ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BBC Sherlock: (โปรเจ็กต์) วาเลนไทน์ เวทมนตร์ อลหม่าน ; คำสาป

    ลำดับตอนที่ #3 : คำสาป

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 56


     

    วาเลนไทน์ เวทมนตร์ อลหม่าน

    My Magical Valentine

     

    ตอน

     

    คำสาป 

     

    Note: นี่คือโปรเจ็กต์ที่มีนักเขียนสี่คน แบ่งเป็นสามตอน แต่สามารถแยกกันอ่านได้ เพราะทุกคนพยายามเขียนให้เหมือนจบในตอน แต่ก็อ่านต่อกันได้เป็นอย่างดี วาเลนไทน์ เวทมนตร์ อลหม่าน....

    Part.1. วาเลนไทน์

    Part.2. อลหม่าน

    Part.3 เวทมนตร์ 

    ต้องบอกไว้ก่อนว่าอันนี้ไม่ใช่อันจริงค่ะ ดิฉันรับพาร์ทคลี่คลาย (คือมีพาร์ทต้นเรื่อง ปัญหา และตอนที่คลี่คลาย) ซึ่งคลี่คลายมีคนเขียนสองคน คือวายกับไม่วาย แต่ดิฉันได้วายค่ะ แต่ก็ดันมีสองพล็อต และคนอื่นยังเงียบกันอยู่ เลยเขียนอันนี้ออกมาเพื่อระบายพล็อต และกระตุ้นยอดเขียนของท่านอื่นๆในฐานะตัวเริ่มโปรเจ็กท์ค่ะ ส่วนอันจริงคงจะต้องรออ่านของคนอื่นก่อนเพราะรับตอนสามมา ...

     

    เชิญอ่านเลยค่ะ แต่ไม่ขำเลยนะไม่ได้ปล่อยมุข 

    นี่เพลงประกอบ 

    something about us เป็นเพลงที่ฟังทีไรจะร้องไห้ทุกที ดังนั้นจึงเป็นเพลงที่ชอบ แต่ไม่มีในเพลย์ลิสท์ เพลงเขาดีจริงอะไรจริง โดยไม่ต้องมีประสบการณ์ร่วมก็อิน 

    มีเธอ ไม่ตรงเท่าไหร่แต่ความหมายดี (เพลงบนก็ไม่ตรงหรอก) 

     

     

    ************

    หนุ่มสูงโปร่ง ผมดำหยักศก หน้าตาและการแต่งตัวเหมือนเชอร์ล็อกโฮล์มสแต่สีหน้าแววตาเป็นมิตรกว่ามากถือกาน้ำชามาวางต้อนรับแขกและเชิญผู้มาเยือนนั่งที่โซฟา(เพราะถ้ายืนมันจะเมื่อย) เขามองแขกหนุ่ม ที่ไมครอฟท์แอบกำชับเบาๆให้เรียกว่า “ท่าน” ทั้งที่ดูยังไงก็ไม่น่าแก่เกินยี่สิบเจ็ดอย่างขำๆ ก่อนจะแนะนำตัวว่า "สวัสดีครับ...ผม วัทสัน" แล้วนั่งลงข้างเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้นั่งพนมมือหน้าบูดบึ้งยองโย่ยองหยกอยู่บนโซฟา แล้วที่เขาไม่รู้ก็คือ มันกำลังเขม่นทรงผมหยิกเป็นก้อนบนหัวที่เขาเซ็ทไม่ค่อยจะเป็น

     

    เพราะเพิ่งมาอยู่ในร่างนี้ได้ไม่กี่วัน... 

     

    “ท่านเอ็มริสเป็นผู้ใหญ่ใน MI6 พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปภาคตะวันตก” นั่นคือคำอธิบายของไมครอฟท์ประกอบการกำชับกลายๆให้เรียกว่า "ท่าน"

     

    แต่อะไรก็ไม่น่าจะแปลกอีกต่อไปแล้ว เพราะอย่างน้อยในโลกนี้ก็มีแม่มด แล้วไม่ได้อยู่ไกลตัว ... ดันเป็นคนที่จอห์นเดท...แต่เธอไม่บอกแล้วใครจะไปรู้...แม่มดก็เป็นผู้หญิง มีทุกสิ่งธรรมด๊าธรรมดา ยิ้มแย้มช่างเจรจา งามสง่าน่าชิดเชยชม แต่พอเธอโมโหในวันวาเลนไทน์ที่เขาดันไปขลุกอยู่กับเชอร์ล็อก แม่มดก็ได้สาปให้เขาและเชอร์ล็อกสลับร่างกันมาสามวันเต็ม

     

     

     “คำสาปนี้แรงมากนะ…ถ้าแก้ด้วยเวทมนต์มันจะอันตรายมาก” พ่อมดเริ่มพูดหลังจากลงนั่งไม่ถึงอึดใจ 

     

    พ่อมดปิดสวิทช์ไฟที่ตาแล้วพูดต่อ... “แต่ถึงยังไง ทุกคำสาป…ถ้าไม่แก้ด้วยเวทมนต์ จะมีทางแก้ที่ไม่ใช้คาถาอยู่วิธีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำสาปที่แรงแค่ไหน สาปให้เป็นอะไรก็ตาม…คือต้องแก้ที่ใจ….

     

     

     ……ลองหาความคิดที่ทำหน้าที่คล้ายๆคำสาป ในใจตัวเธอดูสิ…” พ่อมดเบิ่งตาโตเหมือนจะถามชื่อต้น

     

    “จอห์นครับ”

     

    “เชอร์ล็อก”

     

    “โอเค จอห์น…เชอร์ล็อก”

     

     “ความคิดอะไรก็ได้หนะ ที่คิดว่าวันนึงมันจะทำให้พวกเธอต้องเสียดาย….เพราะไม่ทำมันในขณะที่ยังมีโอกาส…”

     

    “ถ้าผมไม่มีปม ไม่มีความคิดที่จะทำให้การดำเนินชีวิตผิดพลาด … ก็ไม่ต้องแก้กันหละสิทีนี้…เห้ออออ ผมว่าจอมเวทย์มือหนึ่งคงเป็นยัยอะไรนั่น...”

