ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พระชัยมงคลคาถา บทที่ 5
--- บทที่ 5 ---
กัตวานะ กัฎฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
--- นิทานชาดก ของบทที่ 5 "ชนะสตรี ด้วยความสงบ" ---
การผจญภัยครั้งนี้ของพระพุทธองค์เป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง เพราะทรงผจญกับข้อกล่าวหาเรื่อง “มารหัวขน” เรื่องของเรื่องก็มีว่า หลังจากพระพุทธองค์ทรงประกาศพระพุทธศาสนา ไม่นานก็มีผู้เลื่อมใสออกบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนามากขึ้น พวกอัญเดียรถีย์ (นักบวชลัทธิอื่น) ต่างก็เดือดร้อน ไปตามๆกัน
พวกอัญเดียรถีย์วางแผนดิสเครดิตพระพุทธเจ้าโดยให้สาวิกาสาวสวยชื่อจิญจา หรือ จิญจมาณวิกาไปดำเนินการ นางใช้เวลาระยะหนึ่งเข้าเดินออกพระเชตะวันมหาวิหาร
ตอนเช้ามืดเวลาชาวเมืองเดินออกนอกเมืองทำธุรกิจการงาน นางจิญจาก็จะเดินเข้าเมืองเมื่อเขาถามว่า “นางอยู่ที่ไหน” ก็ตอบว่า “เรื่องของข้า” เวลาค่ำ เมื่อประชาชนต่างพากันกลับเข้าเมือง นางก็เดินออกนอกเมือง สวนทางกับพวกเขา เมื่อพวกเขาถามว่า “นางจะไปไหน” ก็ตอบว่า “เรื่องของข้า
ทำอย่างนี้สักระยะหนึ่ง เมื่อถูกถามบ่อย จึงตอบว่า “ฉันอยู่วัดจ๊ะ”
“อยู่วัด น่ะ อยู่ส่วนไหนของวัด” ชาวบ้านซักเพราะรู้ว่าพระเชตะวันนั้นเป็นที่อยู่ของสงฆ์ล้วน
“ก็พระพุทธเจ้าของพวกท่าน อยู่ที่ไหน ก็นั่นแหละจ๊ะ” นางตอบยิ้มละไม
นางบอกว่า ข้านะหรือ ชื่อจิญจิ
คนเราลองหน้าด้านไม่กลัวบาปแล้ว ย่อมทำได้ทั้งนั้น ดูนางจิญจานี้เป็นตัวอย่างแผนการของนางดำเนินไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่สร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นกับประชาชนทีละนิดๆ ค่อยแย้มออกมา จนกระทั้งประกาศชัดเจนว่า ฉันนี่แหละคือคู่ชีวิตของศาสดาของพวกท่านล่ะ
เพื่อให้สมเหตุสมผลยิ่งขึ้นเธอก็หาไม้กลมๆ มาผูกท้องเอาผ้าพันใส่ชุดทรงกุมารให้คนรู้ว่ามีครรภ์ วันหนึ่งขณะพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก นางจิญจามาณวิกาก็เดินอุ้ยอ้ายฝ่าฝูงชนเข้ามาทีเดียว
“เสด็จพี่ ดีแต่เทศนาโปรดคนอื่น ทีภรรยาท้องแก่ จวนคลอดแล้วไม่เห็นไยดีเลย จะฝากท่านอนาถบิณฑิกะ หรือคุณแม้ถ้วน เอ๊ย นางวิสาขาช่วยดูแล หรือจะทำอย่างไร ก็รีบๆ จัดการเสียเถิดค่ะ”
เอาละซิครับ พุทธบริษัทตกตะลึงจังงังดุจดังผีหลอกกลางวันแสกๆ พวกปุถุชนใจเบาชักไขว้เขวแล้วสิ ส่วนพวกบัณฑิตใจหนักแน่นใคร่ครวญด้วยเหตุด้วยผลแล้วรู้ทันทีว่าเรื่องนี้น่าจะมีเลศนัยอะไรแฝงอยู่ จึงไม่ปลงใจเชื่อ
พระพุทธองค์ประทับนั่งสงบ ตรัสเบาๆ “น้องหญิง ที่เจ้าพูดนั้นจริงหรือเท็จ เราสองคนเท่านั้นที่รู้”
