ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bring it on!! Love [Fic Wonder Girl Yuri]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter#5 งานก็คืองาน

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 50



    มินซันเยรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ที่วันนัดอัดเสียงในอีก 2-3 วันถัดมา อานโซฮีก็ยังมาโผล่หน้าให้เห็น
    จริงๆแล้วออกจะเกิดคาดด้วยซ้ำ เพราะไม่นึกว่าแม่หนูจะใจเพชร ใจสู้ถึงขนาดนี้ ...

    หึหึ...สนุก ยิ่งเก่งกล้าสามารถเท่าไหร่ ยิ่งสนุกมากเท่านั้น
    เอาซี่ แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ของเธอออกมาเลย ว่าจะเหาะเหินเดินอากาศได้มากเท่าไหร่

    มินซันเยกระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะจ้องมองร่างบางที่หอบหิ้วกระดาษเนื้อเพลง Singleแรก เดินผ่านประตูห้องอัดเข้ามา
    แล้วทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม แต่กลับเดินผ่านเธอไปอย่างเย็นชา...บอกให้รู้อะไรๆได้อย่างมากกับสมาชิกในวง
    โดยเฉพาะปาร์คเยอีนที่ผิดสังเกตถึงขนาดดึงแขนมินซันเยออกมาคุยกันสองคน

    "ซันเย...เธอไปทำอะไรน้องมันหรือเปล่านี่? .. ปกติแค่กัดกันอย่างนั้น หายไป 2-3 วันก็น่าจะลืมๆไปบ้างแล้วนี่นา"
    ปาร์คเยอีนตั้งกระทู้ถาม มินซันเยทำริมฝีปากเชิดใส่แทบจะในทันทีที่มีคนเอ่ยถามถึงอานโซฮี

    "ก็เปล่า.. แค่สั่งสอนอะไรเล็กๆน้อยๆ" มินซันเยเอ่ยอย่างไว้ท่า ขณะที่ปาร์คเยอีนแทบสำลัก

    "สั่งสอน? ... นี่หมายความว่า..." ปาร์คเยอีนเขย่าแขนเพื่อนอย่างตกใจเพื่อเร่งเร้าเอาคำตอบ
    เพราะรู้ดีว่าคำว่า "สั่งสอน" ในความหมายของเพื่อนสาวนั้นมีความนัยว่าอะไร

    "ฮื่อ...อย่าคิดมากไป ชั้นไม่ได้พิศวาสยัยนั่นขนาดนั้น ก็แค่เล็กๆน้อยๆ พอหอมปากหอมคอ.."
    มินซันเยเอ่ยพลางมองเล็บมืออย่างไม่ใส่ใจ ปาร์คเยอีนจึงถอนหายใจออกได้อย่างโล่งอก
    ก่อนจะหันไปมองอานโซฮีด้วยสายตาสงสารจับใจ...
    อีกฝ่ายพอรู้ว่าถูกมอง และเห็นปาร์คเยอีนยืนอยู่กับมินซันเย ใบหน้าของเธอก็เรื่อสีขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
    คงเป็นเพราะกลัวว่ามินซันเยจะแพร่งพราย "เรื่องน่าอาย" อย่างนั้นออกไปให้คนอื่นๆได้รับรู้
    แต่เธอก็ไม่มีโอกาสเอ่ยปากบอกอะไร เพราะพี่ทีมงานเรียกเธอเข้าอัดเสียงเสียแล้ว

    เพราะโปรดิวเซอร์วางเสียงอานโซฮีไว้ตรงท่อน Bridge ของเพลง ซึ่งจะเป็นท่อนเชื่อมไปสู่ Hook ซึ่งร้องรวม
    ทำให้น้ำเสียงของอานโซฮีนั้นต้องแข็งแรงเป็นพิเศษ แต่ทว่าจากสภาพจิตใจที่อ่อนแอ มันก็พลอยทำให้ร่างกาย
    ไร้เรี่ยวแรงตามไปด้วย .. อานโซฮีจึงไม่สามารถทำน้ำเสียงให้ได้อารมณ์เท่าที่ควร...
    แต่เมื่อเธอมองออกไปด้านนอกกระจกห้องอัด ก็เห็นแววตาของมินซันเยที่มองเข้ามาอย่างสงสัยใคร่รู้

    แววตาดูถูกแบบนั้น...ยิ่งทำให้เธอมีความพยายามและตั้งใจที่จะสู้..!!