     

    “เกรซ” จอห์นรีบตอบ เผื่อเกรซจะโมโหขึ้นมาอีก ไม่แน่ว่าเธออาจจะแอบฟังอยู่….เพราะตอนนี้เขาหลอนไปหมด แม้ว่าจะอยู่ในมือพ่อมดที่เก่งที่สุดในเกาะก็ตาม

     

    “เออ…ยัยนั่นแหละจอห์น…ซะมากกว่าละมั้งครับ” เชอร์ล็อกถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ที่พ่อมดยิ่งใหญ่ยังแก้ปัญหาเขาไม่ได้

     

    “เออ… จะว่าไปแล้วก็ถูกนะ ฉันก็ไม่ได้เก่งนักหรอก…แต่ตอนนี้มันก็มีพ่อมดหมอผีอยู่แค่นี้แหละที่พอจะช่วยพวกพวกเธอได้” พูดจบแล้วก็หัวเราะอย่างสดใส จอห์นเห็นแล้วยังรู้สึกเอ็นดูอย่างแปลกประหลาด

     

    “คำสาปมันมีรากนะ”

     

    ในเมื่อผู้ฟังทั้งคู่ทำสีหน้าให้พ่อมดแก่แต่ดูหนุ่มได้รู้ว่าเมื่อกี๊เขาตักน้ำรดหัวตอเลยต้องอธิบายเพิ่มความกระจ่างใหม่…

     “คำสาป มันเป็นเวทมนตร์ก็จริงแต่มันก็ต้องการพื้นที่ที่จะปฏิบัติการที่เหมาะสม และนั่นก็คือ ใจที่โดนเคลือบคลุมด้วยความคิดใดๆก็ตาม ที่จะทำให้เจ้าของร่างกายนั้นต้องเสียดายเมื่อโอกาสทั้งหลายมันผ่านไปแล้ว ยิ่งเรื่องนั้นรุนแรงมาก คำสาปก็จะส่งผลรุนแรงมาก ดังนั้น…ถ้าไม่มีความคิดที่จะทำให้เสียดายทีหลังอยู่ในหัวหละก็…มันยิ่งกว่าแก้ไม่ได้ซะอีก…เรียกได้ว่าไม่ต้องแก้เลยหละ… ไม่มีพ่อมดแม่หมอคนไหนหรอก ที่จะสาปคนที่ใช้ชีวิตโดยปราศจากเหตุแห่งความเสียดายได้…

     

    …..พูดง่ายๆ เธอสองคนถึงแม้จะไม่โดนคำสาปนี้ ก็โดนสาปอยู่แล้วหละ ….

     

     … ดีซะอีก จะได้ถือโอกาสสะสางปัญหาทางใจ…ปัญหาคือจะหามันเจอหรือไม่ ถ้าหาได้เมื่อไหร่ให้พี่ชายทำเรื่องผ่านกระทรวงกลาโหมขอเข้าพบฉันอีกทีก็แล้วกัน แล้วจะทำพิธีถอนสาปให้”

     

    “เออนี่…” เอ็มริสรีบพูดต่อ เพราะเด็กสองคนตรงหน้ามีท่าทางสิ้นหวัง

     

    “แต่พวกเธอก็ไม่ต้องกลัวไปหรอก ถึงแก้ไม่ได้ แต่สาปทับได้ ที่ต้องสาปทับเพราะจุดปฏิบัติการของคำสาปมันต้องเป็นที่เดียวกัน เพราะฉันสาปคำสาปเดียวกัน ในเมื่อมาทีหลังแต่เป็นจุดเดียวกัน…มันเลยเป็นได้แค่กาฝาก….อานุภาพเลยน้อยกว่า…นี่เป็นคุณไสยที่จะทำให้เธอสองคนสลับร่างกันอีกรอบ พลังของฉันจะทำให้เธอสลับร่างกันได้สักสามสิบห้าปีเต็มเหยียด

     

    “…. นี่…อยู่ในขวดนี้”  พ่อมดผู้ทรงอำนาจที่จอห์นมองเป็นเด็กหนุ่มซนๆ พูดจบก็เอาขวดสีเหลืองๆ มาเขย่าๆ ท่องอะไรงึมๆงำๆ ตาก็วาวๆเหลืองๆวึ้งๆจนจอห์นตะลึงกับเอฟเฟ็ก แล้วก็เทไอ้ขวดที่ว่าลงในกาชาที่เหลือน้ำชาอยู่แค่ไม่ถึงครึ่ง เชอร์ล็อกที่นั่งไม่ขยับอะไรเลยนอกจากปากมาเป็นชั่วโมง รีบยื่นมือไปคว้ากาน้ำชา แต่ท่านเอ็มริสมือไวกว่ายื้อชาไว้ก่อน เพราะเชอร์ล็อกไม่ชินกับระยะแขนเท่านี้เลยพลาดท่า ….

     

     “ยังกินไม่ได้!!!” เอ็มริสหยิบนมออกจากกระเป๋ามาหนึ่งขวด แล้วเทลงไปในกา “

     

     “…มัน….ต้องเติมนมเพราะยังไม่ครบสูตรเหรอครับ” จอห์นที่ยืนอยู่ข้างๆเชอร์ล็อกถามอย่างสนใจ

     

    “หึ” พ่อมดหนุ่มส่ายหัวดิกๆ

     

    “เติมนมเพราะมันหวานหนะ….”

    -    -    -     -     -     -      -

    หลังจากทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ พ่อมดได้ให้เบอร์ส่วนตัวไว้จะได้ไม่ต้องทำเรื่องผ่านกระทรวงให้วุ่นวายก่อนทำพิธีเพราะต้องหาปมให้พ่อมดตรวจดู แล้วจะเฉลยก็ไม่ได้เลยต้องถามกันหลายๆครั้ง แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะล้มเลิกตั้งแต่สองครั้งแรกแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนกันมาจนถึงวัยเกษียณ จอห์นก็ผ่านการมีภรรยาและลูกหลายคน จอห์นและเชอร์ล็อกตกลงกันว่า ถ้าใกล้เวลาเมื่อไหร่ให้จอห์นบอกภรรยาและลูกๆเรื่องราวทั้งหมดและแลกที่กันอยู่ ซึ่งตอนนี้ลูกๆของจอห์นก็เรียนจบแต่งงานแต่งการมีหลานให้อุ้มกันไปหมดแล้ว  ส่วนเชอร์ล็อกก็เลี้ยงผึ้งที่บ้านไร่ในซัสเส็กส์มาแล้วหลายปี

     

    ไม่สิ…. เจ็ดปีเต็มๆแล้วนะ ที่เขาทั้งสองไม่ได้เจอกัน แล้วก็สามปีแล้วที่ภรรยาของจอห์นได้เสียชีวิตลง ….

