ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7/2 : เปิดเทอมกัน...โอ้ลัลลา
“ ว่าไงคะ พี่ภูมิ ”
นายาวีถามซ้ำ ทุกคนต่างคอยคำตอบด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน  ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ชอบเดินเลือกซื้อของเป็นอย่างยิ่ง ผิดกับอีกคน รายนั้นชอบช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ เดินได้เป็นชั่วโมง ๆ ขนาดบางทีสาวน้อยยังต้องยอมแพ้ แต่ที่ถามนี่เพราะกลัวไตรภูมิจะนึกน้อยใจ
...ก็พี่ชายสองคนนี้ยิ่งขี้ใจน้อยอยู่ มากถึงมากที่สุด...
ไตรภูมิทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง...เอาวะ เพื่อน้องนาย ไม่งั้นไอ้แทนทำคะแนนขึ้นหน้าไปจะตามไม่ทัน ไปขัดแข้งขัดขามันบ้างก็ยังดี...
“ ไปซิครับ น้องนายชวนทั้งที ”
พอได้ยินคำตอบของคู่แข่ง หน้าที่เคยบานเป็นจานเชิงอยู่เมื่อครู่ก็หุบลง แม้ตอนแรกจะยังมีความหวังอยู่แต่มันก็ปลิวไปซะแล้ว อาการฝันฝันหวานว่าจะได้ควงคู่สาวน้อยตามลำพังเป็นอันชวด
...เบื่อจริง ๆ ไอ้ไปแบบซื้อหนึ่งแถมสองนี่...ไม่น่าเลย ฝันสลาย วิมานมลาย...โอ พระเจ้า !...ทำไมสวรรค์ส่งแทนไทมาเกิด ไยต้องกำเนิดไตรภูมิ มาด้วย ทำม้ายยยย...
“ จะไปทำไมวะ ภูมิ ไปก็เกะกะเปล่า ๆ สู้อยู่บ้านเป็น ‘นายก้นครัว’ น่ะดีแล้ว ไหนบอกไม่ชอบช้อปปิ้งไง ” แทนไทไม่ยอมแพ้ ยังคงหาทางขัดขวาง ‘มาร’ ความสุข...แต่ไม่วายเหน็บแนมให้แสบคันนิด ๆ หน่อย ๆ
“ รึว่าจะอยู่ช่วยอาทำขนม ” เนตรภาเอ่ยชักชวนด้วยกลัวชายหนุ่มจะลำบากใจ
“ ไม่เป็นไรครับ คุณอา ผมจะไปช่วยน้องนายถือของ ” คำตอบของไตรภูมิ ทำให้ฝ่ายค้านหน้ามู่ทู่ลงไปอีกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ ดีค่ะ งั้นสักเก้าโมงครึ่ง เราค่อยออกนะคะ ” นายาวีสรุป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ เป็นไงบ้าง ลูก ใกล้เปิดเทอมแล้ว ตื่นเต้นมั้ย ” เทพไทหันมาเอ่ยถามนายาวีในยามบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่คนในครอบครัวกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น เนตรนภานั่งถักโครเชต์อยู่ข้าง ๆ ลูกสาว ส่วนเทพไทนั่งดูโทรทัศน์รายการข่าวช่องหนึ่งอยู่
นายาวีเงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารผู้หญิงที่อ่านอยู่ ยิ้มให้ผู้สูงวัยกว่าอย่างน่ารัก
“ ตื่นเต้นค่ะ ได้เพื่อนใหม่อีกเยอะเลย ดีนะคะที่ได้ข้าว เพื่อนสนิทจากที่โรงเรียนไปด้วยกัน ไม่งั้น น้องนายคงเปิ่นน่าดู ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย ”
“ แล้วของใช้ครบเรียบร้อยหรือยัง มีอะไรขาดเหลือบอกลุงเลยนะ ” เทพไทกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร
“ เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากนะคะ ก็ได้พี่แทนช่วยเป็นส่วนใหญ่น่ะค่ะ พาไปเลือกซื้อของใช้ ” สาวน้อยเอ่ยอย่างตื้นตันใจในความมีน้ำใจของชายกลางคน
ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงแค่ลูกเลี้ยง แต่เทพไทก็ทำหน้าที่ดั่งเป็นพ่อแท้ ๆ ที่เธอไม่มี ได้อย่างสมบูรณ์ จนบางครั้งเธอนึกขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้มารดาและเธอเข้ามาเกี่ยวพันกับครอบครัวของเทพไทและตฤณ
เธอรู้ซึ้งดีถึง การเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้องนั้นเป็นอย่างไร ช่วงเวลาในวัยเด็กนั้น ชีวิตของเธอดำเนินไปอย่างเงียบเหงาถึงแม้จะมีบิดามารดาดูแลแต่ก็ไม่ใช่เพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน แล้วยิ่งมาช่วงหลังที่บิดาเธอล้มป่วย มารดาที่เคยมีเวลาให้ก็ทุ่มเวลาดูแลบิดาของเธอ จนแทบจะไม่มีเวลาให้เธอเลย...
