ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แผนรัก ดักพี่ชายกำมะลอ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 : เลี้ยงสยอง...ของใคร?

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 48


    “ ร้านนี้บรรยากาศดีจังค่ะ คุณลุง ” นายาวีเอ่ยปากชมพร้อมทั้งมองไปรอบ ๆ อย่างพึงพอใจ



    ส่วนที่ครอบครัวเธอนั่งเป็นศาลาไทยริมน้ำเชื่อมด้วยทางเดินไม้ต่อจากชานรอบนอกของเรือนไทยชั้นเดียวขนาดใหญ่  เป็นหนึ่งในอีกสิบกว่าศาลาที่ต่อแยกออกมาเป็นส่วนสั-ดจากตัวเรือนใหญ่ แต่ละศาลามีโต๊ะอาหารทำด้วยไม้สักขนาดนั่งได้ 6-10 คนตั้งกลาง  รอบศาลาและตามทางเดินประดับประดาไปด้วยดอกไม้หอมของไทยนานาชนิด  ส่งผลทั้งกลิ่นและยลได้ทั้งตา เพิ่มเสน่ห์ให้กับร้านอาหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งเสียงดนตรีไทยที่บรรเลงเพลงแว่วหวานมาได้อย่างเข้าบรรยากาศ  ทำให้ผู้มาใช้บริการสวนอาหารแห่งนี้ได้รับสุนทรียภาพทั้ง ‘รูป รส กลิ่น เสียง’ อย่างครบครัน



    “ เพื่อนของลุงแนะนำมาน่ะ เคยพาลุงมาหนหนึ่ง แล้วลุงติดใจทั้งอาหารแล้วก็สถานที่ ” เทพไทเอ่ยอย่างอารมณ์ดี



    “ เอ...เพื่อนที่ว่า ผู้หญิงใช่มั้ยเอ่ย ถึงได้ติดใจขนาดนี้คะ รึจะเป็นที่ ติดอกติดใจคนพามาต่างหาก ”



    ตัวแสบยกนิ้วชี้ขี้นแตะริมฝีปากก่อนจะแย้บเข้าให้ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ส่งผลให้หญิงอีกหนึ่งในที่นี้ หลี่ตามองเทพไทเพื่อรอคำตอบ ส่วนอีกสองหนุ่มอมยิ้มกับคำถามของน้องสาวที่เน้นหนักเหลือเกินกับคำ  ผู้หญิง  และ  ติดอกติดใจ



    “ ถ้ามากับสาว ๆ มันต้องแบบมิดชิดแสงสลัว ๆ อย่างนี้ไม่เวิร์คหรอก ” บิดาเลี้ยงยิ้มแย้มรับลูกเล่นของเจ้าตัวแสบโดยไม่รู้ว่า กำลังก่อพายุตัวใหม่ข้าง ๆ กายที่ชื่อ เนตรนภา ขึ้นมา



    แทนไทที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นท่าไม่ดี พยายามส่งซิกให้บิดา แต่ดูเหมือนว่า อีกฝ่ายกำลังจะดวงตกหรือไม่ก็ถูกเมฆดำที่ตั้งเค้าข้าง ๆ บังตา จึงจูนคลื่นสัญญาณไม่ตรงกันซักที



    “ เป็นอะไรไป ไอ้ลูกชาย...ทำปากเบี้ยวตาเข ยังกับชายน้อย ” คนดวงตกยังคงมีโอกาสเฮือกสุดท้ายก่อนจะถูกพายุโจมตี ส่งเสียงแซวลูกชายที่ทำท่าทางประหลาดส่งมาให้



    “ ปะ...เปล่าครับ ป๋า แค่กินน้ำแข็งมาก แล้วเมื่อยปากขึ้นมากะทันหัน ”  ^ ^;;



    ...ช่วยตัวเองละกัน ป๊ะป๋า...  แทนไทปลงตกที่บิดาไม่รับมุขเตือนภัยของเขาสักที ...ทีตอนเมื่อกี้ล่ะ รับลูกของสาวน้อยได้ทันควัน... อย่างว่า คนมันจะดวงตก ต่อให้ ยักษ์มายก ก็คงไม่ขึ้น



