ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 : สปายคู่ชู้(ไม่)ชื่น
ถ้าเข้าดูแล้ว ขอความกรุณา ลงชื่อสักนิ้ด และ ให้คะแนน ด้วย ก็ดีค่า  คนอ่านน่ารักที่ซู้ด ....รักคนอ่านค่า ^_______^
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศภายในร้านไอศกรีมเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจของบรรดาลูกค้าที่มาจับจองโต๊ะสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์พูดคุยกันหรือมาหย่อนใจแบบครอบครัว เสียงคุยผสานกับเสียงเพลงแผ่ว หวานสบาย ๆ ที่ทางร้านเปิดคลอดังมาไม่ขาดระยะ  ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไดกิ้น เบอร์ห้า (ผลจากการรณรงค์ประหยัดไฟช่วยชาติ => เจ้าของร้านยืนสะกิดเหย็ง ๆ อยู่ข้าง ๆ ฝากบอกอีกว่า ประหยัดไฟสุด ๆ แถมออกตัวว่าไม่ได้ค่าโฆษณานะ ^^) ผสมผสานกับน้ำหวานเย็นเจี๊ยบนานาชนิดและไอศกรีมหลากรสหวานหอมเย็นฉ่ำที่พร้อมเสิร์ฟช่วยลดดีกรีความร้อนและความกระหายของผู้เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับยามบ่ายที่ร้อนระอุด้วยแดดที่แผดเผาอย่างร้อนแรง
โต๊ะหนึ่งถูกจับจองด้วยสามสาวน้อยในชุดนักเรียนและหนึ่งหนุ่มน้อยร่างอ้อนแอ้นในชุดกางเกงยืนส์สีซีด เสื้อยืดสีชมพูหวานแหววแบบที่ชายแท้ทั่วไปคงไม่กล้าแม้แต่คิดที่จะใส่  ทั้งหมดกำลังนั่ง(แย่งกัน)คุยอย่างออกรสออกชาติพร้อมทั้งจัดการกับไอศกรีมตรงหน้าไปด้วย เพิ่มสีสันบรรยากาศภายในร้านให้ดูสดใสด้วยวัยเยาว์ที่กำลังผลิบานเหมือนดอกไม้แรกแย้มหลากสีสัน
“ ดีจังเลยเนอะ ที่แกสองคนได้คณะเดียวกัน ”
เสียงใส ๆ ดังมาจากปากของสาวน้อยผิวคล้ำ หน้าคม รูปร่างบอบบาง ท่าทางกระฉับกระเฉงมั่นใจในตัวเองสูงเกินพิกัด นาม กีรากร หรือ ที่เจ้าตัวบังคับให้เพื่อน ๆ เรียกว่า  กิ๊บเก๋  ทั้งที่ตอนมัธยมศึกษาตอนต้น เธอชื่อเล่น  เก๋  คำเดียวแต่ด้วยความที่อยากจะกิ๊บเก๋จึงเปลี่ยนมาเรียกตัวเองซะเลย  และถ้าไม่เกรงใจเหล่าเพื่อนตาดำ ๆ กลัวมันจะเลิกคบ หรือพวกมันจะตาเหลือกเวลาเรียกชื่อแล้วละก็ เธอคงอยากจะสถาปนาตนเองเป็น  กิ๊บเก๋ยูเรก้า  ซะมากกว่า
“ ย่ะ แต่ฉันต้องมาติดหนึบเข้ากับแกซิยะ มันน่าอนาถ ”  คราวนี้ เสียงเกือบสวย ถ้ามันจะไม่ทั้งแปร๋นและแหบแบบคนพยายามดัด อีกทั้งยังจีบปากจีบคอจนคนข้าง ๆ กลัวเจ้าตัว ปากจะย่นจนกลับมาสภาพเดิมไม่ได้ ดังแทรกขึ้นมา
“ ฉันสิต้องอนาคตดับคับทรวง แทนที่จะได้ฉายเดี่ยว โชว์ความสวยเริ่ดเฉิดฉายที่เจิดจรัส แล้วใครใช้ให้แกเลือกนิเทศฯ เหมือนฉัน ห๊าาาาา! ไอ้บอย ” 
กิ๊บเก๋ หรือ กีรากรจีบปากกลับ ไม่แพ้ หนึ่งหนุ่มในที่นั้น
“ แก๊ ! อย่าอยู่เสวยสุขสืบพงพันธุ์ต่อไปเลย...นังเก๋...บอกล้านครั้งแล้วว่าให้เรียก  ‘เบบี๋’ ๆ  ทำม้าย ยังกระแดะเรียกชื่อเก่านั่นมาให้แสลงใจช้านนนน... ” 
เบบี๋ หรือนามจริงว่า ธีรพงศ์ ขึ้นเสียงแหบสูงปี๊ดแสบเก้าหูกว่าเก่า ทั้งยังฟ้อนเล็บจะตะกาย ‘นังเก๋’  ส่วนคนจะโดนประทุษร้ายก็เตรียมตัวใส่ชุดออกศึกเตรียมพร้อมรบเหมือนกัน จนเพื่อนอีกสองต้องช่วยกันห้าม ทั้ง ๆ ที่ก็อยากดูพวกมันทะเลาะกันอยู่เหมือนกันแต่สถานที่ไม่อำนวย
...น่าจะไปสมัครเป็นกรรมการห้ามมวยนะ เรานี่ อิอิอิ ^.^ ถ้าจะทำรายได้ดี ตั้งแต่เช้าได้มาหลายยกแล้วเผลอ ๆ ส่งตัวเองเรียนจบมหา’ลัย แถมด้วยคูโบต้า เอ้ย รถโก้อีกคัน เป็นกำไร...