“ใช่สิ ๆ เรื่องอย่างนี้จะให้ใครเขารู้ได้ยังไง” นางเสริมทันที
“แล้วเรื่องสถานที่คลอดจะว่ายังไง จะให้ใครช่วยเป็นธุระจัดการให้เล่า เสด็จพี่” นางรบเร้า
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมต่อ ดังหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ นางจิญจมาณวิกาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เต้นเร่าๆ อย่างลืมตัว ว่ากันว่าขณะนั้นพระอินทร์จอมเทพ ทนดูพฤติกรรมต่ำช้าของนางไม่ได้ จึงบันดาลให้ท่อนไม้ที่ผูกท้องอยู่หลุดลงมา
แผนการชั่วร้ายก็เลยแตก ถูกประชาชนไล่ออก จากพระเชตวัน แผ่นดินก็ดูเหมือนจะทนไม่ได้เช่นกัน จึงสูบร่างนางหายไปต่อหน้าต่อตาประชาชนจำนวนมาก
ตรงนี้ถ้าแปลความธรรมดาๆ ก็คือนางถูกประชาชนไล่กระทืบตายคาเท้านั่นเองมนุษย์อุบาทว์จัญไรอย่างนี้ เทวดาฟ้าดินไม่ยอมให้ตายดีดอกครับ
หลังจากสาวิกาคนสวยตายไปแล้ว พวกอัญเดียรถีย์ก็ไม่เข็ด วางแผนกำจัดพระพุทธองค์อีก โดยจ้างนักเลงฆ่าสาวิกาของพวกตนชื่อนางสุนทรี แล้วเอาศพไปทิ้งไว้หน้าพระเชตวัน ทำนองให้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าและสาวกเป็นคนฆ่า
ต่อมาพวกโจรที่ถูกจับได้ซัดไปยังผู้บงการผู้บงการ คือ อัญเดียรถีย์ระดับนำ เลยต้องรับอาญาบ้านเมืองไปตามระเบียบ
กัตวานะ กัฎฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา
จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
--- นิทานชาดก ของบทที่ 5 "ชนะสตรี ด้วยความสงบ" ---
การผจญภัยครั้งนี้ของพระพุทธองค์เป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง เพราะทรงผจญกับข้อกล่าวหาเรื่อง “มารหัวขน” เรื่องของเรื่องก็มีว่า หลังจากพระพุทธองค์ทรงประกาศพระพุทธศาสนา ไม่นานก็มีผู้เลื่อมใสออกบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนามากขึ้น พวกอัญเดียรถีย์ (นักบวชลัทธิอื่น) ต่างก็เดือดร้อน ไปตามๆกัน
พวกอัญเดียรถีย์วางแผนดิสเครดิตพระพุทธเจ้าโดยให้สาวิกาสาวสวยชื่อจิญจา หรือ จิญจมาณวิกาไปดำเนินการ นางใช้เวลาระยะหนึ่งเข้าเดินออกพระเชตะวันมหาวิหาร
ตอนเช้ามืดเวลาชาวเมืองเดินออกนอกเมืองทำธุรกิจการงาน นางจิญจาก็จะเดินเข้าเมืองเมื่อเขาถามว่า “นางอยู่ที่ไหน” ก็ตอบว่า “เรื่องของข้า” เวลาค่ำ เมื่อประชาชนต่างพากันกลับเข้าเมือง นางก็เดินออกนอกเมือง สวนทางกับพวกเขา เมื่อพวกเขาถามว่า “นางจะไปไหน” ก็ตอบว่า “เรื่องของข้า
ทำอย่างนี้สักระยะหนึ่ง เมื่อถูกถามบ่อย จึงตอบว่า “ฉันอยู่วัดจ๊ะ”
“อยู่วัด น่ะ อยู่ส่วนไหนของวัด” ชาวบ้านซักเพราะรู้ว่าพระเชตะวันนั้นเป็นที่อยู่ของสงฆ์ล้วน
