คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2.1 1/2
ดร.จอห์น วัตสัน หยิบเสื้อลายขวางดำ-ขาวตัวเก่งมาใส่ จับคู่กับกางเกงขาสั้นสีครีม เพียงแค่นี้เขาก็พร้อมจะรับวันใหม่บนเกาะภูเก็ตแล้ว เขาหันกลับไปมองเตียงข้างๆ อีกครั้ง และก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเพื่อนนักสืบคู่หูตื่นเช้ากว่าปกติ ทั้งที่วันธรรมดาของอพาร์ทเม้นต์ 221B เป็นเขาเองที่รอทักทายเพื่อนที่โต๊ะอาหารทุกเช้า
คุณหมอวัตสันยักไหล่ ใช่ว่าเขาจะต้องสนใจแค่เรื่องตื่นเช้าไม่เช้าสักหน่อย เขาก้าวออกจากห้องและล็อคประตูให้เรียบร้อย ก่อนเดินลงจากชานบ้านพักแล้วค่อยเหยียดแขนสองข้างขึ้นสูง เตรียมรับอากาศบริสุทธิ์
“อรุณสวัสดิ์ จอห์น”
ถ้าเจ้าของชื่อไม่เคยเป็นทหาร ก็คงจะสะดุ้งสุดตัวที่ได้ยินเสียงไม่รู้แหล่งที่มา หมอวัตสันมองไปรอบๆ หมุนตัว 360 องศา เพื่อหาที่มาของเสียง (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเสียงเชอร์ล็อคแน่ๆ เขาไม่มีทางจำผิด) แต่ก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากพุ่มไม้กับต้นปาล์ม
“ฉันคิดไม่ออก”
หันกลับไปทางทิศเดิม ที่แท้โฮล์มสก็ยืนพิงต้นปาล์มอยู่ใต้เงานั่นเอง ต่างจากเมื่อวานซึ่งเชอร์ล็อคสวมเสื้อฮาวายกับกางเกงขาสั้นแบบนักท่องเที่ยว วันนี้นักสืบผมหยักศกใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีม่วงกับกางเกงสแล็ค ครบเครื่องด้วยเข็มขัดกับรองเท้าหนังเรียบร้อย เสื้อสูทพาดอยู่บนบ่าข้างหนึ่ง ดูแล้วขัดกับทะเล หาดทราย ดอกลั่นทม สายลมของภูเก็ต
“คุณหมายถึงอะไร?” หมอวัตสันถามกลับ ทั้งที่ความจริงเขาอยากรู้มากกว่าว่าทำไมเพื่อนถึงยืนหลบอยู่ใต้ต้นปาล์มในชุดเต็มยศ
แทนที่จะตอบ เชอร์ล็อค โฮล์มส ยืดตัวตรง ปัดรอยฝุ่นจากต้นปาล์มที่ติดสะโพก ก่อนจะหันมาหาวัตสัน “บุฟเฟ่ต์เสิร์ฟแล้ว ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ” แต่แทนที่จะเดินนำไปห้องอาหารอย่างเคย คราวนี้เขาคว้าแขนของเพื่อน กึ่งลากกึ่งจูง ทำให้หมอวัตสันต้องก้าวเท้าถี่ยิบเพื่อที่จะตามขายาวๆ ของเพื่อนให้ทัน
ห้องอาหารของรีสอร์ทอยู่บนเนินเตี้ยๆ แต่มองเห็นวิวของหาดกะรณได้ทั่ว สาวเสิร์ฟนำคนทั้งสองไปยังที่นั่งด้านในซึ่งอยู่ใกล้บุฟเฟ่ต์ เชอร์ล็อคเพียงแต่ส่ายหัวแล้วมุ่งหน้ามายังโต๊ะว่างริมทะเลซึ่งมองเห็นทั้งวิวและบรรยากาศภายในร้าน
“นายไปตักอาหารเช้าสิ” เชอร์ล็อคพูดเรียบๆ โดยไม่หันมามองหน้าคู่สนทนา หมอวัตสันซึ่งหิวอยู่แล้วจึงลุกขึ้นโดยดีหลังจากสั่งกาแฟเรียบร้อย
คนไทยใส่ใจกับอาหารการกินมาก หมอวัตสันนึกในใจระหว่างที่หยิบขนมปังเข้าเครื่องปิ้ง บุฟเฟ่ต์เช้าของโรงแรมมีทั้งโซนเบรคฟาสต์แบบตะวันตก โซนสลัด โซนข้าวต้ม และยังมีโต๊ะออมเล็ตแยกต่างหาก จอห์นหยิบขนมปังที่ปิ้งได้ที่ลงบนจานในมือ ก่อนจะเดินต่อไปตักข้าวผัดแบบไทยๆ มาประกอบอาหารมื้อเช้า
กลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง จอห์นก็พบว่าเพื่อนกำลังง่วนอยู่กับไอโฟนคู่ใจ “หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นแต่เป็นภาษาอังกฤษน่ะ” เชอร์ล็อคตอบก่อนที่จอห์นจะถามหรือบ่นเรื่องการใช้โทรศัพท์บนโต๊ะกินข้าว เขาล็อคหน้าจอโทรศัพท์ วางไว้ข้างตัว แล้วหยิบผ้าเช็ดปากมาวางไว้บนตัก ก่อนจะหยิบขนมปังสองแผ่นจากจานของวัตสัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบขนมปังปิ้ง” พ่อนักสืบบ่น
วัตสันมองตามขนมปังสองแผ่นนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ ความจริงก็คือเขาปิ้งมาให้ตัวเองแค่สองแผ่นเท่านั้น และตอนนี้คิวขนมปังปิ้งก็ยาวเกินไป ในขณะเดียวกัน สาวเสิร์ฟก็นำกาแฟมาให้พอดี แต่ทันทีที่เธอจะส่งให้ถึงมือเขา ก็เป็นเชอร์ล็อคที่มารับไปเสียก่อน
“เดี๋ยว” วัตสันพยายามหยุดเพื่อน
“เดี๋ยวอะไร?” เชอร์ล็อคตอบ แต่มือก็ยังไม่หยุดใส่ครีมเทียมกับน้ำตาล จอห์นเห็นดังนั้นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าชูนิ้วเป็นสัญญาณให้สาวเสิร์ฟนำกาแฟมาให้อีกถ้วย พอดีกับที่เขาสังเกตเห็นสองพี่น้องอเมริกันเดินสำรวจอาหารเช้าอยู่
“สองคนนั้นไง เพื่อนร่วมบ้านของเรา” จอห์นชี้คางไปทางสองหนุ่มซึ่งแต่งตัวไม่เข้ากับสภาพอากาศเท่าไหร่นัก
เชอร์ล็อคเช็ดปากอย่างรวดเร็ว ตาจ้องสองพี่น้องไม่กระพริบแล้วเดินเข้าไปบริเวณบุฟเฟ่ต์พร้อมกับคว้าจานเปล่ามาหนึ่งใบพร้อมส้อม ก่อนจะชนชายผมสั้นเข้าอย่างจังและตั้งใจ ทำให้จานที่อยู่ในมือตกลงกับพื้นแตกละเอียดทันที
“ขอโทษครับ” เชอร์ล็อคเล่นละครในขณะที่ก้มลง เขารู้ดีว่าชายผมสั้นขาโก่งต้องหันกลับมา และนั่นเป็นโอกาสแรกให้เขาได้สังเกตอย่างเต็มตา
ดีน วินเชสเตอร์ เป็นอย่างนี้นี่เอง
ดีน วินเชสเตอร์เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ….เขาไม่ชอบให้คนจ้อง จริงๆไก่ย่างสีน้ำตาลมันเยิ้มของเขากระเด็นไปไหนก็ไม่รู้ และมันก็ชิ้นสุดท้ายแล้ว …
เอาไก่กูคืนมา
นั่นยังไม่ถือว่าโหดสัสเท่าจ้องกันแบบแทบจะล้วงไส้ติ่ง สายตาของไอ้นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่รู้ว่าโดนจ้องหนักหนา เพราะจริงๆแล้วก็กวาดสายตาแค่แว้บเดียวแล้วยิ้มน้อยๆเหมือนแค่ทำจานแตกจริงๆ ก็แค่นั้น แต่ดีนเซ้นส์ดีเสมอ ประกายตาอยากรู้อยากเห็นแค่แว้บเดียวคนอื่นจับไม่ได้แต่เขาจับได้แม้ไม่รู้เหตุผล เพราะมันไม่ได้พุ่งเข้ามาที่ตา แต่มองรอบๆตัวเขาก่อนแล้วค่อยจ้องตาอย่างล้วงลูก เขารู้สึกกดดันเพราะถูกจ้องด้วยสายตาที่มีพลัง…
พลังความเสือกเหลือล้น…
ดีนไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านเป็นสันดาน และต้องได้รู้เสียด้วย หรือว่าหมอนี่มัน…ทำไม เอ๊ะ หน้าคุ้น
ไอ้ที่ตกตึกแล้วไม่ตายนี่หว่า ….ไอ้นักสืบคนนั้น!!!
