ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกาะเวทย์มนต์

    ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนร่วมการเดินทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 67
      0
      6 มิ.ย. 50

                  สวัสดีคร้าบ----ทุกคน  กระผมคูล  ลูกครึ่งอสูรที่แสนน่ารักครับ เมื่อวานนี้จู่ๆก็ไปเจอเด็กผู้หญิงท่าทางแปลกๆแถมใช้เวทมนต์เป็นหน้าตาก็น่ารักดีหรอก  แต่นิสัยนี่สิครับ  อารมณ์ร้ายสุดๆไปเลย  เมื่อวานก็โดนไปหลายโป๊ก  แล้วก็...

                   "ไอ้คูล  นายกำลังนินทาฉันอยู่ใช่รึเปล่า?"แววตาอาฆาตร้ายแรงและพยาบาทสีแดงเพลิงของเธอจ้องมาตรงๆ   นี่แหละคร้าบสาวน้อยผู้(ไม่)บอบบาง  แถมอารมณ์ร้ายที่ผมเพิ่งเจอเมื่อวาน  ผู้มีนามว่าแฟรี่(สัญชาตญาณก็ดีซะด้วย)

                    "ง่า...."

                    "ก็สวยสิ(วะ)  ตาย!!!"

                    "เหวอออ"ผมร้องก่อนจะตั้งรับ  แต่สายไปเสียแล้วเพราะตอนนี้เธอกำลังอัดผมจะแย่อยู่แล้วครับ

                                    *******************

                     ถึงจะบอกว่าเป็นผู้หญิงก็เถอะ  แต่ทั้งอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆ  บวกกับ  ความสามารถในการต่อสู้ที่เหมือนโดนฝึกมาดีก็เล่นเอาผมน่วม  ผมคิดพลางเอามือคลำแก้ม

                     "สำออย"เธอบอก  ก่อนจะทำแผลให้ตัวเอง

                     "ฉันถือคติไม่ทำร้ายผู้หญิงต่างหาก"ผมโต้  ก่อนจะเอาลิ้นเลียแผลที่ข้อศอก  

                     "โม้"เธอโต้  ก่อนจะกระโดนลงมาจากต้นไม้  นอกจากจะเก่งแล้วยังตัวเบาอีกแน่ะ

                      "ยื่นแขนมา"

                      "??"

                      "บอกให้ยื่นก็ยื่นมาเซ่!!"เธอบอกอย่างหัวเสีย(แต่ไม่เสียหัว)

                      "ค..คร้าบ"ผมทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้  นึกสงสัยว่าเธอจะทำอะไรกับผมอีก  จึงส่งสายตาไม่ไว้ใจไป

                       "ไม่ไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?"เธอถามเสียงดุๆ

                      "เปล่า..มั้ง"ผมตอบ  ก่อนจะโดนข้อศอกของเธอโดนเต็มๆกลางศรีษะ

                      "ฉันจะมาช่วยทำแผลให้ต่างหาก"เธอจับข้อมือผม  ก่อนจะบีบแรงๆ

                     "โอ๊ย"เธอบีบผมอย่างแรงจนทำให้ผมต้องร้องขึ้นมา  แฟรี่ช้อนสายตาขึ้นมามอง  ก่อนจะถาม"แผลหายแล้วจะร้องทำบ้าอะไร"

                     "??"ผมถึงกับงงก่อนจะยกแขนซ้ายขึ้น  ปล่อยให้เธอจับแขนขวาผมไว้  แผลที่โดนข่วน ชก เตะ หมัด หายไปเกลี้ยง

                     "เก่งนะเนี่ย"ผมเปรยขณะยกแขนตัวเองขึ้นมามอง  เธอหันกลับมามองผม  ตาสีแดงกับผมสีดำของเธอถ้าดูตอนนี้เธอก็น่ารักไม่เลว

                     "มันแหงงอยู่แล้ว ตาบ้า"เธอตอบ  ซึ่งทำให้ผมถึงกับหน้าเบ้  ความชื่นชมที่มีอยู่ตะกี๊หายไปสิ้น

