ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 : ลงทัณฑ์...บัญชา
เสียงรถแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน สักครู่ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าและคำกล่าวทักที่ดังมาก่อนจะเห็นตัวเจ้าของเสียง 
“ คุณแม่ขา น้องนายกลับมาแล้วค่ะ ”
เนตรนภาละมือจากการปักแจกันดอกไม้ที่เธอกำลังนั่งทำ เงยหน้าขึ้นยิ้มรับลูกสาวที่ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ครอบครัวเธอใช้เป็นที่พักผ่อนประจำวัน ผนังห้องเป็นสีเหลืองอ่อนเข้ากับผ้าม่านสีไข่ไก่ลวดลายดอกทานตะวันช่วยให้ห้องดูสดใสสว่างตา ภายในห้องประกอบไปด้วย โซฟาสีเขียวมะกอกตัวยาวแบบปรับนอนได้เข้าชุดกับตัวเดี่ยวอีกสองตัวที่ตั้งหันหน้าเข้าหากัน ตรงกลางของชุดโซฟามีโต๊ะไม้สีอ่อนตัวเตี้ยด้านบนแกะสลักเป็นรูปทุ่งทานตะวันปิดทับด้วยกระจกใส  ชุดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ชุดใหญ่วางไว้ชิดผนังห้องอีกด้านหนึ่ง ส่วนอีกมุมหนึ่งจัดวางโต๊ะทำงานพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ
สาวน้อยทำความเคารพผู้ให้กำเนิด ก่อนจะนั่งลงบนโซฟายาวตัวเดียวกันแล้วสวมกอดอีกฝ่าย ใบหน้าระบายไปด้วยยิ้มละไมและอิ่มเอมใจ
“ ไงล่ะเรา ดีใจมากมั้ยจ้ะ นักศึกษาใหม่ ” ผู้เป็นแม่กล่าวอย่างเอ็นดูแกมยินดี แถมบีบจมูกของลูกสาวที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอว โยกไปมาเบา ๆ
“ มากที่สุดเลยค่ะ เหนื่อยยากมาแทบตาย เสร็จสิ้นกันซะที ชีวิตนักเรียน ต่อไปนี้ น้องนายก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ”
นายาวีพูดอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะปล่อยมือจากมารดาเมื่อเห็นสาวใช้เดินเข้ามา หันมารับน้ำจากสาวใช้ ไปดื่มอย่างกระหาย
“ จ้ะ คุณแม่จะคอยดูว่า คนเป็นผู้ใหญ่ จะยังขี้งอน เอาแต่ใจอีกรึเปล่า ” เนตรนภาเย้าด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
สาวน้อยย่นจมูกเล็กน่ารักให้กับมารดา แล้วกล่าวด้วยเสียงกระเง้ากระงอดว่า
“ แหม คุณแม่ก็ น้องนายเปล่าเป็นอย่างนั้นซะหน่อย ออกจะน่ารักน่าทนุถนอมขนาดนี้ ”
“ จ้า แม่คนน่ารัก ” พออีกฝ่ายได้ยินคำชมแกมประชดนั้น ก็ยิ้มออกทันที
“ คุณลุงไม่อยู่รึคะ น้องนายยังไม่ได้บอกข่าวดีคุณลุงเลย ” นายาวีถามหา คุณเทพไท บิดาเลี้ยง พ่อของแทนไท เมื่อไม่เห็นท่าน
“ เดี๋ยวกลับจ้ะ เห็นว่า จะออกไปคุยธุระกับลูกค้า ให้บอกลูกด้วยว่า จะพาออกไปเลี้ยงฉลองเย็นนี้ ”
“ คุณแม่ระวังเถอะค่ะ ออกไปพบลูกค้าบ่อย ๆ แบบนี้ อาจจะเป็นสาวคราวลูก ไม่ใช่ลูกค้าจริง ก็ได้ ” ลูกสาวแหย่มารดาน้ำเสียงไม่จริงจัง เพราะรู้อยู่แล้วว่าพ่อเลี้ยงของตนเป็นบุคคลเช่นไร
คุณแม่ตีแปะเข้าที่ต้นขาลูกสาว “ ดูพูดเข้า คุณลุงไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอกจ้ะ คุณลุงน่ะ ของตายสำหรับแม่จ้ะ ”