ดีนก้มหน้าหาไก่ไปคิดไป พร้อมกับที่ไอ้บ้านั่นกวักมือเรียกเมทมาเก็บจาน… ไอ้บ้าที่วอนตกนรก โดดตึกแล้วท่าทางจะมีปีศาจครอสโรดส์มาขอทำสัญญา สงสัยจะขอให้รอดแล้วได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักสินะ …แหมม โรแมนติกเป็นบ้า ….ดีนยิ้มออกมา เพราะเขาคิดว่าการที่ไอ้หนุ่มนี่มันรอดมาจากยอดตึกได้เพราะทำสัญญาขายวิญญาณให้ปีศาจ แลกกับการแต่งงานกับคนที่ตัวเองรักสมใจสิบปี ตกนรกจริงแล้วนะหนาว นรกนะน้อง…ไม่ใช่โรงพัก …นอยแต่พอนั่งเล่นได้
มันชื่อ… โฮล์มส ….จำได้แล้ว…จริงๆดีนเคยอ่านบล็อกของสองคนนี้ คนอื่นคิดยังไงไม่รู้แต่เขาคิดว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษเกินเพื่อน และที่สำคัญที่สุดเขาแอบชื่นชมยกย่องสองคนนี้ เพราะตัวจริงกับตัวจริงมันมองกันออก…แต่ชื่นชมก็ไม่ได้ทำให้ไม่หมั่นไส้อยู่ดี มันคนละส่วนกัน หนุ่มขาวซีดผมหยักศก กล่าวขอโทษอ้อมแอ้มเบาๆ แต่ดีนก็ตอบว่าไม่เป็นไร แถมทำสายตากวน บวกกับรอยยิ้มสวนไปด้วยทำให้อีกฝ่ายกระพริบตาก่อนละสายตา แหม อย่างไอ้หมอนี่คงจำได้ว่าเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่องสินะ เอา ดูซิจะทำยังไงต่อ .... เขางมหาไก่กับพื้น เอาเหอะใครว่าซกมกก็ช่าง ชิ้นสุดท้ายอะเอาไง …น่านนนอยู่ใต้โต๊ะนี่เอง เดี๋ยวเอาไปล้างๆก็กินได้ เดี๋ยวตักน้ำราดไก่ก่อน เพราะถ้าล้างซ้อสเซิ้สมีหวังหายหมด…
ดีนแอบขำเพราะขณะที่เขาเอาไก่ไปล้างด้วยน้ำขวดของแซม พ่อหนุ่มอังกฤษที่หันหลังไปนั่งกับเพื่อนไปแล้ว ก็ยังสังเกตเขาอยู่ โดยการเอาแว่นตาดำขึ้นมาทำเป็นดูเล่น…ซื้อมานานแล้วมาดูอะไรตอนนี้ รู้หรอกว่าแอบดูเงากุหนะ…. ใส่เสื้อซะม่วงหร็อย …เอ๊ะ หร็อยแปลว่าภาษาใต้แปลว่าเริ่ด อร่อย ดี นี่เนอะ เราใช้ถูกแล้ว…ม่วงหร็อยมาเชียวนะ ไม่ต้องใส่หรอกจ้า รู้แล้วว่าเป็นอะไร … แล้วก็หยุดมองซะที เดี๋ยวพี่ก็ฟ้องผัวหรอกจ้ะ ว่ามองชายอื่น…
เอ๊ะ หรือว่าเมีย??? ไม่รู้โว้ย ….ไม่ใช่เกย์ ดูไม่เป็น…
“ ดีน… “ แซมที่นั่งอยู่บนโต๊ะถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องใส่คำว่า อะไรเหรอ เขาก็รู้ว่าจะถามว่ายิ้มอะไร
ดีนเทน้ำล้างไก่ลงในถังขยะ ก่อนเดินมานั่งตรงข้ามแซม แล้วบรรจงเทน้ำราดไก่ลงไป “คู่ข้างห้องเราหนะ น่ารักดี โรแมนติกดี”