จนกระทั่งมาวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ เธอก็ได้พี่ชายที่เธอเคยใฝ่ฝันที่จะมี แล้วฝันนั้นก็เกิดเป็นจริงขึ้นมา...แม้บางทีจะมี ‘เรื่องยุ่งๆ’ บ้าง (ที่จริงแล้วแทบทุกวัน) แต่ในเมื่อทุกคนทำด้วยความหวังดี รักและเป็นห่วงเธออย่างจริงใจ เธอก็เต็มใจให้ความยุ่งเหยิงนั้นดำเนินต่อไป ดีกว่าที่เธอจะไม่มีใครเลยในชีวิต...เธอจึงถือเสมอว่า อยู่กับความยุ่งเหยิงที่น่ายินดี  ยังดีกว่าอยู่ในความเงียบเหงาที่เดียวดาย...
“ คุณแม่ว่าจะถามแล้วก็ลืม เห็นได้พัสดุของตาภพ น้องนายเปิดดูรึยังจ๊ะว่าเป็นอะไร คุณแม่มัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่ ” มารดาของสาวน้อยถามไถ่ถึงสิ่งของที่ส่งมาถึงในช่วงกลางวันขณะที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหาร
“ อ๋อ ! เปิดดูแล้วค่ะ พี่ภพส่งของขวัญที่สอบได้มาให้ค่ะ เป็น ทอล์คกิ้ง-ดิก อังกฤษ-อังกฤษ ของที่โน่น เห็นว่า รุ่นนี้น่าใช้มากเลย ” นายาวีเอ่ยถึงเจ้าเครื่องดิกชั่นนารีอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการเรียนรู้คำศัพท์ที่มีความสามารถออกเสียงคำศัพท์และประโยคสนทนาได้
“เออ ! เข้าทีดีนี่ เข้าใจเลือกของให้เด็กอักษรฯ ได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ ก็คราวนี้ล่ะ ” เทพไทเอ่ยชมอย่างจริงใจ
“ แล้วนี่ เจ้าตัวเขาจะกลับมาบ้านบ้างรึเปล่าน่ะ หายไปนานแล้วนะ ” เนตรนภาถามถึงด้วยความคิดถึง
“ ไม่เห็นบอกว่าจะกลับเลยค่ะ บอกแต่ว่าจะรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ ”
“ ขยันเรียนจริง เจ้าเด็กคนนี้ ไม่เหมือนพ่อมัน รายนั้นกว่าจะเรียนจบตรี หัวหกก้นขวิด เข็นกันน่าดู ” พ่อเลี้ยงของนายาวีกล่าวชมอีกครั้ง
“ อาจจะรอเรียนจบเลยมังคะถึงจะกลับ ก็เขาไม่มีห่วงทางนี้นี่คะ ” สาวน้อยพยายามเอ่ยเสียงเรียบ แต่ผู้เป็นมารดาก็จับได้ถึงน้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยใจ
...ลูกหนอลูก ! กี่ปีกันแล้ว ก็ยังไม่เลิกคิดถึงเขา...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
‘ ขอบคุณนะคะ สำหรับทอล์คกิ้ง-ดิก น้องนายเพิ่งจะได้รับวันนี้เอง เป็นของขวัญที่ถูกใจมากเลยค่ะ พี่ภพน่ารักกับน้องนายเสมอเลย...คุณลุงเทพยังชมเลยค่ะว่า เข้าใจเลือกของ...น้องนายจะใช้มันทุกวันเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับสิ่งดี ๆ ที่มอบให้...ส่วนคุณแม่ถามว่า เมื่อไรพี่จะกลับมาเยี่ยมบ้าง แต่น้องนายก็บอกไปนะว่า พี่ภพน่ะคงรอเรียนจบเลย แต่มันก็อีกหลายปีนะคะ ถ้ามีเวลาพี่น่าจะกลับเมืองไทยบ้าง ตอนนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ ถ้าพี่กลับมาต้องแปลกใจแน่ ๆ เลยค่ะ
