[Trans Alexander fic] Gold and Silver
เรื่องราวส่วนหนึ่งในสมัยเด็กของอเล็กซานมหาราช กับสหายเฮไฟสเตียน เรื่องนี้แต่งโดย Moon71 จาก fanfiction.net ได้รับการอนุญาตแล้ว
ผู้เข้าชมรวม
689
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Gold and Silver
ถึงแม้ว่าน้องชายจะไม่ได้บอกอะไรล่วงหน้าไว้ก่อนแต่นางก็พอจะเดาได้ว่าคงมีเรื่องบ้างอย่างเกิดขึ้น เพราะขณะที่นางถอดเสื้อและพาไปอาบน้ำเจ้าชายองค์น้อยมีท่าทางนิ่งเฉย เย็นชาและเงียบผิดวิสัย ยามปกติแล้วพระองค์นั้นช่างเจรจาและแสนซุกซน คอยแต่จะดิ้นหนีและหาที่ซ่อนจากนางอยู่ตลอด หรือไม่เช่นนั้นก็จะสรรหาข้ออ้างต่างๆนานาเพื่อจะไม่ยอมเข้านอน หากแต่ตอนนี้ดวงหน้าขาวซีดนั้นกลับแดงเรื่อ ดวงตาสุกสว่าง ถ้าไม่เพราะว่ารู้จักดีนางก็คงคิดว่าพระองค์ต้องกำลังจับไข้เป็นแน่ แต่สำหรับอเล็กซานเดอร์อาการแบบนี้มักเกิดจากความเจ็บปวดจากจิตวิญญาณ ไม่ใช่ทางร่างกาย
นางไม่พูดอะไรจนกระทั่งอาบน้ำให้พระองค์เสร็จ หลังจากนวดตัวด้วยน้ำมันหอมและแต่งตัวเตรียมเข้านอนให้พระองค์เรียบร้อยแล้วนางจึงเอ่ยถามขึ้นลอยๆ
“วันนี้สนุกมั้ยเพคะ”อเล็กซานเดอร์จ้องมองแน่วแน่ข้ามไหล่นางไป ในระหว่างที่นางกำลังหวีเสยผมที่ปรกอยู่
“ก็คงอย่างนั้น” พระองค์กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง“
ข้าได้ยินมาว่าไคลตัสน้องข้าสอนท่านและเพื่อนๆ ตัวน้อยพุ่งหลาวกัน...”“
พวกนั้นไม่ใช่เพื่อน ‘ตัวน้อย’ของข้าสักหน่อยลานิเค” เด็กน้อยเอ่ยแก้ราวผู้รู้ “พวกนั้นเป็น.....เป็นสหายร่วมรบของข้าต่างหาก เหมือนที่ท่านพ่อมี และวันหนึ่งก็จะรับใช้ข้าในฐานะแม่ทัพนายกอง”“
ตามแต่ฝ่าบาทจะบัญชาคนดีของข้า” เฮลานิเคพึมพำอย่างไม่ใส่ใจ “หญิงโง่เช่นข้าจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องของบุรุษเล่า”“
ก็ไม่รู้อะไรเลยน่ะสิ” คือคำตอบกลับอย่างไม่ใยดีเฮลลานิเคเลิกคิ้วเต่ก็ยังรักษาน้ำเสียงได้เป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แล้วพวกท่านทำได้อย่างไรกันบ้าง เพื่อนตัว...อืม...สหายคนใดเขวี้ยงได้ดีที่สุดล่ะ”อเล็กซานเดอร์หลุบตาลงและเริ่มขบริมฝีปาก
“เพอร์ดีคัสก็ใช้ได้” พระองค์เอ่ยช้าๆ ราวกับไม่ค่อยอยากจะยอมรับ และชำเลืองมองข้ามไหล่ไปยังแอคทิออนเด็กรับใช้หนุ่มที่ยืนรออยู่เฮลลานิเคพยักหน้า ยื่นขวดบรรจุน้ำมันแก่แอคทิออนและเช็ดมือกับผ้าที่เด็กหนุ่มส่งให้ หญิงสาวพยักหน้าบอกให้อีกฝ่ายออกไป แล้วจึงหันกลับไปปัดเตียงอเล็กซานเดอร์และจัดผ้าห่มขนสัตว์ให้เข้าที่