แซมหันหลังไปมอง แต่สบตาจอห์นพอดี จอห์นก็หันมายิ้มให้ทักทายกันตามประสาคนตะวันตก ที่ทักกันง่ายดาย แต่จะรู้จักกันมั้ยนี่อีกเรื่องนึง แซมก็โบกมือกลับ เขาแอบดีใจที่พี่ชายไม่ได้ว่าอะไร แถมชมว่าคู่นั้นน่ารักด้วย
“พี่ดีน” แซมพูดทั้งที่กำลังเอามีดหั่นผักสลัดในจาน “เมื่อคืนน้องผีตานีออกมายืนโชว์โฉมด้วย…ตอนนั้นพี่ไม่อยู่ในห้อง ฉันนึกว่าเป็นพี่ที่คุยกับเธอ เพราะเห็นเธอพูดจ๊ะจ๋า ยังกะจีบผู้ชายอยู่…ฉันเลยแอบชะโงกหน้าไปดู…ไม่ใช่พี่” แซมทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง
“ตานีเอ็กซ์มั้ย??” ดีนเริ่มกางใบเรือ
“จะเหลือ??” แซมเริ่มออกทะเล
“ไม่ใช่แล้วพี่ดีน มีต่อๆ” แซมชักใบเก็บให้เรือเสียหลัก จะแล่นไปไหนหละ?? บนฝั่งมันส์กว่าเยอะ..
“อืม ตอนนั้นฉันไปซื้อเบียร์ที่ออฟฟิซเพื่อนแก” ดีนไม่ได้ถามแต่แซมก็รู้ว่าสายตาแบบนี้คือ ‘ยังไงต่อหละว่ามาสิ’ เพราะดีนชะงักจังหวะตัดไก่ แล้วจ้องเขาเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะคิดว่าเป็นประเด็นซ้อฟท์ๆ
“คนผมบล็อนด์ที่ผมทักเมื่อกี๊”
รู้และใครเป็นผัว … ดีนคิด
ดีนทำท่าจะตัดไก่ต่อ ก่อนพูดออกมาว่า “คงเป็นไบมั้ง แบบเมียเผลอแล้วเจอกันอะไรแบบนี้” ดีนเอาไก่เข้าปากคำแรก คนอะไรเคี้ยวไปยิ้มไปยักคิ้วไปก็ได้ น่าจับไปออกงานวัดที่สุด…แซมคิด
“ดีน…เขาจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะ ทำไมยังจะมาอ่อยผู้หญิงแปลกหน้าอีกหละ แล้วแฟนเขาก็นอนอยู่ในห้องไม่กลัวเห็นหรือไง” แซมทำเป็นกินไปเรื่อยๆ ไม่ให้โต๊ะข้างๆที่โดนนินทาแบบเผาขนจับได้ ตอนแรกว่าจะแอ๊บพูดเสปน แต่ดีนก็ดันพูดไม่ได้ …เลยจำต้องกระซิบกระซาบ
พิรุธหนักเข้าไปอีก
ดีนกลอกตาไว้อาลัยให้กับพฤติกรรมน้องชาย กระซิบไม่พอ มันยังทำตาโตแบ๊วด้วย ตามแบบฉบับพ่อแซมเขาหละ
“กินๆ ไปเหอะน่า อย่าไป สา ระ แน เรื่องคนอื่นเลย” ดีนพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง โดยเฉพาะคำว่าสาระแน…ที่เน้นซะยังกะขีดเส้นใต้ หนา ตัวเอียง ….เอาเหอะ ณ จุดนี้ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นเดือยไก่แล้ว ….
เหอะๆ มาทำอย่างอื่นเหมือนกันสินะ คุณโฮล์มส์…
แต่ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณมาทำอะไร เอาเป็นว่าเราไม่ยุ่งเรื่องของกันและกันแล้วกันนะ ดีนตั้งใจไว้ว่าจะพูดอะไร ถ้ามีเหตุให้เขาและโฮล์มส์ต้องมาปะทะกัน…
ความคิดเห็น