     

    เจ็ดปีมานี้จอห์นใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองกับครอบครัว  สิ่งเดียวที่ยังติดค้างในใจจอห์น คือ ทำไมเชอร์ล็อกถึงไม่เคยตอบการ์ดหรือจดหมายที่เขาส่งไปหาเลย โทรศัพท์ก็ไม่เคยรับ ส่งมาแต่รายงานสุขภาพ และเขียนกำกับไว้ว่า รักษาสุขภาพนะ….จนเขารู้สึกว่าเชอร์ล็อกคงไม่ใยดีเขาอีกต่อไป ที่เขียนมาก็คงจะแค่กลัวจะได้ใช้ร่างกายที่ไม่ดี ….ผิดกับเมื่อก่อนเชอร์ล็อกสนใจเขานัก ก็เพราะเห็นประโยชน์ในการเล่นสนุกด้วยกัน ตอนนี้เชอร์ล็อกไม่ใช่นักสืบมือทองอีกแล้ว เชอร์ล็อกได้กลายเป็นเกษตรกรเต็มรูปแบบ ดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่เชอร์ล็อกจะไม่จำเป็นต้องถือว่าเขาเป็นเพื่อน

     

    ….หรือแม้กระทั่งคนรู้จัก….

    จอห์นได้แต่ถอนหายใจ หลายปีมานี้เขานึกเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็รู้สึกเสียใจอยู่ข้างในหน่อยๆ เหมือนชิ้นส่วนบางชิ้นลึกๆในใจมันหายไป แต่พอเป็นแบบนี้ทีไรเขาก็จะพยายามคิดเรื่องอื่น หาอะไรทำ….แล้วไประบายความอยากรำลึกถึงเรื่องเก่าๆโดยการเล่าเรื่องเชอร์ล็อกให้หลานๆฟังอยู่บ่อยๆ แต่ลูกหลานไม่เคยเห็นการ์ดหรือเห็นจอห์นรับโทรศัพท์จากเชอร์ล็อกเลย แล้วก็เห็นว่าจอห์นคิดถึงเพื่อน เลยลองคิดจะพาจอห์นไปเยี่ยมเชอร์ล็อกที่บ้านดู เผื่อว่าจริงๆแล้วเชอร์ล็อกยังอยากเจอจอห์นอยู่ แค่ยุ่งหรือไม่มีเวลา 

     

    …. จนวันนึงลูกของจอห์นพาพ่อไปหาเชอร์ล็อกถึงหน้าบ้าน

     

    ถึงแม้ว่าตอนเก็บของ เขาจะเก็บไปคิดไป…ว่าเชอร์ล็อกน่าจะเจอเขาแล้วคงไม่ได้ขับไล่ไสส่ง แต่ก็คงไม่ได้ติดหนึบเหมือนก่อน ด้วยเหตุเพราะหมดประโยชน์ แต่ก็อดใจเต้นไม่ได้ ว่าถ้าเชอร์ล็อกเจอเขาแล้วต้อนรับแบบเย็นๆชาๆขอไปทีแล้วเขาจะรู้สึกยังไง ในขณะที่จอห์นกำลังตื่นเต้น ประตูเหล็กสีแดงก็ถูกเลื่อนเปิดออกด้วยแรงคนงานหนุ่มหนึ่งคน เผยให้เห็นเชอร์ล็อกและบ้านไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ลิบๆท้ายไร่ เชอร์ล็อกมองเขาอย่างคิดถึง..ใช่ จอห์นรู้สึกได้….แล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามากอด….แม้ว่าเชอร์ล็อกจะแก่น้อยกว่าจอห์น แต่ก็นับว่าดูหง่อมลงกว่าตอนที่เจอเขาครั้งสุดท้าย เชอร์ล็อกกอดเขาอย่างแนบแน่นอยู่นานโดยไม่พูดอะไรเลย…จนจอห์นหันไปอีกทีลูกๆก็พากันขับรถหนีเห็นแต่ฝุ่นแดงฟุ้งตลบไปทั่ว ก่อนที่เขาจะบอกเชอร์ล็อกไปอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดออกไปได้

     

    “ขออยู่เลยได้ไหมเนี่ย”

     

    “เอาสิ...หดลงเป็นเห็ดฟางแบบนี้ยังทำงานไหวก็มาอยู่ด้วยกัน” เชอร์ล็อกยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน เชอร์ล็อกเปลี่ยนไป กำแพงในตัวของเขายังอยู่ แต่มันต่ำลงไปมาก เขามัวแต่ดีใจที่เชอร์ล็อกไม่ได้ใจจืดกับเขาอย่างที่คิดและได้เห็นได้เจอทั้งที่ไม่ได้พบกันมานาน จนลืมสงสัยว่า ถ้าจะเอากูมาทำงานกรรมกรแล้วไอ้หนุ่มๆล่ำๆพวกนี้จะเก็บไว้ทำอะไรมิทราบ…

     

    “ฉันยังฉีดยาได้หนะเชอร์ล็อก ส่วนเรื่องอื่นๆก็สอนฉันหน่อยแล้วกันนะ” จอห์นบอกยิ้มๆ ก่อนส่งกระเป๋าให้เด็กคนงานยกเข้าบ้าน แล้วอยู่ๆจอห์นก็รู้สึกถึงมือของเชอร์ล็อกที่มาวางบนบ่าเพราะเชอร์ล็อกกำลังโอบเขาอยู่

     

    “แล้วทำไมไม่เคยตอบจดหมายหรือส่งการ์ดไปหาฉันบ้างเลยเหละเชอร์ล็อก” จอห์นเข้าประเด็นที่เขาคาใจมานานแสนนาน

     