“แล้วเพื่อนของท่านอีกคน.....คนที่ท่านชอบพูดถึงบ่อยๆ.....ชื่ออะไรน้า....เฮไฟสเตียนใช่ไหม เขาล่ะทำได้อย่างไรบ้าง”“
ข้าไม่ได้ชอบพูดถึงบ่อยๆ สักหน่อย!” อเล็กซานเดอร์ขึ้นเสียง “ข้าไม่ได้ชอบเจ้านั่นด้วยซ้ำ”“
เมื่อเช้าท่านยังดูเหมือนชอบเขาอยู่เลยนะเพคะ” เฮลานิคกล่าวอย่างใสซื่อ“
ก็ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้วไงเล่า! เจ้านั่นไม่ใช่เพื่อนข้า ทั้งขี้โกหก ขี้โกง ชอบทำตัวเป็นเด็กงี่เง่า ข้าเกลียดมัน!”อเล็กซานเดอร์ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความโมโห ส่วนแม่นมของพระองค์ก็ได้แต่ยืนมองโดยไม่โต้แย้ง ด้วยรู้ดีว่าพระองค์จะต้องเล่าโดยไม่สนว่านางอยากจะฟังหรือไม่ก็ตาม
“ไคลตัสแสดงวิธีพุ่งหลาวใส่เป้าให้เราดูกัน” พระองค์เริ่มต้นเล่าเรื่องโดยแทบไม่หายใจหายคอ “เพอร์ดิคัสลองก่อน เขาก็เขวี้ยงใช้ได้แต่ไคลตัสบอกว่าแรงแขนยังไม่พอ แล้วลีออนนาตัสก็ลองบ้าง ไคลตัสบอกว่าแรงแขนดีมากเพราะเจ้านั่นเล่นมวยปล้ำเก่ง แต่ไม่ค่อยมีสมาธิที่จะเล็งให้โดนเป้า แล้วก็ถึงตาเฮไฟสเตียน เจ้านั่นเขวี้ยงครั้งแรกก็โดนกลางเป้าพอดิบพอดี แต่ทุกคนพูดว่านั่นเป็นแค่ความโชคดีของพวกมือใหม่ แต่ไคลตัสบอกว่าของพรรค์นั้นมีซะที่ไหนกัน แล้วก็ถึงตาข้าแต่ข้าเขวี้ยงได้ไม่เฉียดกลางเป้าอย่างที่เจ้านั่นทำได้เลย ไคลตัสก็เลยให้เฮไฟสเตียนลองอีกครั้งเพราะอยากให้ทุกคนเห็นว่าเฮไฟสเตียนทำถูกต้องอย่างไรบ้าง และเจ้านั่นก็เขวี้ยงโดนตรงกลางอีก แล้วข้าก็พูดว่ามันจะต้องเคยลองเขวี้ยงมาก่อนแล้วแน่ๆ แต่มันบอกว่าไม่เคย แล้วข้าก็บอกว่ามันน่ะขี้โกหก แล้วก็ขี้โกงด้วย เพราะไม่มีใครหรอกจะทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก แต่เจ้านั่นพูดว่าข้าแค่โกรธเพราะมันมีเรื่องที่ทำได้ดีกว่าข้า ข้าก็เลยโมโหขึ้นมาจริงๆ ที่มันมาพูดกับข้าแบบนั้น.....ก็เลย.....ตบมันไป เข้าที่หน้าเต็มๆ เลย”ในที่สุดอเล็กซานเดอร์ก็หยุดลง พระองค์ทรงหอบหายใจเบาๆ พลางมองดูปฏิกิริยาของเฮลลานิเค