ช่วงปิดเทอมนี้ น้องนายไปเที่ยวทะเลกับพี่ ๆ แล้วก็เพื่อนสนิทของน้องนายสามคนที่เคยเล่าให้ฟังไงคะ ก็มี ข้าว กิ๊บเก๋ แล้วเจ้าเบบี๋ คุณแม่กะคุณลุงไม่ได้ไป บอกว่ามีธุระ แต่น้องนายว่า ท่านอยากจะอยู่กุ๊กกิ๊กกันตามลำพังมากกว่า เพราะช่วงหลังมานี่ คุณลุงไม่ค่อยอยู่บ้าน ต้องเดินทางบ่อย ๆ แต่ดีที่พวกน้องนายปิดเทอม คุณแม่เลยไม่เหงา แต่จริง ๆ น่าจะรำคาญมากกว่า อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ พี่สองคนนั่นปะทะกันประจำ แต่ก็สร้างสีสันดีค่ะ น้องนายคงชินแล้วมั้ง ถ้าไม่ได้ยินเสียงสองคนนี่ บ้านคงไม่ใช่บ้านเป็นแน่ค่ะ ส่วนคุณลุงตฤณก็ไม่ว่างค่ะ เลยมีแต่เด็ก ๆ ที่ไปกัน
เราไปค้างกันสองคืนค่ะ สนุกกันมากเลย น้องนายเล่นน้ำซะจนตัวดำไปเลยต้องคอยทาครีมกันแดดตลอดเวลา ไม่งั้นคงลอกคราบไปแล้ว แต่มีเรื่องน่าแปลกค่ะ กิ๊บเก๋ ที่ถึงจะปากร้ายแต่ก็เข้าได้กับทุกคน แต่พอมาเจอพี่ภูมิกลับทะเลาะกันเป็นประจำเลยค่ะ ส่วนเบบี๋ ขานั้นตามพี่แทนแจเลย ก็ได้ข้าว เพื่อนของน้องนายอีกคนคอยตามไปห้ามทัพคู่กัดกับเป็นกันชนให้พี่แทนน่ะค่ะ น้องนายเลยได้โอกาสมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
น้องนายส่งรูปที่ไปเที่ยวกันมาให้ด้วยนะคะ คงจะเห็นว่า ทุกคนตัวดำขึ้นจริง ๆ แต่น้องนายก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ...แล้วพี่ภพ...’
สาวน้อยหยุดมือค้างไว้แล้วนิ่งคิด
...เอ จะถามดีมั้ยนะ...
...อยากรู้จังว่า เขามี ‘ใคร’ บ้าง ทางโน้น...
‘ แล้วพี่ภพเล่ามาบ้างสิคะ ได้ไปเที่ยวที่ไหน..อึม..กับเพื่อน ๆ บ้างรึเปล่าคะ น้องนายจะรอจดหมายนะคะ อีกไม่ถึงสัปดาห์ น้องนายก็จะเปิดเทอมแล้ว ไว้จะเขียนไปเล่าให้ฟังอีกนะคะ
...รักและคิดถึงพี่ชายคนนี้เสมอค่ะ...น้องนาย ’
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ อ้าว ! ตาภูมิมาแต่เช้าเชียวนะจ๊ะ ” เนตรนภาร้องทักเมื่อเห็นไตรภูมิเดินเข้ามาภายในบ้าน
“ ครับ ก็วันนี้วันเปิดเทอมนี่ครับ ต้องมารับนักศึกษาใหม่ไปเรียนน่ะครับ ” ไตรภูมิตอบกลับเสียงสดใส หน้าตายิ้มแย้มผิดมนุษย์มนา เอ้ย ! ผิดยามปกติที่จะดูเคร่งขรึมยิ้มยากอยู่เสมอ
“ สองคนนั้นก็เสร็จแล้วมั้ง เมื่อกี้อาเห็นคุยกันอยู่ที่หน้าห้องนอนน่ะ ”
“ แล้วทำไมยังไม่ลงกันมาละครับ ” ชายหนุ่มถามหาเมื่อไม่เห็นสองหนุ่มสาว
“ เอ ! ไม่รู้สิ...ลองขึ้นไปตามสิจ๊ะ ก็เห็นแต่งตัวเสร็จกันแล้วนี่ ” มารดาของนายาวีเอ่ยปาก
“ งั้นผมขึ้นไปเลยนะครับ ” ชายหนุ่มบอกเสียงร่าเริงแล้วก้าวยาว ๆ เดินตรงไปขึ้นบันได
พอถึงชั้นสอง ชายหนุ่มไม่เห็นบุคคลที่มองหาก็เดินตรงไปยังห้องนอนของเธอ กำลังจะเคาะประตูห้องแต่เสียงภายในห้องกลับดังแว่วออกมาก่อน มือที่ยกไว้ ชะงักค้างทันที
“ น้องนายอยู่นิ่ง ๆ สิครับ  พี่ทำไม่ถนัด ” เสียงนี้ไม่ใช่ใครอื่นแน่...ไอ้แทนไท คู่แข่งคนสำคัญ...