“ ใช่สิคะ จะตายจริงถ้าทำ ถึงไม่กล้าทำอยู่ทุกวันนี้ยังไงล่ะคะ ” สาวน้อยยังแหย่ไม่เลิก
“ ไม่เอาแล้ว ลูกคนนี้ ยุให้ผู้ใหญ่เค้าระแวงกัน ”  เนตรนภาส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วทำท่านึกได้  “ แม่ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้นี้ว่า พี่ชายเราสองคนอยู่ที่ไหนกันน่ะ หายเงียบไปเลยตั้งแต่กลับมา ”
ฝ่ายผู้ถูกถามไม่ตอบ กลับทำหน้าอมยิ้มน่ารักที่ดูเจ้าเล่ห์นักในสายตามารดา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ๆ T_T...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ๆ T_T...”  เสียงห้าวสองเสียงดังประสานกันมาไม่ขาดระยะจากสนามหญ้าหน้าบ้าน
เนตรนภาเดินตามบุตรสาวมาหยุดยืนดูที่หน้าต่างห้องรับแขก ก่อนจะอุทานด้วยความประหลาดใจแกมขำ เสียงเจือหัวเราะว่า
“ อ้าว ! เสียงสองหนุ่มนั่นหรอกเหรอ...คุณแม่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาตั้งนาน นึกว่า  แขกเดินขายโรตี  ยังว่า ทำไมไม่เดินไปขายที่อื่นเสียที ”
ผู้เป็นลูกหัวเราะน้อย ๆ เผยให้เห็นดวงหน้ากระจ่างใสน่าดู ดวงตาคู่งามสีสวยเป็นประกายระยับด้วยความพึงพอใจ สายตามองตรงไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่ยังคงจับคู่ร้องตะโกน วิ่งไปสลับกระโดดตบมือไปรอบสนามหญ้า 
หางตาสาวน้อยเหลือบไปเห็น นายพงษ์ คนสวนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างสนาม ทำหน้าคล้ายขบขัน แต่ไม่กล้าหัวเราะออกมา ไม่มีท่าทางประหลาดใจกับการกระทำของสองหนุ่ม คงเพราะเคยเห็นเหตุการณ์คล้าย ๆ นี่บ่อย ๆ
พออีกฝ่ายหันมาสบตา นายาวีก็ยักคิ้วแผลบให้ เขายิ้มแหย ๆ เหมือนคนถูกจับผิด แล้วหลบตาทำท่าทางวุ่นวายกับงานที่ทำอยู่
“ แล้วนี่ พี่เค้านึกคึกอะไรขึ้นมา อยู่ดี ๆ ถึงฝึกอย่างกับทหารเกณฑ์แบบนี้ ”  เนตรนภาหันมาถามลูกสาว
“ นิดหน่อยค่ะ ” เสียงตอบกลับ ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่ม แต่มีร่องรอยน่าสงสัยในน้ำเสียงนั้น
“ ฝีมือเราล่ะสิ คราวนี้อะไรอีกล่ะ ” ผู้เป็นมารดาถาม เพราะรู้ถึงนิสัยของลูกสาวและสองหนุ่มนั่นดี...พอกันทั้งสองฝ่าย อีกคนชอบแกล้ง อีกฝ่ายก็ตามใจตะพืดตะพือ ยอมเขาตลอด...
“ แหม คุณแม่ เห็นน้องนายเป็นคนยังไง พี่แทนกับพี่ภูมิอาจจะอยากออกกำลังกายยามเย็นก็ได้ ”
...ก็อย่างที่กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะจ้ะ แม่ครูฝึกตัวดี...เนตรนภานึกในใจ
“ แต่คงไม่อุตริคิดท่าทางประหลาด ๆ นั่นเองหรอก จริงมั้ยจ้ะ ” 
สาวน้อยส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่พูดอะไร คงยังถือคติ ‘สงบสยบเคลื่อนไหว’ 
...เรื่องอะไร จะยอมรับง่าย ๆ หุหุ...  ‘ตัวดี’ ยิ้มกริ่มไม่เลิก  ~__~  ...จริง ๆ แล้ว ทำแล้วควรต้องรับ แต่ถ้าความผิดร้ายแรงนัก ไม่รับละดี เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ..ความรับผิดชอบเป็นสิ่งดี  ซื่อสัตย์เถอะค่ะ...แต่กรณีนี้น้องนายแค่รอดูทีท่าก่อนนา...