    อานโซฮีไม่รู้เลยว่าเสียงของเธอแข็งแรงขึ้นตั้งแต่เมื่อไร .. มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อโปรดิวเซอร์บอกว่า "ผ่านฉลุย" 

    "โอ้โห...โซฮีเก่งจังเลย อัดแค่2เทคก็ผ่านเลยเนอะ" ซอนมีซึ่งยืนรออัดอยู่กับมินซันเยเอ่ยอย่างชื่นชมจากใจจริง 
    ทำให้อานโซฮียิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะเดินผ่านคนที่ยืนอยู่ข้างๆซอนมีไปอย่างเย็นชา ราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่บนโลก 
    มินซันเยเห็นดังนั้นก็ได้แต่เหลือบตามองแล้วยิ้มอ่อนๆอย่างหมั่นไส้

    "ท่อนแร็พคิดสดเอาเลยไหวมั๊ยยูบิน" โปรดิวเซอร์เอ่ยถามสาวผิวเข้มที่ยืนหน้าตายอยู่ด้านใน 
    ยูบินพยักหน้าก่อนจะแร็พออกมาเป็นภาษาอังกฤษแบบไฟแลบ ทำเอาเพื่อนๆอ้าปากค้าง .. 
    เพราะคนที่เก่งภาษาอังกฤษ และสำเนียงดีขนาดนี้คงมีไม่เยอะนัก

    "เห็นมั๊ย..บอกแล้ว ... บทจะร้องเพลงเนี่ย แม่คนนี้เค้าไม่แพ้ใครเลยนะ" ปาร์คเยอีนเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
    ซึ่งอานโซฮีก็พยักหน้าเห็นด้วย ... เธอมองทะลุกระจกห้องอัดเข้าไปยังยูบินอย่างชื่นชม 
    ด้วยความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อยูบินนั้นดีอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นความสามารถอย่างนี้ ยิ่งชื่นชมเข้าไปใหญ่ 

    พี่ยูบินเก่งเนอะ...เก่งจังเลย ...มาดก็เท่ ดูดี... สมควรเป็นหัวหน้าวงมากกว่ามินซัน...
    อึ๋ย!! เกลียดๆๆๆ ไม่เอาๆ อย่าไปคิดถึง ><
    อานโซฮีขนลุกเกรียวขึ้นมาแล้วถอนหายใจอย่างอารมณ์เสีย

    แต่เมื่อถึงคิวมินซันเยร้องเข้าจริงๆ ก็ทำเอาอานโซฮีตกตะลึงไปเหมือนกัน
    เพราะมินซันเยร้องได้ดีมาก พลังเสียงแบบสุดยอดพร้อมด้วยเทคนิกระดับนักร้องผิวดำ อาจเรียกได้ว่าเสียงดีที่สุดในวง
    และนั่นก็ทำให้อานโซฮีจำเป็นต้องหมดข้อกังขาในความสามารถของหัวหน้าวงโดยสิ้นเชิง(เซ็งเลยทีเดียว/โซฮี)

    "อ้าว มากินข้าวกันเร้ว สาวๆ ...เหนื่อยแย่เลยละซี" พี่ AR (คนคุมนักร้อง) ใจดีของพวกเธอเรียก
    เมื่อจัดเตรียมอาหารไว้พร้อมมูลสำหรับห้าสาวที่โหยหิวแล้ว ทุกคนก็ไม่รีรอที่จะมานั่งทานกันเลย

    "ซอนมี...นั่งกับพี่น้า.." ปาร์คเยอีนดึงแขนซอนมีอย่างกระเง้ากระงอด 
    คนที่โดนดึงแขนได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจแล้วยอมนั่งลงเคียงข้างแต่โดยดี 
    ส่วนยูบินก็เดินเข้ามาไม่พูดไม่จา แต่นั่งลงขนาบอีกข้างของปาร์คเยอีน 
    ทำให้ที่นั่ง 5 ตัวบริเวณนั้น เหลืออีกเพียงสองตัวที่ติดกัน..... 

    เอาแล้วไง...ซวยแล้วไง... 

    อานโซฮีคิดในใจอย่างอารมณ์เสีย แต่ไอ้ครั้นจะขอเปลี่ยนที่ก็กลัวจะโดนหาว่าเรื่องมาก
    ทั้งยังเกรงใจปาร์คเยอีนที่ดูอยากจะนั่งใกล้ๆซอนมีเสียขนาดนั้น เธอจึงต้องทรุดตัวลงนั่งหน้าบูด
    ขณะที่หางตาเหลือบมองที่นั่งติดกับเธอที่ว่างอยู่อย่างลำบากใจ  เพราะรู้ว่ามันเป็นของใคร..... 

    "โฮ้ย...เหนื่อยจังเลย" มินซันเยเดินออกมาจากห้องอัดเสียงอย่างเริงร่า
    เพราะการใช้พลังเสียงมากเกินไป ทำให้เธอรู้สึกหิวเป็นพิเศษ 
    เธอขมวดคิ้วเล็กๆอย่างงุนงงเมื่อเห็นที่นั่งที่ว่างอยู่ซึ่งเป็นของเธอนั้นติดกับอานโซฮี 
    แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้ตนเองเสียเวลางงนานนัก จึงนั่งลงเคียงข้างอานโซฮีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง
    ขณะที่อานโซฮีนั่งนิ่งตัวเกร็งแทบจะทันทีที่มินซันเยนั่งลง... 