เมื่อเห็นว่านางเพียงแค่เฝ้ารอให้พระองค์เล่าต่อ จึงเริ่มพูดอีกครั้งด้วยจังหวะที่ช้าลงเล็กน้อย “แต่เจ้านั่นก็ไม่พยายามจะตบข้าหรือว่าตอบโต้อะไรกลับมาเลย แค่เริ่มร้องไห้....อย่างกับเด็กปัญญาอ่อนอย่างไรอย่างนั้น!” ความทรงจำนี้เหมือนจะกวนใจอเล็กซานเดอร์ เรียวคิ้วขมวดมุ่นอย่างข้องใจ “คนอื่นก็บอกว่าเฮไฟสเตียนมันงี่เง่าที่ร้องไห้และข้าก็ทำถูกแล้วที่ตบมันไป เพราะมันไม่ควรพูดอะไรแย่ๆ กับข้าแบบนั้นเพราะข้าเป็นเจ้าชาย.....แต่ไคลตัสกลับเข้าไปโอบเจ้านั่นแล้วก็หาว่าข้าเป็น...เป็น ‘เด็กเวรขี้อิจฉา’ และสหายของข้าเป็น ‘แค่พวกชอบเลีย’”เฮลลานิเคเบิกตากว้าง นั่นเป็นส่วนที่น้องชายของนางละเอาไว้ไม่ได้เล่าให้ฟังเมื่อตอนบ่ายตอนที่กระฟัดกระเฟียดเข้ามาหาแล้วประกาศว่าอเล็กซานเดอร์เป็นเด็กบ้าที่ถูกตามใจจนเหลิง ส่วนเฮลเลนิเคก็คือผู้หญิงงี่เง่าขี้สงสารหัวอ่อนที่มานั่งบ่นเรื่องลีโอนิดัสทั้งๆ
ที่ไคลตัสเห็นว่าชายคนนั้นไม่ได้ตีเจ้าเด็กนั่นแรงพอด้วยซ้ำ นางรีบหยุดคิดเรื่องเมื่อตอนบ่ายและรีบพาอเล็กซานเดอร์ไปที่เตียง เลิกผ้าห่มขึ้นห่มให้พระองค์ แม้ว่าผิวจะร้อนรุ่มแต่พระวรกายกลับเริ่มสั่นเทา นางไม่เคยเจอเด็กที่อ่อนไหวเช่นนี้ ด้วยท่าทางเคร่งขรึมและครุ่นคิดบางครั้งก็ทำให้พระองค์ทรงน่ารักจนแทบทนไม่ได้ แต่บางครั้งก็ดูน่ากังวล พระองค์ทรงมีทั้งความรักและความชังอย่างสุดขั้ว ร่างที่เล็กและบอบบางนี้แทบไม่เข้มแข็งพอจะรองรับอารมณ์รุนแรงภายในที่โหมกระหน่ำราวพายุได้“
ไม่เป็นไร” ในที่สุดเฮลานิเคก็เอ่ยขึ้น แล้วขยับอ่างที่สั่งให้แอคทิออนเตรียมเอาไว้เข้ามาใกล้ๆ นางจุ่มผ้าลงในน้ำผสมดอกลาเวนเดอร์กับสมุนไพร บิดผ้าแล้วค่อยๆซับใบหน้าและแก้มทั้งสองข้างของอเล็กซานเดอร์ “หลับตาเสียคนดี” นางปลอบ “ข้าจะเล่านิทานให้ฟัง”“
ข้าโตเกินกว่าจะฟังนิทานแล้ว” เด็กน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “แล้วอีกอย่าง นิทานทุกเรื่องของเจ้าน่ะ ข้าฟังมาเป็นร้อยครั้งได้แล้ว! ”“
ท่านยังไม่เคยฟังเรื่องนี้แน่” นางตอบอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้เกี่ยวกับเทพอะพอลโลและเทพธิดาอาร์เทมิสพระขนิษฐาของพระองค์กับการแข่งขันกันของทั้งคู่”อเล็กซานเดอร์ขมวดคิ้วแต่ก็หลับตาเตรียมฟัง เฮลานิเคขยับตัวให้นั่งสบายๆ บนเก้าอี้และเริ่มต้นเล่าเรื่อง
“
ครั้งหนึ่งอะพอลโลได้ไปหาเฮเฟสตัส เทพแห่งช่างตีเหล็กที่โรงงานเพื่อขอชิ้นส่วนสำรองสำหรับรถศึกของพระองค์ ขณะที่เฮเฟสตัสกำลังทำงานอยู่นั้น อะพอลโลก็สังเกตเห็นเหล่าสาวงามสีทองที่เฮเฟสตัสสร้างขึ้นไว้คอยรับใช้ในใจลึกๆนั้น พระองค์ทั้งทรงประทับใจในฝีมือและอิจฉาที่อีกฝ่ายได้สร้างบางสิ่งที่เลิศล้ำขึ้นมา ดังนั้นพระองค์จึงประกาศกับตัวเองว่า