“ โอ้ย ! พี่แทน เบา ๆ สิ  กดลงมาได้  น้องนายเจ็บนะ ! ” เสียงสาวน้อยที่ลอดผ่านมาไม่เบานัก
“ ขอโทษครับ เดี๋ยวพี่จะพยายามทำเบา ๆ ละกัน ” เสียงห้าวดังแว่วออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันแทบจะไม่ได้เข้าหูของคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูเลย ด้วยหูทั้งสองข้างขณะนี้อื้ออึงไปหมดแล้วด้วยสองประโยคแรกที่ผ่านโสตประสาทเข้ามา
ความรู้สึกของไตรภูมิเหมือนหล่นวูบจากที่สูงระดับตึกระฟ้า (แบบไม่มีร่มชูชีพหรืออุปกรณ์ช่วย) ได้ในฉับพลัน!!! หน้าเข้มเปลี่ยนสีเป็นซีดสนิททันที
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นายาวีถามซ้ำ ทุกคนต่างคอยคำตอบด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน  ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ชอบเดินเลือกซื้อของเป็นอย่างยิ่ง ผิดกับอีกคน รายนั้นชอบช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ เดินได้เป็นชั่วโมง ๆ ขนาดบางทีสาวน้อยยังต้องยอมแพ้ แต่ที่ถามนี่เพราะกลัวไตรภูมิจะนึกน้อยใจ
...ก็พี่ชายสองคนนี้ยิ่งขี้ใจน้อยอยู่ มากถึงมากที่สุด...
ไตรภูมิทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง...เอาวะ เพื่อน้องนาย ไม่งั้นไอ้แทนทำคะแนนขึ้นหน้าไปจะตามไม่ทัน ไปขัดแข้งขัดขามันบ้างก็ยังดี...
“ ไปซิครับ น้องนายชวนทั้งที ”
พอได้ยินคำตอบของคู่แข่ง หน้าที่เคยบานเป็นจานเชิงอยู่เมื่อครู่ก็หุบลง แม้ตอนแรกจะยังมีความหวังอยู่แต่มันก็ปลิวไปซะแล้ว อาการฝันฝันหวานว่าจะได้ควงคู่สาวน้อยตามลำพังเป็นอันชวด
...เบื่อจริง ๆ ไอ้ไปแบบซื้อหนึ่งแถมสองนี่...ไม่น่าเลย ฝันสลาย วิมานมลาย...โอ พระเจ้า !...ทำไมสวรรค์ส่งแทนไทมาเกิด ไยต้องกำเนิดไตรภูมิ มาด้วย ทำม้ายยยย...