ที่จริงแล้ว ทั้งกีรากรและธีรพงศ์เป็นเพื่อนรักคู่กัดกันมาตั้งแต่อนุบาล เหตุที่บ้านอยู่ใกล้กัน เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอด จนกระทั่งกีรากรหลงผิด(หรือคิดถูก)มาสอบเข้าเรียนมัธยมปลายที่เดียวกับสองสาวนี่ แต่ทั้งคู่ก็ยังคบหากันตามเดิม (จริง ๆ คงไม่อยากคบกัน แต่ติดที่ย้ายบ้านหนีไม่ได้ บิดามารดรไม่อนุมัติ) จึงทำให้หนุ่มน้อยคนนี้มาสนิทกับนายาวีและขวัญข้าว เพื่อนสนิทของกีรากรเข้าไปด้วย
ธีรพงศ์ หนุ่มน้อยหน้าสวย ที่ใจไม่อยากเป็นชาย มีชื่อเล่นที่ปะป๊ามะม๊าตั้งให้อย่างน่ารักว่า บอย แต่เจ้าตัวไม่พอใจ บอกว่า มันไม่เหมาะกับหน้าสวย ๆ หุ่นยั่วยวนใจอย่างเจ้าหล่อน ก็กระเทยกระเทียมที่ไหนอยากได้ชื่อที่มันบ่งเพศแบบจงใจอย่างนี้บ้าง ไม่มี๊ไม่มี...แถมหล่อนร่ำ ๆ อยากเปลี่ยนชื่อจริงของหล่อนด้วย ติดแต่ว่าที่บ้านยังไม่ยอม  ถึงกระนั้น เจ้าหล่อนก็ตั้งปณิธานว่า ถ้าเรียนจบ มีเงินเมื่อไหร่ จะทำตามหัวใจตัว ไม่เปลี่ยนแค่ชื่อ แต่เปลี่ยนมันทั้งตัว แบบยกเครื่อง ไปเลย
หลังจากที่สงครามย่อยที่เกือบเกิดขึ้นสงบลง  ขวัญข้าว สาวน้อยหน้าขาวใสที่ทั้งเรียบร้อยและมองโลกในแง่ดีที่สุดในกลุ่มก็ได้โอกาสพูดขึ้นบ้าง
“ โชคดีจังนะ ที่พวกเราได้ที่เดียวกันหมด ยังไงก็จะได้เจอกันที่มหา’ลัยแทบทุกวันเหมือนเดิม ”
“ จริงด้วย ในที่สุด พวกเราก็ทำสำเร็จ สมกับที่ตั้งใจไว้ ” นายาวีกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  ด้วยกว่าที่พวกเธอและมากมายอีกหลายคน จะทำได้ตามที่หวังไว้ ต้องใช้เวลา ความอดทน ความขยัน ตั้งใจจริง กว่าที่จะฝ่าด่านข้อสอบต่าง ๆ จนผ่านเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นความภูมิใจของชีวิต
“ เรามาดื่มฉลองให้กับชีวิตนักศึกษาของเราดีกว่า ” กีรากรชักชวนเพื่อน ๆ
ทุกคนยกแก้วน้ำหวานสีสวยมาชนกันอย่างสนุกสนาน  “ เย้ ! ”  \\\\ ^.^ //
พลันสายตาของกีรากรก็ไปพบกับโต๊ะที่อยู่เลยไปสองสามโต๊ะ ใกล้กับประตูทางเข้าออก
“ ดูสิ สองคนนั่นมองมาทางโต๊ะเราตลอดเลย ไม่รู้เป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า หน้าตาก็ดี ไม่น่าเลย ”
กีรากรบุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะที่คนน่าสงสัยนั่งอยู่
“ เดี๋ยว ฉันดูเอง พวกแกยังไม่ต้องหันไปนะ เดี๋ยวพวกนั้นรู้ตัว ”  >.>  ธีรพงศ์บอกกล่าว ด้วยที่เจ้าหล่อนนั่งด้านเดียวกับกีรากรจึงสามารถมองเห็นโต๊ะนั้นได้ทันที แต่อีกสองคนนั่งหันหลังให้กับประตูจึงไม่เห็น
