ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Justice Team

    ลำดับตอนที่ #2 : หน่วยที่สิบสาม [ 1/2 ]

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 49


    ห้องทำงานของหน่วยสิบสามก็เป็นห้องทำงานที่ทางจัสติสเตรียมไว้ให้ธรรมดาๆ  มีโต๊ะหันหน้าชนกันอยู่กลางห้องสิบตัว  แต่ละตัวมีคอมพอวเตอร์เครื่องแล็กๆตัวละเครื่อง  และมีเอกสารวางอยู่แต่ละโต๊ะ  บางโต๊ะก็มีน้อย  บางโต๊ะก็มีมาก  แต่ละโต๊ะนั้นสะอาดเรียบร้อย  เก้าอี้ก็เก็บเข้าไปข้างในโต๊ะ  และมีโต๊ะตัวหนึ่งที่แยกออกมา  เป็นโต๊ะตัวที่ใหญ่ที่สุดและมีเอกสารมากที่สุด  ซึ่งนั่นคือโต๊ะของหัวหน้าหน่วยสิบสาม  ด้านหลังโต๊ะมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกปิดด้วยผ้าม่าน  มีไฟนีออนมากมายตามผนัง  แต่สิ่งที่ทำให้ห้องทำงานหน่วยที่สิบสามแตกต่างจากหน่วยอื่นๆนั่นคือ  ตามมุมห้องมักมีของแปลกๆที่ไม่ใช้ชั้นเก็บเอกสาร  เช่น  ตรงมุมด้านข้างโต๊ะทำงานของวอลเตอร์ลีนั้นมีผ้านวมรวมทั้งอุปกรณ์การนอนมากมายพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย  นั่นหมายถึงความหนักหนาสาหัสของการทำงานที่นี่  บางคนก็ไม่ได้กลับบ้านเพราะงานหนัก  แต่ส่วนมากมักจะเอามานอนกลางวันกันมากกว่า  หรือไม่ก็เอาขนมมาปาร์ตี้กันที่นี่  ค้างคืนเล่นเกมหรือไม่ก็เล่าเรื่องผีๆสางๆกัน  อีกมุมหนึ่งมีอะไรบางอย่างเหมือนหีมสมบัติอันใหญ่  ซึ่งในนั้นจะแบ่งเป็นสองล๊อก  ล๊อกหนึ่งจะใส่ของเล่นเอาไว้  พวกตุ๊กตาเป็นต้น  ส่วนอีกล๊อกหนึ่งนั้นก็เก็บขนมเอาไว้มากมาย  มันถูกล๊อกไว้อย่างดีเลยไม่ต้องเป็นห่วง  ส่วนข้างๆหีบนั้นก็มีกล่องโฟมใบใหญ่เอาไว้ใส่น้ำแข็งกับน้ำ  ทั้งน้ำอัดลมและน้ำหวาน  รวมไปถึงเบียร์หรือน้ำเปล่าด้วย  อีกมุมหนึ่งวางตู้เก็บหนังสือไว้  มีทั้งการ์ตูน  นิยาย  นิตยาสาร  ส่วนมากจะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา  แต่ด้านล่างของตู้จะเป็นที่ใส่ซีดีเพลงและหนัง  ด้านบนประตูนั้นได้ตอกชั้นวางโทรทัศน์เอาไว้อย่างดี  เลยเงยหน้าดูได้สบายๆ  แต่ละโต๊ะของแต่ละคนจะมีโทรศัพท์และเครื่องเล่นซีดีมีหูฟัง  หน่วยที่สิบสามจึงเป็นสถานที่รื่นรมย์ของคนในหน่วย  ถึงของจะเยอะแต่มันกลับสะอาดเอี่ยมอ่องด้วยฝีมือของสมาชิกในหน่วยเพียงคนเดียว

    ห้องทำงานของหน่วยสิบสามตอนนี้นั้นไม่ค่อยมีคนในหน่วยอยู่  มีเพียงแค่สองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเบอร์หนึ่งและห้าเท่านั้น  คนหนึ่งเป็นผู้ชายผมที่ถูกถักเป็นเปียไว้ยาวและเป็นสีเทา  ใส่แว่น  ดวงตาสีฟ้าอมเทา  จมูกเป็นสัน  ส่งยิ้มให้หัวหน้าตัวน้อยที่กระโดดลงไปยืนที่พื้นอย่างสง่า  อีกคนหนึ่งนั้นเป็นผู้ชายท่าทางเคร่งเครียด  เขามีผมสีดำ  นัย์ตาสีน้ำตาลเข้มหลังกรอบแว่นฉายแววฉลาด  ตัวเขาค่อนข้างผอม  ไหล่ก็ห่อๆ  แต่ก็ยังไม่ลืมยิ้มให้หัวหน้าของตัวเอง

