ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 : เตรียมตัว
หัดแต่งเรื่องแรกค่ะ ขอกำลังใจ ช่วยลงคะแนน และให้คำแนะนำด้วยนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ร่างน้อยบอบบางของเด็กหญิงสั่นน้อย ๆ ด้วยแรงสะอื้นไห้อย่างแรง น้ำตาไหลพรากเป็นทางจากดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยจนแดงก่ำ แพขนตาหนาชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาจนต้องกระพริบถี่ ๆ เพื่อขับไล่บางส่วนออกไป ปากหยักย้อยเบะออกอย่างไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้  ดวงตาคู่สวยเพ่งมองผู้เดินจากไปตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาที่ยังคลอครองและยังคงยืนร้องไห้ เฝ้ามองไปยังทางเดิมแม้บุคคลผู้นั้นจะจากไปจนลับตานานแล้ว
มือบางสองมือเอื้อมมาจับบ่าคนละข้างของเด็กหญิงแทบจะพร้อมกัน คล้ายต้องการจะปลอบประโลม  แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา คงปล่อยให้ร่างน้อยร้องไห้เงียบ ๆ จนหยุดอาการสะอึกสะอื้นนั้นในที่สุด
หนึ่งในสองที่ยืนข้างกายเธอยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดมาให้ เด็กหญิงรับไปเช็ดคราบน้ำตาเป็นครู่ ก่อนที่จะหันหลังกลับเดินตามทั้งสองที่จับจูงมือเล็ก ๆ ของเธอตรงไปยังกลุ่มคนที่ยืนรออยู่เบื้องหลังไม่ห่างกันนั้น
...ทิ้งไว้แต่เพียงความโศกเศร้าเสียใจที่คงติดตรึงอยู่ในหัวใจดวงน้อยไปอีกนาน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกบานยาวที่บัดนี้เปิดม่านสีครีมออกกว้างเพื่อรับรู้ความเป็นไปของโลกภายนอก เสียงเครื่องทำความเย็นผสานกับเสียงวิทยุที่บรรเลงเพลงท่วงทำนองสบาย ๆ เหมาะแก่การสู่โลกวันใหม่
เด็กสาวรูปร่างเล็กบางอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายกำลังนั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นสาวน้อยอ่อนวัย ผิวขาวใส ภายในวงหน้ารูปหัวใจ ประกอบไปด้วย คิ้วเข้มยาว ขนานกับ นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนใสแจ๋วแบบเด็ก ๆ ขนตางอนหนายาวเป็นแพ ปากอิ่มเต็มหยักย้อยแดงจัดอย่างทารกยังไม่หย่านม จมูกเล็กโด่งรั้นน้อย บ่งบอกถึงนิสัย ดวงหน้าล้อมกรอบด้วยผมยาวสีน้ำตาลเข้มรวบมัดเป็นหางม้าด้วยโบว์ฉลุลายดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวสะอาด
“ น้องนาย เสร็จรึยัง ลูก พี่ๆ รออยู่นะจ้ะ ” เสียงเรียกจากหน้าห้องดังแว่วมาหลังจากเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง
“ เจ้าค่า เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ คุณแม่ ” เด็กสาวขานรับ ก่อนที่จะย่นจมูกเล็ก ๆ กับเงาของตน ตรวจดูความเรียบร้อยตัวเองอีกครั้ง แล้วจัดการกับเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เธอหยิบกระเป๋าแล้วจึงเดินจากห้องไป
เสียงตึง ๆ ที่ดังมาจากบันไดทำให้ทุกคนในห้องอาหารได้รับรู้การมาของเจ้าของเสียง
“ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ลูก ยังเช้าอยู่เลย ” คุณเทพไท ชายกลางคนเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ ณ โต๊ะอาหารกล่าวทัก ก่อนที่จะกลับไปสนใจกับหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่
