คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
“ได้เรื่องหรือยัง” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ของเจ้าตัว
คนถูกถามไม่ยอมตอบ แต่เขากลับโยนแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะของเพื่อนสนิท “บาน”
‘ตรีกาล รัตนภัทรวรรณ’ เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ แล้วมองเพื่อนสนิทที่ทำหน้าบึ้งมองเขาราวกับว่าเขาไปเผลอเหยียบอวัยวะเบื้องล่าง
“เป็นอะไรของแกวะหนึ่ง” ตรีกาลเอ่ยถามเพื่อนสนิท พร้อมกับเอื้อมมือออกไปหยิบแฟ้มเอกสารอีกฝั่งบนโต๊ะมาเปิดอ่าน
“ ฉันเบื่อ” จักรพรรดิทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับตรีกาล “แกรู้ไหมว่าปู่พยายามจะหาเมียให้ฉัน อีกแล้ว” จักรพรรดิเน้นท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แต่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขามีเรื่องที่กำลังกลุ้มใจมากกว่าเขาหลายเท่า
ตรีกาลหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา เพราะเขาเองก็พอจะเข้าใจเพื่อนสนิทว่าการถูกแนะนำให้รู้จักกับบรรดาลูกสาวหรือหลานสาวของเพื่อนสนิทของมารดามันมีความรู้สึกอย่างไร
“สวยนะ” จักรพรรดิเอ่ยขึ้นขณะที่สายตาของเขาจ้องมองไปที่รูปถ่ายของผู้หญิงที่ถูกแนบมากับเอกสารในแฟ้ม ซึ่งตรีกาลกำลังถืออยู่
คิ้วเข้มของตรีกาลเลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วจึงจ้องเพ่งมองรูปถ่ายที่ถูกหนีบไว้ด้วยคลิปซึ่งเขามองผ่านไปก่อนหน้านี้ เพราะมั่วแต่มุ่งความสนใจไปที่ที่อยู่ของเธอ “แกจะแปลกใจทำไม แค่เห็นหน้าหนูแดงแกก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าแม่ของแกต้อง”ตรีกาลเว้นระยะก่อนจะหาคำพูดมาเปรียบเทียบผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของลูก ซึ่งเขาเองก็เคยเจอตัวจริงของเธอพียงแค่ครั้งเดียว คือตอนไปรับลูกสาวตัวน้อยหลังจากที่ลูกสาวของเขาคลองได้เพียง สามวัน โดยที่เขาเพียงเดินเข้าไปวางช่อดอกไม้และเช็คเงินสดที่มีมูลค่ากว่าห้าล้านบาทเอาไว้ให้เธอ โดยที่ใบหน้าสวยหวานของเธอยังคงฉีดเซียว เพราะอาการแทรกซ้อนหลังจากคลอดลูกสาวของเขาก่อนกำหนดจนต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด
“หน้าตาโอเค” ตรีกาลเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบไปสักพัก ต้องยอมรับว่าเขาเองก็ไม่เคยเห็นตัวจริงของเธอ เคยเห็นเธอครั้งแรกจากรูปถ่ายที่ทางเอเจนท์ซี่นำมาให้ดูพร้อมกับประวัติการตรวจสุขภาพ และประวัติส่วนตัวของเธอ ละครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ซึ่งเธอดูแตกต่างจากเดิม อาจเพราะเวลาที่ผ่านไปเกือบสี่ปี
“แกเคยเห็นหน้าของเธอมาก่อน” จีกรพรรดิ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียน เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
“จากรูป” ตรีกาลตอบเพื่อนสนิทตามตรง “ตอนเอเจนท์ซี่เอารูปของเธอมาให้ดู ตอนนั้นรู้สึกเหมือนว่าจะเพิ่งเรียนจบ”