“ นั่นก็โตจนจะเรียนจบอยู่แล้ว ยังยอมให้น้องแกล้งได้แกล้งเอา ” เนตรนภารู้ว่า ลูกสาวตนคงไม่มีทางปริปากอะไรที่จะเข้าตัวเอง จึงหันไปบ่นอีกฝ่ายที่โดนกระทำแทน
“ แหม คุณแม่ขา จะบ่นให้ได้อะไรคะ คนทำไม่เห็นบ่นอะไรเลย เห็นวิ่งกันออกร่าเริงขนาดนั้น ” รีบออกตัวเอาไว้ก่อน
...นั่นนะรึ ร่าเริง มองยังไงก็ไม่เป็นหน้าตามีความสุขไปได้...
“ ลองได้บ่นสิ เราคงงอนเค้าไม่เลิก คราวที่แล้วนายแทนทำอะไรขัดใจเราไม่รู้ กว่าจะยอมพูดกับเค้าก็เป็นเดือน แทนหงอยเป็นไก่ป่วยไปเลยช่วงนั้น คุณแม่ยังไม่รู้เลยว่า น้องนายหายโกรธเค้าได้เพราะอะไร ”
...ก็ชุดสวย ๆ แค่ไม่กี่ชุด กับ ‘สัญญาทาส’ ไงคะ คุณแม่ขา โฮะ โฮะ โฮะ.....นายาวีคิดในใจ แต่ปากกลับบอกว่า
“ น้องนายโตแล้วค่ะ เห็นว่า พี่แทนสำนึกผิดแล้วเลยยกโทษให้ ”
...เห็นทำหน้าซื่อตาใสแบบนี้ จริง ๆ ล่ะ ‘ตัวแสบชั้นครู’ เราดี ๆ นี่เอง เฮ้อ ! ลูกใครนะ ร้ายเหลือเกิน... (ลูกคุณนายละค่า - คนเขียนรีบเตือน กลัวเนตรนภาลืมบท ^.^)
“ งั้นไปบอกพี่ ๆ เค้าให้หยุดได้แล้ว จะได้ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปทานข้าวกัน เดี๋ยวคุณลุงคงกลับมาแล้ว ”
เนตรนภาผละจากไป เมื่ออีกฝ่ายรับคำเบาๆ
...ขออีกสักแป๊บนะคะ คุณแม่ขา ยังไม่หนำใจน้องนายเลย...แทนที่จะทำตามคำมารดา นายาวีกลับนั่งลงตรงชุดรับแขกแล้วหยิบหนังสือนิตยสารมาพลิกอ่านอย่างเพลิดเพลิน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ ดูดีแล้วนะเว้ย ” เสียงพูดกระซิบปนหอบดังมาจากแทนไทซึ่งยืนใช้มือเกาะไหล่ไตรภูมิข้างหนึ่ง ส่วนข้างที่เหลือจับขยับคอเสื้อขึ้นลงเพื่อคลายความร้อน เหงื่อไหลชุ่มหน้าและตามตัวจนเสื้อเปียกไปทั้งตัว
พอจบประโยคถาม เจ้าตัวก็ตะโกน  “ เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ”  อีกครั้ง
“ ชั้นนี้แล้ว ตรวจดีเหมือนตรวจแบบเลย...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ”  ไตรภูมิ ว่าที่วิศวกรหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายกัน สองมือขยับทั้งคอเสื้อและชายเสื้อไปด้วย สภาพไม่ต่างกับอีกฝ่าย  ตอนท้ายตะโกน ประโยคคำขวัญของวัน เพื่อไม่ให้ขาดจังหวะ  อันเดี๋ยวจะเป็นที่ผิดสังเกตของ  ‘ใครบางคน’