“ ต๊าย ! รูปร่างหน้าตาอย่างนั้น ถึงเป็นโรคจิต ฉันก็ขอเหมาหมดเลย มาทั้งกองพันก็กวาดเรียบ ” 
พอเห็นสองคนนั่นเท่านั้นแหละ  ธีรพงศ์ก็ทำตาลุกวาวแบบถูกใจสุด ๆ แถมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างหมายมาด
“ แก๊ ! พูดออกมาได้งัย เป็นสาวเป็นนาง  กวาดล่งกวาดเรียบอะไร แบ่งกันซิยะ สเป็คฉันเหมือนกัน เป็นเพื่อนกันแท้ ๆ จะอมคนเดียว ไม่แบ่งงั้นเหรอยะ ”
กีรากรขึ้นเสียงสูง ยกความเป็นเพื่อนมาอ้างสิทธิ์ลอยที่แอบอ้างขึ้นมา ด้วยสองคนที่ถูกกล่าวถึง ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเองว่า ถูกคาดหัวเอาไว้แล้วด้วยคู่ซี้เพชรฆาตคู่นี้ แถมสายตายังจ้องเขม็งไม่พลาดไปจากเป้าหมายที่ดวงตกทั้งสอง
ด้วยเพราะทั้งสาวแท้และไม่แท้ทำท่าทางกระดี้กระด้าแบบสุด ๆ สองสาวที่เหลือจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง
“ เอ้ย ! นั่น ” ขวัญข้าวหลุดอุทานออกมาอย่างนึกไม่ถึง
ส่วนนายาวีพอเห็นสองหนุ่มนั้นเท่านั้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสคู่สวยที่ฉายแววร่าเริงกลับแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง หน้าใสบูดบึ้งขึ้นมาทันที ปากอิ่มเต็มหยักย้อยเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง
สาวน้อยลุกขึ้นแล้วก้าวฉับ ๆ ไปหาสองหนุ่มนั่นทันที  ได้ยินเพียงเสียง “ เฮ้ย ! แกจะทำอะไรยะ ” ดังลอยตามหลังเธอมา
พอถึงโต๊ะเป้าหมาย เธอก็เท้าสะเอวหมับ กางขาเล็ก ๆ แบบท่าเตรียมพร้อมลุย  ใบหน้าบึ้งตึง
ส่วนสองหนุ่มนั่นเหมือนรู้แกว ทำเป็นก้มลงมองแก้วน้ำปั่นของตัวเองเหมือนมองหาจุลินทรีย์สักตัว อย่างเอาเป็นเอาตาย (ไม่ใช่ ยาคูลย์ซักหน่อย จะได้มีแลคโตบาซิลัส) แต่อย่างดีสุด คงได้เห็นแค่ลูกน้ำยิ้มร่ามาให้  อีกทั้งพยายามทำตัวลีบเล็กสุด ๆ ทั้งที่เป็นไปไม่ได้ ตัวโตอย่างกับยักษ์ยังงั้นให้ยังไงมันก็ต้องมองเห็น  แถมสุมหัวแทบจะชนกัน ทำกระซิบกระซาบ
...มองแล้วคล้าย ๆ ‘คู่เกย์ยักษ์’ ออกเดต ยังไงยังงั้น...เห็นแล้วสาวน้อยแอบอมยิ้มเกือบหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางน่าร้ากๆของพี่ชาย แต่จะให้หลุดมาดนะรึ ถ้าหลุดก็ ไม่ใช่นายาวีนะสิ...
“ จะไม่เงยหน้ามาทักทายกันเลยเหรอคะ ” เสียงเข้ม ๆ ดังออกมาจากปากหยักย้อยแดงสด สายตาวาววับก็หรี่มองคนตรงหน้าทั้งสอง ที่สะดุ้งโหยงสุดตัวทันทีที่ได้ยินเสียงเธอ แต่ก็ยังนั่งก้มหน้า ไม่กล้าเงยมาสบตา  ==;;  +.+!!