                     "เดี๋ยวๆยังไม่เสร็จ"เธอบอกตอนที่ผมกำลังจะชักแขนซ้ายกลับ

                     "ทำไม?  ก็แผลหายแล้ว"ผมถามทำหน้างงๆ  ก่อนจะกลับมาเครียดทันที  เพราะสีหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

                     "เจ้าแห่งศาสตร์เวทมนต์  ณ บัดนี้  ข้าขอกระทำการ..."ขณะที่เธอกำลังร่ายเวทย์  รอบๆตัวพวกผมก็เริ่มมืดลงจนน่าตกใจ  ทั้งๆที่เป็นตอนสี่โมงเช้า??

                     "ผนึกไว้....ด้วยเหตุ..."ตาของผมเริ่มจะปิดแม้จะพยายามฝืนไว้ "เริ่มการผนึก"  เธอจับแขนขวาของผมไว้ให้กระชับก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์  วงแหวนเวทย์สีขาวสว่างปรากฏขึ้นก่อนจะวิ่งเข้าสู่แขนขวาของผม  แล้วลามขึ้นมาถึงหน้าอกแล้วแสงสีขาวก็จ้าขึ้นอีกครั้งแล้วดับไป  ผมทนไม่ไหว ไม่ฝืนมันแล้วโว้ยยย  หลับดีกว่า  แล้วทุกอย่างก็กลับมาอยู่สภาพเดิมอีกครั้ง  แสงสว่างกลับมาที่เดิม  เหมือก่อนที่แฟรี่จะร่ายเวทย์

                      แฟรี่จับผมนอนอลง  พอหัวถึงพื้นผมก็หลับทันที  เธอยิ้มสายตาเจ้าเลห์  ดวงตาสีแดงสั่นระริกด้วยความขบขัน

                      "โทษฉันไม่ได้นะ  นายไว้ใจคนอื่นมากเกินไป..."

                                     **********************

                      หลงนึกว่าจะเป็นคนดีที่ไหนได้...  โว้ยยยเสียรู้จนได้  ผมย่ำเท้าหนักๆด้วยความโมโห เมื่อพบว่าตื่นขึ้นมาก็มีรอยสักแปลกๆตั้งแต่แขนซ้ายลามไปจนถึงหน้าอก  พอผมถามเธอ เธอก็บอกว่า  มันเป็นพันธสัญญาอสูรรับใช้กับนายบ่าว  อ๊ากกกก  ม่ายยยย  นี่มันอะไรกันเนี่ย  แถมยังเสริมไว้อีกว่า  ถ้าเกิดอสูรรับใช้ทำร้ายนายบ่าวสายฟ้าก็จะผ่าใส่ผมทันที  รับไม่ได้อย่างรุนแรงจริงๆ

                       "ทำหน้าอย่างนั้นคิดจะหาเรื่องกันเหรอ"แฟรี่หันมาถาม  (ใครกันแน่ฟะ)

                       "....ฉันหาเรื่องเธอได้เหรอ"ผมโต้กลับอย่างเนือยๆ  สายตาบอกว่าเบื่อสุดๆ

                       "โกรธเหรอ...?"

                       "แล้วคิดว่ายังไงเล่า?".

                       "นายคิดว่าฉันจะจับนายมาเป็นอสูรรับใช้ โดยไม่มีเหตุผลงั้นสิ?"เธอพูดอย่างเคืองๆ

                       "ก็คิดอย่างงั้นแหละ.."ผมพึมพำให้เธอไม่ได้ยิน  แต่ก็นั่นแหละ  ดูเหมือนว่าแฟรี่คงจะมีหูเรดาร์เธอถึงได้เริ่มอธิบายชนิดยาวเหยียดให้ผมฟัง