“ งั้นก็ดี เหนื่อยฉิบ -ายเลย...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ” แทนไทบ่น หน้าตาแดงไปด้วยแรงที่ออกและอากาศร้อน ๆ
“ ความคิดใครล่ะ สังหรณ์ใจตั้งแต่แกพูดขึ้นมา หางตาดิสโก้ยังกับเข้าเธค...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ” ฝ่ายติดล่างแหอุทธรณ์ ถึงแม้จะดูไม่เหน็ดเหนื่อยเท่าอีกฝ่าย เพราะออกกำลังกายกลางแดดเป็นประจำ แต่ก็สาหัสพอดู
“ ไม่คิดว่า แม่คุณจะโหดแถมหูตาเป็นสัปรดขนาดนี้ ” แทนไท เจ้าพ่อล้านแผน ยังคงคิดว่า แผนการของตัวเองเจ๋งสุดยอดแต่ที่พลาดพลั้งเพราะเป้าหมายฝีมือดีกว่าแค่นิดหน่อย  ไม่เคยโทษแผนการของตัวเองสักนิดเดียว
“ พูดถึงใครอยู่เหรอ ” เสียงใสเสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง จนสองหนุ่มสะดุ้งโหยง เสียวสันหลังวาบไปเลย ก่อนจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้าด้วยท่าทางคล้ายเจอ ‘ยมทูต’ ยังไงยังงั้น
“ ไม่มีอะไรมากจ้า น้องนาย    ‘มด’ มันขนสัปรดกัน แล้วพวกพี่เหยียบมันตาย ยังว่าตัวเอง ทำไมถึง ‘โหด’ ขนาดนี้ ”  แทนไทยังไหลไปได้เรื่อย ๆ ด้วยสำเนียงเสียงหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่สมกับ ‘ความโหด’  ที่เพิ่งเพิ่มให้ตัวเองเลย
“ อึม...เหรอคะ ” นายาวีทำเสียงรับรู้แล้วหยุดนิ่งไปนาน จนคนแก้ตัวและอีกหนึ่งหนุ่มที่อยู่ฝ่ายเดียวกันออกอาการเหงื่อตกมากขึ้น ทั้งที่มีอยู่ก็มากอยู่แล้ว อย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังออกมาได้อีก
“ น่าสงสารเน๊อะ ” เสียงใสกล่าวต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่า สงสารมดหรือสงสารอะไรอื่นกันแน่ แต่ก็ทำให้สองหนุ่มถอนหายใจเฮือกออกมาได้แทบจะพร้อมกัน
“ แล้วหยุดวิ่งทำไมคะ ใครบอกให้หยุด ” เสียงใสราบเรียบ แต่กลับเรียกเหงื่อให้อีกฝ่ายได้อีกรอบ
“ เอ่อ...พวกพี่หยุดไว้อาลัยให้กับ ‘พวกมด’ จ้ะ ” หนุ่มหน้าเข้มรีบหาทางออก ในขณะที่หนุ่มหน้าขาวมองมาเหมือนกับจะบอกว่า..ไม่ก็ไว้อาลัยให้กับตัวเอง...