สองหนุ่มใช้ขาสะกิดเกี่ยงกันไปมาเป็นครู่ แต่ไม่หลุดเสียงอะไรออกมาเลย จนสาวน้อยจะทนไม่ได้อยู่แล้ว
“ วอล์ท? (What?) ” เสียงนี้ดังมาค่อย ๆ จากปากหนุ่มหน้าขาวที่มีแว่นตาดำอันโตบดบังหน้าไปเกือบครึ่ง แถมด้วยหมวกที่เจ้าตัวใส่ก็หลุบปีกลงบดบังจนเห็นเพียงส่วนล่างของใบหน้า
“ วีแค้นท์สะปีคไทย (We can’t speak Thai.) ” ตามน้ำมาติด ๆ จากปากหนุ่มหน้าเข้ม ที่มีอุปกรณ์เสริมปิดบังใบหน้าไม่ต่างกันนัก
...ทำอย่างกับว่ากะอีแค่ไอ้หมวกแก๊บกับแว่นตาดำที่ใส่จะช่วยตบตาคนได้ แถมมันยังเตะตาขึ้นซะอีก ซิลลี่จริงๆ  พี่ใครฟะ...  :-(
สาวน้อยหน้าใสทำหน้าเซ็งสุดขีด ก่อนที่จะเบะปาก แล้วแสยะเขี้ยว
“ โห...คิดได้ไงเนี่ย เล่นมุข ตี๋อินเตอร์ กะ ฝรั่งหน้าไทย นี่ไม่เวิร์คเลยนะ ขอบอก ”
สองหนุ่มหล่อเงยหน้าขึ้นมองกันเลิ่กลั่ก ขาที่หยุดไปแล้วกลับมาสะกิดคนข้าง ๆ ใหม่ เห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ แต่ต้องทำหน้าเข้มเข้าไว้...ไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้ใจ...
“ วันหน้า ถ้าจะให้เนียน ก็เปลี่ยนชุดอำพรางด้วยนะ ใส่แค่นี้ทำยังกับน้องนายจะจำไม่ได้ ชุดนี่ก็ชุดเมื่อเช้าชัด ๆ ”
...กัดแล้วก็กัดให้มันมิดไปเลย...สาวน้อยนึกสะใจ
“ แล้วตามมาทำไม ไหนรับปากแล้ว ” นายาวีทำหน้าดุใส่ด้วยเสียง คุณครูไหว ใจร้าย(กว่า)
“ พวกพี่ไม่ได้ตาม แต่มันบังเอิญน่ะ ” แทนไททำหน้าแหย ตอบเสียงอ่อย
“ ไม่ตาม แต่บังเอิญจนเกือบเหยียบตาปลาเนี่ยนะ ” เสียงดุยังไม่เลิก
สองหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก !!
...ตอนน่ารัก ก็อยากเข้าใกล้อยู่หรอก แต่พอตอนดุนี่ซิ อยากหนีไปติดเกาะจริงจริ๊ง พับผ่าซิ...
“ เอ่อ ! พี่เป็นห่วง กลัวน้องนายไม่มีคนพากลับบ้าน...แล้วไหน บอกว่า มีแต่เพื่อนผู้หญิงไง ไหนมีเจ้าหน้าขาวนั่นโผล่มาด้วย ”
ตอนหลังแทนไทได้ที รีบเปลี่ยนเรื่องฉับแบบไม่ให้คนฟังตั้งตัวได้ ชี้ไม้ชี้มือตรงไปที่ธีรพงศ์ จนคนถูกชี้ที่คอยสังเกตการณ์แบบไม่ให้คลาดสายตาอยู่ ออกอาการกระดี้กระด้ามาอีกรอบ นึกว่าหนุ่มรูปหล่อสนใจตน ส่วนไตรภูมิหันไปมองหน้าคนพูด ทำหน้ายอมรับนับถือ เป็นทำนองว่า...มันไหลเก่งจริง ๆ วุ้ย เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส...
สาวน้อยมองตามมือขาว ๆ ของพี่ชายไปที่เพื่อนรัก  ...เกินงามซะจน...เฮ้อ! เพื่อนเรา... =.=
“ นี่ เห็นมั้ยอะไร ” นายาวีหันกลับมา ชูมือทำสองนิ้วแบบโฆษณาลิโพ  \\/ แล้วจิ้มพรวดเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย จนต้องผงะด้วยสัญชาตญาณ ไม่งั้นคงกระแทกเข้าที่แว่นตาดำอันโตบนหน้าหล่อ ๆ นั้น  >.< !
“ เอ๋..ก็ไม่บอดนี่ ”  เสียงประชดดังต่อ  “ แล้วทำไม ถึงมองไม่ออกว่า ‘เจ้าหน้าขาว’ นั่น มันชายก็ไม่ใช่ หญิงใกล้เคียง รู้จักมะ กระเทียม น่ะ  รึอยากจะพิสูจน์ จะได้จัดให้ ”
ทั้งแทนไทและไตรภูมิกลืนน้ำลายอีกรอบ...แต่คราวนี้ ทำไมมันผืดอย่างงี้นะ...ก่อนจะหลบสายตาวิบวับกับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มที่ยังส่งมาไม่ขาดสายของสาวไม่แท้
“.....” 
...สยองจนขนตั้งทั้งตัวเลยหว่ะ...เออ เหมือนกันเลย...~.~?  ~”~?
“ กลับถึงบ้าน คงรู้นะว่า จะโดนอะไร ” เสียงใสไม่มีแววล้อเล่นเลย...ตาก็น่ากั๊วน่ากลัว...
“.....”