“ก็พระพุทธเจ้าของพวกท่าน อยู่ที่ไหน ก็นั่นแหละจ๊ะ” นางตอบยิ้มละไม
นางบอกว่า ข้านะหรือ ชื่อจิญจิ
คนเราลองหน้าด้านไม่กลัวบาปแล้ว ย่อมทำได้ทั้งนั้น ดูนางจิญจานี้เป็นตัวอย่างแผนการของนางดำเนินไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่สร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นกับประชาชนทีละนิดๆ ค่อยแย้มออกมา จนกระทั้งประกาศชัดเจนว่า ฉันนี่แหละคือคู่ชีวิตของศาสดาของพวกท่านล่ะ
เพื่อให้สมเหตุสมผลยิ่งขึ้นเธอก็หาไม้กลมๆ มาผูกท้องเอาผ้าพันใส่ชุดทรงกุมารให้คนรู้ว่ามีครรภ์ วันหนึ่งขณะพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมท่ามกลางประชาชนจำนวนมาก นางจิญจามาณวิกาก็เดินอุ้ยอ้ายฝ่าฝูงชนเข้ามาทีเดียว
“เสด็จพี่ ดีแต่เทศนาโปรดคนอื่น ทีภรรยาท้องแก่ จวนคลอดแล้วไม่เห็นไยดีเลย จะฝากท่านอนาถบิณฑิกะ หรือคุณแม้ถ้วน เอ๊ย นางวิสาขาช่วยดูแล หรือจะทำอย่างไร ก็รีบๆ จัดการเสียเถิดค่ะ”
เอาละซิครับ พุทธบริษัทตกตะลึงจังงังดุจดังผีหลอกกลางวันแสกๆ พวกปุถุชนใจเบาชักไขว้เขวแล้วสิ ส่วนพวกบัณฑิตใจหนักแน่นใคร่ครวญด้วยเหตุด้วยผลแล้วรู้ทันทีว่าเรื่องนี้น่าจะมีเลศนัยอะไรแฝงอยู่ จึงไม่ปลงใจเชื่อ
พระพุทธองค์ประทับนั่งสงบ ตรัสเบาๆ “น้องหญิง ที่เจ้าพูดนั้นจริงหรือเท็จ เราสองคนเท่านั้นที่รู้”
“ใช่สิ ๆ เรื่องอย่างนี้จะให้ใครเขารู้ได้ยังไง” นางเสริมทันที
“แล้วเรื่องสถานที่คลอดจะว่ายังไง จะให้ใครช่วยเป็นธุระจัดการให้เล่า เสด็จพี่” นางรบเร้า
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมต่อ ดังหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ นางจิญจมาณวิกาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เต้นเร่าๆ อย่างลืมตัว ว่ากันว่าขณะนั้นพระอินทร์จอมเทพ ทนดูพฤติกรรมต่ำช้าของนางไม่ได้ จึงบันดาลให้ท่อนไม้ที่ผูกท้องอยู่หลุดลงมา
แผนการชั่วร้ายก็เลยแตก ถูกประชาชนไล่ออก จากพระเชตวัน แผ่นดินก็ดูเหมือนจะทนไม่ได้เช่นกัน จึงสูบร่างนางหายไปต่อหน้าต่อตาประชาชนจำนวนมาก
ตรงนี้ถ้าแปลความธรรมดาๆ ก็คือนางถูกประชาชนไล่กระทืบตายคาเท้านั่นเองมนุษย์อุบาทว์จัญไรอย่างนี้ เทวดาฟ้าดินไม่ยอมให้ตายดีดอกครับ
หลังจากสาวิกาคนสวยตายไปแล้ว พวกอัญเดียรถีย์ก็ไม่เข็ด วางแผนกำจัดพระพุทธองค์อีก โดยจ้างนักเลงฆ่าสาวิกาของพวกตนชื่อนางสุนทรี แล้วเอาศพไปทิ้งไว้หน้าพระเชตวัน ทำนองให้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าและสาวกเป็นคนฆ่า
ต่อมาพวกโจรที่ถูกจับได้ซัดไปยังผู้บงการผู้บงการ คือ อัญเดียรถีย์ระดับนำ เลยต้องรับอาญาบ้านเมืองไปตามระเบียบ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น