คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2.1 2/2
หางตามีรอยตีนกาเวลายิ้ม อารมณ์ดี
ใต้ตาช้ำเล็กน้อย นอนดึกหรือเครียด… ไม่อย่างนั้นก็อาจเป็นภูมิแพ้
มีกระ ไม่ยอมทาครีมกันแดด หรือไม่ก็ทาแล้ว แต่ใช้เวลาอยู่กับแสงแดดมากเกินไป
ผิวที่มือกับจากข้อมือขึ้นไปคนละสีกันอย่างเห็นได้ชัด ปกติใส่เสื้อแขนยาว ดจากปุ่มที่มือแล้ว ขับรถวันละหลายชั่วโมง
ไม่กระพริบตาตอนที่จานตก เคยชินกับเรื่องน่าตกใจ
ที่สำคัญคือ ม่านตาขยายตอนที่สบตากัน ผู้ชายคนนี้รู้จักฉัน
เชอร์ล็อค โฮล์มส ยิ้มตามมารยาทก่อนจะบอกขอบคุณแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารซึ่งหมอวัตสันกำลังสนใจกับโทรศัพท์มือถืออยู่
“ถ้าผมไม่รู้ดีกว่านี้ ผมจะนึกว่าคุณเดินไปจีบเจ้าหนุ่มขาโก่งนะเชอร์ล็อค” เป็นทีของจอห์นที่จะเหน็บแนมบ้าง เขาไม่หันมาสบตาเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม แต่ยังคงมองหน้าจอโทรศัพท์และใช้นิ้วเลื่อนช้าๆ อย่างตั้งใจ ในขณะที่มืออีกข้างถือส้อม
“เลสตราด CC มาหาผมด้วย เมลที่คุณส่งไปน่ะ” จอห์นวางโทรศัพท์แล้วหันมาจ้องหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าที่เชอร์ล็อคคุ้นเคย อธิบายมาสิ
จอห์น วัตสัน ไม่รอให้เชอร์ล็อคตอบ “คุณรู้ว่าผู้ชายสองคนข้างห้องเป็นฆาตกรโรคจิต แต่คุณก็ไม่บอกผม”
“จอห์น…”
“บางครั้งนะ ผมคิดว่าคุณอยากให้มีคนตายสักคนสองคนก่อน ไม่งั้นทริปคงไม่สนุก”
“ทริปนี้มีคนตายแล้วสี่นะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เท่าที่เรารู้ สองคนนั้นอาจจะเกี่ยวข้องก็ได้”
“สองคนนั้นมาเครื่องบินลำเดียวกับนายนะ”
“ช่างมันสิ!” จอห์นขึ้นเสียง “คุณก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง… อย่าว่าแต่ผมเลย มีฆาตกรสองคนอยู่ห้องข้างๆ นี่คงถูกใจคุณล่ะสิ”
เชอร์ล็อคปล่อยให้ความเงียบเข้าช่วยเกือบห้าวินาที ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“สองคนนั้น พี่น้องวินเชสเตอร์… ไม่ใช่ฆาตกร”
หมอกระพริบตาถี่ราวกับถูกคนตบหน้า เชอร์ล็อคอธิบายต่อ
“คดีพวกนั้น… ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกทั้งหมด สองคนนี้ไม่มีทางรับผิดชอบต่อคดีฆาตกรรมหมู่ริชาร์ด โรมัน เอ็นเตอร์ไพรส์ แน่นอน ที่ฉันไม่รู้ก็คือ สองคนนี้มาที่นี่ทำไม และคนที่สามอยู่ไหน”
วัตสันผงะเล็กน้อย “เพราะอย่างนั้นคุณถึงได้หลบอยู่หลังต้นมะพร้าวเมื่อเช้า?”
“บางครั้งการซุ่มแบบเดิมก็เป็นวิธีที่จะทำให้ได้ข้อมูล”
“แล้วคุณได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ บ้างมั้ย?”