    "สวัสดีหลุยส์  สวัสดีเซเรส  ทำอะไรอยู่น่ะ" หัวหน้าตัวน้อยร้องทักด้วยเสียงใสๆ

    ผู้ชายผมยาวนั่งโต๊ะห้าชูเกมกดขึ้นมาให้หัวหน้าตัวเองเห็น "แฮนน์ก็มาเล่นด้วยกันสิ  ผมเล่นถึงด่านสิบแล้วนะ"

    "จริงง่ะ!" หัวหน้าผู้น่ารักร้องแล้วรีบวิ่งเข้าหา "เซเรสเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" เธอกระโดดขึ้นนั่งตักชายหนุ่ม

    "สักสามสิบนาทีได้แล้วล่ะ" เซเรสตอบอย่างร่าเริง

    เพียร์สเดินไปนั่งที่โต๊ะเจ็ดซึ่งอยู่ข้างๆโต๊ะห้าพลางถอดเสื้อคลุมออกแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้  โรเบิร์ตไปนั่งโต๊ะแปดที่อยู่ตรงข้ามโต๊ะเจ็ดและถอดเสื้อคลุมออกเหมือนกัน  แต่เขาวางกองๆไว้ที่โต๊ะทำงาน

    "แฮนน์หรือครับ  ชื่อไหมเลยนะครับเนี่ย" โรเบิร์ตร้องทักเรื่องชื่อหัวหน้าของตน  เพียร์สหยิบเอกสารรายงานเรื่องภารกิจที่เพิ่งไปทำขึ้นมาตรวจสอบอย่างเงียบๆ

    "ไม่ใหม่หรอกโรเบิร์ต  ชื่อนี้หนูลีเปลี่ยนมาได้สองเดือนแล้วนะ" แฮนน์  วอลเตอร์ลีร้องบอก "ครั้งที่แล้วชื่อโคล่า  แต่ชื่อมันเหมือนน้ำอัดลมเกินไปเลยเปลี่ยนซะ  ก่อนหน้านั้นก็โชเฟียร์  แต่ชื่อมันดูแก่ๆไปหน่อยน่ะ  ครั้งก่อนนู้นก็คริส  แต่มันธรรมดาเกินไปเลยเปลี่ยนเป็นคริสติน่า  ชื่อมันหรูๆนะ  ก่อนหน้านั้นอีกก็..." เธอบรรยายชื่อที่ตัวเองเปลี่ยนมาเป็นสิบๆชื่อบนตักของเซเรสด้วยความสนุกสนาน

    จนกระทั่งประตูเปิดออก...ชายร่างใหญ่หนวดดกเฟิ้มสีน้ำตาลไหม้เดินเข้ามา  เขาผูกผมหยิกยาวนั้นไว้เป็นหางม้า

    "สวัสดีคาร์ล  ไปไหนมาน่ะ" แฮนน์กับเซเรสร้องทักขึ้นพร้อมๆกัน

    "เดินเล่นน่ะ" คาร์ลตอบห้วนๆพร้อมทั้งหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วลงนั่งที่โต๊ะสิบที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุดพอๆกับโต๊ะที่เก้าที่อยู่ตรงข้าม "เลยได้รู้ว่าหัวหน้าเราไปทำอะไรมา" เขาใช้ดวงตาสีน้ำตาลมองไปที่กระทะที่ยังเหน็บอยู่ข้างหนึ่งของตัวแฮนน์ "กระทะลงทัณฑ์สินะทีนี้  พวกนั้นไปทำอะไรให้ล่ะแฮนน์ถึงได้ไปทำร้ายเขาแบบนั้น  อัลเบิร์ตครวญครางใหญ่อย่างกับโดนเองเลยนะ"

    "แฮนน์ทำอะไรหรือ" เซเรสร้องถามด้วยความสนใจอย่างยิ่งยวด

    "ทำแบบนั้นไม่ดีนะครับ" หลุยส์พึมพำด้วยความตกใจ

    "เอากระทะฟาดใส่หน้าคนหน่วยไหนก็ไม่รู้น่ะครับ" โรเบิร์ตเป็นคนตอบประโยคนี้ "ผมกับคุณวอลเนอร์อยู่ในเหตุการณ์ด้วย  ตอนแรกก็งงๆ  สงสัยว่าเอากระทะมาทำไม"