...ทำไมโหดอย่างนี้ น้องนาย...นินทาในใจจะได้ยินมั้ยเนี่ย...อึ๋ย!..ทำไมมองพวกพี่อย่างนั้น...อย่าบอกนะว่าได้ยิน....เอิ๊ก...  TT__TT    TT__TT
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศภายในร้านไอศกรีมเต็มไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจของบรรดาลูกค้าที่มาจับจองโต๊ะสำหรับการนัดพบปะสังสรรค์พูดคุยกันหรือมาหย่อนใจแบบครอบครัว เสียงคุยผสานกับเสียงเพลงแผ่ว หวานสบาย ๆ ที่ทางร้านเปิดคลอดังมาไม่ขาดระยะ  ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไดกิ้น เบอร์ห้า (ผลจากการรณรงค์ประหยัดไฟช่วยชาติ => เจ้าของร้านยืนสะกิดเหย็ง ๆ อยู่ข้าง ๆ ฝากบอกอีกว่า ประหยัดไฟสุด ๆ แถมออกตัวว่าไม่ได้ค่าโฆษณานะ ^^) ผสมผสานกับน้ำหวานเย็นเจี๊ยบนานาชนิดและไอศกรีมหลากรสหวานหอมเย็นฉ่ำที่พร้อมเสิร์ฟช่วยลดดีกรีความร้อนและความกระหายของผู้เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับยามบ่ายที่ร้อนระอุด้วยแดดที่แผดเผาอย่างร้อนแรง
โต๊ะหนึ่งถูกจับจองด้วยสามสาวน้อยในชุดนักเรียนและหนึ่งหนุ่มน้อยร่างอ้อนแอ้นในชุดกางเกงยืนส์สีซีด เสื้อยืดสีชมพูหวานแหววแบบที่ชายแท้ทั่วไปคงไม่กล้าแม้แต่คิดที่จะใส่  ทั้งหมดกำลังนั่ง(แย่งกัน)คุยอย่างออกรสออกชาติพร้อมทั้งจัดการกับไอศกรีมตรงหน้าไปด้วย เพิ่มสีสันบรรยากาศภายในร้านให้ดูสดใสด้วยวัยเยาว์ที่กำลังผลิบานเหมือนดอกไม้แรกแย้มหลากสีสัน
“ ดีจังเลยเนอะ ที่แกสองคนได้คณะเดียวกัน ”
เสียงใส ๆ ดังมาจากปากของสาวน้อยผิวคล้ำ หน้าคม รูปร่างบอบบาง ท่าทางกระฉับกระเฉงมั่นใจในตัวเองสูงเกินพิกัด นาม กีรากร หรือ ที่เจ้าตัวบังคับให้เพื่อน ๆ เรียกว่า  กิ๊บเก๋  ทั้งที่ตอนมัธยมศึกษาตอนต้น เธอชื่อเล่น  เก๋  คำเดียวแต่ด้วยความที่อยากจะกิ๊บเก๋จึงเปลี่ยนมาเรียกตัวเองซะเลย  และถ้าไม่เกรงใจเหล่าเพื่อนตาดำ ๆ กลัวมันจะเลิกคบ หรือพวกมันจะตาเหลือกเวลาเรียกชื่อแล้วละก็ เธอคงอยากจะสถาปนาตนเองเป็น  กิ๊บเก๋ยูเรก้า  ซะมากกว่า
“ ย่ะ แต่ฉันต้องมาติดหนึบเข้ากับแกซิยะ มันน่าอนาถ ”  คราวนี้ เสียงเกือบสวย ถ้ามันจะไม่ทั้งแปร๋นและแหบแบบคนพยายามดัด อีกทั้งยังจีบปากจีบคอจนคนข้าง ๆ กลัวเจ้าตัว ปากจะย่นจนกลับมาสภาพเดิมไม่ได้ ดังแทรกขึ้นมา
“ ฉันสิต้องอนาคตดับคับทรวง แทนที่จะได้ฉายเดี่ยว โชว์ความสวยเริ่ดเฉิดฉายที่เจิดจรัส แล้วใครใช้ให้แกเลือกนิเทศฯ เหมือนฉัน ห๊าาาาา! ไอ้บอย ” 
กิ๊บเก๋ หรือ กีรากรจีบปากกลับ ไม่แพ้ หนึ่งหนุ่มในที่นั้น
“ แก๊ ! อย่าอยู่เสวยสุขสืบพงพันธุ์ต่อไปเลย...นังเก๋...บอกล้านครั้งแล้วว่าให้เรียก  ‘เบบี๋’ ๆ  ทำม้าย ยังกระแดะเรียกชื่อเก่านั่นมาให้แสลงใจช้านนนน... ” 
เบบี๋ หรือนามจริงว่า ธีรพงศ์ ขึ้นเสียงแหบสูงปี๊ดแสบเก้าหูกว่าเก่า ทั้งยังฟ้อนเล็บจะตะกาย ‘นังเก๋’  ส่วนคนจะโดนประทุษร้ายก็เตรียมตัวใส่ชุดออกศึกเตรียมพร้อมรบเหมือนกัน จนเพื่อนอีกสองต้องช่วยกันห้าม ทั้ง ๆ ที่ก็อยากดูพวกมันทะเลาะกันอยู่เหมือนกันแต่สถานที่ไม่อำนวย
...น่าจะไปสมัครเป็นกรรมการห้ามมวยนะ เรานี่ อิอิอิ ^.^ ถ้าจะทำรายได้ดี ตั้งแต่เช้าได้มาหลายยกแล้วเผลอ ๆ ส่งตัวเองเรียนจบมหา’ลัย แถมด้วยคูโบต้า เอ้ย รถโก้อีกคัน เป็นกำไร...
