คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 (ฉบับทดลองอ่าน,เต็ม) หน้ากระจกบานที่ 9
หน้ากระจกบานที่ 9
ผมก็เพิ่งจะทราบนะนี่ ว่ายัยแจ่มที่อยู่ในร่างเรา ที่ผ่านมาซื้ออาหารกินเองตลอด เงินเดือนในกระเป๋าคงฉีกไปมิใช่น้อย มิน่าละ ถึงได้บ่นเรื่องนี้บ่อยซะจริง
ก็พอจะเข้าใจเหตุผลอยู่เหมือนกันนะว่าทำไม ก็เหมือนผมที่ตอนนี้อยู่ในสภาพของคุณหนูแจ่มที่ไม่ต้องแตะครัวทำอาหารอะไรกินเลย มีคุณแม่ของแจ่ม ทำให้กินเสร็จสรรพ คุณแม่ของแจ่มก็ค่อนข้างเป็นแม่ครัวที่ฝีมือดีพอๆ กับแม่ของผมซะด้วยสิ
พูดถึงแม่ของผมแล้ว... ผมก็มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง
...ย้อนกลับไปตอนหลังกินข้าว(ข้าวผัด)ด้วยกันเสร็จ...
“ทำไมคุณถึงทำอาหารเป็นล่ะ”
“แม่ผม ท่านทำอาหารเป็นหลายอย่าง และก็อร่อยด้วย แต่เสียดายที่แม่มีแต่ลูกชาย ไม่มีลูกสาวมาสืบทอดเสน่ห์ปลายจวักของแม่ พอผมเริ่มโตจนรู้ความ ก็เลยหัดเข้าครัวอยู่เป็นเพื่อนท่าน คอยให้ท่านสอนทำอาหารให้”
“อืม ก็เหมือนคุณแม่ของแจ่มเลยนะ ที่ทำอาหารอร่อย แต่เสียดายนะ ที่ลูกสาวไม่ได้สืบทอดเสน่ห์ปลายจวักของแม่ แห่ะๆ รู้งี้แจ่มน่าเข้าครัวหัดทำอาหารกับคุณแม่บ่อยๆ แต่แรกก็ดีนะ... มาตอนนี้คงสายไปแล้วล่ะ แจ่มคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับแม่อีกแล้ว เพราะแจ่มต้องมาอยู่ในร่างนี้...”
“มันไม่สายไปหรอกสำหรับแจ่ม เพราะแม่แจ่มยังอยู่ แต่สำหรับผมแล้ว...”
คำพูดของแจ่มเมื่อครู่ ทำให้ผมพูดแล้วเงียบไปสักพักใหญ่ น้ำตาผมเริ่มซึม แจ่มเริ่มเข้ามาปลอบผม ถามผมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม ผมกำลังเป็นอะไร
ผมลุกเดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบกุญแจจากในลิ้นชักที่หนึ่ง มาไขเปิดลิ้นชักที่ล็อกไว้อีกที่หนึ่ง
“ส... สร้อย!” ผมตกใจที่เปิดลิ้นชักแล้วไม่เจอของในนั้น
“หมายถึงสร้อยเส้นนี้ใช่มั้ย” แจ่มเดินเข้ามา พร้อมควักสายสร้อยเส้นที่ใส่อยู่ ออกมาจากร่องคอเสื้อ โชว์ให้ผมดู
ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ปล่อยโฮใหญ่อยู่พักหนึ่ง
“แจ่มขอโทษ แจ่มเห็นมันสวยดี พอดีวันนี้ต้องไปทำใบขับขี่ไง แจ่มเลยมาเปิดเพื่อหยิบเอกสารสำคัญที่คุณเก็บไว้ในลิ้นชักนี้ แล้วก็เจอสร้อย แจ่มเห็นมันสวยดี แจ่มก็เลยใส่ติดตัวไปด้วย” เธอเข้ามาพูด พร้อมปลอบใจด้วยการจับไหล่ผมและตบไหล่เบาๆ
“อืม สร้อยเส้นนี้ เป็นสร้อยของแม่ผม ที่ให้ผมไว้ก่อนท่านจะเสีย เรียกว่าเป็นมรดกที่แม่ให้ไว้กับผมเลยก็ว่าได้” ผมก้มหน้า ระลึกถึงความหลัง