“ข้าทำได้ดีกว่านี้ ข้าสามารถสร้างเด็กผู้ชาย เด็กผู้ชายแสนงดงามที่ทุกคนจะต้องหลงรัก ”แล้วพระองค์ก็ทำสำเร็จ
! พระองค์ผสมแสงอาทิตย์และน้ำผึ้งสีอำพัน พร้อมเปลวเพลิงกับทองคำสร้างขึ้นมาเป็นเจ้าชายสีทอง”เฮลลานิเคหยุดเล่าช่วงครู่ สำรวจใบหน้าของอเล็กซานเดอร์ เมื่อนางไม่เล่าต่อพระองค์จึงพึมพำโดยไม่ได้ลืมตาว่า
“ต่อสิ...”เฮลลานิเคคลี่ยิ้มบางๆ
แล้วจิบเหล้าองุ่นที่แอคทิออนรอบคอบเตรียมไว้ให้ เด็กนั่นเป็นเด็กดี...นางคิดพลางๆว่าควรจะชมเด็กหนุ่มให้ราชินีโอลิมเปียสฟัง“
ฮืม...แน่นอนว่าทุกคนต่างรุมล้อมเจ้าชายสีทอง พระองค์งดงามเกือบเทียบเท่าเทพอะพอลโลเองเลยทีเดียว ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาเพื่อรับไออุ่นและแสงเรืองรอง มาเพื่อเยินยอและสรรเสริญความงามของพระองค์ เพื่อว่าเจ้าชายจะได้ตอบแทนพวกเขาด้วยแสงอาทิตย์แห่งรอยยิ้มและอนุญาตให้เข้าใกล้พระองค์ได้”“
อะพอลโลแสนภูมิใจในสิ่งสร้างจนพระองค์พาเจ้าชายน้อยมาอวดพระขนิษฐา อาร์ทิมิส เมื่อทรงเห็นเจ้าชายพระองค์ก็ทั้งประทับใจและอิจฉา เฉกเช่นเดียวกับที่อะพอลโลเคยรู้สึกกับเฮเฟสตัส และพระองค์ทรงคิดขึ้นมาว่า “ข้าเองก็ฉลาดไม่แพ้น้องชาย ทั้งเรื่องล่าสัตว์และกีฬาก็ไม่ได้ด้อยกว่ า ดังนั้นข้าจะสร้างเด็กชายของข้าขึ้นมาเอง” และพระองค์ก็ทำสำเร็จ พระองค์ทรงผสมแสงจันทร์กับเงินและเหล้าองุ่นขาวหอมหวานและน้ำจากน้ำพุเข้าด้วยกัน สร้างขึ้นมาเป็นเด็กชายสีเงิน” เฮลลานิเคหยุดเล่าเพื่อจิบเหล้าองุ่น “แน่ล่ะพระองค์ต้องทรงเอาไปอวดเทพอะพอลโล ทางอะพอลโลแม้จะแสดงความยินดีกับพระองค์ หากใจจริงก็รู้สึกพอใจเพราะไม่เห็นว่าเด็กชายสีเงินนั่นจะยิ่งใหญ่และงดงามเทียบเท่าเจ้าชายสีทองได้เลย และก็ทรงบอกกับเจ้าชายของพระองค์เช่นนั้นลับหลังอาร์เทมิส ทำให้เจ้าชายสีทองมีความสุขมากเพราะพระองค์เคยชินกับการเป็นที่รักเหนือใครๆ และก็ไม่เคยคิดด้วยว่าเด็กชายสีเงินจะงดงามไปกว่าตน....”รอยย่นบางๆ ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของอเล็กซานเดอร์ แต่พระองค์ก็ไม่ได้พูดอะไร
“
จากนั้นไม่นาน” เฮลลานิเคเริ่มเล่าต่อ “ทั้งอาร์เทมิสและอะพอลโลต่างคิดว่าคงเป็นเรื่องน่าสนุกถ้าเจ้าชายสีทองและเด็กชายสีเงินจะพบกัน ดังนั้นพระองค์จึงพาทั้งสองมา และเด็กชายสีเงินก็ตกหลุมรักเจ้าชายสีทองตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น....”“