“ไม่… กินข้าวเถอะ”
เชอร์ล็อคกำลังหยิบแยมขึ้นมาปาดลงบนขนมปังปิ้งเมื่อโทรศัพท์มือถือในเสื้อของเขาส่งสัญญาณสั่น
“จอห์น”
“อือฮึ” หมอวัตสันเองก็กำลังเติมครีมใส่กาแฟที่เพิ่งได้มาเมื่อสักครู่
ไอโฟนยังสั่นเป็นจังหวะ
“จอห์น”
“อะไร”
“โทรศัพท์”
“ทำไม”
“รับให้หน่อย”
“มือไม่ว่าง”
“ผมก็ไม่ว่าง”
“แต่มือฉันสำคัญกว่า”
จอห์นเงยหน้าขึ้นมาจากกาแฟ และก็รู้ตัวว่าตกหลุมพรางอีกครั้ง เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ คนแบบที่ปฏิเสธไม่เป็น จอห์นถอนหายใจแล้วเอื้อมไปหยิบไอโฟนในกระเป๋าสูทของเพื่อน
“จากเอ่อ… คุณฟุ้ง?”
“ผึ้ง (Phueng) ต่างหาก รับเลย” โฮล์มสไม่สนใจ ปาดแยมเสร็จก็หยิบขนมปังเข้าปาก เป็นคุณหมอที่ต้องรับโทรศัพท์
“ผึ้งค่ะ ขอเรียนสายคุณโฮล์มส์” เสียงอีกฝ่าย หวานเล็กน่าฟัง สำเนียงอเมริกันชัดเจน จอห์นอารมณ์เย็นขึ้นอักโข
“ดร.วัตสัน พูดครับ มีอะไรฝากไว้ที่ผมได้ครับ” เขาใช้เสียงต่ำลงหนึ่งออคเตฟ
“อ๋อ… ผู้ช่วยคุณโฮล์มสใช่มั้ยคะ?”
“หมอประจำตัวน่ะครับ”
“ค่ะ อยากจะเรียนว่า วันนี้ที่นัดครอบครัวของผู้ตายไว้ให้ ต้องขอยกเลิกหนึ่งคิวค่ะ”
“หนึ่งคิวเหรอครับ”
“ค่ะ อีกคิวหนึ่งเห็นติดสัมภาษณ์กับนักข่าวต่างประเทศ เดี๋ยวจะอีเมลรายละเอียดไปให้ ถ้าไม่สะดวกอย่างไร รบกวนแจ้งด้วยนะคะ”
“ที่เบอร์นี้ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“อ่า… เดี๋ยวก่อนครับคุณฟุ้ง”
“ผึ้งค่ะ”
“ไม่ทราบว่า พอจะทราบที่ทานอาหารดีๆ แถวนี้มั้ยครับ”
“ริมหาดจะไม่ค่อยมีนะคะ ต้องเดินเข้ามาแถวๆ จังซีลอน”
“จังซีลอนเหรอครับ… ถ้ามีเวลาว่าง คุณผึ้งพอจะช่วยมานำเที่ยวได้รึเปล่าครับ”
วัตสันแทบหยิกตัวเองที่รุกหนักเกินไป แต่สาวน้อยก็ตอบด้วยเสียงหัวเราะน่ารัก
“ไม่เป็นไรค่ะ… ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ ถ้ามีอะไร ติดต่อมาละกันนะคะ”
เธอไม่รอให้เขาบอกลาแล้วจึงค่อยวางโทรศัพท์ด้วยซ้ำ
“อย่าไป สา ระ แน เรื่องของคนอื่นนักเลย”
จอห์นมองตามเสียงของโต๊ะสองพี่น้อง ชายขาโก่งเสียงดังและขาดมารยาทพอสมควร แต่ธุระไม่ใช่ เขาหันกลับมาคุยกับเพื่อนซึ่งเพิ่งขอกาแฟใหม่ที่ร้อนกว่าเดิมจากสาวเสิร์ฟ
“เรามีนัดน่ะ”
“รู้อยู่แล้ว”
“พยาน?”