“ งั้นพวกพี่วิ่งต่อละกันนะจ้ะ ” แทนไทพูดขึ้นมา แล้วออกวิ่งนำหน้าเพื่อนไป ตะโกนไป โดยไม่รอให้นายาวีได้ว่ากล่าวอะไรต่อไป  ถือคติ ชิ่งก่อนที่จะพลาดพลั้ง (มากไปกว่านี้)
ทิ้งให้สาวน้อยยืนมองตามหลังทั้งสองไป ด้วยแววตาระยิบระยับและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ ยังไม่ได้ว่าอะไรเล้ย...ร้อนตัวกันไปได้ กำลังจะบอกให้หยุดวิ่งได้แล้ว...เอ้า! ในเมื่อยังไม่อยากเลิก ก็สนองศรัทธาให้อีกสัก 10-20 รอบละกัน ”
แล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับเสียง ‘ เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ’ ที่คงจะดังไม่หยุดให้ได้ยินไปอีกสักพักเป็นแน่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ คุณแม่ขา น้องนายกลับมาแล้วค่ะ ”
เนตรนภาละมือจากการปักแจกันดอกไม้ที่เธอกำลังนั่งทำ เงยหน้าขึ้นยิ้มรับลูกสาวที่ก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ครอบครัวเธอใช้เป็นที่พักผ่อนประจำวัน ผนังห้องเป็นสีเหลืองอ่อนเข้ากับผ้าม่านสีไข่ไก่ลวดลายดอกทานตะวันช่วยให้ห้องดูสดใสสว่างตา ภายในห้องประกอบไปด้วย โซฟาสีเขียวมะกอกตัวยาวแบบปรับนอนได้เข้าชุดกับตัวเดี่ยวอีกสองตัวที่ตั้งหันหน้าเข้าหากัน ตรงกลางของชุดโซฟามีโต๊ะไม้สีอ่อนตัวเตี้ยด้านบนแกะสลักเป็นรูปทุ่งทานตะวันปิดทับด้วยกระจกใส  ชุดโฮมเอนเตอร์เทนเมนท์ชุดใหญ่วางไว้ชิดผนังห้องอีกด้านหนึ่ง ส่วนอีกมุมหนึ่งจัดวางโต๊ะทำงานพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ
สาวน้อยทำความเคารพผู้ให้กำเนิด ก่อนจะนั่งลงบนโซฟายาวตัวเดียวกันแล้วสวมกอดอีกฝ่าย ใบหน้าระบายไปด้วยยิ้มละไมและอิ่มเอมใจ
“ ไงล่ะเรา ดีใจมากมั้ยจ้ะ นักศึกษาใหม่ ” ผู้เป็นแม่กล่าวอย่างเอ็นดูแกมยินดี แถมบีบจมูกของลูกสาวที่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเอว โยกไปมาเบา ๆ
“ มากที่สุดเลยค่ะ เหนื่อยยากมาแทบตาย เสร็จสิ้นกันซะที ชีวิตนักเรียน ต่อไปนี้ น้องนายก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ”
นายาวีพูดอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะปล่อยมือจากมารดาเมื่อเห็นสาวใช้เดินเข้ามา หันมารับน้ำจากสาวใช้ ไปดื่มอย่างกระหาย
“ จ้ะ คุณแม่จะคอยดูว่า คนเป็นผู้ใหญ่ จะยังขี้งอน เอาแต่ใจอีกรึเปล่า ” เนตรนภาเย้าด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
สาวน้อยย่นจมูกเล็กน่ารักให้กับมารดา แล้วกล่าวด้วยเสียงกระเง้ากระงอดว่า
“ แหม คุณแม่ก็ น้องนายเปล่าเป็นอย่างนั้นซะหน่อย ออกจะน่ารักน่าทนุถนอมขนาดนี้ ”
“ จ้า แม่คนน่ารัก ” พออีกฝ่ายได้ยินคำชมแกมประชดนั้น ก็ยิ้มออกทันที
“ คุณลุงไม่อยู่รึคะ น้องนายยังไม่ได้บอกข่าวดีคุณลุงเลย ” นายาวีถามหา คุณเทพไท บิดาเลี้ยง พ่อของแทนไท เมื่อไม่เห็นท่าน
“ เดี๋ยวกลับจ้ะ เห็นว่า จะออกไปคุยธุระกับลูกค้า ให้บอกลูกด้วยว่า จะพาออกไปเลี้ยงฉลองเย็นนี้ ”
“ คุณแม่ระวังเถอะค่ะ ออกไปพบลูกค้าบ่อย ๆ แบบนี้ อาจจะเป็นสาวคราวลูก ไม่ใช่ลูกค้าจริง ก็ได้ ” ลูกสาวแหย่มารดาน้ำเสียงไม่จริงจัง เพราะรู้อยู่แล้วว่าพ่อเลี้ยงของตนเป็นบุคคลเช่นไร