    “ ลูกชายคุณน่ะ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่คุณน่ะสิที่กำลังจะเป็น ” เสียงเขียวดังมาจากข้าง ๆ  



    พอเทพไทหันไปก็เจอกับตาคู่ที่เขียวยิ่งกว่าส่งแสงวิบวับมาให้ จนคนมองหน้าซีด คิดไม่ตกว่า ตัวเองทำอะไรผิดใจแม่คุณทูนหัวกันแน่



    นายาวีส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ มา ส่วนสองหนุ่มที่เหลือปิดปากเงียบ...ไม่หาเรื่องเข้าตัวเองเป็นดีที่สุด...คงได้เห็นแล้วว่า น้องนายได้เชื้อโหดมาจากคนไม่ใกล้ไม่ไกล...



    “ ที่พูดน่ะ จากประสบการณ์ตรงรึเปล่าคะ ” เนตรนภาคาดคั้น น้ำเสียงขุ่นเคือง



    “ เอ่อ...ประสบการณ์อะไรจ๊ะ ” จำเลยยังคิดตามไม่ทัน แต่เหงื่อตกทันควันทันใด



    ...เอาเข้าไป ป๊ะป๋าของเรา ตอบไม่โดนใจคนถามเล้ย ถ้าเล่นเกมส์ ตกรอบแรกไปแล้ว...  แทนไทปลงรอบสอง แต่ยังไม่ส่งตัวช่วยออกไป ...รอดูก่อนละกัน เผื่อพลิกโผ...



    “ ก็ที่ว่า แสงสลัว ๆ อะไรนั่นน่ะ ” คราวนี้คุณนายกล่าวเสียงเรียบ แต่สายตาไม่ได้เรียบไปด้วยเลย



    “ เอ่ออออ... ” ...ลากเสียงยาวเชียวนะ ตอบให้ดี ๆ ล่ะ...



    “ จากประสบการณ์ตรง...เอ่อ...ของเราสองคนไงจ๊ะ ” คนฟังตวัดสายตาค้อนก่อนที่คนพูดรีบจะพูดต่อ



    “ ก็ที่ผมขอคุณแต่งงานที่ร้านอาหารไง บรรยากาศสลัว ๆ เป็นส่วนตัว  แล้วก็แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ไม่มีครั้งไหน ๆ อีกเลยจ้ะ   คุณก็รู้ว่า ผมรักคุณคนเดียว ” คนพูดร่ายยาวพยายามปิดประเด็นแถมออดอ้อนคำหวานทิ้งท้าย  



    คนฟังทำหน้าขวยเขิน ตีแขนคนพูดแรง ๆ แก้เขินหนึ่งที เทพไทสะดุ้งด้วยความเจ็บ แขนแดงขึ้นมาทันตาเห็น แต่ยังเก็บปากเก็บเสียง ไม่บ่นอะไรให้เป็นเรื่องขึ้นมาอีก ส่วนหนุ่มสาวทั้งสามหัวเราะชอบใจกับอาการของพวกผู้ใหญ่



    ...เฮ้อ ! รอดตัวไปนะ ป๋าเรา...



    บริกรยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟเหมือนรู้จังหวะ



    “ อาหารอร่อยสมกับที่คุณลุงบอกเลยค่ะ ” นายาวีเอ่ยชมหลังจากตักยำถั่วพู อาหารโปรดเข้าปากเป็นคำแรก ด้วยสีหน้ามีความสุขกับอาหารที่รสชาติถูกปาก



    “ จริงด้วยจ้ะ อย่างนี้ต้องมาบ่อย ๆ ดีมั้ยจ๊ะ เด็ก ๆ ” เนตรนภาสนับสนุน ส่วนเด็ก ๆ ก็พยักหน้า รับคำเห็นด้วยกันอย่างเต็มที่