    "พี่ซันเยคะ วันนี้มีของที่พี่ซันเยชอบด้วยนะคะ" ซอนมีเอ่ยอย่างใจดี ด้วยความที่เธอเป็นคนละเอียดอ่อน 
    เธอจึงมักจะจำรายละเอียดปลีกย่อยของคนรอบตัวได้เสมอว่าใครชอบอะไร และนั่นก็ถือเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของซอนมี
    เมื่อเอ่ยจบเธอก็ตักอาหารที่มินซันเยชอบให้อีกฝ่ายด้วยท่าทีนอบน้อม

    "ขอบคุณนะจ๊ะซอนมี ...เด็กอ่อนน้อม พูดจาน่ารักๆอย่างนี้แหละ ถึงจะน่าเอ็นดู" มินซันเยเอ่ยพลางชำเลืองตามองคนนั่งข้างๆ 
    อานโซฮีรู้ตัวว่าถูกแขวะเข้าเต็มๆก็ถึงกับอารมณ์ขึ้น ..แต่ด้วยเหตุการณ์เมื่อวันก่อนก็ทำให้เธอไม่กล้าต่อปากต่อคำเท่าที่ควร
    เพราะยังขวัญเสียอยู่... ยิ่งทำให้มินซันเยได้ใจ 

    เป็นไงล่ะ...เจอของจริงเข้าไปทีเดียว...ไม่กล้าปากดีแล้วหรอ?
    มินซันเยคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนจะมองอานโซฮีด้วยสายตากวนๆ 
    อานโซฮีขบฟันกรอด ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ..

    อากัปกริยาของทั้งคู่ทำให้ซอนมีงุนงงเล็กน้อย เพราะไม่เข้าใจว่ามินซันเยหมายความว่าอย่างไร...
    แต่ที่แน่ๆ...ที่รู้ตอนนี้มีใครบางคนนั่งหน้างออยู่ข้างๆเธอ... 

    หน้างอตั้งแต่เธอ...ตักอาหารให้มินซันเยแล้ว... 

    "ทีของพี่นะไม่เคยตักให้เลย" ปาร์คเยอีนเอ่ยอย่างน้อยใจ 

    "โธ่...ก็พี่เยอีนไม่ได้ชอบอันนี้ไม่ใช่เหรอคะ?" ซอนมียิ้มแหยๆด้วยความรู้สึกผิด

    "ก็ใช่...พี่ไม่ได้ชอบอันนี้" ปาร์คเยอีนทำหน้างอนอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้ม

    "แล้วซอนมีรู้รึเปล่าล่ะ...ว่าพี่ชอบอะไร" 

    ปาร์คเยอีนเอ่ยแล้วหลิ่วตาอย่างมีเลิศนัย ก่อนจะมองสบตาซอนมี ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเรื่อสีเป็นสีชมพูอ่อน ซอนมีนิ่งอึ้งไป
    ไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเลย แต่สิ่งที่ยังทำให้ปาร์คเยอีนเกือบจะแน่ใจว่าซอนมี "รู้" ว่าเธอชอบอะไร นั่นก็คือรอยยิ้มน้อยๆ
    จากมุมปากของอีกฝ่ายที่กำลังเขินหน้าแดงอยู่ในขณะนี้...

    "หมั่นไส้..." ยูบินเอ่ยขึ้นมาคำเดียว ก่อนจะดื่มน้ำตาม ทำเอาเพื่อนๆขำพรวดกันทั้งโต๊ะ
    เพราะรู้ดีว่าการจะทำให้ยูบินพูดออกมาสักคำนั้นยากแค่ไหน ในกรณีนี้แสดงว่ายูบินคง "หมั่นไส้" จริงๆดั่งคำว่า 

    โชคดีที่บรรยากาศบนโต๊ะนั้นรื่นเริงไปด้วยเรื่องของปาร์คเยอีนกับซอนมี 
    ทำให้อานโซฮีไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักที่จะหลีกเลี่ยงในการข้องแวะกับมินซันเย

    เมื่อเสร็จสิ้นการรับประทานบนโต๊ะอาหาร อานโซฮีก็ไม่รีรอที่จะลุกพรวดออกจากโต๊ะทันที
    ไปไหนก็ได้... ให้ไกลที่สุดจากคนๆนี้... 