    "ท่าทางพวกนั้นจะพูดจาไม่ดีกับหน่วยสิบสามอีกแล้วสิ" เซเรสว่าพร้อมทั้งกดเกมอย่างเมามัน "ไอ้หยา  ตายจนได้" เขาวางเกมลงกับโต๊ะแล้วหักนิ้วเป็นการพักมือ

    "ไม่รู้สิ" แฮนน์ว่าพลางกระโดดข้ามโต๊ะไปยืนที่โต๊ะของตัวเองแล้วจึงกระโดดลงที่เก้าอี้ที่หรูที่สุดในห้อง "เห็นว่าเพียร์สกับโรเบิร์ตเคยพูดกับหมอนั่นน่ะ  เลยเดาเอาเองว่าคงโดนพูดจาไม่ดีด้วยแน่ๆ  เพราะมีแต่คนไม่ชอบหน่วยสิบสามของเรานี่นา  หนูลีเลยไม่ชอบ..."

    เด็กหญิงนั่งหน้าบูดอยู่หลักโต๊ะ  เพียร์สลุกขึ้นพร้อมทั้งหยิบเอกสารยื่นให้แฮนน์ "นี่ครับเอกสารที่เกี่ยวกับภารกิจที่พวกเราทำทั้งหมด  ทั้งข้อมูลและผลที่ประมวลมาจากที่ไปสำรวจมาครับ"

    "อื้อ  ขอบคุณเพียร์ส  โรเบิร์ต  เอาสมุดสะสมผลงานมาสิ  จะประทับตราให้  เพียร์สด้วยนะ  ทำงานสำเร็จนี่ต้องประทับตรา" แอนน์รับเอกสารมากปึกหนึ่งแล้วหยิบคลิบหนีบกระดาศที่มีรูปแมวสีเหลืองขึ้นมาหนีบไว้เป็นสัญลักษณ์ว่ายังไม่ได้อ่านเอกสาร

    "ไม่ตรวจก่อนหรือครับว่าพวกเราทำงานสำเร็จจริงๆหรือเปล่า" โรเบิร์ตร้องถามตอนที่ยื่นสมุดปกแดงเล่มหนึ่งให้หัวหน้า  เพียร์สก็ยื่นให้เช่นกัน

    "ไม่หรอก  หนูลีเชื่อใจเพียร์สกับโรเบิร์ตว่าต้องทำงานสำเร็จแน่ๆ  เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาน่ะ  ขี้เกียจอ่าน" แฮนน์เปิดลิ้นชักหาตราประทับหน่วยสิบสามแต่ก็ไม่เจอ  เพียร์สยืนเอามือไพล่หลังมองดูหัวหน้าตัวเองเร่มรื้อของ  โรเบิร์ตมองด้วยความสงสัยพล่งเลิกคิ้วขึ้น "ตราไปไหนนะ!" แฮนน์ร้องถามอย่างหัวเสียเริ่มต้นรื้อกองเอกสารที่จัดเป็นระเบียบทิ้ง  มันมีคลิบรูปกระต่ายสีชมพูหนีบเอาไว้ทั้งกองแสดงว่าตรวจสอบแล้ว "ใครเห็นบ้างน่ะ!" แฮนน์เริ่มกระโดดไปที่หีบ  ดึงเอาตุ๊กตากระต่าย  ตุ๊กตาหมี  ตุ๊กตาสุนัขออกมาเผื่อว่าจะเจอ  และสักพักห้องก็เริ่มรก "นี่  รู้บ้างไหมหลุยส์  หนูลีจำได้ว่าวางไว้ที่โต๊ะ  แต่หนูลีไม่เห็นแล้วน่ะ"

    หลุยส์เริ่มทำท่าครุ่งคิดอยู่เพียงเสี้ยววินาที  แล้วเขาก็พูดขึ้น "ผมขอเดาว่าตอนที่คุณลีกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ  คงจะเหยียบถูกตราประทับโดยไม่รู้ตัวนะครับ  ตอนนี้มันิอาจจะอยู่ที่พื้นใต้โต๊ะหรือไม่ก็ใต้เก้าอี้ของคุณลีเอง"