    สาวน้อยหันกลับมาสนใจจานข้าวของตัวเอง ซึ่งเริ่มเต็มไปด้วยกับข้าวหลากหลายที่สองหนุ่มที่นั่งขนาบข้าง ต่างทยอยตักให้ไม่หยุด พอคนหนึ่งตักอย่าง อีกคนก็ตักบ้าง ไม่มีใครยอมใคร จนคนที่ไม่ต้องตักอะไรเลยต้องประท้วง



    “ นี่ น้องนายไม่ใช่ \'พระ\' นะ จะได้ต้อง \'ประเคน\' ให้ครบทุกอย่างก่อนกินน่ะ ” สาวน้อยเริ่มหน้างอ



    “ ดูสิคะ พูนจานจนมองจะไม่เห็นข้าวอยู่แล้ว ของตัวเองมีก็กินกันสิคะ ถ้าอยากให้ช่วยจะบอกเอง ”



    “ อยากได้อะไรบอกพี่เลยนะครับ ” ไตรภูมิชิงพูดก่อน แทนไทขยับปากจะพูดบ้าง แต่ชะงักด้วยมือของสาวน้อยที่ยกขึ้นมาเป็นเชิงห้าม จึงจำต้องหันไปจัดการกับอาหารตรงหน้าแทน





    ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารพร้อมทั้งพูดคุยกันอย่างออกรส เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ส่งผลให้ทั้งหมดหันไปมอง



    “ แทนคะ ” คนเรียกเดินแกมวิ่งเข้ามาหาเจ้าของชื่อ พอถึงตัวก็คว้าหมับแขนข้างหนึ่งไว้ไม่ยอมปล่อย  แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวชายหนุ่ม ส่วนคนที่อยู่ดี ๆ ก็มีเจ้าของขึ้นมา เริ่มมีสีหน้าไม่ดีเพราะไม่นึกว่าจะเจอโจทก์เก่าที่ยังสลัดไม่หลุด



    “ เอ่อ...มิลค์ ” แทนไทเอ่ยชื่อเล่นของหญิงสาวที่มาใหม่ ยังพูดอะไรไม่ออก ขยับตัวอย่างอึดอัด พลางเหลือบสายตามองมายังสาวน้อยที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง ฝ่ายหลังทำเพียงมองมานิ่ง ๆ ด้วยสายตาที่มองไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหวิวความรู้สึกจนเหมือนขนแขนจะแสตนอัพกันขึ้นมา



    “ ทำไมหายไปเลยคะ ไม่เห็นโทรหามิลค์เลยตั้งหลายอาทิตย์แล้ว โทรไปก็ไม่รับ ” เสียงหวานกระเง้ากระงอดที่คงน่าเอ็นดูถ้าเป็นเวลาอื่น แต่สำหรับชายหนุ่มแล้ว ตอนนี้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างไรพิกล...ขนาดน้ำลายยังติดคอเลย



    นายาวีพิจารณาหญิงสาวที่ฉอเลาะพี่ชายนอกสายเลือด...อืม พันธุ์นม สมชื่อจริง ๆ ว่ามาจากฟาร์มโค...ด้วยรูปร่างที่อวบอิ่ม อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกผายกลมกลึง ขาเรียวสวยโผล่พ้นมินิสเกิร์ตเอวต่ำยาวแค่คืบ เสื้อยืดรัดรูปตัวสั้นคอกว้างที่เปิดเผยซะเหลือเกินโดยเฉพาะตอนที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่อย่างนี้ ดวงหน้าเรียวสวยหวานตกแต่งอย่างประณีต ผมยาวดำ ตาค่อนข้างโตสีดำขลับ หน้าตาจิ้มลิ้ม จมูกนิด ปากหน่อย และแน่นอนที่สุด...แพ็คเกตขาวจั๊วะดั่งน้ำนม สมเป็นสเป็คของแทนไท...