ตกหลุมรัก?” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้นเป็นครั้งแรกด้วยน้ำเสียงดูถูก “ไม่เอาน่า นั่นมันงี่เง่าจะตายลานิเค! ”“
บางทีท่านอาจะพูดถูก” นางยอมรับแล้วจึงลุกขึ้น ดันเก้าอี้กลับเสียงดัง “แต่อย่างไรเสีย...นี่ก็ถึงเวลาเข้านอนของพระองค์แล้วนะเพคะ....”“
ไม่เอานะ! ยังไม่นอนตอนนี้....” อเล็กซานเดอร์ลืมตาแล้วคว้าข้อมือนางไว้ “เล่าให้จบก่อน”เฮลลานิเคแกล้งทำเป็นลังเล แต่สุดท้ายก็กลับนั่งลงตามเดิม
“ถึงไหนแล้วล่ะ ใช่ ใช่ แน่นอนว่าเจ้าชายสีทองก็รักเด็กชายสีเงินเช่นกัน แต่พระองค์ไม่เคยบอกอีกฝ่ายเช่นนั้น เพราะพระองค์ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมเด็กชายสีเงินถึงแตกต่างจากคนอื่นๆ และดูราวกับว่าไม่ต้องการสัมผัสแสงและไออุ่นจากพระองค์ อีกทั้งยังไม่เคยพูดเยินยอสักครั้ง พอเจ้าชายสีทองถามถึงเหตุผล เด็กชายสีเงินก็แค่ยิ้มและตอบว่าเขามีแสงสว่างของตนเองแล้ว และไม่ต้องการอะไรจากเจ้าชายสีทองนอกจากความรักและความเป็นเพื่อน เจ้าชายสีทองสงสัยว่าแสงอะไรกันนะที่เด็กชายสีเงินมี ในเวลากลางวันเขาดูไม่ส่องสว่างเลยสักนิด ครั้นพระองค์ถามเข้าอีกฝ่ายก็บอกให้พระองค์รอจนกระทั่งอาร์เทมิสขึ้นมาแทนที่พระอนุชาบนสรวงสวรรค์ และเมื่อโลกทั้งใบมืดลง เมื่อนั้นเองเจ้าชายจึงมองเห็นเด็กชายสีเงิน ส่องสว่างด้วยแสงสีเงินอ่อน ...คราแรกเจ้าชายสีทองรู้สึกเบาใจที่แสงนั่นไม่ได้ร้อนแรงหรือสว่างสดใสเฉกเช่นแสงของพระองค์ ไม่มีใครรู้สึกอบอุ่นได้เมื่ออาบแสงนี้ แต่กระนั้นผู้คนก็ยังคงถูกดึงดูดเข้าหา แทนที่จะพยายามใช้ประโยชน์จากแสงนั้น พวกเขากลับเพียงแค่จ้องมองไปยังเด็กชายสีเงินอย่างเงียบๆ ดั่งตกอยู่ในมนตราของแสงสีเงินอันงดงาม”อเล็กซานเดอร์ยิ่งขมวดคิ้ว พระองค์ทรงมองเฮลลานิเคด้วยดวงตาเบิกกว้างฉายแววระมัดระวัง ราวกับทรงคาดเดาได้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เมื่อเห็นแก้มทั้งสองข้างของเจ้าชายแดงขึ้นเฮลลานิเคก็เอื้อมมือออกไปซับด้วยผ้าเย็นและลูบผมของพระองค์