    แฮนน์กระโดดมุดเข้าไปใต้โต๊ะของตัวเองแล้วหยิบเอาตราประทับสีดำขึ้นมา "เจอแล้ว!" เธอร้องอย่างดีใจแล้วขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ "เอามาประทับ..." เธอขมวดคิ้วเพราะบัดนี้โต๊ะเธอว่างเปล่า  ไม่มีแม้แต่เอกสารสักแผ่นเดียว "ไปไหนน่ะ"

    เพียร์สถอนหายใจทีหนึ่งก่อนที่จะยื่นสมุดปกแดงสองเล่มให้หัวหน้า

    "ขอบใจ"

    "ไม่เป็นไรครับ" เพียร์สตอบอย่างสุภาพ

    "คุณเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ" โรเบิร์ตมองเพียร์สด้วยอาการตะลึง

    "ครู่หนึ่งแล้วล่ะ"

    เสียงประตูเปิดออกพร้อมทั้งเสียงกรีดร้อง

    "อะไรกันคะเนี่ย!  ทำไมห้องถึงได้รกอย่างนี้กัน!" เสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น  ทุกคนหันไปมอง  หญิงสาวผมหยักศกสีบรอนซ์ยาวคลุมไหล่อ้าปากกว้าง  จมูกเธอย่นเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของห้อง  ดวงตาสีน้ำเงินแสดงถึงความตกใจกับไม่พอใจคละๆกัน "ไม่มีความเป็นผู้ดีเลย!  ทำไมมันถึงได้เน่าเหมือนรังหนูอย่างนี้นะ  คุณลีคะ  ถ้าคุณจะหาของล่ะก็ขอความกรุณาให้ค่อยๆหาด้วยนะคะ!  ไม่ใช่รื้อรกเละแบบนี้" ถึงเธอจะบ่น  แต่มือเธอไม่อยู่เฉย  เธอก้มเก็บของที่เธอรู้ดีว่าแต่ละอย่างต้องอยู่ที่ไหน

    "ขอโทษนะคาเรน  คราวหลังหนูลีจะระวัง" แฮนน์พูดทั้งที่มือยังค้างอยู่กลางอากาศ

    "ไม่ได้คะ  คำว่าขอโทษถ้าพูดบ่อยๆมันจะติดเป็นนิสัยเสียเหมือนกับคำว่าช่างมันนะคะ  มันเป็นคำพูดที่ไม่แสดงถึงความรับผิดชอบ!  เพราะฉะนั้นฉันขอล่ะคะ  คำพูดนั้นอยากให้คุณพูดเฉพาะให้เวลาที่จำเป็นจริงๆเท่านั้นคะ!" แค่เธอบ่นของเกือบครึ่งห้องก็กลับคืนสู่ที่เดิมเรียบร้อยแล้ว  เพียร์สมองคาเรนจากทางหางตาด้วยความไม่ชอบใจ

    "ช่ายเถอะเพียร์ส  คาเรนก็เป็นแบบนี้แหละ  ฉันถึงได้ชอบ" แฮนน์พูดพร้อมทั้งรอยยิ้มขณะที่ประทับตราลงบนสมุดของโรเบิร์ต  โรเบิร์ตรับสมุดมาพร้อมทั้งขอบคุณ  สายตามองเขาทั้งสองคนแบบแปลกๆ  เพียร์สมักจะพูดจาสุภาพกับหัวหน้าเสมอ  เเละหัวหน้าจะเรียกแทนตัวเองว่าฉันเฉพาะกับเพียร์สเท่านั้น

    "กรี๊ด!!  คุณวัตสัน!  กรุณาเดินดูตาม้าตาเรือบ้างนะคะ!  ไม่ใช่ว่าจะเดินเหยียบเอกสารแบบนี้!" คาเรนกรีดเสียงใส่  ทำให้โรเบิร์ตหลุดออกจากความคิดในทันที

    "ขอโทษครับคุณฮัสเทล  ผมไม่ได้ตั้งใจ" โรเบิร์ตรีบกระโดดออกจากจุดที่เขายืนอยู่ทันที  พอขอโทษขอโพยเสร็จเขาก็รีบไปนั่งที่โต๊ะแปดของเขาทันที

    เพียร์สเดินกลับไปนั่งโต๊ะเจ็ดของตัวเองพร้อมทั้งเก็บสมุดลงอย่างเรียบร้อย  หลังจากที่เพียร์สนั่งลงคาเรนก็เก็บของเสร็จทันทีอย่างว่องไว