“แล้วทำไมเขาถึงยอมมาอุ้มท้องลูกของแก”
ตรีกาลไหวไหล่เบาๆ “ไม่รู้ ไม่ได้ถามคุณนก ตอนนั้นฉันอยากได้ลูก ไม่ได้อยากได้เมีย”
“คุณนกอะไรเนี่ยแกรู้จักเขาได้ยังไงวะ การทำแบบนี้มันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้วะ นี่มันการพรากลูกพรากแม่เขาเลยนะเว้ย”
“แกก็พูดแรงไป” นันต์ตาสีเข้มของตรีกาลหม่นแสงลงเล็กน้อย “ฉันให้อาจิตรช่วยจัดการเรื่องนี้ให้”
“แล้วนี้แกจะทำยังไงต่อไปวะ ขืนแกเดินเขาไปขอให้เขาช่วยท้องลูกอีกคนเพื่อเอาสเต็มเซลล์มารักษายัยหนูแดง เขาได้ตบแกหน้าหัน” จักรพรรดิรู้สึกแย่กับความคิดของเพื่อนแค่การไปเอาลูกมาจากผู้หญิงที่เพิ่งจะคลอดหลานสาวตัวเล็กของเขาออกมา โดยที่เธอยังไม่มีโอกาสได้อุ้มลูกสาวของเธอด้วยซ้ำ เพราะจากคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทดูเหมือนว่าเธอจะติดเชื้อหลังคลอด เพราะต้องคลอดลูกสาวก่อนกำหนด และต้องนอนรักษาตัวในห้องพิเศษและใช้เวลาหลานวันในการฟื้นตัวหลังคลอดหลานสาวของเขาต่ออีกเกือบอาทิตย์
“บอกเรื่องไปตรงๆ ว่าฉันต้องการให้เธอไปเช็คว่าเธอสามารถบริจาคสเต็มเซลล์ให้หนูแดงได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เธอก็ต้องยอมท้องลุกของฉันอีกคน เพราะเอาสเต็มเซลล์จากสายรกมารักษาหนูแดง” ตรีกาลอธิบายเสียงเรียบ น้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมาราวกับเขากำลังเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศ หรือบอกเล่าราคาหุ้นของบริษัทให้เพื่อนฟัง ทั้งๆ ที่เรื่องที่ตรีกาลกำลังจะทำเป็นเรื่องที่สร้างผลกระทบให้กับคนอีกหลายคนในความคิดของจักรพรรดิ์
จักรพรรดิเพียงแต่นั่งฟังนิ่งๆ รู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขารัก ‘หนูแดง’ หรือ ‘เด็กหญิงขวัญชนก รัตนภัทรวรรณ’ มาแค่ไหน ยิ่งตอนนี้ร่างกายของหนูแดงกำลังแย่ลง หลังจากที่ตรวจพบว่าหลานสาวตัวน้อยของเขาป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งการรักษาที่หมอแนะนำคือการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีลักษณะเนื้อเยื่อ ( HLA or Tissue typing ) ที่เข้ากัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนโอกาสของหนูแดงจะเริ่มมีน้อยลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีผู้บริจาคคนไหนที่มีลักษณะเนื้อเยื่อที่สามารถเข้ากันได้ แม้แต่ตัวเขาเองและตรีกาลก็ไม่มีใครสามารถบริจาคสเต็มเซลล์ให้หนูแดงได้
อาการของหนูแดงกำลังทรุดหนัก เพราะอาการแทรกซ้อนจน ‘จอมทัพ’ เพื่อนสนิทของเขาซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของ ‘โรงพยาบาลสันติรักษ์’ ซึ่งเป็นคนที่มีคอนเน็กชั่นในวงการแพทย์เป็นอย่างดี พยายามวิ่งเต้นจนสุดความสามารถก็ยงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากเท่าที่ควร
จักรพรรดิเพียงเค้นยิ้มร้ายกาจออกมา “เขาคงยอมหรอก แกไปขโมยลูกออกมาจากอกของเขาแบบนั้น แกยังมีหน้าไปขอให้เขาท้องลูกอีกคนของแกเนี่ยนะ ใครจะอยากยุ่งกับคนใจดำอย่างแกวะ”