    “ เอ่อ...มิลค์มาได้ยังไงครับ ” แทนไทเลี่ยงคัมภีร์ ไม่ตอบคำถามของหญิงสาว แต่ทำทีถามกลับด้วยคำถามที่คิดได้ในขณะนั้น



    “ แหม ร้านนี้เป็นของคุณแม่มิลค์ไง เคยบอกแล้ว จำไม่ได้เหรอคะ แทน ” มิ่งกมลเตือนความจำชายหนุ่มที่เจ้าหล่อนหมายปองไว้ที่ทั้งหล่อทั้งรวย ถึงแม้จะได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของเขามามากแต่เธอก็มั่นใจในเสน่ห์ของตนเองว่ามีดีพอที่จะพิชิตใจเขาได้ ก็เธอน่ะ ทั้งขาว สวย รวย อึ๋ม ขนาดนี้ หนุ่ม ๆ สติดีที่ไหนเห็นเป็นต้องรีบวิ่งมาซบอก(อวบ)นี้อยู่แล้ว



    ...ต่อไป คงลืมไม่ลงเลย คราวหน้าต้องจดข้อมูลสาว ๆ ซะแล้ว จะได้ไม่พลาดอย่างนี้...ชายหนุ่ม (ที่คงสติไม่ดีในความคิดมิ่งกมล) เตือนตัวเอง หากปากกลับกล่าวแก้



    “ จำได้สิครับ ยังมองหามิลค์อยู่เลย ” พูดพลาง เหลือบมองน้องสาวพลาง ดูลู่ทางลมไว้เป็นดี



    เสียงกระแอมดังมาเหมือนเป็นการเตือนจากเทพไท ชายหนุ่มจึงนึกได้ว่า ตนยังไม่ได้แนะนำหญิงสาวผู้มาใหม่แก่ครอบครัว จึงทำการแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักและพูดคุยทักทายกัน



    “ มิลค์น่ะ สนิ๊ดสนิทกับแทนค่ะ แทนไปหาที่คณะบ๊อยบ่อย ” สาวบัญชีพูดเจื้อยแจ้วเสียงอ่อนเสียงหวาน แต่ตากลับมองตรงมายังอีกหนึ่งสาวน้อยในที่นั้น นายาวีก็มองตอบไม่หลบสายตาเหมือนกัน ส่วนคนอื่น ๆ ได้แต่ทำตาปริบ ๆ ฟังเธอคุย



    ...หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย ไหนแนะนำว่า เป็นน้องสาว  เอ รึว่า จะเป็นลูกติดนะ...มิ่งกมลนึกสงสัยแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงเรียกของเพื่อน ๆ ที่ยืนรออยู่ตรงทางเดินก็ดังเตือนมา



    “ มิลค์คงต้องไปแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ที่คราวนี้ไม่มีโอกาสมาบริการ คราวหน้าอย่าลืมบอกล่วงหน้านะคะ มิลค์จะได้จัดการให้ เอาให้ประทับใจไปเลยค่ะ ”  ตอนท้ายหันมาส่งสายตาและยิ้มหวานให้แทนไทแบบให้ ‘ประทับใจ’ จริง ๆ  หญิงสาวไม่ลืมไหว้ลาบิดามารดาเลี้ยงของชายหนุ่ม ก่อนที่จะผละจากไปยังกำชับอีกครั้งให้แทนไทโทรหาด้วย



    หนุ่มตี๋ลอบถอนหายใจ ก่อนจะหันไปยิ้มเอาใจคนข้างตัว แต่อีกฝ่ายกลับหันไปสนทนากับไตรภูมิโดยไม่สนใจรอยยิ้มนั้น ทำให้รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้า ปรากฏรอยสลดขึ้นมาแทน



    ...วันนี้ มันวันอะไร หลุดจากป๊ะป๋า ไหงมาซวยที่ลูกไปได้ ...เงยมองฟ้าก็ไม่เห็นราหูนี่ พระจันทร์ออกสว่างสวยงาม





    “ เสียดายนะคะ ที่คุณลุงตฤณมาด้วยไม่ได้ คุณลุงบอกรึเปล่าคะว่า ทำไม ” สาวน้อยพูดถึงสามีเก่าของมารดา