คุณแม่ตีแปะเข้าที่ต้นขาลูกสาว “ ดูพูดเข้า คุณลุงไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอกจ้ะ คุณลุงน่ะ ของตายสำหรับแม่จ้ะ ”
“ ใช่สิคะ จะตายจริงถ้าทำ ถึงไม่กล้าทำอยู่ทุกวันนี้ยังไงล่ะคะ ” สาวน้อยยังแหย่ไม่เลิก
“ ไม่เอาแล้ว ลูกคนนี้ ยุให้ผู้ใหญ่เค้าระแวงกัน ”  เนตรนภาส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วทำท่านึกได้  “ แม่ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อกี้นี้ว่า พี่ชายเราสองคนอยู่ที่ไหนกันน่ะ หายเงียบไปเลยตั้งแต่กลับมา ”
ฝ่ายผู้ถูกถามไม่ตอบ กลับทำหน้าอมยิ้มน่ารักที่ดูเจ้าเล่ห์นักในสายตามารดา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ๆ T_T...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ๆ T_T...”  เสียงห้าวสองเสียงดังประสานกันมาไม่ขาดระยะจากสนามหญ้าหน้าบ้าน
เนตรนภาเดินตามบุตรสาวมาหยุดยืนดูที่หน้าต่างห้องรับแขก ก่อนจะอุทานด้วยความประหลาดใจแกมขำ เสียงเจือหัวเราะว่า
“ อ้าว ! เสียงสองหนุ่มนั่นหรอกเหรอ...คุณแม่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มาตั้งนาน นึกว่า  แขกเดินขายโรตี  ยังว่า ทำไมไม่เดินไปขายที่อื่นเสียที ”
ผู้เป็นลูกหัวเราะน้อย ๆ เผยให้เห็นดวงหน้ากระจ่างใสน่าดู ดวงตาคู่งามสีสวยเป็นประกายระยับด้วยความพึงพอใจ สายตามองตรงไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่ยังคงจับคู่ร้องตะโกน วิ่งไปสลับกระโดดตบมือไปรอบสนามหญ้า 
หางตาสาวน้อยเหลือบไปเห็น นายพงษ์ คนสวนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างสนาม ทำหน้าคล้ายขบขัน แต่ไม่กล้าหัวเราะออกมา ไม่มีท่าทางประหลาดใจกับการกระทำของสองหนุ่ม คงเพราะเคยเห็นเหตุการณ์คล้าย ๆ นี่บ่อย ๆ
พออีกฝ่ายหันมาสบตา นายาวีก็ยักคิ้วแผลบให้ เขายิ้มแหย ๆ เหมือนคนถูกจับผิด แล้วหลบตาทำท่าทางวุ่นวายกับงานที่ทำอยู่
“ แล้วนี่ พี่เค้านึกคึกอะไรขึ้นมา อยู่ดี ๆ ถึงฝึกอย่างกับทหารเกณฑ์แบบนี้ ”  เนตรนภาหันมาถามลูกสาว
“ นิดหน่อยค่ะ ” เสียงตอบกลับ ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่ม แต่มีร่องรอยน่าสงสัยในน้ำเสียงนั้น
“ ฝีมือเราล่ะสิ คราวนี้อะไรอีกล่ะ ” ผู้เป็นมารดาถาม เพราะรู้ถึงนิสัยของลูกสาวและสองหนุ่มนั่นดี...พอกันทั้งสองฝ่าย อีกคนชอบแกล้ง อีกฝ่ายก็ตามใจตะพืดตะพือ ยอมเขาตลอด...
“ แหม คุณแม่ เห็นน้องนายเป็นคนยังไง พี่แทนกับพี่ภูมิอาจจะอยากออกกำลังกายยามเย็นก็ได้ ”
...ก็อย่างที่กำลังทำอยู่นี่ไงล่ะจ้ะ แม่ครูฝึกตัวดี...เนตรนภานึกในใจ
“ แต่คงไม่อุตริคิดท่าทางประหลาด ๆ นั่นเองหรอก จริงมั้ยจ้ะ ” 
สาวน้อยส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่พูดอะไร คงยังถือคติ ‘สงบสยบเคลื่อนไหว’ 
...เรื่องอะไร จะยอมรับง่าย ๆ หุหุ...  ‘ตัวดี’ ยิ้มกริ่มไม่เลิก  ~__~  ...จริง ๆ แล้ว ทำแล้วควรต้องรับ แต่ถ้าความผิดร้ายแรงนัก ไม่รับละดี เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ..ความรับผิดชอบเป็นสิ่งดี  ซื่อสัตย์เถอะค่ะ...แต่กรณีนี้น้องนายแค่รอดูทีท่าก่อนนา...