ที่จริงแล้ว ทั้งกีรากรและธีรพงศ์เป็นเพื่อนรักคู่กัดกันมาตั้งแต่อนุบาล เหตุที่บ้านอยู่ใกล้กัน เรียนโรงเรียนเดียวกันมาตลอด จนกระทั่งกีรากรหลงผิด(หรือคิดถูก)มาสอบเข้าเรียนมัธยมปลายที่เดียวกับสองสาวนี่ แต่ทั้งคู่ก็ยังคบหากันตามเดิม (จริง ๆ คงไม่อยากคบกัน แต่ติดที่ย้ายบ้านหนีไม่ได้ บิดามารดรไม่อนุมัติ) จึงทำให้หนุ่มน้อยคนนี้มาสนิทกับนายาวีและขวัญข้าว เพื่อนสนิทของกีรากรเข้าไปด้วย
ธีรพงศ์ หนุ่มน้อยหน้าสวย ที่ใจไม่อยากเป็นชาย มีชื่อเล่นที่ปะป๊ามะม๊าตั้งให้อย่างน่ารักว่า บอย แต่เจ้าตัวไม่พอใจ บอกว่า มันไม่เหมาะกับหน้าสวย ๆ หุ่นยั่วยวนใจอย่างเจ้าหล่อน ก็กระเทยกระเทียมที่ไหนอยากได้ชื่อที่มันบ่งเพศแบบจงใจอย่างนี้บ้าง ไม่มี๊ไม่มี...แถมหล่อนร่ำ ๆ อยากเปลี่ยนชื่อจริงของหล่อนด้วย ติดแต่ว่าที่บ้านยังไม่ยอม  ถึงกระนั้น เจ้าหล่อนก็ตั้งปณิธานว่า ถ้าเรียนจบ มีเงินเมื่อไหร่ จะทำตามหัวใจตัว ไม่เปลี่ยนแค่ชื่อ แต่เปลี่ยนมันทั้งตัว แบบยกเครื่อง ไปเลย
หลังจากที่สงครามย่อยที่เกือบเกิดขึ้นสงบลง  ขวัญข้าว สาวน้อยหน้าขาวใสที่ทั้งเรียบร้อยและมองโลกในแง่ดีที่สุดในกลุ่มก็ได้โอกาสพูดขึ้นบ้าง
“ โชคดีจังนะ ที่พวกเราได้ที่เดียวกันหมด ยังไงก็จะได้เจอกันที่มหา’ลัยแทบทุกวันเหมือนเดิม ”
“ จริงด้วย ในที่สุด พวกเราก็ทำสำเร็จ สมกับที่ตั้งใจไว้ ” นายาวีกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  ด้วยกว่าที่พวกเธอและมากมายอีกหลายคน จะทำได้ตามที่หวังไว้ ต้องใช้เวลา ความอดทน ความขยัน ตั้งใจจริง กว่าที่จะฝ่าด่านข้อสอบต่าง ๆ จนผ่านเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเป็นความภูมิใจของชีวิต
“ เรามาดื่มฉลองให้กับชีวิตนักศึกษาของเราดีกว่า ” กีรากรชักชวนเพื่อน ๆ
ทุกคนยกแก้วน้ำหวานสีสวยมาชนกันอย่างสนุกสนาน  “ เย้ ! ”  \\\\ ^.^ //
พลันสายตาของกีรากรก็ไปพบกับโต๊ะที่อยู่เลยไปสองสามโต๊ะ ใกล้กับประตูทางเข้าออก
“ ดูสิ สองคนนั่นมองมาทางโต๊ะเราตลอดเลย ไม่รู้เป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า หน้าตาก็ดี ไม่น่าเลย ”
กีรากรบุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะที่คนน่าสงสัยนั่งอยู่
“ เดี๋ยว ฉันดูเอง พวกแกยังไม่ต้องหันไปนะ เดี๋ยวพวกนั้นรู้ตัว ”  >.>  ธีรพงศ์บอกกล่าว ด้วยที่เจ้าหล่อนนั่งด้านเดียวกับกีรากรจึงสามารถมองเห็นโต๊ะนั้นได้ทันที แต่อีกสองคนนั่งหันหลังให้กับประตูจึงไม่เห็น
“ ต๊าย ! รูปร่างหน้าตาอย่างนั้น ถึงเป็นโรคจิต ฉันก็ขอเหมาหมดเลย มาทั้งกองพันก็กวาดเรียบ ” 
พอเห็นสองคนนั่นเท่านั้นแหละ  ธีรพงศ์ก็ทำตาลุกวาวแบบถูกใจสุด ๆ แถมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างหมายมาด
“ แก๊ ! พูดออกมาได้งัย เป็นสาวเป็นนาง  กวาดล่งกวาดเรียบอะไร แบ่งกันซิยะ สเป็คฉันเหมือนกัน เป็นเพื่อนกันแท้ ๆ จะอมคนเดียว ไม่แบ่งงั้นเหรอยะ ”