                       "ไม่ได้คิดจะบังคับหรอกนะ  แต่ว่าฉันกับนายยังอยู่ในป่าบ้านี่อยู่เลย  แล้วฉันก็เป็นพวกหลงทางง่าย  นายเป็นลูกครึ่ง...นั่นแหละ  น่าจะรู้ทิศมากกว่าฉัน  แต่ฉันไม่รู้ว่านายจะแอบหนีไปเมื่อไหร่นี่  ขืนเป็นอย่างนั้นฉํนก็แย่ใช่ไมล่ะ?  ที่สำคัญ...."แฟรี่ทำท่าจะพูดต่อแต่จู่ๆก็เงียบแล้วหันหลังเดินนำหน้าต่อไป

                      "ที่สำคัญ....  อะไรเหรอ?"ผมถาม  เริ่มชักจะสนใจ  แฟรี่หันมาจ้องหน่าผมตรงๆ  ดวงตาสีแดงของเธอถ้ามองเผินๆก็ดูจะเป็นคนกล้า  แต่พอมองลึกๆลงไปมันก็มีแต่ความโดเดี่ยว  อ้างว้างและเหงาเท่านั้นเอง...

                      "คูล....."เธอเรียกชื่อผมเบาๆ  แต่ก็ทำเอาผมตื่นจากภวังค์  

                      "อ...อะไร?"ผมถาม  ตั้งท่าตั้งรับแบบอัตโนมัติ

                      "ขอโทษ"เธอพูด  เป็นคำพูดที่เรียบง่าย  แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากปากของแม่มดอารมณ์ร้ายที่ผมเพิ่งจะเจอ 

                      "เอ่อ..ตะกี๊พูดว่าอะไรนะ?"ผมถามเพื่อความแน่ใจ  

                      เปรี้ยง!!!!

                      ฟ้าผ่าลงมาตรงหน้าผม  ทั้งๆที่อากาศออกจะดีแต่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบผมเย็นยะเยือก  สายตาของแฟรี่ในตอนนี้บ่งบอกว่าเปลี่ยนอารมณ์ไปเรียบร้อยแล้ว  ก่อนจะตามมาด้วยหมัดหนักๆของเธอ

                                           ******************

                       "แฟรี่คร้าบ"

                       "อะไร?"

                       "คือว่า...  ไอ้รอยสักตั้งแต่แขนถึงอกของผมนี่คืออะไรเหรอคร้าบ---"ผมถามลากเสียงยาวๆ  เพราะเธอยังไม่ได้อธิบายว่าทำไมผมต้องมีรอยสักไว้ตามตัวด้วยแม้จะเป็นพันธสัญญาก็เถอะ

                        "....  ก็  ไม่สำคัญหรอก  มันเป็นแค่เครื่องหมายพันธสัญญาของเจ้านายกับอสูรรับใช้เท่านั้นแหละน่า"เธอเว้นช่วงก่อนจะพูดต่อ "มันเอาไว้บอกว่าอีกนานเท่าไหร่นายกับฉันถึงจะได้จบพันธสัญญาไง"  คำอธิบายของเธอทำเอาผมหน้าเบ้  จะอะไรซะอีกในเมื่อรอยสักพวกนี้น้อยซะเมื่อไหร่  ก่อนจะจบพันธสัญญา  ผมคงเดี้ยงไปก่อนแน่ๆ และดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจสีหน้าของผม(หน้าตาคงอุบาทว์ไปหน่อย)  เธอจึงโยนแอ๊ปเปิ้ลมา
    ให้  "กินซะเถอะ  ไม่งั้นนายได้เดี้ยงแน่ๆ"เธอพูดก่อนจะกัดแอ๊ปเปิ้ลอีกลูกดังกร้วม  ผู้หญิงอาไร้ไม่เป็นกุลสตรีเอาซะเลย
                        
                       "แล้วเธอกะจะไม่อาบน้ำเลยรึไง?"ผมถาม  เพราะตั้งแต่เจอกันผมไม่เคยเห็นเธออาบน้ำเลย  เธอจ้องหน้าผมตรงๆ  สายตาของเธอบอกว่า"นายเป็นพ่อฉันเหรอ?"  แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้พูดแหละ