“ฉันแค่จะบอกเธอไปตรงๆ ว่ามันจำเป็นขนาดไหน เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เพื่อฉัน แต่มันหมายถึงชีวิตลูกของฉัน อย่างน้อยยัยหนูแดงก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอถ้าเธอมีจิตสำนึกของความเป็นแม่บ้างเธอต้องยอม”
“จิตสำนึกของความเป็นแม่” จักรพรรดิส่งยิ้มเครียดให้เพื่อนสนิท “คนไม่มีแม้แต่ ‘จิตสำนึกความเป็นคน’ อย่างแกมีหน้าไปถามหา ‘จิตสำนึกความเป็นแม่’ จากคุณชลทิชาด้วยเหรอวะ”
ตรีกาลโยนเอกสารที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั้งห้องทำงานขนาดใหญ่ของเขา และลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยความฉุนเฉียวที่ถูกเพื่อนสนิทกล่าวหา
“หุบปากของแกไปเลนไอ้หนึ่ง” นิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้หน้าจักรพรรดิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างหมดความอดทน “แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอกว่าการที่ต้องทนเห็นลูกตัวเองนอนป่วย ฉันต้องเห็นลูกของฉันทรมานเราะถูกฉีดยา แกเห็นไหมว่าแกตัวเล็กแค่ไหนแต่แกต้องกินยาเยอะแต่ไหน หนูแดงร้องไห้ตลอดเวลาที่แกต้องทำเคมีบำบัด แกวิ่งเล่นกับเพื่อนเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ ลูกสาวฉันได้แต่นั่งมองเพื่อนเวลาที่เพื่อนๆ ของแกวิ่งเล่นกัน เวลาที่แกต้องทำเคมีบำบัดแกรู้ไหมว่าหนูแดงทรมานขนาดไหน แต่ฉันกลับช่วยอะไรแกไม่ได้เลยนอกจากกอดปลอบแกไว้เวลาแกปวดแผล หรือเวลาที่แกไข้ขึ้นหลังจากทำเคมีบำบัด ฉันได้แต่คอยปลอบแก คอยพูดกับแกว่า ขอให้แกอดทนเพราะอีกไม่นานแกจะหายแกจะได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เหมือนเมื่อก่อน ฉันทำได้แค่นั่น แกรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงการได้แต่มองลูกสาวของตัวเองต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น แกรู้ไหม!”
จักรพรรดิมองหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง แต่ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงกับแรงโทสะที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงของตรีกาลแม้แต่น้อย อีกทั้งยังยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทีสบายๆ แม้ตัวเขาเองจะสะเทือนใจกับความอัดอั้นที่เพื่อนสนิทระเบิดออกมาเมื่อครู่ “แล้วถ้าคุณชลธิชาไม่ยอมล่ะ” เขาเพียงแค่ถามเพื่อไว้ คนเราควรมีแผนสำรองถ้าหากเรื่องบางเรื่องไม่เป็นตามแผนที่วางเอาไว้
ตรีกาลค่อยสงบสติอารมณ์ลง เขาหลับตาลงช้าๆ พยายามระงับโทสะที่พุ่งขึ้นสูงจนเขาระเบิดอารมณ์ใส่จักรพรรดิ ดวงตาคู่คมที่ปรากฏขึ้นอีกครั้งในสายตาของจักรพรรดิ บัดนี้สงบนิ่งราวกับไร้ความรู้สึกเช่นเดิม มีเพียงใบหน้าที่ยังเรื้อขึ้นด้วยสีแดงจางๆ ตามอารมณ์ของเจ้าตัวที่พุ่งขึ่นมาเมื่อครู่