กีรากรขึ้นเสียงสูง ยกความเป็นเพื่อนมาอ้างสิทธิ์ลอยที่แอบอ้างขึ้นมา ด้วยสองคนที่ถูกกล่าวถึง ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเองว่า ถูกคาดหัวเอาไว้แล้วด้วยคู่ซี้เพชรฆาตคู่นี้ แถมสายตายังจ้องเขม็งไม่พลาดไปจากเป้าหมายที่ดวงตกทั้งสอง
ด้วยเพราะทั้งสาวแท้และไม่แท้ทำท่าทางกระดี้กระด้าแบบสุด ๆ สองสาวที่เหลือจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง
“ เอ้ย ! นั่น ” ขวัญข้าวหลุดอุทานออกมาอย่างนึกไม่ถึง
ส่วนนายาวีพอเห็นสองหนุ่มนั้นเท่านั้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสคู่สวยที่ฉายแววร่าเริงกลับแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง หน้าใสบูดบึ้งขึ้นมาทันที ปากอิ่มเต็มหยักย้อยเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง
สาวน้อยลุกขึ้นแล้วก้าวฉับ ๆ ไปหาสองหนุ่มนั่นทันที  ได้ยินเพียงเสียง “ เฮ้ย ! แกจะทำอะไรยะ ” ดังลอยตามหลังเธอมา
พอถึงโต๊ะเป้าหมาย เธอก็เท้าสะเอวหมับ กางขาเล็ก ๆ แบบท่าเตรียมพร้อมลุย  ใบหน้าบึ้งตึง
ส่วนสองหนุ่มนั่นเหมือนรู้แกว ทำเป็นก้มลงมองแก้วน้ำปั่นของตัวเองเหมือนมองหาจุลินทรีย์สักตัว อย่างเอาเป็นเอาตาย (ไม่ใช่ ยาคูลย์ซักหน่อย จะได้มีแลคโตบาซิลัส) แต่อย่างดีสุด คงได้เห็นแค่ลูกน้ำยิ้มร่ามาให้  อีกทั้งพยายามทำตัวลีบเล็กสุด ๆ ทั้งที่เป็นไปไม่ได้ ตัวโตอย่างกับยักษ์ยังงั้นให้ยังไงมันก็ต้องมองเห็น  แถมสุมหัวแทบจะชนกัน ทำกระซิบกระซาบ
...มองแล้วคล้าย ๆ ‘คู่เกย์ยักษ์’ ออกเดต ยังไงยังงั้น...เห็นแล้วสาวน้อยแอบอมยิ้มเกือบหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางน่าร้ากๆของพี่ชาย แต่จะให้หลุดมาดนะรึ ถ้าหลุดก็ ไม่ใช่นายาวีนะสิ...
“ จะไม่เงยหน้ามาทักทายกันเลยเหรอคะ ” เสียงเข้ม ๆ ดังออกมาจากปากหยักย้อยแดงสด สายตาวาววับก็หรี่มองคนตรงหน้าทั้งสอง ที่สะดุ้งโหยงสุดตัวทันทีที่ได้ยินเสียงเธอ แต่ก็ยังนั่งก้มหน้า ไม่กล้าเงยมาสบตา  ==;;  +.+!!
สองหนุ่มใช้ขาสะกิดเกี่ยงกันไปมาเป็นครู่ แต่ไม่หลุดเสียงอะไรออกมาเลย จนสาวน้อยจะทนไม่ได้อยู่แล้ว
“ วอล์ท? (What?) ” เสียงนี้ดังมาค่อย ๆ จากปากหนุ่มหน้าขาวที่มีแว่นตาดำอันโตบดบังหน้าไปเกือบครึ่ง แถมด้วยหมวกที่เจ้าตัวใส่ก็หลุบปีกลงบดบังจนเห็นเพียงส่วนล่างของใบหน้า
“ วีแค้นท์สะปีคไทย (We can’t speak Thai.) ” ตามน้ำมาติด ๆ จากปากหนุ่มหน้าเข้ม ที่มีอุปกรณ์เสริมปิดบังใบหน้าไม่ต่างกันนัก
...ทำอย่างกับว่ากะอีแค่ไอ้หมวกแก๊บกับแว่นตาดำที่ใส่จะช่วยตบตาคนได้ แถมมันยังเตะตาขึ้นซะอีก ซิลลี่จริงๆ  พี่ใครฟะ...  :-(
สาวน้อยหน้าใสทำหน้าเซ็งสุดขีด ก่อนที่จะเบะปาก แล้วแสยะเขี้ยว
“ โห...คิดได้ไงเนี่ย เล่นมุข ตี๋อินเตอร์ กะ ฝรั่งหน้าไทย นี่ไม่เวิร์คเลยนะ ขอบอก ”
สองหนุ่มหล่อเงยหน้าขึ้นมองกันเลิ่กลั่ก ขาที่หยุดไปแล้วกลับมาสะกิดคนข้าง ๆ ใหม่ เห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้ แต่ต้องทำหน้าเข้มเข้าไว้...ไม่ได้หรอก เดี๋ยวได้ใจ...