ส่วนอีกสองหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยนั้น ต่างพากันฉีกยิ้มรับสาวน้อยอย่างกับพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ถ้าร้องเพลงคลอด้วยได้ คงทำกันไปแล้ว
“ ลูกคนนี้นี่ คุณแม่สอนหลายครั้งแล้วว่า เราน่ะ เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ช้างน้อยนะจ้ะ เดินให้เบา ๆหน่อย อย่าทำเป็นช้างกระทืบโรงแบบนี้ มันไม่งาม ”
คุณเนตรนภาตีแขนลูกสาวเป็นเชิงเตือน ฝ่ายผู้โดนประทุษร้ายก็ลุบแขนปอย ๆ ทำหน้าแหย ทั้งที่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย แถมเข้ากอดเอวบางของผู้เป็นมารดาเป็นเชิงประจบ
“ ขอโทษค่ะ แหม วันนี้ น้องนายตื่นเต้นไปหน่อยนี่นา ” นายาวีหอมแก้มซ้ายขวาผู้ถูกกอด ก่อนที่จะเดินไปที่ประจำที่โต๊ะอาหาร
“ คุณอาอย่าว่าน้องเลยครับ ผมว่า น้องนายทำอะไรก็น่ารักดูดีไปหมดแหละครับ จริงมั้ย ภูมิ ” ชายหนุ่มผิวขาวจัด หน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้ม ตาสองชั้นแต่ยาวรีแบบคนมีเชื้อจีนกล่าวก่อนที่จะหันไปขอแรงเสริมจากอีกหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ
“ จริงครับ คุณอา ” ไตรภูมิ ชายหนุ่มหน้าตาคมคายแบบไทยแท้ ซึ่งโดยปรกติจะไม่ถูกกับแทนไท กลับรับลูกส่งของอีกฝ่ายทันที
เสียงหัวเราะแว่ว ๆ ดังมาจากผู้ซึ่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หัวโต๊ะ ทำให้นายาวีระบายยิ้มก่อนหัวเราะคิกออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ จนผู้เป็นมารดาที่บัดนี้กลายเป็นกระเทียมลีบหัวเดียวของครอบครัวต้องค้อนควับผู้เป็นลูกสาว
“ จ้ะ ๆ ตามใจกันเข้าไป ทั้งคุณพี่ คุณลุง จนจะเสียนิสัยอยู่แล้ว ” คุณเนตรนภาหันไปกล่าวหาคนที่เหลือทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะตัวเธอเองนั้น ก็ตามใจลูกสาวเป็นส่วนมากเหมือนกัน แต่ที่ต้องคอยปรามบ้างเพราะมิฉะนั้น จะไม่มีใครคอยแนะนำตักเตือนสาวน้อยคนนี้เลย ส่วนคนที่เคยทำหน้าที่นี้อย่างดีตอนนี้ก็ยังอยู่ไกลแสนไกล
ทุกคนที่ถูกกล่าวหารวมทั้งตัวต้นเหตุต่างพากันอมยิ้มให้แก่กัน จนคุณเนตรนภาอดไม่ได้ส่งค้อนอีกครั้ง ก่อนสั่งให้สาวใช้เริ่มเสริฟอาหารเช้า
“ เอาล่ะจ้ะ ๆ รีบกันไม่ใช่รึจ้ะ งั้นก็เริ่มเลย ”
คุณเนตรนภานั่งมองแต่ละคนจัดการกับอาหารเช้าตรงหน้า แล้วก็ให้นึกถึง ความโชคดีของเธอที่มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นอย่างทุกวันนี้
...วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนายาวี ลูกคนเดียวของเธอ ซึ่งเธอมั่นใจว่า นายาวีจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง ด้วยลูกสาวเธอเป็นเด็กเรียนดีและตั้งใจเรียนมาตลอด  ส่วนสองหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ในที่นี้ จริง ๆ แล้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับลูกสาวเธอเลย
หลังจากสามีคนแรก พ่อของนายาวีเสียชีวิตไปเมื่อนายาวีอายุได้เพียงแปดขวบ เธอก็เป็นซิงเกิ้ลมอม เลี้ยงดูลูกสาวมาคนเดียวโดยไม่ได้ลำบากอะไรเพราะฐานะดั้งเดิมเธอดีอยู่แล้ว จนมาพบ ตฤณ เมษวาณิช สามีคนที่สอง เจ้าของบริษัทส่งออก และก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทย การแต่งงานเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและชีวิตสมรสก็จบอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียงไม่ถึงสองปี เหตุที่ ตฤณ เป็นหนุ่มเจ้าสังคมเนื้อหอม สมาร์ทและดูดีแม้จะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว ที่สำคัญ เจ้าชู้อย่างร้ายกาจ ทำให้เธอทนชีวิตที่สามีรายล้อมไปด้วยผู้หญิงมากหน้าไม่ได้
ต่อจากนั้นเพียงเวลาไม่นาน เธอได้ใกล้ชิดกับ เทพไท ไวยเวชศาสตร์ เพื่อนสนิทของตฤณ พ่อม่ายเจ้าของบริษัทโฆษณาและออกแบบชื่อดัง จนพบรักอีกครั้ง สองปีหลังจากการแต่งงานครั้งที่สอง เธอจึงเข้าพิธีอีกครั้งเป็นครั้งที่สามของชีวิต
แล้วเทพไทก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง ด้วยเขาเป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น และ รักครอบครัว เทพไทรักนายาวี ลูกเลี้ยง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า แทนไท ลูกชายคนเดียวของเขา
ส่วนชายหนุ่มอีกคนในที่นี้ ไตรภูมิ ลูกชายคนเล็กของ ตฤณ ซึ่งเคยเป็นลูกเลี้ยงของเธอ ก็เข้านอกออกในบ้านนี้สม่ำเสมอ ด้วยบ้านของทั้งสามีเก่าและสามีคนปัจจุบันตั้งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันเพียงไม่ถึง 300 เมตร
ด้วยเหตุนี้ ลูกสาวเธอและลูก ๆ ของสามีทั้งสองจึงคลุกคลีสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดย แทนไท และ ไตรภูมิ นั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไม่เลิกจนมาถึงปัจจุบัน ด้วยสาเหตุที่ทุกคนต่างรู้ดี
“ พวกเราไปนะคะคุณแม่ คุณลุง เดี๋ยวคนจะเยอะ แล้วนายจะโทรมาแจ้งข่าวค่ะ ” เสียงลูกสาวปลุกเธอจากภวังค์ตามด้วยเสียงอีกสองหนุ่ม
“ ไปแล้วนะครับ คุณพ่อ / คุณลุง ”
“ โชคดีนะ คนเก่งของลุง ” คุณเทพไทอวยพรลูกเลี้ยง
“ จ้ะ ขอให้โชคดีนะจ้ะ ลูกรัก”
เนตรนภายื่นแก้มให้ลูกสาวเธอหอม และหันไปรับคำลาจากแทนไท ไตรภูมิ แล้วมองตามทั้งสามเดินออกไปจากห้องอาหาร
“ คุณไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าสองคนนั่นดูแลน้องดีอยู่แล้ว ” คุณเทพไทกล่าวพลางส่งยิ้มให้ภรรยา
“ ก็เพราะดีเกินไปนี่แหละค่ะ ที่น่าเป็นห่วง ” เนตรนภารำพึงกับตัวเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ น้องนายครับ วันนี้นั่งหน้ากับพี่นะครับ ” แทนไทออดอ้อนหญิงสาวเมื่อเดินไปถึงที่จอดรถ
...เอาแล้วไงล่ะ...
“ ได้งัยวะ...นั่งกับพี่ดีกว่าครับ เดี๋ยวสาว ๆ ของเจ้าแทนมันจะเข้าใจผิด ”
อีกฝ่ายหายอมไม่ ก่อนหันมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับหญิงสาวคนเดียวในที่นี้ ทั้งที่โดยปกติจะเป็นคนนิ่ง ๆ เฉย ๆ แต่กับน้องสาวคนนี้กลับทำตัวอย่างกับแมวน้อยตะแง้วเจ้าของ ร้อง เหมียว ๆ ได้ตลอดเวลา
...เห็นเข้ากันดีเมื่อกี้นี้เอง ไม่ทันไร เอาอีกแล้ว...