    "จะรับน้ำอะไรไหมคะ" เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรผิดกับตอนแรก

    "ขอน้ำระกำก็แล้วกัน" เสียงห้าวๆของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆกับที่ประตูเปิดออก  เธอเป้นผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลแดง  ผมเธอตรงสวยซอยไล่ลง  จมูกโด่ง  มีแว่นดำใส่ไว้  พร้อมทั้งปากที่คาบบุหรี่ไว้  เธอมาพร้อมกับอัลเบิร์ตที่ทำท่าทางเหนื่อยอ่อน

    "สวัสดีนาตาลี  สวัสดีอัลเบิร์ต" แฮนน์ร้องทักเสียงใส

    "สวัสดีคุณลี" นาตาลีร้องทักกลับมา  เธอถอดแว่นดำออกแล้วนั่งลงที่โต๊ะเก้า  นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายสวย "คงต้องให้วัตสันดื่มน้ำระกำเสียหน่อย  เพราะโดนหัวหน้าหน่วยสิบเจ็ดด่าเละเลยล่ะ"

    "โดนด่าเหรอ  ทำไมล่ะ" แฮนน์ร้องถามด้วยความสงสัย

    อัลเบิร์ตทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ขณะที่เดินมานั่งที่โต๊ะข้างๆโรเบิร์ตซึ่งเป็นโต๊ะเบอร์หก  พอก้นถึงเก้าอี้  หัวก็ฟุบลงไปที่โต๊ะ

    "จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ  ก็เรื่องที่คุณลีไปทำร้ายลูกน้องของเขานั่นแหละ" นาตาลีตอบแทนพลางพ่นควันออกมาจากปาก "ถ้าฉันไม่เข้าไปล่ะก็วัตสันมีหวังโดนไล่ออกแน่  หรือไม่ก็โดนพักงาน"

    "อะไรนะ  ไอ้หนวนจุ๋มนั่นมังบังอาจว่าลูกน้องคนอื่นเลยเหรอ!" แฮนน์ร้องพลางกระโดดขึ้นยืนบนโต๊ะแล้วถลกแขนเสื้อขึ้นด้วยความแค้นเคือง

    "ฉันเลยพ่นควันใส่หน้ามันแล้วก็เอาส้นรองเท้าบดน้องชายมันซะให้สะใจ" นาตาลีเล่าต่ออย่างราบเรียบ  แฮนน์เลยทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่ต้องไม่ใครมาบอกให้นั่งลง  แต่ท่าทีเฉยๆของนาตาลีมันทำให้ผู้ชายแถวๆนั้นเสียวตามกันเป็นแถว

    "อย่างนั้นเหรอ  ดีจังนะนาตาลีนี่  สมกับเป็นลูกน้องหน่วยสิบสามจริงๆ" แฮนน์พูดอย่างสบายใจพร้อมทั้งปรบมือเบาๆ "อย่างนี้หัวหน้าหน่วยสิบเจ็ดก็น่าสงสารแย่เลยสิ  ไม่มีน้องชายมาสืบวงศ์ตระกูลแล้ว" ดวงตาของเธอเป็นประกายแรงกล้า

    "ไม่น่าสงสารหรอก  นับว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่คนแบบนั้นจะได้ไม่ต้องสืบพันธุ์" นาตาลีตอบเรียบๆด้วยเสียงเบาๆ

    ประตูเปิดออก  สองคนที่เหลือของหน่วยสิบสามเดินเข้ามา  คนแรกตัวใหญ่และหน้าตาน่ากลัวมาก  เพราะใบหน้าของเขามีแผลเป็นเต็มไปหมด  หน้าผากกว้าง  ผมอันน้อยนิดนั้นเป็นสีดำ  ดวงตาคู่เล็กสีเทา  ร่างของเขาสูงซะจนเกือบจะเดินเข้าห้องไม่ได้  ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างผอม  ขนาดตัวของเขาพอๆกับเซเรส  ผมยาวเหมือนกันแต่เป็นสีทอง  ถักเปียไว้สองข้างแถมผูกริบบิ้นสีแดงไว้อีก  ดวงตากลมโตสีเขียว  ผิวขาวละเอียด  จมูกเป็นสัน  หน้าตาของเขาน่ารักมากจนถ้าจับแต่งเป็นผู้หญิงล่ะก็จะเหมือนอย่างไร้ที่ติเลยที่เดียว