“อือฮึ”
“คิดจะบอกกันเมื่อไหร่”
“นายก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”
จอห์นถอนหายใจ แต่เชอร์ล็อคแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เราจะออกจากที่นี่ในอีกครึ่งชั่วโมงอย่างช้า นายไปเปลี่ยนชุดรอไว้ได้เลย”
จอห์นส่ายหน้า ย่นคิ้ว แต่ก็ลุกออกจากที่นั่ง
ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงไหน เชอร์ล็อคก็คว้าข้อมือของจอห์นเอาไว้ก่อน
“อีกอย่างหนึ่ง จอห์น”
“อะไร”
“แต่งตัวหล่อๆ นะ”
* * * * * * * * *
แซมกินใกล้เสร็จแล้ว เขาได้ยินเสียงดีนเคี้ยวไก่ดังกร๊อบแกร๊บ เพราะมันคงปนทรายเข้ามาด้วย อยู่ๆดีนก็หยิบฝาถาดคุกกี้สีแดงวงกลมออกมาโชว์แซม หันด้านตราออกมาให้แซมเห็น “อาร์เซน่อล” แซมอ่าน แต่มีสนิมเล็กน้อยแสดงว่าใช้มานานพอสมควร … “เฮ่! เมื่อคืนตอนไปซื้อเบียร์อะ ฉันไปเจอเพื่อนใหม่มา เค้าเป็นตลกคาเฟ่ คุยกันถูกคอมาก” ดีนพูดไปเคี้ยวไก่ดังกร๊อปไป ดีนก็ไม่สนใจพูดต่อ แซมก็มองอย่างสนใจเช่นเคย
“เขาบอกว่าเป็นถาดนำโชค เล่นที่ไหนขำที่นั่น” ดีนทำหน้าตื่นเต้น ทั้งที่มันก็แค่ถาด แซมขอดูถาดใกล้ๆเพราะไม่เข้าใจว่าทำไม comedian ต้องใช้ถาดคุกกี้ มันเกี่ยวอะไรกับมุข?? แต่พอจะจับดีนก็ดันไม่ให้ดึงแถมทำหน้าล่อกแล่กพิรุธ แซมเลยจับได้ว่า ที่เอาถาดขึ้นมา เพราะอยากเอาด้านเงาๆมาส่องสองผัวเมียนั่นต่างหาก แถมทำเป็นหันด้านยี่ห้อให้เขาดูยิ่งชัดเลยว่า ด้านเงาๆหันเข้าหาตัวเอาไว้สอดแนมโต๊ะข้างหลัง
แซมยิ้มอย่างรู้ทัน…“พอได้แล้วหนะ เค้าลุกไปแล้ว” แซมขำหน่อยๆ แหม ก็เมื่อกี๊ยังบ่นว่าเขาสาระแนอยู่เลยตัวเองดันมาทำซะเอง ดีนเก็บถาดใส่กระเป๋า ไม่ใช่เพราะน้องจับได้ แต่เพราะสองคนนั้นลุกออกไปแล้ว ส่องไปก็เห็นแต่ซากขนมปังซากกาแฟ
“แหมมม คู่รักกำมะลอ แต่ก็กุ๊กกิ๊กกุ๊กกิ๊กกกก” ดีนมองตามอย่างไม่เกรงใจ แต่ก็ไม่เห็นหรอกเพราะสองคนนั้นเดินออกไปทางข้างหลัง
“เมื่อกี๊จับมือถือแขน แล้วหันมาเอียงอายกันด้วยโว้ยยยย…นี่อยู่ด้วยกันไม่รู้กันได้ไงวะ?? ผีสี่แยกตัวที่ทำสัญญากับไอ้หยิกนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกหวะ ถ้าเจอคราวน์ลี่ย์คราวหน้า ฉันจะบอกมันว่าให้ปลดออกไปเป็นผีขนุนแถวสนามหลวงดีกว่ามั้ย นี่อะไรวะ?? ทำงานชักช้า…หายเจ็บจากตกตึกมาก็ตั้งหลายเดือนแล้วห้าหกเดือนแล้วมั้ง ยังไม่เห็นได้กันอีก…จับมือถือแขนนิดหน่อยทำเป็นหันมาแอบเขิน”