“ วันหน้า ถ้าจะให้เนียน ก็เปลี่ยนชุดอำพรางด้วยนะ ใส่แค่นี้ทำยังกับน้องนายจะจำไม่ได้ ชุดนี่ก็ชุดเมื่อเช้าชัด ๆ ”
...กัดแล้วก็กัดให้มันมิดไปเลย...สาวน้อยนึกสะใจ
“ แล้วตามมาทำไม ไหนรับปากแล้ว ” นายาวีทำหน้าดุใส่ด้วยเสียง คุณครูไหว ใจร้าย(กว่า)
“ พวกพี่ไม่ได้ตาม แต่มันบังเอิญน่ะ ” แทนไททำหน้าแหย ตอบเสียงอ่อย
“ ไม่ตาม แต่บังเอิญจนเกือบเหยียบตาปลาเนี่ยนะ ” เสียงดุยังไม่เลิก
สองหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก !!
...ตอนน่ารัก ก็อยากเข้าใกล้อยู่หรอก แต่พอตอนดุนี่ซิ อยากหนีไปติดเกาะจริงจริ๊ง พับผ่าซิ...
“ เอ่อ ! พี่เป็นห่วง กลัวน้องนายไม่มีคนพากลับบ้าน...แล้วไหน บอกว่า มีแต่เพื่อนผู้หญิงไง ไหนมีเจ้าหน้าขาวนั่นโผล่มาด้วย ”
ตอนหลังแทนไทได้ที รีบเปลี่ยนเรื่องฉับแบบไม่ให้คนฟังตั้งตัวได้ ชี้ไม้ชี้มือตรงไปที่ธีรพงศ์ จนคนถูกชี้ที่คอยสังเกตการณ์แบบไม่ให้คลาดสายตาอยู่ ออกอาการกระดี้กระด้ามาอีกรอบ นึกว่าหนุ่มรูปหล่อสนใจตน ส่วนไตรภูมิหันไปมองหน้าคนพูด ทำหน้ายอมรับนับถือ เป็นทำนองว่า...มันไหลเก่งจริง ๆ วุ้ย เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส...
สาวน้อยมองตามมือขาว ๆ ของพี่ชายไปที่เพื่อนรัก  ...เกินงามซะจน...เฮ้อ! เพื่อนเรา... =.=
“ นี่ เห็นมั้ยอะไร ” นายาวีหันกลับมา ชูมือทำสองนิ้วแบบโฆษณาลิโพ  \\/ แล้วจิ้มพรวดเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย จนต้องผงะด้วยสัญชาตญาณ ไม่งั้นคงกระแทกเข้าที่แว่นตาดำอันโตบนหน้าหล่อ ๆ นั้น  >.< !
“ เอ๋..ก็ไม่บอดนี่ ”  เสียงประชดดังต่อ  “ แล้วทำไม ถึงมองไม่ออกว่า ‘เจ้าหน้าขาว’ นั่น มันชายก็ไม่ใช่ หญิงใกล้เคียง รู้จักมะ กระเทียม น่ะ  รึอยากจะพิสูจน์ จะได้จัดให้ ”
ทั้งแทนไทและไตรภูมิกลืนน้ำลายอีกรอบ...แต่คราวนี้ ทำไมมันผืดอย่างงี้นะ...ก่อนจะหลบสายตาวิบวับกับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มที่ยังส่งมาไม่ขาดสายของสาวไม่แท้
“.....” 
...สยองจนขนตั้งทั้งตัวเลยหว่ะ...เออ เหมือนกันเลย...~.~?  ~”~?
“ กลับถึงบ้าน คงรู้นะว่า จะโดนอะไร ” เสียงใสไม่มีแววล้อเล่นเลย...ตาก็น่ากั๊วน่ากลัว...
“.....”
...ทำไมโหดอย่างนี้ น้องนาย...นินทาในใจจะได้ยินมั้ยเนี่ย...อึ๋ย!..ทำไมมองพวกพี่อย่างนั้น...อย่าบอกนะว่าได้ยิน....เอิ๊ก...  TT__TT    TT__TT
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น