“ นั่นก็โตจนจะเรียนจบอยู่แล้ว ยังยอมให้น้องแกล้งได้แกล้งเอา ” เนตรนภารู้ว่า ลูกสาวตนคงไม่มีทางปริปากอะไรที่จะเข้าตัวเอง จึงหันไปบ่นอีกฝ่ายที่โดนกระทำแทน
“ แหม คุณแม่ขา จะบ่นให้ได้อะไรคะ คนทำไม่เห็นบ่นอะไรเลย เห็นวิ่งกันออกร่าเริงขนาดนั้น ” รีบออกตัวเอาไว้ก่อน
...นั่นนะรึ ร่าเริง มองยังไงก็ไม่เป็นหน้าตามีความสุขไปได้...
“ ลองได้บ่นสิ เราคงงอนเค้าไม่เลิก คราวที่แล้วนายแทนทำอะไรขัดใจเราไม่รู้ กว่าจะยอมพูดกับเค้าก็เป็นเดือน แทนหงอยเป็นไก่ป่วยไปเลยช่วงนั้น คุณแม่ยังไม่รู้เลยว่า น้องนายหายโกรธเค้าได้เพราะอะไร ”
...ก็ชุดสวย ๆ แค่ไม่กี่ชุด กับ ‘สัญญาทาส’ ไงคะ คุณแม่ขา โฮะ โฮะ โฮะ.....นายาวีคิดในใจ แต่ปากกลับบอกว่า
“ น้องนายโตแล้วค่ะ เห็นว่า พี่แทนสำนึกผิดแล้วเลยยกโทษให้ ”
...เห็นทำหน้าซื่อตาใสแบบนี้ จริง ๆ ล่ะ ‘ตัวแสบชั้นครู’ เราดี ๆ นี่เอง เฮ้อ ! ลูกใครนะ ร้ายเหลือเกิน... (ลูกคุณนายละค่า - คนเขียนรีบเตือน กลัวเนตรนภาลืมบท ^.^)
“ งั้นไปบอกพี่ ๆ เค้าให้หยุดได้แล้ว จะได้ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปทานข้าวกัน เดี๋ยวคุณลุงคงกลับมาแล้ว ”
เนตรนภาผละจากไป เมื่ออีกฝ่ายรับคำเบาๆ
...ขออีกสักแป๊บนะคะ คุณแม่ขา ยังไม่หนำใจน้องนายเลย...แทนที่จะทำตามคำมารดา นายาวีกลับนั่งลงตรงชุดรับแขกแล้วหยิบหนังสือนิตยสารมาพลิกอ่านอย่างเพลิดเพลิน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ ดูดีแล้วนะเว้ย ” เสียงพูดกระซิบปนหอบดังมาจากแทนไทซึ่งยืนใช้มือเกาะไหล่ไตรภูมิข้างหนึ่ง ส่วนข้างที่เหลือจับขยับคอเสื้อขึ้นลงเพื่อคลายความร้อน เหงื่อไหลชุ่มหน้าและตามตัวจนเสื้อเปียกไปทั้งตัว
พอจบประโยคถาม เจ้าตัวก็ตะโกน  “ เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ”  อีกครั้ง
“ ชั้นนี้แล้ว ตรวจดีเหมือนตรวจแบบเลย...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ”  ไตรภูมิ ว่าที่วิศวกรหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายกัน สองมือขยับทั้งคอเสื้อและชายเสื้อไปด้วย สภาพไม่ต่างกับอีกฝ่าย  ตอนท้ายตะโกน ประโยคคำขวัญของวัน เพื่อไม่ให้ขาดจังหวะ  อันเดี๋ยวจะเป็นที่ผิดสังเกตของ  ‘ใครบางคน’
“ งั้นก็ดี เหนื่อยฉิบ -ายเลย...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ” แทนไทบ่น หน้าตาแดงไปด้วยแรงที่ออกและอากาศร้อน ๆ