“ จะไปทำไมวะ ภูมิ ไปก็เกะกะเปล่า ๆ สู้อยู่บ้านเป็น ‘นายก้นครัว’ น่ะดีแล้ว ไหนบอกไม่ชอบช้อปปิ้งไง ” แทนไทไม่ยอมแพ้ ยังคงหาทางขัดขวาง ‘มาร’ ความสุข...แต่ไม่วายเหน็บแนมให้แสบคันนิด ๆ หน่อย ๆ
“ รึว่าจะอยู่ช่วยอาทำขนม ” เนตรภาเอ่ยชักชวนด้วยกลัวชายหนุ่มจะลำบากใจ
“ ไม่เป็นไรครับ คุณอา ผมจะไปช่วยน้องนายถือของ ” คำตอบของไตรภูมิ ทำให้ฝ่ายค้านหน้ามู่ทู่ลงไปอีกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ ดีค่ะ งั้นสักเก้าโมงครึ่ง เราค่อยออกนะคะ ” นายาวีสรุป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ เป็นไงบ้าง ลูก ใกล้เปิดเทอมแล้ว ตื่นเต้นมั้ย ” เทพไทหันมาเอ่ยถามนายาวีในยามบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่คนในครอบครัวกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่น เนตรนภานั่งถักโครเชต์อยู่ข้าง ๆ ลูกสาว ส่วนเทพไทนั่งดูโทรทัศน์รายการข่าวช่องหนึ่งอยู่
นายาวีเงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารผู้หญิงที่อ่านอยู่ ยิ้มให้ผู้สูงวัยกว่าอย่างน่ารัก
“ ตื่นเต้นค่ะ ได้เพื่อนใหม่อีกเยอะเลย ดีนะคะที่ได้ข้าว เพื่อนสนิทจากที่โรงเรียนไปด้วยกัน ไม่งั้น น้องนายคงเปิ่นน่าดู ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลย ”
“ แล้วของใช้ครบเรียบร้อยหรือยัง มีอะไรขาดเหลือบอกลุงเลยนะ ” เทพไทกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร
“ เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากนะคะ ก็ได้พี่แทนช่วยเป็นส่วนใหญ่น่ะค่ะ พาไปเลือกซื้อของใช้ ” สาวน้อยเอ่ยอย่างตื้นตันใจในความมีน้ำใจของชายกลางคน
ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงแค่ลูกเลี้ยง แต่เทพไทก็ทำหน้าที่ดั่งเป็นพ่อแท้ ๆ ที่เธอไม่มี ได้อย่างสมบูรณ์ จนบางครั้งเธอนึกขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้มารดาและเธอเข้ามาเกี่ยวพันกับครอบครัวของเทพไทและตฤณ
เธอรู้ซึ้งดีถึง การเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้องนั้นเป็นอย่างไร ช่วงเวลาในวัยเด็กนั้น ชีวิตของเธอดำเนินไปอย่างเงียบเหงาถึงแม้จะมีบิดามารดาดูแลแต่ก็ไม่ใช่เพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน แล้วยิ่งมาช่วงหลังที่บิดาเธอล้มป่วย มารดาที่เคยมีเวลาให้ก็ทุ่มเวลาดูแลบิดาของเธอ จนแทบจะไม่มีเวลาให้เธอเลย...
จนกระทั่งมาวันหนึ่ง อยู่ดี ๆ เธอก็ได้พี่ชายที่เธอเคยใฝ่ฝันที่จะมี แล้วฝันนั้นก็เกิดเป็นจริงขึ้นมา...แม้บางทีจะมี ‘เรื่องยุ่งๆ’ บ้าง (ที่จริงแล้วแทบทุกวัน) แต่ในเมื่อทุกคนทำด้วยความหวังดี รักและเป็นห่วงเธออย่างจริงใจ เธอก็เต็มใจให้ความยุ่งเหยิงนั้นดำเนินต่อไป ดีกว่าที่เธอจะไม่มีใครเลยในชีวิต...เธอจึงถือเสมอว่า อยู่กับความยุ่งเหยิงที่น่ายินดี  ยังดีกว่าอยู่ในความเงียบเหงาที่เดียวดาย...