    “ จริงด้วยสิ มันไปไหนของมัน ” เทพไทถามหาเพื่อนสนิทขึ้นมาอีกคน



    “ เห็นบอกติดธุระกับเพื่อน นัดสำคัญครับ ให้บอกน้องนายด้วยว่า เดี๋ยวจะหาของชดเชยให้ ” ไตรภูมิ ผู้เป็นลูกชายบอกกล่าว



    เนตรนภาทำหน้าอย่างหนึ่งขึ้นมา แต่ไม่ได้พูดอะไร ถึงแม้จะหย่าขาดจากกันแล้ว เธอก็ยังมีอคติกับตฤณ ค่าที่เคยทำให้เธอเจ็บใจและผิดหวัง...นัดสำคัญกับสาวอีกละสิ...เธอคิดในใจ



    “ น้องนายแค่อยากให้ท่านมาร่วมฉลองด้วย ไม่ได้อยากได้อะไรนะคะ...เนี่ย พี่ภพก็อีกคน หายไปเลย ไม่รู้จะเรียนไปถึงไหน ”



    ตอนท้าย นายาวีเอ่ยถึง ‘ตรีภพ’ พี่ชายคนเดียวของไตรภูมิที่กำลังเรียนปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์อยู่ที่สหรัฐอเมริกาหลังจากจบทั้งปริญญาตรีและโทที่โน่น



    “ อีกสามสี่ปีก็คงจะจบ คงไล่ ๆ กับน้องนายละมัง ” ไตรภูมิคาดคะเน



    “ หวังว่า จะกลับมาก่อนน้องนายรับปริญญานะ  ติดใจอะไรนักหนากับที่นั่นก็ไม่รู้ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องมาเลย คงลืมน้อง ๆ ทางนี้ไปแล้ว ” สาวน้อยเอ่ยอย่างน้อยใจ นัยน์ตาคู่สวยฉายแววหม่น จนคนมองใจหาย ต้องรีบพูด



    “ ไม่มีทางหรอกครับ ครั้งก่อนที่โทรคุยกัน ก็ยังถามถึงน้องนายอยู่เลย พี่ภพคิดถึงน้องนายเสมอนะ ” น้องชายแก้ต่างแทนพี่ชาย



    “ แต่คงไม่มากพอที่จะโทรหาเอง ” เสียงตัดพ้อยังคงออกมาจากปากหยักย้อยน้อย ๆ นั้น ฟังดูแล้วน่าสงสารนักในสายตาของสองหนุ่ม



    “ พี่ภพยุ่งมากช่วงนี้ คงไม่ค่อยมีเวลา ” ไตรภูมิพยายามยกเหตุผลเท่าที่หาได้มา...ไม่อยากเห็นหน้าเศร้า ๆ แบบนี้ของน้องสาวเลย เธอเหมาะกับความสดใสร่าเริงมากกว่า ถึงแม้ความร่าเริงนั้นบางทีก็เกิดจากการได้แกล้งพวกพี่ชาย แต่เขาก็ยินดีเสมอ เพียงเพื่อที่จะเห็นแค่รอยยิ้มของเธอ



    ผู้ใหญ่ทั้งสองได้แต่นั่งมองหนุ่มสาวทั้งสาม ไม่ออกความเห็นอะไร แต่ใบหน้าแสดงความเข้าใจและเห็นใจ



    “ งั้นโทรไปตอนนี้เลยดีมั้ยครับ ” แทนไทพูดขึ้นบ้าง รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หลังจากโดนสาวน้อยทำท่าไม่สนใจ พอได้โอกาสก็ต้องหาทางลบล้างความผิดพลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น...ต้องรีบทำคะแนน ปล่อยให้เจ้าภูมิ มันตีตื้นขึ้นมามากแล้ว...เจ้าตัวยังมีความมั่นใจคิดเข้าข้างตัวเองว่า ตนยังเหนือกว่าคู่แข่งอยู่ ถึงแม้จะโดนตัดคะแนนไปบ้างแล้วก็เถอะ