    เชอร์ล็อกไม่ตอบ แต่สีหน้าก็ยังยิ้มอยู่ เขาก้มลงยิ้มกับอกตัวเองไปจนถึงในตัวบ้าน ก่อนเขาทั้งสองคนจะนั่งลงบนโซฟาที่นุ่มสบายกลางบ้านไม้กว้างใหญ่ของเชอร์ล็อก แล้วทุกอย่างก็ไหลลื่นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่นั่งคุยสารทุกข์สุขดิบ โดยเชอร์ล็อกโชว์อนุมานว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอห์นบ้าง แล้วก็ชวนดูนั่นดูนี่กันจนค่ำ กินดินเนอร์ด้วยกันพร้อมกับคนงานทั้งหมด ไล่ไปเรื่อยทุกกิจวัตรจนถึงวันที่ลูกสาวของจอห์นมารับกลับ จอห์นก็ทำหน้าตกใจ แล้วก็หัวเราะออกมา บอกลูกว่าคงไม่กลับไปแล้ว เดี๋ยวพ่อจะเขียนการ์ดไปหาขอโทษด้วยที่ลืมบอก ลูกๆของจอห์นก็ไม่ว่าอะไร เพราะหลังจากแม่ตายจอห์นก็เหงาๆ เพื่อนฝูงหลายคนก็ไม่มีเวลามานั่งคุยด้วย บางคนก็ล้มหายตายจาก เลยเป็นอันว่าจอห์นก็ได้กลับมาอยู่ชายคาเดียวกับเชอร์ล็อกอีกครั้ง

     

    หลังลูกกลับไป เชอร์ล็อกก็สั่งคนงานมากั้นห้องนอนใหญ่ๆของเขาให้เป็นห้องนอนของจอห์นอีกห้อง แล้วเอาเตียงไม้ที่เขาเก็บไว้สำรองเผื่อว่าคนงานจำเป็นต้องมาค้างที่บ้านออกมาหนึ่งชุดแล้วก็ช่วยกันประกอบกับจอห์น ที่เขาและจอห์นตัดสินใจนอนห้องเดียวกันเพราะ ต่อไปจะได้คอยเตือนกันเรื่องหยูกยา พากันออกกำลังกาย ใครทำอะไรหนักไปอีกคนก็ช่วยปราม ไหนๆอยู่ด้วยกันแล้วดูแลกันให้เต็มที่ไปเลยดีกว่า เผื่อเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือสารพัดอาการคนแก่จะได้ช่วยกันทันเวลา

     

    หลังจากวันนั้น ชีวิตที่บ้านไร่ของเชอร์ล็อกที่ตอนแรกจอห์นไม่คิดว่าจะสนุกตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็สนุกอย่างเหลือเชื่อแม้ว่าจะเทียบกับตอนช่วยกันปราบอาชญากรรม แต่แค่มันสนุกคนละแบบ ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด เชอร์ล็อกเองก็มีความสุขมาก เพราะเขาเห็นว่าเชอร์ล็อกมีสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มเล็กๆตลอดเวลา วันนี้ก็เช่นกัน จอห์นช่วยเชอร์ล็อกเอาดอกไม้จากกระถางลงดิน เขานึกๆดูก็รู้สึกว่าก็ดีเหมือนกันนะ เชอร์ล็อกชอบดอกไม้ที่เขาชอบเขาอยากมีแปลงดอกไฮเดรนเยียมาตลอด แต่คราวนี้ได้มาเกือบร้อยต้น และอีกอย่าง…ซึ่งไม่ใช่แค่วันนี้หรอก หลายครั้ง…เขาก็รู้สึกว่าเชอร์ล็อกชอบมองเหม่อมาที่เขานานๆ พอเขาจ้องตอบเชอร์ล็อกจะหันหนีหรือรีบทำสีหน้าครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ที่แปลกคือ….วันนี้เชอร์ล็อกมองกลับมาตรงๆ ยิ้มให้ แล้วก้มลงยกต้นไม้ลงดินต่อ ทุกอากัปกิริยาเป็นธรรมชาติมนุษย์มนามากจนเขาแปลกใจเลยกลายเป็นว่าเขาต้องมานั่งจ้องเชอร์ล็อกซะเอง เชอร์ล็อกก็เหมือนจะรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้อีกครั้ง จอห์นคิดว่าถ้ามัวแต่มองกันไปมองกันมาคงทำงานการไม่เสร็จเลยยิ้มให้เชอร์ล็อกแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเหมือนๆกัน อีกสักพักก็ชวนคุยเรื่องเสียงนกเรื่องกลิ่นอากาศกันไปตามประสา

     

    จนตอนแดดร่มลมตก เชอร์ล็อกชวนเขามานั่งกินข้าวกินปลาแล้วห้อยขาลงไปในบึง เชอร์ล็อกส่งข้อความบอกคนงานเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับขัดความสงบสุขเวลารับประทานอาหารเย็น พอจะลุกขึ้นเชอร์ล็อกลุกขึ้นก่อน จอห์นเกิดแข้งขาไม่ดีขึ้นมาจริงๆ เพราะตอนที่แยกกันอยู่อาการทางจิตที่ทำให้ขาไม่ดีกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่เขาคิดว่ามันจะต้องหายไปแล้ว แล้วพอดีเขาตกบันไดเพราะก้าวพลาด สะโพกขวาเลยคลาก ตอนนี้แข้งขาเลยไม่ดีขึ้นมาจริงๆ พอดึงกันขึ้นมาจากพื้นเสร็จ สองผู้เฒ่าก็เข้าบ้านไปอาบน้ำอาบท่ากินหยูกยาบำรุง แล้วฝึกโยคะสักพักก่อนจะเข้านอน ซึ่งตอนนี้จอห์นก็พอจะเป็นโยคะนิดๆหน่อยๆแล้ว หลังจากมาอยู่กับเชอร์ล็อกเกือบปีแล้วเชอร์ล็อกค่อยๆสอนให้

     

    ตกกลางคืน วันนี้ท้องฟ้าแจ่มกระจ่างเพราะเป็นคืนวันเพ็ญ ห้องนอนของทั้งคู่เป็นห้องใต้หลังคากว้างๆ โปร่งๆเพราะหลังคาสูมาก เหนือเตียงของเขามีไม้สลักเป็นรูปหัวเอลค์

    “นี่..ฉันว่าฉันอาจจะตายเพราะไอ้หัวเอลค์นี่หล่นมาทับสักวันนะ” จอห์นพูดขณะมองหัวเอลค์เหนือเตียง

     

    “ไม่ดีเหรอ…ได้ตายใกล้ๆฉันไง” เชอร์ล็อกตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะมาจากอีกฟากของห้อง

     

    จอห์นได้ยินแล้วก็ขำ เดี๋ยวนี้เชอร์ล็อกหัดพูดเล่นพูดหัวมากมาย ตรงนี้แหละที่ทำให้จอห์นรู้สึกว่ามันไม่ได้จืดไปกว่าช่วงที่ไปวิ่งไล่จับโจรผู้ร้ายด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนเลย ส่วนไอ้เรื่องที่เชอร์ล็อกชอบชวนไปกางเต๊นท์เล่นในป่า หรือไปดูสัตว์นี่ก็ยังถือว่าเป็นของแถม

     

    จอห์นลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกได้ว่าตอนนี้เชอร์ล็อกเจาะเพดานเหนือหัวเตียงแล้วใส่กระจกเข้าไปแทนเพื่อให้เชอร์ล็อกได้นอนดูดาวและพระจันทร์ได้สะดวก จอห์นนึกอยากเห็นพระจันทร์เต็มดวงขึ้นมาเลยเดินมาที่เตียงเชอร์ล็อก แล้วหย่อนก้นลงข้างๆเพื่อนที่กำลังมองฟ้าตาไม่กระพริบ

     

    “นอนด้วยคนได้มั้ยหละคืนนี้” จอห์นถาม เชอร์ล็อกก็เขยิบให้ทันทีแทนการตอบ “ฉันมีหมอนวางไว้บนเตียงสองใบก็เพราะเผื่อสักวันจะมานอนดูดาวด้วยกันนี่แหละจอห์น…มาสิ”

     

    “ดูเฉยๆ แล้วจำอะไรไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่าหละ” จอห์นถามขำๆ ขณะที่ค่อยๆสอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม

     

    “เดี๋ยวนี้ฉันเก่งเรื่องดาวแล้วนะ  สมองฉัน มันมีที่เหลือเยอะแยะพอจะใส่อะไรลงไปได้อีกหลายอย่างเลยจอห์นพอฉันไม่ต้องทำอะไรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” เชอร์ล็อกยิ้มจนแก้มเป็นสีชมพู และจอห์นก็เห็นเพราะคืนนี้เดือนหงาย แล้วอยู่ๆก็เหลือบตามามองเขาอย่างจริงจังเพราะไม่พอใจที่เขาหัวเราะ

     

    “ที่เห็นว่าฉันทำอะไรตั้งหลายอย่างที่ตอนหนุ่มไม่ได้ทำ ไม่ใช่เพราะฉันเข้าใจชีวิตผิดนะ ฉันวางแผนไว้แล้ว…จะได้มีความสุขไปทีละเรื่อง” แล้วก็บอกให้จอห์นดูดาวดวงนั้นดวงนี้ไปเรื่อยๆ แล้วก่อนจะมาจบที่เรื่องดวงจันทร์ ว่ามันจะกลมเต็มที่ ในวันแรมหนึ่งค่ำไม่ใช่วันเพ็ญอย่างที่ควรจะเป็น

     

    “จริงเร้อออ เชอร์ล็อก” จอห์นทำตาโตเบิ่งอย่างสงสัย เชอร์ล็อกก็เลยมอง เพราะจอห์นเวลางกเงิ่นงงงันอย่างคนแก่นี่แหละ มองรวมๆแล้วเหมือนเห็ดต้นฟางต้นเล็กๆนี่แหละน่าดูที่สุดแล้ว เชอร์ล็อกรู้สึกว่าอากาศกำลังสบาย ท้องฟ้าก็โปร่ง ใจของเขาก็ไร้ภาระ และคนที่เขาอยากอยู่ใกล้ชิดมาตลอดชีวิตก็มาอยู่ตรงนี้สักที เชอร์ล็อกเบียดกายเข้าไปใกล้จอห์นที่ได้หันกลับไปทำตาโตๆมองพระจันทร์เพื่อจำภาพคืนวันเพ็ญไปเปรียบกับคืนพรุ่งนี้ให้เต็มตาเพราะหูตาก็เริ่มฟ่าฟางแล้ว

     

    “ถ้าอยากรู้พรุ่งนี้ก็มานอนเตียงนี้อีกสิจอห์น แล้วมาดูพระจันทร์กัน ดูซิจะกลมกว่าวันนี้มั้ย” เชอร์ล็อกตอบเบาๆ

     

    “เชอร์ล็อก….” จอห์นเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่สดชื่น

     

    “หืม”

     

    “ชอบฉันใช่มั้ย” จอห์นถามเองก็ตื่นเต้นเองแต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

     

    เชอร์ล็อกก็ได้แต่เงียบ จอห์นเลยจับมือเชอร์ล็อกที่จริงๆแล้วก็วางอยู่ใกล้ๆกันใต้ผ้าห่มนั่นแหละ

     

    “ฉันรู้แล้วนะ…ว่าใครซื้อคลินิกของฉันตอนนั้น”

     

    “แล้วไงอีก” เชอร์ล็อกเลิกคิ้ว เขาซักเพราะยังไม่จนต่อหลักฐาน

     

     “ฉันรู้นะว่าชอบแอบมอง”

     

    “หึ แล้วไงอีก” เชอร์ล็อกก็เริ่มขำแล้วเหมือนกัน

     

     “ฉันรู้แล้วด้วยว่าทำไมไม่ยอมตอบจดหมายกับการ์ด แล้วก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์…พูดจบจอห์นก็กอดเชอร์ล็อกที่ตอนนี้หันไปนอนตะแคงหัวเราะอีกด้าน

     

    “อยากลืมฉันใช่มั้ยหละ” จอห์นหัวเราะจนหน้าแดงไปพูดไปขณะที่แขนทั้งสองข้างกอดเชอร์ล็อกจากทางด้านหลัง ที่ขำก็ขำเพราะเชอร์ล็อกหัวเราะจนตัวสั่น เชอร์ล็อกก็ไม่ได้คิดว่าอะไรตลกแต่ร่างกายมันหัวเราะเองจะทำไงได้…

     

    “รู้ได้ยังไง ไหนอธิบายสิ ฉันจะฟัง” เชอร์ล็อกค่อยๆหยิบมือของจอห์นชูขึ้นเพื่อที่จะหันมาคุยด้วยง่ายๆ และวางมือจอห์นไว้ที่เดิมทันทีที่หันมาเจอกัน

     