“ ความคิดใครล่ะ สังหรณ์ใจตั้งแต่แกพูดขึ้นมา หางตาดิสโก้ยังกับเข้าเธค...เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ” ฝ่ายติดล่างแหอุทธรณ์ ถึงแม้จะดูไม่เหน็ดเหนื่อยเท่าอีกฝ่าย เพราะออกกำลังกายกลางแดดเป็นประจำ แต่ก็สาหัสพอดู
“ ไม่คิดว่า แม่คุณจะโหดแถมหูตาเป็นสัปรดขนาดนี้ ” แทนไท เจ้าพ่อล้านแผน ยังคงคิดว่า แผนการของตัวเองเจ๋งสุดยอดแต่ที่พลาดพลั้งเพราะเป้าหมายฝีมือดีกว่าแค่นิดหน่อย  ไม่เคยโทษแผนการของตัวเองสักนิดเดียว
“ พูดถึงใครอยู่เหรอ ” เสียงใสเสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง จนสองหนุ่มสะดุ้งโหยง เสียวสันหลังวาบไปเลย ก่อนจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้าด้วยท่าทางคล้ายเจอ ‘ยมทูต’ ยังไงยังงั้น
“ ไม่มีอะไรมากจ้า น้องนาย    ‘มด’ มันขนสัปรดกัน แล้วพวกพี่เหยียบมันตาย ยังว่าตัวเอง ทำไมถึง ‘โหด’ ขนาดนี้ ”  แทนไทยังไหลไปได้เรื่อย ๆ ด้วยสำเนียงเสียงหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่สมกับ ‘ความโหด’  ที่เพิ่งเพิ่มให้ตัวเองเลย
“ อึม...เหรอคะ ” นายาวีทำเสียงรับรู้แล้วหยุดนิ่งไปนาน จนคนแก้ตัวและอีกหนึ่งหนุ่มที่อยู่ฝ่ายเดียวกันออกอาการเหงื่อตกมากขึ้น ทั้งที่มีอยู่ก็มากอยู่แล้ว อย่างไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังออกมาได้อีก
“ น่าสงสารเน๊อะ ” เสียงใสกล่าวต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่า สงสารมดหรือสงสารอะไรอื่นกันแน่ แต่ก็ทำให้สองหนุ่มถอนหายใจเฮือกออกมาได้แทบจะพร้อมกัน
“ แล้วหยุดวิ่งทำไมคะ ใครบอกให้หยุด ” เสียงใสราบเรียบ แต่กลับเรียกเหงื่อให้อีกฝ่ายได้อีกรอบ
“ เอ่อ...พวกพี่หยุดไว้อาลัยให้กับ ‘พวกมด’ จ้ะ ” หนุ่มหน้าเข้มรีบหาทางออก ในขณะที่หนุ่มหน้าขาวมองมาเหมือนกับจะบอกว่า..ไม่ก็ไว้อาลัยให้กับตัวเอง...
“ งั้นพวกพี่วิ่งต่อละกันนะจ้ะ ” แทนไทพูดขึ้นมา แล้วออกวิ่งนำหน้าเพื่อนไป ตะโกนไป โดยไม่รอให้นายาวีได้ว่ากล่าวอะไรต่อไป  ถือคติ ชิ่งก่อนที่จะพลาดพลั้ง (มากไปกว่านี้)
ทิ้งให้สาวน้อยยืนมองตามหลังทั้งสองไป ด้วยแววตาระยิบระยับและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ ยังไม่ได้ว่าอะไรเล้ย...ร้อนตัวกันไปได้ กำลังจะบอกให้หยุดวิ่งได้แล้ว...เอ้า! ในเมื่อยังไม่อยากเลิก ก็สนองศรัทธาให้อีกสัก 10-20 รอบละกัน ”
แล้วเจ้าตัวก็เดินเข้าบ้านไปพร้อมกับเสียง ‘ เราจะไม่ทำอีกแล้ว! ’ ที่คงจะดังไม่หยุดให้ได้ยินไปอีกสักพักเป็นแน่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น