ตรีกาลเพียงเอื้อมมือลงไปเลื่อนลิ้นชักและหยิบเอกสารบางอย่างออกมา “ฉันเป็นเจ้าหนี้ของคุณจันทร์ฉาย” ตรีกาลวางเอกสารที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะ แล้วเลื่อนไปวางไว้ตรงหน้าจักรพรรดิ์ เป็นเชิงให้เพื่อนสนิทเปิดดูรายละเอียดต่างๆ ด้านใน
“ถ้าเธอไม่ยอมตรวจหรือทำตามที่ฉันบอก ฉันจะยึดทุกอย่างที่คุณจันทร์ฉายแม่ของเธอเอาวางค้ำประกันเงินกู้”
“จักรพรรดิเปิดเอกสาร แล้วอ่านเร็วๆแต่ละเอียดถี่ถ้วนเป็นอย่างดี “แกซื้อสัญญาฉบับนี้มา”
ตรีกาลพยักหน้า “นักสืบที่ฉันจ้างให้ไปสืบ โอเคฉันขอโทษที่ไม่บอกแก” ตรีกาลเอ่ยขอโทษเพื่อนสนิทเสียงเข้ม “ฉันแค่อยากได้ข้อมูลของเธอเยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันรู้ว่าคนของแกทำงานดี แต่อาจจะหลุดข้อมูลสำคัญๆ อย่างนี้ไปบ้าง ฉันจ้างให้นักสืบๆ ประวัติของพ่อแม่ชลทิชา และรู้ว่าห่อแม่เธอหย่ากัน เธออยู่กับพ่อ ที่เชียงใหม่ ส่วนแม่มีครอบครัวใหม่ และดูเหมือนพ่อเลี้ยงกับแม่ของเธอจะเอาเงินทั้งหมดที่มีไปทุ้มลงบ่อนแถบๆ ชายแดน ฉันเลยให้คนของฉันติดต่อขอซื้อหนี้ของแม่เธอทั้งหมด สรุปคือฉันเป็นเจ้าหนี้ของคุณจันทร์ฉาย ซึ่งจากนิสันไม่น่าจะเป็นคนพอเพียงแน่นอน เพราะขนาดเป็นหนี้ก้อนโต เธอยังมีกระจิตกระใจซื้อรถสปอร์ตคันใหม่ให้สามี แต่ไม่เคยเอาเงินมาใช้หนี้แม้แต่บาทเดียวอย่าว่าแต่ตัวหนี้เลยแม้แต่ดอกเบี้ยเธอก็ไม่เคยจ่าย”
“นี่ฉันพลาดเรื่องสำคัญขนาดนี้เลยรึวะ” จักรพรรดิ์เอ่ยเสียงเครียดกับฝีมือลูกน้องของบิดาที่เขาไหว้วานให้ช่วยหาข้อมูลของชลธิชาให้
“เธอไม่ได้อยู่กับแม่” ตรีกาลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทดูจะช็อคอย่างรุนแรงกับข้อมูลบางอย่างที่พลาดไป “ไม่แปลกหรอกที่แกจะมองข้ามคุณจันทร์ฉาย เพราะเธอไม่เคยบอกใครว่ามีเคยมีครอบครัวมาก่อนที่จะแต่งงานกับคุณพงษ์เทพ ฉันต้องใช้เส้นสายพอสมควรถึงจะสืบจนลกว่าใครเป็นแม่ของเธอ ในใบสูติบัตรของชลธิชาชื่อที่ระบุว่าเป็นแม่ของเธอเป็นชื่อเก่าของคุณจันทร์ฉายก่อนที่เธอจะเข้าวงการ อีกอย่างเรื่องหนี้ของคุณจันทร์ฉายมันต้องใช้เส้นสายเยอะพอสมควรถึงจะสืบได้”
“แกขอคุณชลิชามาใช่ไหม” จักรพรรดิพยายามคิดในแง่ดี การหาสูติบัตรของใครสักคนโดนเฉพาะสูติบัตรเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ “แกให้คนสืบแม้แต่สูติบัตรของคุณชลธิชาเนี่ยนะ” จักรพรรดิมีท่าทีตกใจกับข้อมูลที่ได้มา ก่อนจะทำท่าลูบแขนลูบขาตัวเอง เพราะขนลุกขนพอง เมื่อทราบความน่ากลัวของเพื่อนสนิท ที่มีความสามรถหามาได้แม้แต่สูติบัตรของชลธิชา
ตรีกาลไหวไหล่ ไม่สนใจท่าทีของเพื่อนสนิท เพราะอะไรก็ตามที่เขาต้องการเขาต้องเสาะหามาให้ได้ และการจะหาประวัติของใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เพียงแค่สูติบัตรของชลธิชาเขาได้มาตั้งแต่เมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว
“ฉันได้สูติบัตรของชลธิชามาตั้งแต่ตอนที่ฉันตัดสินใจเลือกเธอเป็นแม่อุ้มบุญแล้ว”
“แกนี่มันทั้งบ้าทั้งโรคจิตสุดๆ เลยวะไอ้ตรัย!”
ความคิดเห็น