    “เซนส์มันบอก” จอห์นยิ้มแก้มปริ

     

    “โถ่จอห์น….แก่ป่านนี้แล้ว ยังไม่ใช้สมองเหมือนเดิมเลยนะ…ฉันหละผิดหวังจริงๆเล้ย สอนไม่รู้จักจำ…”

     

    “ก็เพราะจะเข้าโลงอยู่แล้วเนี่ยสิ ฉันถึงไม่อยากจะคิดอะไรมาก อยากทำอะไรก็ทำ อยากจะพูดอะไรก็พูด” จอห์นตอบแล้วถอนหายใจเบาๆ เชอร์ล็อกกระชับร่างให้แนบชิดกับเขามากขึ้นแล้วซบหน้าลงบนอกของเขา จนไรผมหยิกสีเทาๆระจมูก

     

    “น่าจะถามฉันแบบนี้ซะตั้งสี่สิบปีที่แล้วหนะจอห์น…เดี๋ยวเราก็สลับร่างกันแล้ว

    !!!!!!!!!!!!

     

     เอ้ย….

     

     “เดี๋ยวๆ…โทรศัพท์อยู่ไหน”

     

    สองผู้เฒ่าช่วยกันควานหาโทรศัพท์ แล้วโทรไปอีกหลายต่อจนคนที่เขาอยากคุยด้วยรับสาย …

     

    “อ้าว ว่าไง…” พ่อมดแก่แต่เสียงหนุ่มกรอกเสียงลงโทรศัพท์ เชอร์ล็อกยื่นโทรศัพท์ให้จอห์นพูด เพราะจอห์นพูดกับคนอื่นเก่งกว่าเขา ไม่สิ จอห์นชอบพูดกับคนอื่นมากกว่าเขาต่างหาก….

     

    “เอ่อ ผมสองคนคิดว่าจัดการกับความคิด ที่จะทำให้ต้องเสียดายทีหลังได้แล้วครับ… เอ่อ ท่าน….”

     

    หลังจากนั้นพ่อมดก็ขอคุยสไกป์1เผื่อจะได้คุยกันง่ายขึ้น เพราะเขาต้องใช้ตาพิเศษของพ่อมดตรวจดูทั้งข้างนอกข้างในของสองเฒ่า และอาจจะทำพิธีได้เลย ทั้งเชอร์ล็อกและจอห์นตอนนี้ก็มานั่งหน้าคอมกลางดึก

     

    “เห้อ…” เอ็มรีสถอนหายใจ …

     

    "ฉันทำอะไรให้ไม่ได้หรอกนะ...."

     

    เอ็มริสรีบอธิบายต่อ “ฉันขอพูดอะไรหน่อยแล้วกัน ต้องขอโทษเธอทั้งคู่ด้วยที่อาจจะเหมือนซ้ำเติม แต่จำเป็นต้องอธิบายเพราะจะได้เข้าใจกันว่าฉันไม่ได้ใจร้าย ... อีกอย่างเธอก็สมหวังในชีวิต ไม่มีอะไรติดค้างในใจกันแล้วฉันถึงได้กล้าพูดนะเนี่ย .... เธอสองคนรู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้เสียดายทีหลัง ในวันที่เธอต้องเสียโอกาสนั้นไปแล้ว คำสาปทางความคิดของเธอมันทำงานสำเร็จไปแล้ว ดังนั้นที่เธอมาสมหวังในวันนี้… เพราะจอห์น…เธอไม่ต้องตอบคำถามใครในเรื่องเพศของเธอแล้ว เพราะเธอมีลูกมีเมียมาเยอะแล้ว อีกอย่างเธอมาอยู่บ้านไร่กับเชอร์ล็อกแบบนี้นอกจากลูกๆของเธอแล้วไม่มีใครรู้เลย….

     

     ส่วนเธอ…เชอร์ล็อก…เธอก็เสียใจมาเยอะแล้ว ที่เห็นจอห์นมีคนอื่นอยู่ตำตามาหลายปี เธอรู้สึกอยู่แก่ใจว่าเธอมีใจให้เขา แล้วเขาก็มีใจให้เธอ แล้วก็บอกตัวเองว่า เขาคือคนที่เหมาะสมจะใช้ชีวิตวัยชราด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่…และไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา จนเขาแต่งงานมีลูกมีเมีย… แต่ตอนนี้เธอยอมรับว่ารักเขากับตัวเอง เพราะเธอกลัวที่จะสมเพชตัวเอง เพราะถูกคนที่ตัวเองรักปฏิเสธ

     

    ดังนั้นฉันถอนทำสาปให้ไม่ได้หรอกนะ… ในเมื่อปมยังอยู่ แต่ด้วยเงื่อนไขต่างๆ มันเลยทำอะไรเธอไม่ได้แล้วต่างหาก ลองได้กลับเป็นเป็นหนุ่ม จอห์นก็จะทำแบบเดิม เธอก็ต้องช้ำเหมือนเดิมเพราะเธอรักคนอื่น”

     

    “ผมไม่ทำอะไร เพราะผมรู้อยู่แก่ใจ ว่ายังไงจอห์นก็ต้องปฎิเสธอยู่ดีต่างหากหละ” เชอร์ล็อกตอบอย่างไม่พอใจ

     

    “ฉันบอกแล้วไง ว่ามันจะต้องถอนความคิดที่ทำให้เธอต้องเสียดาย ไม่ใช่เสียใจ ตอบฉันมาสิ ว่าเธอแน่ใจว่าเธอไม่มีโอกาส ไม่ใช่เพราะมีลุ้นแต่ก็ป๊อด...แล้ววันนี้ไม่เสียดายเลยหนะที่ไม่ได้ลองขอจอห์นเดทดู….เอาเหอะนะ …. ฉันว่าพวกเธอแก่แล้ว นอนพักผ่อนเหอะ จริงๆยาขวดนั้นที่ฉันเคยให้เธอกิน มันพอจะทำให้เธออยู่กันอย่างมีความสุขไปอีกสามสิบปีเป็นอย่างน้อย อย่างมากก็ห้าสิบเลยนะ ถือเป็นคำขอโทษแทนลูกหลานคนใช้เวทมนต์ของฉันแล้วกัน” พ่อมดพูดจบก็รีบปิดสไกป์หนี…

     