“เมื่อเจ้าชายสีทองประจักษ์แล้วว่าเด็กชายสีเงินเป็นที่รักใครของผู้คนอย่างไร พระองค์ก็ทรงกริ้ว และคิดว่าเพื่อนคนนี้แค่อยากจะโอ้อวดและที่ชวนพระองค์มาก็เพื่ออวดให้ดูว่าแสงของตัวเองนั้นดีเหนือกว่า ครั้นแล้วเจ้าชายสีทองก็พาเด็กชายสีเงินไปยังถ้ำลึก บอกว่าอยากจะพาไปดูคริสตัลวิเศษที่อยู่ภายใน และก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเพราะแสงสีทองของเจ้าชายจะทำให้ทั่วทั้งถ้ำสว่างไสวราวกับเวลากลางวัน ทั้งสองเดินอยู่นานจนกระทั่งเด็กชายสีเงินรู้สึกเหนื่อยมากและอยากพัก และทันทีที่เด็กชายผล็อยหลับไปเจ้าชายสีทองก็ทิ้งเขาไว้ในความมืดตามลำพัง”“
ไม่นะ....!” อเล็กซานเดอร์คร่ำครวญแผ่วเบาเฮลลานิเคแสร้งว่าไม่ได้ยิน
“เด็กชายเงินตื่นขึ้นมาและพบแต่ความมืดล้อมรอบตัว ทั้งโดดเดี่ยวและหวาดกลัว เมื่อปราศจากเจ้าชายสีทองแล้ว...เด็กชายก็ไม่สามารถส่องแสงสว่างพอที่จะหาทางออกเองได้ ได้แต่เฝ้ารอให้เจ้าชายสีทองหวนกลับมาช่วย แต่ไม่ว่าจะรอคอยนานเท่าใดพระองค์ก็ไม่มา เด็กชายสีเงินจึงเริ่มร้องไห้ เพราะตลอดเวลาเด็กชายไม่เคยพยายามที่จะบดบังแสงของเจ้าชาย หวังแค่ให้ทัดเทียมกับพระองค์เพียงเพื่อเจ้าชายสีทองจะได้มอบความรักตอบแทนกลับมาบ้าง” นางรู้สึกลังเล และกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อเห็นน้ำตาที่เอ่อล้นในดวงตาสีเทา แต่กระนั้นนางก็บังคับตัวเองให้เล่าต่อไป“
เทพธิดาอาร์เทมิสทรงได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กชายสีเงินและรู้สึกสงสาร พระองค์จึงทรงช่วยชี้นำทางออกจากถ้ำ แต่เมื่อทั้งสองมองเห็นรถศึกและม้าของพระอนุชาปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าและอาร์เทมิสเองก็ทรงกำลังจะกลับไปยังตำหนัก เด็กชายสีเงินจึงเริ่มร้องไห้อีกครั้งและบอกกับเทพธิดาว่าไม่อยากจะพบกับเจ้าชายสีทองอีกแล้วเหตุเพราะคิดว่าเจ้าชายสีทองต้องเกลียดตนเป็นแน่แท้ถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายกับเขาเช่นนี้ ดังนั้นอาร์เทมิสจึงดึงเอาเงินและเหล้าองุ่นขาวหอมหวานและน้ำจากน้ำพุออกไป เหลือไว้เพียงแต่แสงจันทร์”“
แล้ว...จะ...เจ้าชายสีทองล่ะ” อเล็กซานเดอร์เอ่ยถามอย่างติดขัด“
ก็...” เฮลลานิเคถอนหายใจ “แน่ล่ะว่าพระองค์ทรงคิดถึงเพื่อนสีเงิน ทรงเหนื่อยหน่ายกับการที่ผู้คนคอยแต่ป้อยอแต่สิ่งดีๆ และเอาแต่เห็นด้วยกับพระองค์ไปเสียทุกอย่าง เพียงแค่ว่าพวกนั้นจะได้อาศัยความอบอุ่นและแสงสว่างของพระองค์ ทรงเริ่มปรารถนาให้เด็กชายสีเงินอยู่ที่นั่นเพื่อจะได้บอกความจริง ดังนั้นในที่สุดพระองค์จึงตัดสินใจกลับไปที่ถ้ำ แต่ก็นั่นล่ะ...