“ คุณแม่ว่าจะถามแล้วก็ลืม เห็นได้พัสดุของตาภพ น้องนายเปิดดูรึยังจ๊ะว่าเป็นอะไร คุณแม่มัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่ ” มารดาของสาวน้อยถามไถ่ถึงสิ่งของที่ส่งมาถึงในช่วงกลางวันขณะที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหาร
“ อ๋อ ! เปิดดูแล้วค่ะ พี่ภพส่งของขวัญที่สอบได้มาให้ค่ะ เป็น ทอล์คกิ้ง-ดิก อังกฤษ-อังกฤษ ของที่โน่น เห็นว่า รุ่นนี้น่าใช้มากเลย ” นายาวีเอ่ยถึงเจ้าเครื่องดิกชั่นนารีอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการเรียนรู้คำศัพท์ที่มีความสามารถออกเสียงคำศัพท์และประโยคสนทนาได้
“เออ ! เข้าทีดีนี่ เข้าใจเลือกของให้เด็กอักษรฯ ได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ ก็คราวนี้ล่ะ ” เทพไทเอ่ยชมอย่างจริงใจ
“ แล้วนี่ เจ้าตัวเขาจะกลับมาบ้านบ้างรึเปล่าน่ะ หายไปนานแล้วนะ ” เนตรนภาถามถึงด้วยความคิดถึง
“ ไม่เห็นบอกว่าจะกลับเลยค่ะ บอกแต่ว่าจะรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ ”
“ ขยันเรียนจริง เจ้าเด็กคนนี้ ไม่เหมือนพ่อมัน รายนั้นกว่าจะเรียนจบตรี หัวหกก้นขวิด เข็นกันน่าดู ” พ่อเลี้ยงของนายาวีกล่าวชมอีกครั้ง
“ อาจจะรอเรียนจบเลยมังคะถึงจะกลับ ก็เขาไม่มีห่วงทางนี้นี่คะ ” สาวน้อยพยายามเอ่ยเสียงเรียบ แต่ผู้เป็นมารดาก็จับได้ถึงน้ำเสียงที่แสดงถึงความน้อยใจ
...ลูกหนอลูก ! กี่ปีกันแล้ว ก็ยังไม่เลิกคิดถึงเขา...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
‘ ขอบคุณนะคะ สำหรับทอล์คกิ้ง-ดิก น้องนายเพิ่งจะได้รับวันนี้เอง เป็นของขวัญที่ถูกใจมากเลยค่ะ พี่ภพน่ารักกับน้องนายเสมอเลย...คุณลุงเทพยังชมเลยค่ะว่า เข้าใจเลือกของ...น้องนายจะใช้มันทุกวันเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับสิ่งดี ๆ ที่มอบให้...ส่วนคุณแม่ถามว่า เมื่อไรพี่จะกลับมาเยี่ยมบ้าง แต่น้องนายก็บอกไปนะว่า พี่ภพน่ะคงรอเรียนจบเลย แต่มันก็อีกหลายปีนะคะ ถ้ามีเวลาพี่น่าจะกลับเมืองไทยบ้าง ตอนนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากเลยค่ะ ถ้าพี่กลับมาต้องแปลกใจแน่ ๆ เลยค่ะ
ช่วงปิดเทอมนี้ น้องนายไปเที่ยวทะเลกับพี่ ๆ แล้วก็เพื่อนสนิทของน้องนายสามคนที่เคยเล่าให้ฟังไงคะ ก็มี ข้าว กิ๊บเก๋ แล้วเจ้าเบบี๋ คุณแม่กะคุณลุงไม่ได้ไป บอกว่ามีธุระ แต่น้องนายว่า ท่านอยากจะอยู่กุ๊กกิ๊กกันตามลำพังมากกว่า เพราะช่วงหลังมานี่ คุณลุงไม่ค่อยอยู่บ้าน ต้องเดินทางบ่อย ๆ แต่ดีที่พวกน้องนายปิดเทอม คุณแม่เลยไม่เหงา แต่จริง ๆ น่าจะรำคาญมากกว่า อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ พี่สองคนนั่นปะทะกันประจำ แต่ก็สร้างสีสันดีค่ะ น้องนายคงชินแล้วมั้ง ถ้าไม่ได้ยินเสียงสองคนนี่ บ้านคงไม่ใช่บ้านเป็นแน่ค่ะ ส่วนคุณลุงตฤณก็ไม่ว่างค่ะ เลยมีแต่เด็ก ๆ ที่ไปกัน
เราไปค้างกันสองคืนค่ะ สนุกกันมากเลย น้องนายเล่นน้ำซะจนตัวดำไปเลยต้องคอยทาครีมกันแดดตลอดเวลา ไม่งั้นคงลอกคราบไปแล้ว แต่มีเรื่องน่าแปลกค่ะ กิ๊บเก๋ ที่ถึงจะปากร้ายแต่ก็เข้าได้กับทุกคน แต่พอมาเจอพี่ภูมิกลับทะเลาะกันเป็นประจำเลยค่ะ ส่วนเบบี๋ ขานั้นตามพี่แทนแจเลย ก็ได้ข้าว เพื่อนของน้องนายอีกคนคอยตามไปห้ามทัพคู่กัดกับเป็นกันชนให้พี่แทนน่ะค่ะ น้องนายเลยได้โอกาสมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
น้องนายส่งรูปที่ไปเที่ยวกันมาให้ด้วยนะคะ คงจะเห็นว่า ทุกคนตัวดำขึ้นจริง ๆ แต่น้องนายก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ...แล้วพี่ภพ...’