    “ ไม่ต้องหรอกค่ะ ถ้าพี่ภพอยากคุยกับน้องนาย ก็ให้เขาโทรมาเอง น้องนายไม่อยากคุยกับคนที่เขาไม่อยากคุยด้วย ” สาวน้อยปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ปลายเสียงยังมีแววงอนเล็กน้อย



    “ ไม่เอาแล้ว พูดถึงคนที่เขาไม่คิดถึงเราทำไม เรามาสั่งของหวานกันดีกว่าค่ะ สมน้ำหน้า คนอยู่ไกล ไม่มีโอกาสได้กินขนมไทยอร่อย ๆ แบบเรา ” นายาวียังไม่วายประชด ‘คนที่ไม่อยากพูดถึง’ ทิ้งท้าย



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    “ เอายังงั้นเลยเหรอวะ ” ไตรภูมิถามกลับเบา ๆ แต่หน้าตาตกใจต่างจากระดับเสียงมาก เมื่อแทนไทยึดตัวไว้พูดคุยกระซิบกระซาบด้วย ก่อนจะเดินเข้าบ้าน หลังจากกลับมาจากร้านอาหาร



    “ หรือแกจะไม่ทำ โอกาสมาแล้วนา ” อีกฝ่ายกระซิบตอบอย่างชักชวน



    “ แล้วจะรอดหรือวะ ” สำเนียงถามคล้ายยังไม่แน่ใจในอนาคต



    “ ตอบมาคำเดียว ทำ หรือ ไม่...ถ้าไม่ ข้าทำคนเดียว ”  เสียงกระซิบคาดคั้น



    “ ทำว่ะ ” เสียงตอบหนักแน่นแต่เบาดังมาจากหนุ่มหน้าเข้ม...เรื่องอะไรล่ะ ก็อย่างที่มันบอก โอกาสมาถึงแล้ว...เขาไม่โง่ซะหน่อย แต่ฉลาดรึเปล่า คงต้องรอดู





    สองหนุ่มหล่อตี๋และหล่อเข้มเข้ามาทันเห็น เนตรนภาและเทพไท บอกกล่าวราตรีสวัสดิ์ลูกสาวที่ห้องรับแขก ไตรภูมิจึงถือโอกาสลาทั้งสองเหมือนกัน ก่อนที่ท่านทั้งสองจะเดินขึ้นบันไดไป



    ทั้งคู่เดินมาหยุดขนาบข้างนายาวี แทนไทเหลือบตามองสบตาไตรภูมิข้ามหัวคนตัวเล็ก ก่อนที่จะก้มลงพูดกับสาวน้อย



    “ น้องนายครับ พวกพี่... ” เว้นจังหวะนิดหนึ่ง นายาวีเงยหน้าขึ้นมองคนพูด



    “ ยินดีด้วยนะครับ ” ทั้งสองหนุ่มพูดขึ้นพร้อม ๆ กัน



    แล้วก็ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับน้องสาวตัวน้อย



    ...ทั้งคู่ก้มลง ‘หอมแก้ม’ คนละข้างของสาวน้อยพร้อม ๆ กัน !!!...



    คนโดนขโมยหอมแก้มซึ่ง ๆ หน้า ชะงักค้างทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เพียงทำตาโตเบิกกว้าง อ้าปากค้าง พูดไม่ออก... O.O



    ...เปิดโอกาสให้ ‘สองหนุ่มหล่อจอมโจร’ หลบหนีไปได้โดยง่าย   คนหนึ่งรีบวิ่งกระโจนขึ้นห้องนอนของตนเอง   ส่วนอีกหนึ่งวิ่งจู๊ดไปหน้าบ้าน ขับรถปร๋อกลับบ้านของตัวเองไปทันทีด้วยความรู้สึกที่คงไม่ต่างกันนัก...อิ่มเอม สมหวัง หัวใจพองโตด้วยสีชมพู (แถมด้วยความระทึกใจกับผลของการกระทำ ในวันรุ่งขึ้น) คงนอนหลับฝ้นหวานกันละ คืนนี้



    ทิ้งให้นายาวีค้างท่านั้นเป็นครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะกระพริบตาปริบ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×