เด็กชายสีเงินไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว! เจ้าชายสีทองทรงกริ้วและวุ่นวายพระทัย ทรงไม่ยอมให้ใครได้สัมผัสกับแสงของพระองค์จนกว่าจะมีใครหาเด็กชายสีเงินพบ ทุกคนจึงรีบออกตามหาเด็กชายของเทพธิดาอาร์เทมิส ไม่นานนักพวกนั้นก็พบเด็กชายอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ซึ่งส่งกลิ่นหอมเฉพาะยามค่ำคืนเหม่อมองอย่างครุ่นคิดไปยังดวงดาวเบื้องบนเมื่อเจ้าชายสีทองได้ยินเช่นนี้ก็ทรงรีบรุดไปยังสถานที่ที่ได้รับการบอกเล่าว่าพบเพื่อนของพระองค์”“
แล้วได้เจอกันไหม...” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยท่าทางเป็นกังวล ไม่แสร้งทำเป็นว่าไม่สนใจอีกต่อไปน่าเศร้าที่เฮลลานิเคส่ายหน้า
“เด็กชายอยู่ที่นั่น แต่แน่ล่ะเจ้าชายมองไม่เห็นเขา เพราะว่าตอนนี้เด็กชายสีเงินเป็นเพียงแค่แสงจันทร์ และไม่มีใครมองเห็นแสงจันทร์ได้หากดวงอาทิตย์ยังคงส่องสว่าง ดังนั้นไม่ว่าเมื่อใดที่เจ้าชายสีทองเข้าใกล้อีกฝ่าย แสงอันเรืองรองนั้นก็ทำให้เด็กชายสีเงินจางหายไป พระองค์จึงไม่เคยได้พบเขาอีกเลย”ประโยคสุดท้ายนั้นเพียงพอแล้ว ทันทีที่อเล็กซานเดอร์ตระหนักว่าไม่มีตอนจบอื่นใดอีกสำหรับเรื่องนี้ น้ำพระเนตรก็ทรงเอ่อไหลออกมาไม่ขาดสาย ทรงนอนขดแล้วกัดกำปั้นตัวเองไว้เพื่อยับยั้งเสียงสะอื้น แม่นมของพระองค์ลุกขึ้นเงียบๆ จูบลงบนเส้นผมขดม้วนสีทอง และโน้มตัวดับตะเกียง
“หลับให้สบายนะคนดี” เธอพึมพำ และเดินอย่างแผ่วเบาข้ามห้องไปยังห้องนอนของตัวเอง พบกับไคลตัสที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง“
ได้เรื่องบ้างไหม” เขาถามราวกับจะคำราม“
โธ่เอ๊ย ลุกขึ้นมาเจ้ายักษ์ทึ่ม” เธอดุพลางผลักอีกฝ่ายให้ลงจากเตียงและสะบัดผ้าปูที่นอน “ถ้าเจ้าจะนอนอย่างน้อยก็ช่วยปัดฝุ่นตามตัวออกหน่อยนะ แล้วก็ถอดรองเท้าออกด้วย! แล้วทีหลังก็อย่ามาพูดคำไม่สุภาพต่อหน้าพี่สาว” เธอเสริม เมื่ออีกฝ่ายสบถขณะพยายามลุกขึ้นยืน “หรือต่อหน้าเจ้าชายและเพื่อนๆ ด้วย! ถ้าองค์ราชินีทรงบ่นว่าได้ยินอเล็กซานเดอร์ใช้คำอย่าง...อย่าง “เด็กเวร” หรือว่า “พวกชอบเลีย” อย่าคิดนะว่าข้าจะไม่บอกว่าทรงไปจำมาจากใคร!”“
ก็ได้ๆ” ไคลตัสพึมพำ พลางเดินไปยังประตู “แต่ว่าพี่ ได้เรื่องบ้างรึเปล่า”เฮลลานิเคยิ้มราวกับซ่อนปริศนาไว้
“มาใหม่ตอนเช้าแล้วเราก็จะได้รู้กัน โชคดีนะน้องข้า” เธอเสริมและหันหลังให้อีกฝ่ายผลงานอื่นๆ ของ aimijj ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ aimijj
ความคิดเห็น