“เชอร์ล็อก โฮล์มส …คนที่ตกตึกแล้วไม่ตายหนะเหรอ” แซมแอบมองตามอย่างอารมณ์ดี เขาได้ยินชื่อคนคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหน้าตาเป็นแบบนี้เพราะเขาเองก็ไม่ได้ตามข่าวผู้ชายคนนี้มากนักได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ยอยศพ่อนักสืบหัวหยิกนี่ไปทั่วหล้า
“เขาอาจจะเป็นแค่เพื่อนกัน แล้วก็แอบปลอมตัวมาเป็นคู่รักก็ได้นะพี่ดีน อะไรทำให้แน่ใจนักหละว่าเขาเป็นแบบว่า แอบรักกันแต่ไม่กล้าบอกอะ” แซมทำหน้ายียวนส่งไปทางดีน กะจะแซวซะหน่อยว่าผีเห็นผีรึป้าวววว???? แต่ดีนจริงจังจนลืมคิดว่าน้องกวนตีน
“ไม่งั้นมันจะทำสัญญากับปีศาจทำไมวะ จะรอดชีวิตมาทำไม คดีมันก็แก้กันเบื่อไปงั้นแหละ …ความรักสิวะมันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ทำให้มนุษย์ทำสิ่งเหนือความคาดหมาย อย่างยอมลงนรกได้ยังไงหละ” ดีนคิดว่าผู้ชายคนนี้คงจะติดค้างคาใจกันเรื่องความสัมพันธ์ เลยคิดจะเอาเวลาสิบปีแก้ไข และทำมันให้ถูกต้อง แต่หมอนี่น่าจะชอบแบบค่อยเป็นค่อยไปเลยไม่รีบรวบรัดตัดความ เอาเหอะ ไม่ได้กันให้มันรู้ไป ปลื้มกันขนาดนั้นแล้ว ผู้ชายแท้ๆเขียนบันทึกก็มีนับหัวได้ นี่ยังจะเขียนเรื่อง “ผู้ชายอีกคน” ไม่ใช่หลงรักแล้วจะอะไร
หยิกเอ๊ย กล้าๆหน่อยสิวะ…หมอเค้าเอาเอ็งอยู่แล้ว เชียร์ชิปดันกันจนตัวเกร็งขนาดนี้ นี่ถ้ามีประกวดคำขวัญลอนดอนหละก็ ไอ้หมอจอห์นนี่แหละคงจะส่งไปว่า..บัคกิ้งแฮมงามเด่น บิ๊กเบนอนุสรณ์ ตาลอนดอนเป็นสง่า …เลื่องลือชาเชอร์ล็อก โฮล์มส์แน่ๆ ดีนมองตามจนสุดสายตา พอหันมาเห็นแซมก็ทำเป็นมองฟ้ามองดินไปเรื่อยเปื่อย
แซมมีหรือจะไม่รู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ แหมะ!!ทำเป็นแซว ทำเป็นเยอะ ที่ไหนได้ก็แอบจิ้นกระจายYวอด เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเหอะถึงจะไปจิ้นเรื่องชาวบ้าน
แซมยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนที่จะพูดต่อ เพราะจบมื้ออาหารกันแล้ว “ก็ดีนะพี่ดีน ถ้ามันไม่ใช่ผีขึ้นมา กลายเป็นฆาตกรโรคจิต คนที่นี่จะได้ปลอดภัย สองคนนี้เก่งจะตายไป”
“หึ แล้วถ้าเป็นผีหละ…คงถ่วงพวกเราน่าดูหละ” ดีนค้นกระเป๋ายุกยิกหยิบฝาถาดคุกกี้ขึ้นมาส่องอีกเล่นๆมั่วๆอีกรอบ
“เพราะงี้แหละถึงต้องจับตาดู ชั้นไม่ได้อยากยุ่งกับพวกมันนักหรอกนะ….แต่ถ้าพวกมันเอาตัวเข้าไปพัวพันกับแกนคดีแบบนี้ ถ้าเป็นผี ไม่แน่ว่าจะต้องมาสังเวยชีวิตที่นี่”
แซมเข้าใจดีว่าดีนเป็นห่วง แต่ไอ้ส่องนี่คงเพราะแอบฟินลึกๆที่ได้ดูเค้ามีโมเม้นท์กันต่างหาก อย่ามา อย่ามาอ้าง…มนุษยธรรม เพราะมันคือมนุษยฟินล้วนๆ…
