออก รับละอองหิมะสีเงินไว้ละอองหนึ่ง มันตกลงบนผิวเธออย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆละลายหายไป ทิ้งเมล็ดพืชเล็กๆสีดำสนิทเมล็ดหนึ่งไว้บนมือ
เด็กหญิงยิ้มบางๆ แล้วกระซิบอย่างแผ่วเบา
“Merry Christmas ขอให้หลับให้สบาย”
แล้วเจอกันใหม่นะ.....สโนว์
The End
............................................................... .......................... ...... ...... ...... ...... ...
Special Thaks and Merry Christmas to David , Winter , Mine , Virvalin and วัยพรรณไม้PP
Merry Christmas
ขอให้ทุกๆคนมีความสุขมากๆนะคะ -^ ^-
25/12/2006
ความคิดเห็น