“ เฮ้ย ! สาวไหน ข้าไม่มีนะเว้ย อย่าหาเรื่องกันแต่เช้าเลยว่ะ ไอ้ภูมิ...น้องนายอย่าเชื่อมันนะครับ สำหรับพี่ น้องนายสำคัญที่สุด ”
...เอ้า แปลงกายเป็นแมวเหมียวอีกคนแล้ว แล้วนี่เมื่อไรจะได้ไปนะนี่...
นายาวีกลอกตาไปมา มองชายหนุ่มทั้งสองโต้คารมรอบเช้าก่อนได้ฤกษ์ออกเดินทาง
“ สำคัญที่สุด ! แสดงว่า ที่รอง ๆ ก็ต้องมีสิวะ ”
เจ้าตัวที่มี ‘สาวอื่น’ ร้อนตัวเริ่มโวยวายหนัก
“ หาเรื่องกันนี่หว่า ! ”
“ ข้าพูดเรื่องจริง เห็น ๆ กันอยู่ว่า เมื่อวาน แกเดินก้อร่อก้อติกอยู่กับสาวมนุษฯ ” 
แทนไทสะดุ้ง เมื่อเพลี่ยงพล้ำ คู่แข่งดันมารู้ความลับ ซึ่งปิดไม่มิด...ก็จะให้มิดได้ไง ดันจีบดะไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอย่างนี้
“ เพื่อนเว้ยเพื่อน คนมันมนุษยสัมพันธ์ดี  ไม่เหมือนแกนี่หว่า คนพูดด้วย ก็ทำหน้างอเป็นตะขอข้าว ”
...เดินคุยกับมนุษย์ไม่เห็นแปลก ถ้าเดินคุยกับหมาแมวกาไก่รู้เรื่องสิ จะจับส่งละครสัตว์ เอ หรือว่าจะเป็นศรีธัญญาดี จะได้แยกกันซักทีคู่นี้...หญิงสาวคิดขำ
“ หน้านี้ หน้าโหมดปกติของข้าเว้ย คนมันหล่อ 24 ชั่วโมง ช่วยไม่ได้ ” เสียงยียวน พร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็เหมือนแยกเขี้ยวซะมากกว่าส่งกลับมา
“ ชะชะ สมัยนี้ มันต้องหล่อตี๋อย่างข้าเว้ย อย่างเอ็งน่ะ หาไทม์แมชชีนให้ได้ก่อน แล้วกลับไปหาสาว ๆ สมัยอยุธยา...เอาเป็นว่า สุโขทัย เลยแล้วกัน อยุธยายังน้อยไป..ถึงจะหาคนยืนยันได้ว่า เอ็งหล่อจริงสักคน..หนอย...หน้าโบ จน โม ไม่ได้แล้ว ”
อีกฝ่ายทนไม่ได้ เถียงไม่ทัน เพราะเป็นคนพูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เริ่มขยับมือขยับเท้าเข้าใกล้คนหล่อตี๋ หมายจะใช้กำลังเข้าสู้ดีกว่าพ่นน้ำลายให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่อย่างนี้ จนคนตัวเล็กอยู่ตรงกลาง ที่ฟังเค้าทะเลาะข้ามหัวไปข้ามหัวมาทนไม่ได้ ต้องยกมือห้าม ร้องอย่างอดรนทนไม่ได้
“ หยุ้ด! ” เสียงแหลมเล็กแผดลั่น
แล้วเสียงสวรรค์ที่ดังมาจากด้านใต้ก็ได้ผล คนที่ตั้งท่าจะวางมวยฝ่ายน้ำเงิน-แดงหยุดชะงัก
สองหนุ่มที่หายใจแรง ๆ อยู่ในชั้นอากาศชั้นสูง ก้มลงมองคนอยู่อากาศชั้นล่าง
“ ถ้ายังทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ น้องนายจะให้คนรถไปส่ง จะได้หมดปัญหา ” สาวน้อยยื่นมาตราการขั้นสุดท้ายออกไป
คราวนี้ทั้งหนุ่มหล่อไทยแท้ และ หล่อตี๋ ต่างพากันร้องออกมาพร้อม ๆ โดยพร้อมเพรียง
“ ไม่ได้นะครับ ”
...ให้มันได้อย่างนี้สิน่า...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ร่างน้อยบอบบางของเด็กหญิงสั่นน้อย ๆ ด้วยแรงสะอื้นไห้อย่างแรง น้ำตาไหลพรากเป็นทางจากดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยจนแดงก่ำ แพขนตาหนาชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาจนต้องกระพริบถี่ ๆ เพื่อขับไล่บางส่วนออกไป ปากหยักย้อยเบะออกอย่างไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้  ดวงตาคู่สวยเพ่งมองผู้เดินจากไปตรงหน้าผ่านม่านน้ำตาที่ยังคลอครองและยังคงยืนร้องไห้ เฝ้ามองไปยังทางเดิมแม้บุคคลผู้นั้นจะจากไปจนลับตานานแล้ว