    เชอร์ล็อกล้มตัวลงนอน จอห์นก็ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้อยู่ต่อไปอีกนาน ได้สมหวังในความรัก แต่ไม่ได้กลับร่างเดิม

     

    “ช่างเหอะเนอะเชอร์ล็อก… ฉันก็เตะปี๊บไม่ดังแล้ว ดังนั้นอยู่ในร่างไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” จอห์นล้มตัวลงนอนตาม

     

    “อืม… หลับกันเถอะตาเฒ่า เก็บแรงไว้ดูพระจันทร์พรุ่งนี้กัน”

    -           -   -     -    -    -       - 

    วันคืนผ่านโดยที่เชอร์ล็อกกับจอห์นก็อยู่ด้วยกันอย่างสดชื่นแข็งแรงเท่าที่วัยนี้จะอำนวย ช่วยกันทำนั่นทำนี่ แล้ววันวาเลนไทน์ปีนี้เป็นวันวาเลนไทน์แรกที่เขาทั้งสองได้ฉลองกันในฐานะคู่ชีวิต จอห์นก็ตื่นเต้นทำอะไรจกุ๊กกิ๊กเต็มไปหมด ทั้งไปตัดดอกไม้มาให้เชอร์ล็อก ให้ลูกสาวสอนทำเค้ก แล้วก็เขียนการ์ด แล้วทำการ์ดอีกใบว่างๆ กะจะบังคับให้เชอร์ล็อกเขียนตอบ ส่วนเชอร์ล็อกทำหน้านิ่ว บ่นอุบอิบๆว่าวันนี้มันวันอัปปรีย์จัญไรไม่อยากจะฉลองเลย ถ้าไม่ใช่เพราะวันบ้าอะไรนี่จะโดนสาปมั้ย... แต่จนแล้วจนรอด เขาทั้งสองก็มาลงเอยที่การนั่งกินช็อกโกแล็ตชนิดหวานน้อยด้วยกันหน้าเตาผิง บนเก้าอี้นวมคนละตัวเหมือนตอนหนุ่มๆ

     

     จอห์นและเชอร์ล็อกถึงจะไม่รังเกียจในการที่จะไปสิงสู่ในอีกร่างหนึ่งเท่าไหร่ แต่ก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้ นี่ก็ตื่นเต้นค้างมาสามวันแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงไม่สลับร่างสักที

     

     “นี่แน่ะ” เชอร์ล็อกดึงจอห์นเข้ามามองกระจกบานเดียวกับที่เขามองอยู่แล้วก็นั่งลง  “เดี๋ยวเราก็สลับร่างกันแล้วนะ…ฉันเลยจะสอนเซ็ทผมหนะ…จำได้ว่าคราวที่แล้วตอนสลับร่างกันครั้งยังหนุ่มหนะ…ผมฉันไม่เป็นทรงเล้ย” เชอร์ล็อกพูดยิ้มๆ

     

    “มาๆ ทำตามที่ฉันบอกนะ” เชอร์ล็อกยื่นกระปุกแว็กซ์ให้ จอห์นก็หวีผมเชอร์ล็อกแล้วลองเซ็ทตามที่บอก ออกมาเรียบร้อยกว่าที่เชอร์ล็อกทำเองซะอีก “นี่ๆ…จอห์น…วันนี้สอนให้ทำแบบเนี้ยบมากๆไว้ก่อน เพราะทำจนชินมือแล้วคุณภาพจะดร็อปลงทุกอย่างนั้นแหละคนเรา….ฉันถึงเกลียดนักไง อะไรที่มันเดิมๆ” เชอร์ล็อกพูดจบก็หันตัวเองจากหน้ากระจก ไปซบหน้าบนหน้าท้องจอห์นที่ยืนอยู่แล้วเอามือเกาหลังจอห์นไปพูดไปเบาๆ

     

    “นี่ๆ….ห้ามย้อมผมนะ”

     

     “ไม่ย้อมหรอก แก่แล้ว”จอห์นตอบไปก็เล่นผมเชอร์ล็อกไป จริงๆจะย้อมทำไม สีเทาๆ ตาซีดๆ ตัวขาวๆนี่มันก็ดูจืดๆตาน่ารักดีออก เสียดายที่ว่าคงไม่ได้เห็นรูปกายที่ว่านี้ทำตัวดื้อด้านเป็นเฒ่าทารกขี้โมโหอีกต่อไป ....

     

    “กลัวสาวติด…ก็ฉันมันดูดีแล้วก็ยังไม่แก่มากนี่นา…ไม่เอาอะ ดูหนุ่มขึ้นคงหล่อตายเลย”

     

    จอห์นรู้ดีว่าเชอร์ล็อกหึงมากกว่าที่จะหวงตัว

     

    “เอาเถอะเชอร์ล็อก ต่อให้ไม่ใช่ร่างนี้” เขาเอานิ้วจิ้มร่างตัวเอง “แต่เป็นร่างนี้” จอห์นเอานิ้วจิ้มที่กระหม่อมเชอร์ล็อก เชอร์ล็อกก็เลยหน้ามองตาม แต่หน้ายังแนบอยู่ที่เดิม “ก็มีสิทธิ์หวงได้ ฉันไม่ว่าหรอก…เพราะเราคบกันแล้ว จะหึงก็ยังได้เลยนะ” จอห์นทำตาหรี่ๆอย่างรู้ทันหลังพูดจบ เพราะเขาก็รู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ว่าเชอร์ล็อกขี้หึง ขี้หวงขี้อ้อน งอแง ง้องแง้ง แล้วก็ไม่ได้เป็นกับเขาคนเดียว กับไมครอฟท์ หรือเลสตราดก็โดนอ้อน … แม้จะเป็นการอ้อนteenก็ตาม…

     

    เวลาล่วงเลยไปโดยไม่มีการสลับร่างเกิดขึ้น…จนถึงวาเลนไทน์อีกปี ตอนนี้เขาสองคนแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม ไม่เคยห่างกันกระทั่งเวลาอาบน้ำหรือขับถ่าย เพราะเกรงว่าจอห์นขาไม่ดีจะลื่นล้มในห้องน้ำ แม้จะได้อายุขัยเพิ่มก็ตามแต่ไอ้ยาที่ว่านั่นไม่ได้ครอบคลุมอุบัติเหตุ วันนี้เชอร์ล็อกได้รับการ์ดสีชมพูที่เขาเกลียด,เพราะเขาดูแคลนกราฟฟิกโลว์เทสท์แบบวาเลนไทน์ที่ทุกอย่างเป็นสีชมพูโมโนโครมแถมถ้าไม่รูปกุหลาบก็หัวใจ,มาหนึ่งใบ