    "เอ้า...โซฮี ไปไหนเล่า พี่เค้าเรียกไปซ้อมเต้นต่อนะจ๊ะ" ปาร์คเยอีนตะโกนเรียกเมื่อเห็นอานโซฮีเดินห่างจากกลุ่มไป
    อานโซฮีหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เดินยิ้มแหยกลับมาที่โต๊ะ

    "คือ...จะขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยน่ะค่ะ" อานโซฮีถอนหายใจ 

    "อะไรกัน...ทำหน้ายังกับคนแพ้ท้อง..." มินซันเยเงยหน้าถามขึ้นมา อานโซฮีกำหมัดแน่น แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
    ในขณะที่ปาร์คเยอีนส่ายหัว เหมือนจะเตือนไม่ให้เธอต่อปากต่อคำด้วย 

    "นี่แค่แป๊บเดียว ถึงกับท้องเลยหรือเนี่ย...ชั้นไม่รับผิดชอบนะขอบอก" มินซันเยเอ่ยต่อแล้วหัวเราะขำๆ
    ทำเอาอานโซฮีหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ... แต่เมื่อเห็นทุกคนทำหน้าเหวอ จึงเข้าใจได้ว่าคงยังไม่มีใครรู้เรื่องระหว่างทั้งสอง
    อานโซฮีจึงทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกา แล้วเดินหนีเข้าไปในห้องซ้อมก่อนคนแรก 

    "เฮ้อ!! พูดอะไรของเธอเนี่ย ดีนะที่ปิดหูซอนมีทัน" ปาร์คเยอีนบ่นใส่มินซันเยด้วยความระอาใจ 
    ก่อนจะคลายมือที่ปิดหูทั้งสองข้างของซอนมีอยู่ออกซึ่งทำให้คนที่โดนปิดหูออกจะงงๆอยู่บ้าง 
    แต่ก็เข้าใจว่าคงเพราะมีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมปาร์คเยอีนจึงไม่อยากให้เธอได้ยิน 
    และนั่นก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกดีๆที่มีต่อพี่สาวคนนี้ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีก ... 

    "แหม ห่วงกันจริง" มินซันเยพูดยิ้มๆ ปาร์คเยอีนจึงได้แต่ถอนหายใจ .. 

    ก็กับคนอื่นน่ะ ซันเยก็เป็นคนดี นิสัยดี น่ารักกับทุกคน 
    แต่ทำไมกับโซฮี ...ซันเยถึงได้..... ร้ายนัก?
    ปาร์คเยอีนคิดอย่างประหลาดใจ ก่อนจะกอดอกมองพิจารณาเพื่อนอย่างครุ่นคิด

    ฝ่ายอานโซฮีที่เข้าไปอยู่ในห้องซ้อมเต้นแล้วก็วางข้าวของ พลางถอดรองเท้าด้วยใจที่คุกกรุ่น 
    โมโหยิ่งนัก แต่ทำอะไรไม่ได้...เพราะกลัวมากกว่า... 

    "นี่..." เสียงเรียกเธอมาจากด้านหลังพร้อมมือที่แตะบ่า ทำเอาอานโซฮีสะดุ้งเฮือก เพราะนึกว่าเป็นมินซันเยอีก
    แต่เมื่อหันไปดู กลับไม่ใช่ ทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมาดังๆอย่างโล่งอก

    "เฮ้อ...พี่ยูบิน...ตกใจหมดเลยค่ะ" อานโซฮียิ้มหน้าเจื่อน ทำเอายูบินยิ้มตอบอย่างเอ็นดู 

    "งานมันก็คืองานน่ะ..." ยูบินเอ่ยเบาๆ ก่อนจะตบไหล่อานโซฮีอย่างให้กำลังใจ

    "ถึงจะไม่ชอบกัน มันก็คืองาน...เวลาทำงาน ใกล้กันก็ต้องยิ้มรู้มั๊ย" ยูบินเอ่ย

    "หนีตลอดไปไม่ได้หรอก...ต้องสู้สิ" 
    อานโซฮีนิ่งอึ้งไป...ไม่ใช่เพราะตกใจที่ยูบินพูดยาวขนาดนี้...แต่นึกอุ่นใจที่คำสอนจากรุ่นพี่มันตรงกับความคิดของเธอพอดี

    "สู้ๆนะ..." ยูบินขยิบตาให้เธอ ก่อนจะตบบ่าเบาๆอย่างเอ็นดูอีกครั้งแล้วเดินแยกออกมา
    อานโซฮียิ้มออกขึ้นมาทีละนิด ก่อนจะมองตามท่าเดินเท่ๆของยูบินไป... 

    อย่างน้อย...ก็มีคนเข้าใจ... อย่างน้อยก็มีใครสักคนมาทำให้อุ่นใจแล้วละ...

    เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะตะโกนตอบออกไปอย่างร่าเริง...

    "ค่ะ...พี่ยูบิน... หนูจะสู้!!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×