                       "อาบแล้ว"เธอพูดสั้นๆ  แต่เล่นเอาผมสำลักแอ๊ปเปิ้ล
    เธอจ้องผมโกรธๆ  ความจริงก็คือตั้งแต่ที่ผมรู้จักแฟรี่  ผมก็ได้ตระหนักว่าเธอนี่แหละผู้ที่สามารถมีความแค้นดวยปลา(อาหาร)ได้อย่างนาสยดสยอง

                       "นายคิดว่าฉันจะอาบให้ฉันดูรึไง  ไอ้เจ้าหมาเบ๊อะเอ๊ย  ฉันทำได้ก็แล้วกันน่า  แล้วดูสิเรื่องแค่นี้ดันสำลักแอ๊ปเปิ้ล  เสียดายของ"

                       "ฉ..ฉัน...ป..เป็น คนหา..ม.มาเองนะ"ผมพูดตะกุกตะกักเพราะแอ๊ปเปิ้ล

                        "อย่าเถียง(เฟ้ย)"แล้วเธอกับผมก็ตะลุมบอลกันอีก  ถ้าพูดง่ายคือเธอพยายามจะต่อยผม  ในขณะที่ผมต้องพยายามหลบเพราะสายฟ้ามากฤทธิ์ของเธอ

                                      *******************

                         เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่พิลึกที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา  เริ่มตั้งแต่  รอยสักที่มีอักษรเวทมนต์(ตามที่แฟรี่บอกไว้)มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแทนที่จะลดลง  ทั้งๆที่ผมพยายามเอาใจเธอขนาดนี้แล้ว  แต่ยิ่งทำดูเหมือนว่ามันจะยิ่งเพิ่ม  จนเมื่อไม่นานมานี้ผมได้เข้าไปถาม(โวย)กับเธอว่า  ท้งๆที่ผมทำดีขนาดนั้นแล้วแท้ๆ  ทำไมรอยสักมันถึงได้เพิ่มเอาๆ  แต่เธอหัวเราะแล้วตอบว่า

                        "ตราบใดที่นายยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าจริงใจ  นายก็คงจะไม่มีวันหลุดจากพันธสัญญานายบ่าวหรอก"  พอผมถามต่อว่าทำไมเธอก็ยิ้ม  แล้วตอบว่า"ใจเขาใจเรา  ฉันก็ตอยให้นายไม่ได้เหมือนกัน  อุปนิสัยและความจริงใจเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ใช่เรื่องที่สามารถบังคับกันได้  ตราบใดที่นายไม่นึกถึงข้อนี้นายก็อยู่กับฉันไปตลอดแล้วกัน"  เป็นคำตอบยาวๆที่ผมไม่เข้าใจถึงได้กลับไปนั่งคิดนอนคิดตั้งหลายคืน  แฟรี่เห็นผมเป็นอย่างนี้เลยแขวะผม
                          "เรื่องอะไรที่นายคิดไม่ได้ก็ปล่อยมันไปบ้างก็ได้  คิดแล้วหนักหัวเปล่าๆ  อีกอย่างสมองเล็กกระจิดริดของนายคงคิดไม่ออกหรอก"  ผมแย้งว่าแล้วเพราะใครผมถึงต้องมาคิดหนักอย่างนี้  เธอก็ตอบผมว่า"ทำตามใจคนอื่นได้แต่อย่าให้มันมากนัก  ทำตามใจคนอื่นได้แต่อย่าหน้าไหว้หลังหลอก  ทำตามใจคนอื่นได้แต่ก็คิดถึงใจตัวเอง  ทำตามใจคนอื่นได้แต่ก็ให้มันจริงใจ ใบ้ให้แค่นี้พอรึเปล่า?"  ผมทำหน้าเป็นเชิงว่าไม่ไหวก่อนจะบอกว่า "ฉันเอาคติคิดไม่ออกก็อย่าคิดของเธอมาใช้นี่ท่าจะรุ่งนะ  หรือว่าไง?"

                                          ****************

                          



















                     

     

                    

                     

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×