    "สวัสดีแฟรงก์เคน  จัสตินด้วยนะ" แฮนน์ร้องทักทายสมาชิกที่เขามาใหม่

    "สวัสดีครับคุณลี" ชายร่างใหญ่กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ  เขาถือห่ออะไรมาด้วยไม่รู้  มันเป็นก้อนกลมๆเล็กๆ

    "สวัสดีจ้าแฮนน์" คนตัวเล็กร้องทักบ้างและเดินมานั่งที่โต๊ะเบอร์สามข้างๆเบอร์ห้าทันที "หวัดดีเซเรส  หวัดดีหลุยส์  หวัดดีคาเรน...ยืนตรงนั้นทำไมน่ะ  หวัดดีอัล...อืมม์  ซึมจังนะ  หวัดดีโรเบิร์ต  หวัดดีเพียร์ส  หวัดดีนาตาลี  หวัดดีคาร์ล  สบายดีกันไหม"

    "ผมน่ะสบายดี  แต่ว่าอัลเบิร์ตท่าทางไม่ค่อยสบายนะ" เซเรสตอบ

    "แฟรงก์เคนเอาอะไรมาด้วยน่ะ" แฮนน์ร้องทักเมื่อชายร่างใหญ่นั่งลงบนโต๊ะสี่  เขาวางห่อผ้าลงบนโต๊ะแล้วเปิดออก  มีตัวอะไรบางอย่างขนหนาๆโผล่ออกมา "กรี๊ด  แมว!" แฮนน์ร้องอย่างมีความสุขแล้วกระโดดข้ามโต๊ะมานั่งตักแฟรก์เคนทันที "กรี๊ด  ลูกแมว!" เธอจ้องหน้าแมวลายทางสีเหลืองส้มตัวเล็กๆมันร้องด้วยเสียงเล็กๆน่ารักๆของมัน "คาเรนๆๆ  เอาอะไรให้แมวกินที  นมก็ได้  สาหร่ายก็ได้" เธอมีท่าทางตื่นๆอย่างเห็นได้ชัด  มือเธอเอื้อมไปลูบหัวเจ้าลูกแมวที่ตัวสั่นเพราะความกลัว

    "ผมเห็นว่ามันตัวสั่นอยู่ข้างหน้าตึกน่ะครับ  ก็เลยเก็บมันมา" แฟรงก์เคนตอบอย่างสุภาพ  เขาใจดีกว่าหน้าตาของเขามาก

    "มีชื่อไหม" แฮนน์ร้องถามทันที  มือเธอลูบไปที่หัวของแมว แมวน้อยก็รู้สึกคุ้นกับมือนี้ขึ้นมาบ้างแล้วเลยเข้ามาคลอเคลีย

    "ไม่มีครับ" แฟรงก์เคนตอบ "คุณลีเอาไปเลี้ยงก็ได้นะครับ"

    "ได้เหรอ  ได้นะ  ได้จริงๆเหรอ" แฮนน์ร้องอย่างมีความสุขตอนที่ลูกน้องพยักหน้ายอมรับ "ว้าย  ดีจัง!" เธอร้องงก่อนที่จะอุ้มเจ้าแมวไปที่โต๊ะของตัวเอง "ต้องตั้งชื่อให้หน่อยแล้ว  อะไรดีล่ะ!" สีหน้าของเธอแสดงความเห่อขึ้นมาเต็มที่ "แมวมันตัวสีส้มๆนะ...อะไรดี  อะไรดี..." เธอพึมพำขณะที่คาเรนยกนมมาให้จานหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ "เอ้า  กินก่อนนะ  เดี๋ยวหนูลีจะคิดชื่อให้"

    ลูกแมวเดินไปเลียนมเข้าปากอย่างมีความสุข  ขณะที่แฮนน์นั่งคิดเรื่องชื่อของลูกแมวตัวใหม่ของเธอ

    "ทุกคน  จะรับน้ำอะไรกันดีคะ" คาเรนร้องถามอีกครั้ง

    "ถ้าขอเบียร์จะว่าอะไรไหม" นาตาลีถาม  คาเรนตวัดสายตาไม่พอใจมาให้ทันที

    "เกรงว่าไม่ได้นะคะคุณแชโดว์" คาเรนตอบด้วยน้ำเสียงเข้มงวด "เรากำลังจะเริ่มประชุมเรื่องภารกิจใหม่กันอยู่  คงไม่อยากให้ใครมีแอลกอฮอล์เข้าปากหรอกค่ะ"