มือบางสองมือเอื้อมมาจับบ่าคนละข้างของเด็กหญิงแทบจะพร้อมกัน คล้ายต้องการจะปลอบประโลม  แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา คงปล่อยให้ร่างน้อยร้องไห้เงียบ ๆ จนหยุดอาการสะอึกสะอื้นนั้นในที่สุด
หนึ่งในสองที่ยืนข้างกายเธอยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดมาให้ เด็กหญิงรับไปเช็ดคราบน้ำตาเป็นครู่ ก่อนที่จะหันหลังกลับเดินตามทั้งสองที่จับจูงมือเล็ก ๆ ของเธอตรงไปยังกลุ่มคนที่ยืนรออยู่เบื้องหลังไม่ห่างกันนั้น
...ทิ้งไว้แต่เพียงความโศกเศร้าเสียใจที่คงติดตรึงอยู่ในหัวใจดวงน้อยไปอีกนาน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกบานยาวที่บัดนี้เปิดม่านสีครีมออกกว้างเพื่อรับรู้ความเป็นไปของโลกภายนอก เสียงเครื่องทำความเย็นผสานกับเสียงวิทยุที่บรรเลงเพลงท่วงทำนองสบาย ๆ เหมาะแก่การสู่โลกวันใหม่
เด็กสาวรูปร่างเล็กบางอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายกำลังนั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นสาวน้อยอ่อนวัย ผิวขาวใส ภายในวงหน้ารูปหัวใจ ประกอบไปด้วย คิ้วเข้มยาว ขนานกับ นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนใสแจ๋วแบบเด็ก ๆ ขนตางอนหนายาวเป็นแพ ปากอิ่มเต็มหยักย้อยแดงจัดอย่างทารกยังไม่หย่านม จมูกเล็กโด่งรั้นน้อย บ่งบอกถึงนิสัย ดวงหน้าล้อมกรอบด้วยผมยาวสีน้ำตาลเข้มรวบมัดเป็นหางม้าด้วยโบว์ฉลุลายดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวสะอาด
“ น้องนาย เสร็จรึยัง ลูก พี่ๆ รออยู่นะจ้ะ ” เสียงเรียกจากหน้าห้องดังแว่วมาหลังจากเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง
“ เจ้าค่า เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ คุณแม่ ” เด็กสาวขานรับ ก่อนที่จะย่นจมูกเล็ก ๆ กับเงาของตน ตรวจดูความเรียบร้อยตัวเองอีกครั้ง แล้วจัดการกับเครื่องไฟฟ้าต่าง ๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เธอหยิบกระเป๋าแล้วจึงเดินจากห้องไป
เสียงตึง ๆ ที่ดังมาจากบันไดทำให้ทุกคนในห้องอาหารได้รับรู้การมาของเจ้าของเสียง
“ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ลูก ยังเช้าอยู่เลย ” คุณเทพไท ชายกลางคนเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ ณ โต๊ะอาหารกล่าวทัก ก่อนที่จะกลับไปสนใจกับหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่
ส่วนอีกสองหนุ่มที่นั่งอยู่ด้วยนั้น ต่างพากันฉีกยิ้มรับสาวน้อยอย่างกับพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ถ้าร้องเพลงคลอด้วยได้ คงทำกันไปแล้ว