“ถ้าเขารอดตายมาเพราะปีศาจครอสโร้ดส์จริงๆ เขาสองคนไม่น่าห่วงหรอกน่า ยังไงเขาก็ต้องครองรักกัน แต่ถ้าที่ขอแลกกับการลงนรกไม่ใช่การได้สมหวังในความรัก จอห์น วัทสันสิน่าเป็นห่วง เพราะมนต์มันจะครอบคลุมเชอร์ล็อกคนเดียว จับตาดูคนตัวเล็กๆก็พอมั้งพี่”
“เห้อออ” ดีนถอนหายใจแต่ก็ยิ้ม มันก็เครียดนะคิดอะไรไม่ออกเลย แต่บรรยากาศสวยเกินจะนอย “แหม จะเริ่มตรงไหนวะเรา” ดีนหยิบเครื่องจับสัญญาณอีเอ็มเอฟ หันไปทางหาด ทันทีที่ยื่นมือออกไปสัญญาณก็แปรปรวนอีกครั้ง สองหนุ่มหันมามองหน้ากัน…แล้วก็ถอนหายใจออกมา
ดีนกับแซมเดินกลับไปที่พักเพื่อจะหยิบสมุด ปากกาและแต่งตัวใหม่เพื่อไปสอบปากคำพยานที่เห็น หรือพอจะได้ยินเหตุการณ์ แซมให้ดีนเดินนำไปก่อน เพราะก่อนออกมา เขาทำเป็นออกช้า ปวดขี้ฉี่ราดอะไรก็ว่าไปเพื่อให้ดีนออกไปรอข้างนอก ในที่สุดเขาก็สบโอกาสเรียกเทวดาซักที พอแคสมาแซมก็บอกว่าจะไปกินข้าวนะเดี๋ยวจะรีบกลับมาอย่าไปไหนนั่งรอที่เตียงนี่แหละ แคสก็ตาใสแล้วเดินถอยหลังจนน่องชนขาเตียงแล้วก็ค่อยๆนั่งลงไป
ดีนกำลังจะเปิดประตู แซมตื่นเต้น
‘แซมเอ้ย เตรียมจิกหมอน’ แซมบอกตัวเอง….
ดีนเปิดเข้าไปก็เจอแคสนั่งนิ่งอยู่บนเตียง “สวัสดีดีน” ดีนผงะ ก่อนหันไปเห็นขันน้ำพานรอง ก็รู้ทันทีว่าแซมเรียก เขาหันมาสบตาน้องชายอย่างนอยๆ “ก็บอกแล้วว่…”
“ผมชวนพี่เค้ามาเที่ยว ไม่ได้มาชวนทำงาน” แซมรีบชิงพูด
“เป็นไงมั่งหละ” ดีนทักแคสก่อนที่จะพูดเรื่องอื่น
“เที่ยวนี่ต้องทำอะไรบ้าง” แคสถาม
“ยังทำงานกันอยู่ ยังไม่มีเวลาเที่ยวนะ” ดีนยังพูดไม่ทันจะขาดคำแคสเตียลก็หายวับไปกับตา ดีนมองตามอย่างงงๆ แบบว่าใจมันแว้บ ยังไม่ได้ไล่เลยจะรีบไปไหน
“เอาไง เมื่อกี๊เห็นแล้วหนิ ว่าเครื่องวัดสัญญาณอีเอ็มเอฟมันดังทั้งข้างในรีสอร์ท ทั้งนอกรีสอร์ท เพราะบริเวณหาด ผีสึนามิยังอยู่เยอะแยะ จะใช้ยังไงหละทีนี้” ดีนรีบตัดบทหันมาทำงาน ในเมื่อเพื่อนไม่ได้อยากร่วมสุข จะมานั่งสนใจอยู่ก็ไม่ใช่ดีน วินเชสเตอร์แล้ว
“บอกมาซิพ่อคนฉลาด พ่ออัจฉริยะ” ดีนหยิบขันน้ำพานรองที่ใช้เรียกแคสชูขึ้นมาด้วย ประมาณว่ามีสับเท็กซ์
‘อย่าหลอกเฮียอีก’ อยู่ในกิริยาอาการนั้นด้วย
“เพราะอย่างงี้ถึงต้องมีการสอบปากคำกันไง” แซมตอบ ก็ไม่ได้อยากจะเท่อะไร แต่มันก็เหลืออยู่วิธีเดียวจริงๆแล้ว…
ฝากไว้ก่อนเหอะหมอน แกไม่รอดเล็บฉันนานนักหรอก.... แซมเหลือบมองหมอนบนเตียงอย่างแค้นๆ...ก่อนจะเดินออกไปทำหน้าที่พร้อมพี่ชาย…
ความคิดเห็น