    "ดีนะที่เธอถามก่อนน่ะ" คาร์ลกระซิบ

    "ผมขอโกโก้ร้อนให้อัลเบิร์ตก็แล้วกันครับ  จะได้หายเศร้าซะที" โรเบิร์ตพูดขึ้น

    "เป็นความคิดที่ดีค่ะคุณวัตสัน  ช๊อกโกเลตจะช่วยได้" คาเรนพูดพลางเดินที่หยิบโกโก้สำเร็จรูปจากตู้ด้านบนกล่องโฟม

    "และผมก็ขอเป็นโกโก้เหมือนกันครับ" โรเบิร์ตตะโกนบอกอีกที

    "เป็นสองที่นะคะ" คาเรนพูดทั้งที่ยังกดน้ำร้อนอยู่

    "ผมขอโกโก้ด้วยครับ  แต่ขอแบบเย็น" แฟรงก์เคนพูด

    "ทราบแล้วคะ  ร้อนสอง  เย็นหนึ่งนะคะ" คาเรนพึมพพลางตักน้ำแข็ง "แต่คุณชาร์ลเนลคะ  คุณควรล้างมือก่อนนะคะ"

    แฟรงก์เคนมองมือตัวเองก่อนที่จะลุกขึ้นออกจากห้องไปเพื่อไปห้องน้ำ

    "คุณลีคะ  ดิฉันคิดว่าควรจะติดตั้งอ่างล้างหน้าล้างมือไว้ในห้องบ้างนะคะ  จะได้ไม่ต้องเดินเข้าๆออกๆแบบนี้"

    "ผมขอน้ำมะนาว  และถ้าไม่ลำบากเกินไป  ผมขอเป็นปั่นด้วยได้ไหม" เซเรสร้องบอกขณะที่เริ่มต้นเล่นเกมใหม่อีกครั้ง

    "แน่นอนคะ  การบริการให้ถึงที่สุดย่อมเป็นความสุขของผู้ให้และผู้รับบริการนั้นๆ"

    "เอาแบบเซเรสนะ" แฮนน์ร้องบอกทั้งที่สายตายังไม่ถอนออกจากลูกแมวตัวน้อย

    "ผมด้วยครับ" จัสตินร้องบอก

    "ได้คะ  คุณวอลเนอร์กับคุณฟอนเดรย์รับเป็นกาแฟเหมือนเดิมใช่ไหมคะ"

    "ครับ" เพียร์สกับหลุยส์ตอบพร้อมกัน

    จัสตินหันหน้ามาหาทุกคนและพูดขึ้นว่า "นี่  ได้ยินว่าวันนี้หน่วยสิบสามก่อเรื่องใช่ไหม" เขาพูด  อัลเบิร์ตสะดุ้งเล็กน้อย  พอดีที่แฟรงก์เคนเดินเข้ามาในห้อง

     "ก็...ใช่" นาตาลีพึมพำ "ฉันขอน้ำผึ้งผสมโซดาก็แล้วกัน"

    "เอาเหมือนกับนาตาลีนั้นแหละ" คาร์ลพูดเสียงดังฟังชัดพลางลูบเคราของเขาเบาๆ "นาตาลีเอาส้นรองเท้าทำร้ายน้องชายของหัวหน้าหน่วยสิบเจ็ดน่ะ"

    "นี่ค่ะโกโก้ร้อน" คาเรนวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะของสองพี่น้องวัตสัน  มีควันฉุยและกลิ่นหอมน่าดื่ม

    "ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ" จัสตินพูดด้วยท่าทางหวาดเสียว

    "นี่คะโกโก้เย็น  ล้างมือสะอาดแล้วนะคะ"

    นาตาลียักไหล่ "มันบังอาจมาว่าหน่วยสิบสามของเรา  ไม่รู้มันจะมีอคติไปซะขนาดไหนกัน" เธอว่า "แต่คงไม่สูญเสียอะไรมากนักหรอกนะ  เพราะหมอนั่นน่ะ...ไม่มีน้องชายให้สูญเสียหรอก  ถ้ามีก็ไซส์--"

    "--มินิ!" จู่ๆแฮนน็ร้องขึ้นราวกับเป็นเรื่องเดียวกัน  ทุกคนถอนสายตาจากสิ่งที่มองอยู่ไปมองที่หัวหน้าหน่วยของตนเองแทน "นายชื่อมินิแล้วกันนะเจ้าลูกแมว!"