“ ลูกคนนี้นี่ คุณแม่สอนหลายครั้งแล้วว่า เราน่ะ เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ช้างน้อยนะจ้ะ เดินให้เบา ๆหน่อย อย่าทำเป็นช้างกระทืบโรงแบบนี้ มันไม่งาม ”
คุณเนตรนภาตีแขนลูกสาวเป็นเชิงเตือน ฝ่ายผู้โดนประทุษร้ายก็ลุบแขนปอย ๆ ทำหน้าแหย ทั้งที่ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย แถมเข้ากอดเอวบางของผู้เป็นมารดาเป็นเชิงประจบ
“ ขอโทษค่ะ แหม วันนี้ น้องนายตื่นเต้นไปหน่อยนี่นา ” นายาวีหอมแก้มซ้ายขวาผู้ถูกกอด ก่อนที่จะเดินไปที่ประจำที่โต๊ะอาหาร
“ คุณอาอย่าว่าน้องเลยครับ ผมว่า น้องนายทำอะไรก็น่ารักดูดีไปหมดแหละครับ จริงมั้ย ภูมิ ” ชายหนุ่มผิวขาวจัด หน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้ม ตาสองชั้นแต่ยาวรีแบบคนมีเชื้อจีนกล่าวก่อนที่จะหันไปขอแรงเสริมจากอีกหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ
“ จริงครับ คุณอา ” ไตรภูมิ ชายหนุ่มหน้าตาคมคายแบบไทยแท้ ซึ่งโดยปรกติจะไม่ถูกกับแทนไท กลับรับลูกส่งของอีกฝ่ายทันที
เสียงหัวเราะแว่ว ๆ ดังมาจากผู้ซึ่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หัวโต๊ะ ทำให้นายาวีระบายยิ้มก่อนหัวเราะคิกออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ จนผู้เป็นมารดาที่บัดนี้กลายเป็นกระเทียมลีบหัวเดียวของครอบครัวต้องค้อนควับผู้เป็นลูกสาว
“ จ้ะ ๆ ตามใจกันเข้าไป ทั้งคุณพี่ คุณลุง จนจะเสียนิสัยอยู่แล้ว ” คุณเนตรนภาหันไปกล่าวหาคนที่เหลือทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะตัวเธอเองนั้น ก็ตามใจลูกสาวเป็นส่วนมากเหมือนกัน แต่ที่ต้องคอยปรามบ้างเพราะมิฉะนั้น จะไม่มีใครคอยแนะนำตักเตือนสาวน้อยคนนี้เลย ส่วนคนที่เคยทำหน้าที่นี้อย่างดีตอนนี้ก็ยังอยู่ไกลแสนไกล
ทุกคนที่ถูกกล่าวหารวมทั้งตัวต้นเหตุต่างพากันอมยิ้มให้แก่กัน จนคุณเนตรนภาอดไม่ได้ส่งค้อนอีกครั้ง ก่อนสั่งให้สาวใช้เริ่มเสริฟอาหารเช้า
“ เอาล่ะจ้ะ ๆ รีบกันไม่ใช่รึจ้ะ งั้นก็เริ่มเลย ”
คุณเนตรนภานั่งมองแต่ละคนจัดการกับอาหารเช้าตรงหน้า แล้วก็ให้นึกถึง ความโชคดีของเธอที่มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นอย่างทุกวันนี้
...วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนายาวี ลูกคนเดียวของเธอ ซึ่งเธอมั่นใจว่า นายาวีจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง ด้วยลูกสาวเธอเป็นเด็กเรียนดีและตั้งใจเรียนมาตลอด  ส่วนสองหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ในที่นี้ จริง ๆ แล้วไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับลูกสาวเธอเลย
หลังจากสามีคนแรก พ่อของนายาวีเสียชีวิตไปเมื่อนายาวีอายุได้เพียงแปดขวบ เธอก็เป็นซิงเกิ้ลมอม เลี้ยงดูลูกสาวมาคนเดียวโดยไม่ได้ลำบากอะไรเพราะฐานะดั้งเดิมเธอดีอยู่แล้ว จนมาพบ ตฤณ เมษวาณิช สามีคนที่สอง เจ้าของบริษัทส่งออก และก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทย การแต่งงานเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและชีวิตสมรสก็จบอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียงไม่ถึงสองปี เหตุที่ ตฤณ เป็นหนุ่มเจ้าสังคมเนื้อหอม สมาร์ทและดูดีแม้จะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว ที่สำคัญ เจ้าชู้อย่างร้ายกาจ ทำให้เธอทนชีวิตที่สามีรายล้อมไปด้วยผู้หญิงมากหน้าไม่ได้
ต่อจากนั้นเพียงเวลาไม่นาน เธอได้ใกล้ชิดกับ เทพไท ไวยเวชศาสตร์ เพื่อนสนิทของตฤณ พ่อม่ายเจ้าของบริษัทโฆษณาและออกแบบชื่อดัง จนพบรักอีกครั้ง สองปีหลังจากการแต่งงานครั้งที่สอง เธอจึงเข้าพิธีอีกครั้งเป็นครั้งที่สามของชีวิต
แล้วเทพไทก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง ด้วยเขาเป็นคนอารมณ์ดี ใจเย็น และ รักครอบครัว เทพไทรักนายาวี ลูกเลี้ยง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า แทนไท ลูกชายคนเดียวของเขา
ส่วนชายหนุ่มอีกคนในที่นี้ ไตรภูมิ ลูกชายคนเล็กของ ตฤณ ซึ่งเคยเป็นลูกเลี้ยงของเธอ ก็เข้านอกออกในบ้านนี้สม่ำเสมอ ด้วยบ้านของทั้งสามีเก่าและสามีคนปัจจุบันตั้งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ห่างกันเพียงไม่ถึง 300 เมตร
ด้วยเหตุนี้ ลูกสาวเธอและลูก ๆ ของสามีทั้งสองจึงคลุกคลีสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดย แทนไท และ ไตรภูมิ นั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันไม่เลิกจนมาถึงปัจจุบัน ด้วยสาเหตุที่ทุกคนต่างรู้ดี
“ พวกเราไปนะคะคุณแม่ คุณลุง เดี๋ยวคนจะเยอะ แล้วนายจะโทรมาแจ้งข่าวค่ะ ” เสียงลูกสาวปลุกเธอจากภวังค์ตามด้วยเสียงอีกสองหนุ่ม
“ ไปแล้วนะครับ คุณพ่อ / คุณลุง ”
“ โชคดีนะ คนเก่งของลุง ” คุณเทพไทอวยพรลูกเลี้ยง
“ จ้ะ ขอให้โชคดีนะจ้ะ ลูกรัก”
เนตรนภายื่นแก้มให้ลูกสาวเธอหอม และหันไปรับคำลาจากแทนไท ไตรภูมิ แล้วมองตามทั้งสามเดินออกไปจากห้องอาหาร
“ คุณไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าสองคนนั่นดูแลน้องดีอยู่แล้ว ” คุณเทพไทกล่าวพลางส่งยิ้มให้ภรรยา
“ ก็เพราะดีเกินไปนี่แหละค่ะ ที่น่าเป็นห่วง ” เนตรนภารำพึงกับตัวเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ น้องนายครับ วันนี้นั่งหน้ากับพี่นะครับ ” แทนไทออดอ้อนหญิงสาวเมื่อเดินไปถึงที่จอดรถ
...เอาแล้วไงล่ะ...
“ ได้งัยวะ...นั่งกับพี่ดีกว่าครับ เดี๋ยวสาว ๆ ของเจ้าแทนมันจะเข้าใจผิด ”
อีกฝ่ายหายอมไม่ ก่อนหันมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับหญิงสาวคนเดียวในที่นี้ ทั้งที่โดยปกติจะเป็นคนนิ่ง ๆ เฉย ๆ แต่กับน้องสาวคนนี้กลับทำตัวอย่างกับแมวน้อยตะแง้วเจ้าของ ร้อง เหมียว ๆ ได้ตลอดเวลา
...เห็นเข้ากันดีเมื่อกี้นี้เอง ไม่ทันไร เอาอีกแล้ว...