สาวน้อยหยุดมือค้างไว้แล้วนิ่งคิด
...เอ จะถามดีมั้ยนะ...
...อยากรู้จังว่า เขามี ‘ใคร’ บ้าง ทางโน้น...
‘ แล้วพี่ภพเล่ามาบ้างสิคะ ได้ไปเที่ยวที่ไหน..อึม..กับเพื่อน ๆ บ้างรึเปล่าคะ น้องนายจะรอจดหมายนะคะ อีกไม่ถึงสัปดาห์ น้องนายก็จะเปิดเทอมแล้ว ไว้จะเขียนไปเล่าให้ฟังอีกนะคะ
...รักและคิดถึงพี่ชายคนนี้เสมอค่ะ...น้องนาย ’
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ อ้าว ! ตาภูมิมาแต่เช้าเชียวนะจ๊ะ ” เนตรนภาร้องทักเมื่อเห็นไตรภูมิเดินเข้ามาภายในบ้าน
“ ครับ ก็วันนี้วันเปิดเทอมนี่ครับ ต้องมารับนักศึกษาใหม่ไปเรียนน่ะครับ ” ไตรภูมิตอบกลับเสียงสดใส หน้าตายิ้มแย้มผิดมนุษย์มนา เอ้ย ! ผิดยามปกติที่จะดูเคร่งขรึมยิ้มยากอยู่เสมอ
“ สองคนนั้นก็เสร็จแล้วมั้ง เมื่อกี้อาเห็นคุยกันอยู่ที่หน้าห้องนอนน่ะ ”
“ แล้วทำไมยังไม่ลงกันมาละครับ ” ชายหนุ่มถามหาเมื่อไม่เห็นสองหนุ่มสาว
“ เอ ! ไม่รู้สิ...ลองขึ้นไปตามสิจ๊ะ ก็เห็นแต่งตัวเสร็จกันแล้วนี่ ” มารดาของนายาวีเอ่ยปาก
“ งั้นผมขึ้นไปเลยนะครับ ” ชายหนุ่มบอกเสียงร่าเริงแล้วก้าวยาว ๆ เดินตรงไปขึ้นบันได
พอถึงชั้นสอง ชายหนุ่มไม่เห็นบุคคลที่มองหาก็เดินตรงไปยังห้องนอนของเธอ กำลังจะเคาะประตูห้องแต่เสียงภายในห้องกลับดังแว่วออกมาก่อน มือที่ยกไว้ ชะงักค้างทันที
“ น้องนายอยู่นิ่ง ๆ สิครับ  พี่ทำไม่ถนัด ” เสียงนี้ไม่ใช่ใครอื่นแน่...ไอ้แทนไท คู่แข่งคนสำคัญ...
“ โอ้ย ! พี่แทน เบา ๆ สิ  กดลงมาได้  น้องนายเจ็บนะ ! ” เสียงสาวน้อยที่ลอดผ่านมาไม่เบานัก
“ ขอโทษครับ เดี๋ยวพี่จะพยายามทำเบา ๆ ละกัน ” เสียงห้าวดังแว่วออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันแทบจะไม่ได้เข้าหูของคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูเลย ด้วยหูทั้งสองข้างขณะนี้อื้ออึงไปหมดแล้วด้วยสองประโยคแรกที่ผ่านโสตประสาทเข้ามา
ความรู้สึกของไตรภูมิเหมือนหล่นวูบจากที่สูงระดับตึกระฟ้า (แบบไม่มีร่มชูชีพหรืออุปกรณ์ช่วย) ได้ในฉับพลัน!!! หน้าเข้มเปลี่ยนสีเป็นซีดสนิททันที
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น