“คุณรู้มั้ย ว่าแม่ผมชอบใส่สร้อยเส้นนี้มาก แม่บอกว่ามันเป็นของสำคัญของท่าน ท่านจะใส่อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ที่แม่แต่งงานกับพ่อ” ผมมองไปทางแจ่ม พร้อมอธิบาย
“จนมาถึงวันที่แม่ป่วยเป็นมะเร็ง นอนอยู่โรงพยาบาล พอท่านรู้ว่าหมอรักษาไม่ได้ จนมะเร็งมาถึงขั้นระยะสุดท้ายที่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านเลยมอบมันให้ไว้กับผมที่เป็นลูกชายคนเดียว”
“เสียใจด้วยนะ เรื่องแบบนี้แจ่มไม่ควรมายุ่งเลย” แจ่มเข้ามาปลอบผม เธอจับมือผม
“สัญญาได้มั้ย ว่าคุณจะเก็บรักษาและดูแลมันไว้เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่คุณเป็นผม” ผมจับมือเธอกลับ แล้วพูด
“อือ ฉันสัญญา” เธอยิ้ม ทั้งๆ ที่เป็นใบหน้าของผม
มันทำให้ผมอดยิ้มกลับไม่ได้ เมื่อผมนึกถึงคำพูดอะไรบางอย่างของแม่ ที่พูดบอกผมไว้ก่อนตาย
…
ท่านพูดกับผมทำนองเชิงแซว ในตอนที่มอบสร้อยเส้นนี้แก่ผมว่า ให้ผมเก็บเอาไว้มอบให้ผู้หญิงคนที่จะมาเป็นเมีย ผมก็แซวท่านกลับว่า แล้วจะรู้ได้ไงว่าคนไหนจะมาเป็นเมียผมล่ะ
“ก็ผู้หญิงคนที่จะได้สร้อยเส้นนี้ไปใส่ต่อแทนแม่ยังไงล่ะ”
…
เหตุการณ์ตรงหน้าผมขณะนี้ มันช่างตรงตามคำทำนายของแม่ผมที่พูดเอาไว้เชิงพูดเล่นซะจริง
“มีอะไรรึ” แจ่มถามขึ้น ทันทีที่เห็นผมเงียบไป นึกว่าผมเป็นอะไรไปอีก
“!!! เปล่าๆ ไม่มีอะไร เอ่อ... ถ้าคุณเห็นว่ามันสวยดี คุณก็ใส่มันต่อไปเถอะ ผมไม่ว่าอะไรคุณหรอก” ผมยิ้มแบบเขินๆ เพราะไม่กล้าที่จะพูดคำสั่งเสียของแม่ที่พูดเชิงพูดเล่น ต่อให้แจ่มฟัง เพราะนั่นมันหมายถึงว่า แจ่มในตอนนี้เป็น “ว่าที่ลูกสะใภ้” ของท่าน
“อืม... มันก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้วล่ะ... จำไม่ได้เหรอ ตอนที่สลับตัวกันวันแรก ที่แจ่มเคยบอกว่า ของของคุณทุกอย่าง ตอนนี้มันก็ตกเป็นของของฉันแล้วไง”
“เอาเถอะ ตามสบาย ตอนนี้มันเป็นของคุณแล้ว แต่อย่าให้มันหาย หรือถูกใครขโมยไปละกัน ปกติแล้ว ผมจะใส่สร้อยเส้นนี้ ก็ตอนเฉพาะวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเกิดผม วันครบรอบวันตายของแม่” ผมล่ะต้องยอมเขาเลย
“งั้นวันนี้ก็เป็นวันสำคัญของคุณอีกวันหนึ่งนะ วันที่ตัวคุณมีใบขับขี่เป็นของตัวเองแล้วไง”
“มันสำคัญตรงไหน ปกติตัวผมไม่ได้ขับรถซะหน่อย แค่ตัวคุณเองอยากจะเอารถไปใช้แล้วกลัวตำรวจจับเรื่องใบขับขี่ล่ะไม่ว่า”
“งั้น... เอาเป็นวันสำคัญ ที่คุณได้ทำอาหารให้แจ่มทานด้วยกันละกัน ได้มะ?”
“อ่ะๆ โอเค แต่อาหารที่ผมทำเป็นไม่ใช่มีแค่ข้าวผัดอย่างเดียวนะ ผมทำได้หลายอย่าง เอาไหม เดี๋ยวผมจะมาช่วยสอนคุณเอาไว้เป็นแม่บ้านที่ดีของผมให้” ผมต้องยอมให้คุณเธออีกรอบ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้เธอด้วยคำพูดทิ้งท้ายประโยคนี้
ความคิดเห็น