“ เฮ้ย ! สาวไหน ข้าไม่มีนะเว้ย อย่าหาเรื่องกันแต่เช้าเลยว่ะ ไอ้ภูมิ...น้องนายอย่าเชื่อมันนะครับ สำหรับพี่ น้องนายสำคัญที่สุด ”
...เอ้า แปลงกายเป็นแมวเหมียวอีกคนแล้ว แล้วนี่เมื่อไรจะได้ไปนะนี่...
นายาวีกลอกตาไปมา มองชายหนุ่มทั้งสองโต้คารมรอบเช้าก่อนได้ฤกษ์ออกเดินทาง
“ สำคัญที่สุด ! แสดงว่า ที่รอง ๆ ก็ต้องมีสิวะ ”
เจ้าตัวที่มี ‘สาวอื่น’ ร้อนตัวเริ่มโวยวายหนัก
“ หาเรื่องกันนี่หว่า ! ”
“ ข้าพูดเรื่องจริง เห็น ๆ กันอยู่ว่า เมื่อวาน แกเดินก้อร่อก้อติกอยู่กับสาวมนุษฯ ” 
แทนไทสะดุ้ง เมื่อเพลี่ยงพล้ำ คู่แข่งดันมารู้ความลับ ซึ่งปิดไม่มิด...ก็จะให้มิดได้ไง ดันจีบดะไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอย่างนี้
“ เพื่อนเว้ยเพื่อน คนมันมนุษยสัมพันธ์ดี  ไม่เหมือนแกนี่หว่า คนพูดด้วย ก็ทำหน้างอเป็นตะขอข้าว ”
...เดินคุยกับมนุษย์ไม่เห็นแปลก ถ้าเดินคุยกับหมาแมวกาไก่รู้เรื่องสิ จะจับส่งละครสัตว์ เอ หรือว่าจะเป็นศรีธัญญาดี จะได้แยกกันซักทีคู่นี้...หญิงสาวคิดขำ
“ หน้านี้ หน้าโหมดปกติของข้าเว้ย คนมันหล่อ 24 ชั่วโมง ช่วยไม่ได้ ” เสียงยียวน พร้อมรอยยิ้มที่ดูยังไงก็เหมือนแยกเขี้ยวซะมากกว่าส่งกลับมา
“ ชะชะ สมัยนี้ มันต้องหล่อตี๋อย่างข้าเว้ย อย่างเอ็งน่ะ หาไทม์แมชชีนให้ได้ก่อน แล้วกลับไปหาสาว ๆ สมัยอยุธยา...เอาเป็นว่า สุโขทัย เลยแล้วกัน อยุธยายังน้อยไป..ถึงจะหาคนยืนยันได้ว่า เอ็งหล่อจริงสักคน..หนอย...หน้าโบ จน โม ไม่ได้แล้ว ”
อีกฝ่ายทนไม่ได้ เถียงไม่ทัน เพราะเป็นคนพูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เริ่มขยับมือขยับเท้าเข้าใกล้คนหล่อตี๋ หมายจะใช้กำลังเข้าสู้ดีกว่าพ่นน้ำลายให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่อย่างนี้ จนคนตัวเล็กอยู่ตรงกลาง ที่ฟังเค้าทะเลาะข้ามหัวไปข้ามหัวมาทนไม่ได้ ต้องยกมือห้าม ร้องอย่างอดรนทนไม่ได้
“ หยุ้ด! ” เสียงแหลมเล็กแผดลั่น
แล้วเสียงสวรรค์ที่ดังมาจากด้านใต้ก็ได้ผล คนที่ตั้งท่าจะวางมวยฝ่ายน้ำเงิน-แดงหยุดชะงัก
สองหนุ่มที่หายใจแรง ๆ อยู่ในชั้นอากาศชั้นสูง ก้มลงมองคนอยู่อากาศชั้นล่าง
“ ถ้ายังทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ น้องนายจะให้คนรถไปส่ง จะได้หมดปัญหา ” สาวน้อยยื่นมาตราการขั้นสุดท้ายออกไป
คราวนี้ทั้งหนุ่มหล่อไทยแท้ และ หล่อตี๋ ต่างพากันร้องออกมาพร้อม ๆ โดยพร้อมเพรียง
“ ไม่ได้นะครับ ”
...ให้มันได้อย่างนี้สิน่า...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น