    เงียบกริบทั้งห้อง  มีเพียงเสียงเครื่องปั่นน้ำเท่านั้นที่ดังอยู่...

    ...แล้วนาตาลีก็เริ่มหัวเราะขึ้นมา  หลังจากนั้นก็พากันหัวเราะเกือบทั้งห้อง  เว้นเพียงหัวหน้าที่ไม่รู้อะไร  เพียร์สมาดนิ่ง  คาเรนที่มองด้วยสายตาตำหนิ  และอัลเบิร์ตที่ซึมมากกว่าเดิมอีก...

    ต่อจากนี้ถ้าเกิดมองเจ้าแมวมินินี่ก็คงคิดถึงเรื่องนั้นแน่ๆ!  ให้ตายสิ!

    "นี่  หัวเราะกันเรื่องอะไรน่ะ  ชื่อมินิมันตลกเหรอ" แฮนน์ถามอย่างคนไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

    "ไม่มีอะไรหรอกคะ" นาตาลีร้องบอกทันทีทั้งที่ปากยังคาบบุหรี่อยู่แท้ๆ

    แฮนน์เอียงคอข้างหนึ่งอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา

    "นี่คะน้ำมะนาวปั่น" คาเรนเดินไปส่งให้หัวหน้าก่อน "คุณลีคะ  คุณควรจะล้างมือก่อนนะคะ  เพื่อความสะอาด"

    "โธ่คาเรน  ไม่เห็นต้องเข้มงวดขนาดนั้นเลยนี่นา" แฮนน์บ่นอิดๆออดๆ

    "ไม่ได้ค่ะ  เดี๋ยวคุณลีเป็นอะไรขึ้นมาหน่วยสิบสามจะทำยังไงล่ะคะ  ไปล้างมือดีกว่าค่ะ"

    แฮนน์บ่นพึมพำขณะที่กระโดดข้ามโต๊ะไปที่ประตู "ต้องให้เขามาติดอ่างล้างมือแล้วล่ะ  บางทีจะให้สร้างห้องอาบน้ำข้างๆเลยด้วยดีไหมนะ" เธอเปิดประตูและแทรกตัวผ่านช่องประตูก่อนที่มันจะปิดลง

    "นี่คะน้ำมะนาวปั่น" คาเรนเดินไปส่งให้หัวหน้าก่อน "คุณลีคะ  คุณควรจะล้างมือก่อนนะคะ  เพื่อความสะอาด"

    "โธ่คาเรน  ไม่เห็นต้องเข้มงวดขนาดนั้นเลยนี่นา" แฮนน์บ่นอิดๆออดๆ

    "ไม่ได้ค่ะ  เดี๋ยวคุณลีเป็นอะไรขึ้นมาหน่วยสิบสามจะทำยังไงล่ะคะ  ไปล้างมือดีกว่าค่ะ"

    แฮนน์บ่นพึมพำขณะที่กระโดดข้ามโต๊ะไปที่ประตู "ต้องให้เขามาติดอ่างล้างมือแล้วล่ะ  บางทีจะให้สร้างห้องอาบน้ำข้างๆเลยด้วยดีไหมนะ" เธอเปิดประตูและแทรกตัวผ่านช่องประตูก่อนที่มันจะปิดลง

    "นี่คะน้ำมะนาวปั่น" คาเรนเดินไปส่งให้หัวหน้าก่อน "คุณลีคะ  คุณควรจะล้างมือก่อนนะคะ  เพื่อความสะอาด"

    "โธ่คาเรน  ไม่เห็นต้องเข้มงวดขนาดนั้นเลยนี่นา" แฮนน์บ่นอิดๆออดๆ

    "ไม่ได้ค่ะ  เดี๋ยวคุณลีเป็นอะไรขึ้นมาหน่วยสิบสามจะทำยังไงล่ะคะ  ไปล้างมือดีกว่าค่ะ"

    แฮนน์บ่นพึมพำขณะที่กระโดดข้ามโต๊ะไปที่ประตู "ต้องให้เขามาติดอ่างล้างมือแล้วล่ะ  บางทีจะให้สร้างห้องอาบน้ำข้างๆเลยด้วยดีไหมนะ" เธอเปิดประตูและแทรกตัวผ่านช่องประตูก่อนที่มันจะปิดลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×