     

     “แน่ะ…ถ้าใครส่งมาจีบ… ฉันจะด่าแน่ๆแล้วนะคราวนี้…หัวหงอกก็ไม่เว้นนะ….” จอห์นเหลือบตามามองขณะปาดเนยบนหน้าขนมปัง จนปาดเลยมาโดนสันมือ เชอร์ล็อกก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รู้ทันที่จอห์นทำเป็นพูดเล่นแต่ก็แอบขึงขัง

     

    “จริงจังขนาดนี้ กลับไปไว้หนวดมั้ยจอห์น…” เชอร์ล็อกแหย่

     

    จอห์นไม่ใช่คนขี้หึงจุกจิกแต่อยู่ๆมีการ์ดวาเลนไทน์มาหาเชอร์ล็อกนี่มันก็น่าสงสัยอยู่ นี่ถ้าอ่านแล้วเจอว่าเป็น “ฉันยังไม่ตาย…(แม้จะเจ็ดสิบแล้ว)… กินข้าวกันมั้ย” หละเขาคงควันออกหู…เลยเขยิบมานั่งใกล้ๆเพื่อตรวจดูการ์ด แล้วก็จับมันกางออก เพื่อที่จะอ่านออกเสียง

     

     “แม้จะแก้คำสาปไม่ได้ แต่พวกเธอคงจำที่ฉันบอกได้…ว่าคำสาปมันเป็นนามธรรม…ดังนั้นเรื่องใจเป็นของสำคัญ”

     

    “เอ็มริสนี่นาเชอร์ล็อก” จอห์นเหลือบตามามองเชอร์ล็อกแวบหนึ่งก่อนอ่านในใจไปพร้อมๆกัน

     

     “ตอนนี้เธอทั้งสองถือเอาความสุขความสบายใจทั้งด้านร่างกายและจิตใจอีกฝ่ายเสมอกับความสุขสบายของร่างกายและจิตใจของตัวเอง ต่างก็ไม่มีความลับ ไม่มีนอก ไม่มีใน จริงใจต่อกัน   ดังนั้น คาถาสลับร่าง แม้จะยังมีอยู่ แต่ก็ทำอะไรคนที่เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งกายใจอย่างเธอสองคนไม่ได้…จะสลับไปร่างไหนหละ  ในเมื่อมันคือร่างตัวเองทั้งคู่….”

     

     “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ

     

     เอ็มริส….

     

     ปล. เรียกฉันว่าเมอร์ลินก็ได้…”

     

     จริงๆเชอร์ล็อกไม่เข้าใจหรอกจะมากันเองให้เรียกเมอร์ลินทำไม ในเมื่อเอ็มริสก็สองพยางค์ ไอ้พ่อมดนี่ก็แปลก แล้วทำไมไม่บอกตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ต้องตื่นเต้น แล้วอีกอย่างมันรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ทุกอย่างกลมเกลียวลงล็อก… แต่ช่างเหอะ เปลืองสมอง …. เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วก็แล้วกัน

     

     “รู้แล้วสินะว่าไม่มีอะไรน่าระแวง” เชอร์ล็อกโพล่งออกมาทันทีที่จอห์นเข้าใจแล้ว “เห็นมั้ยใครขี้หึงกว่ากัน”

     

     “ฉันไม่ได้หึง ฉันแค่แปลกใจเท่านั้นเองหละเชอร์ล็อก…แหม่ ก็ทำเป็นลับลมคมในนี่นาทีแรกหนะ….” จอห์นตอบก่อนช่วยเก็บการ์ดใส่ซอง แต่เชอร์ล็อกอยู่ๆก็เอาแขนมากอดจอห์นแน่น

     

     “แต่ระแวงไว้ก็ดีนะจอห์น ฉันมีเรื่องยังไม่ได้บอก” เชอร์ล็อกพูดออกมาหน้าตาเฉย จอห์นก็หันมามองอย่างสงสัย เชอร์ล็อกทำคิ้ว(โล้นๆ)ตกๆ ทำตาเศร้า แต่หอมขมับจอห์นก่อนหนึ่งทีก่อนจะกระซิบจอห์นเบาๆด้วยเสียงโทนกระหยิ่ม…

     

     "มีความลับอะไรอีกหละ" จอห์นเหลือบตามองเชอร์ล็อกที่ยังไม่ขยับไปไหน

     

     

    “ก็ฉันยังเตะปี๊บดังอยู่หนะสิจอห์น”

     

     End.

     

    ************

     


    ---------------- 
     “ถามจริงๆนะจอห์น ….ไม่รู้เหรอ” 


    “ไม่รู้หรอก ก็ฉันทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันก็นึกว่าอายุเท่าเราเขาไม่ทำอะไรกันแล้วนี่นา” 


    โถ่ ….นี่ถ้าเป็นนักเขานะ ป่านนี้มันขันลั่นป่าแล้ว ทำไมนอนอยู่ข้างกันถึงได้ไม่รู้ไม่ได้ยินนะ… เชอร์ล็อกทำแอ๊บโมโห 


    นี่ๆ ยังเวอร์จิ้นใช่มั้ย?? … ก็เหมือนกระบี่นายร้อยฉันหนะ มีไว้ประดับยศไว้งั้นๆนั่นแหละ…คมแต่อยู่ในฝัก…ขึ้นสนิมหมดแล้วเพราะไม่เคยชัก… 



    รู้ได้ไงว่าฉันไม่เคยชักหนะ 

    …… 

    เห็นมะ เงียบ… มานี่มาจอห์นมา อย่าเสียเวลาอยู่เลย เดี๋ยวเงื้อง่าราคาแพงคำสาปมันกำเริบนะ สลับร่างกันทีนี้ไม่ต้องเตะมันแล้วปี๊บเปิ๊บ …….อ้าวเร็วๆสิจอห์น… อีกยี่สิบก้าวก็ถึงเตียงแล้วนะ….   

     

    **************

     

    1.ที่บอกว่าสไกป์ เพราะไม่รู้ว่ายุคหน้ามันจะโปรแกรมอะไรเนอะ.... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×