คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1, 3/3
ดร.จอห์น วัตสัน เห็นท้องฟ้าเป็นสีเทาและทะเลเป็นสีเขียว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะถนนบนเกาะภูเก็ตบวกกับฝีเท้าของคนขับรถโรงแรม อีกส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนถูกหลอก ให้แต่งงาน กับเจ้าเพื่อนหน้าตายที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเบาะหลัง
จอห์นไม่ได้สนใจวิวทะเลข้างทาง ไม่ได้หันไปมองเชอร์ล็อค และแม้สายตาของคุณหมอหนุ่มจะจ้องไปที่พนักพิงของเบาะหน้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจรายละเอียดของเบาะหนังขนาดนั้น ถ้ามีใครถามว่าคิดอะไรอยู่ คำว่า “เปล่า” คงจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องและตรงตามตัวที่สุด แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอะไรอยู่ คุณหมออาจต้องหยิบหนังสือเล่มหนามาเขียนตอบและครึ่งหนึ่งคงเป็นเพียงเส้นตวัดไปมาเท่านั้น เพราะเขาไม่รู้ตัวเองเลยสักนิดว่ารู้อย่างไรกับข่าวงานวิวาห์ของตนเองที่กำลังมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จอห์น”
ในที่สุด เชอร์ล็อค โฮล์มส ซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเบาะหลังก็ทนความเงียบไม่ไหว สิ่งประหลาดอย่างหนึ่งของนักสืบคนนี้ก็คือ แม้เขาจะเกลียดผู้คนโดยรวม (เพราะคนส่วนใหญ่ช่างน่าเบื่อสิ้นดี) แต่เขาก็ทนไม่ได้ถ้าต้อง “เพลิดเพลิน” หรือนั่งเงียบๆ โดยไม่ออกเสียงหรือท่าทาง และการใช้ท่าทางสำหรับการคิดวิเคราะห์นั้น เขาก็สงวนไว้เฉพาะปริศนาคลาสเอสเท่านั้น
“จอห์น” เชอร์ล็อคเรียกเพื่อนอีกครั้ง หวังดึงความสนใจ ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะเอาใจใส่จิตใจของคนอื่นนัก เพียงแต่ถ้าการกระพริบตาเฉลี่ยของคนที่นั่งข้างๆ ลดลงจาก 6 วินาทีต่อครั้ง เป็น 10.7 วินาที คงจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ
ดร.วัตสัน นั่งมองตรงไปข้างหน้า แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นวิวถ้าไม่หันไปทางซ้าย ริมฝีปากของเขาเม้มสนิท คิ้วขมวดเป็นปมเล็กๆ ให้เห็นรอยย่นบนหน้าผาก แขนกอดอกแน่น ส่วนขาสองข้างที่ไขว่ห้างกันอยู่นั้น ก็ไม่ได้ขยับจากที่เลยมาตั้งแต่ออกจากสนามบิน
“จอห์น”
“อย่า”
อย่างน้อยจอห์นก็เริ่มพูด เชอร์ล็อคคิด เขาโน้มตัวเข้าหาเพื่อน แม้ว่าจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งนั่งของตัวเอง
“จอห์น”
“คุณคิดอะไรของคุณ”
เชอร์ล็อคหยุด และถอยกลับมานั่งหลังตรงเหมือนเดิม แต่สายตายังคงจ้องคุณหมอร่างเล็ก ปกติแล้วจอห์นให้อภัยเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างยิงฝาบ้าน หรือการที่เขาใช้จอห์นเป็นหนูลองยา แน่นอนว่าการพามาภูเก็ตคงไม่หนักหนาขนาดทั้งสองกรณีนั้น ถ้าไม่นับเรื่องไร้สาระอย่างการแต่งงานน่ะนะ
ดร.วัตสันถอนหายใจ หันหน้ากลับเข้าหาตัวรถ แต่ยังคงไม่สบตา
“แล้วนายล่ะคิดอะไร” เชอร์ล็อคย้อน
“ผมเหรอ?” จอห์นร้องเสียงหลง ชี้นิ้วไปที่อกตัวเอง “ผมเนี่ยนะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณสนใจว่าผมจะคิดอะไร ไม่ล่ะเชอร์ล็อค คุณสนใจแต่ตัวเอง”
“ทำไม ” เชอร์ล็อคพูดยังไม่ทันจบ หมอวัตสันก็สวนต่อพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างประกอบเป็นสัญลักษณ์ว่า หยุด แล้ว ฟัง
“คุณรู้อะไรมั้ย? ผมโง่เอง ผมชวนคุณมาเมืองไทยเองด้วยซ้ำ แล้วผมก็ไม่เคยถามว่าให้เอาสูทมาทำไม ทั้งๆ ที่เมืองไทยน่ะร้อนจะตาย”
“ที่ต้องเอาสูทมาก็เพราะเรามีงานเลี้ยงดินเนอร์”
หมอวัตสันถลึงตาพร้อมทำท่าบีบคอกลางอากาศ “ผมไม่อยากไปดินเนอร์อะไรนั่น!”
“แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีนะ” เชอร์ล็อคตอบเหมือนครูตอบลูกศิษย์
จอห์นหน้าแดงด้วยความโกรธ “ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนว่า
เรา คุณกับผมจะแต่งงาน”
“ถ้าบอก
นายจะมาเหรอ?” โฮล์มสวนเรียบๆ
“เออสิ!
ไม่!” หมอวัตสันเริ่มสับสนกับคำตอบ เชอร์ล็อค โฮล์มสเห็นช่องว่างจึงรีบแทรก
“นายโกรธที่ต้องแต่งงานกับฉัน หรือโกรธที่ฉันไม่บอกนายก่อน?”
หมอวัตสันอึ้งกับคำถามไปเกือบวินาทีก่อนจะส่ายหัว เพราะส่ายหน้าเป็นการแสดงอารมณ์ที่น้อยเกินไป “นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือ ” คุณหมอใช้มือทั้งสองทำท่าเป็นกล่องประเด็นประกอบเหตุผล “คุณหลอกผมมาหลายครั้ง” เขาพยายามพูดช้าๆ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจ ทั้งที่ดูเหมือนคนๆ เดียวที่สับสนในบทสนทนานี้คือเขาเองมากกว่า “ทั้งเรื่องที่คุณใช้ผมเป็นหนูทดลอง เรื่องที่คุณแกล้งตาย” หมอวัตสันหยุดพักหายใจแล้วจ้องตาเพื่อนนักสืบ “คุณหลอกผม แล้วผมก็ไม่เคยถามอะไรเลย ผมเชื่อคุณทุกครั้ง ผมมัน ”
“แล้วทำไมนายต้องเชื่อฉัน?” เชอร์ล็อคสวนกลับอีกครั้ง แต่ดูเหมือนจะทำให้อารมณ์คุณหมอเดือดดาลกว่าเดิม
“ก็เพราะผม
.” จอห์นตอบทันควันแต่ก็ต้องหยุดกระทันหัน ทันทีที่เขารู้ตัวว่าจะพูดอะไรต่อจากนั้น ความโกรธก็หายไปหมดสิ้น
จอห์นรู้แล้วว่าเพราะอะไรเขาถึงเชื่อเชอร์ล็อค เพียงแต่พอผ่านไปอีกสองวินาที เขาก็คิดว่าเจ้าสองคำสองพยางค์นั้นเป็นเพียงแค่การต่อปากต่อคำและอารมณ์ชั่ววูบจึงปล่อยให้มันผ่านพ้นไป
อย่างไรเสีย เชอร์ล็อค โฮล์มส เห็นผลแล้วว่าศึกครั้งนี้เขาเป็นผู้ชนะ ในระหว่างที่จอห์นกำลังค้างเพราะความรู้แจ้งอยู่นั่นเอง พ่อนักสืบก็โยนไอโฟนคู่ใจลงบนตักคุณหมอ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งผู้ชนะ ไม่ใช่เพราะชนะจากบทสนทนาเมื่อครู่เสียด้วย
แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ ดร.วัตสันก็หยิบไอโฟนขึ้นมาอ่านอีเมลฉบับที่แสดงบนหน้าจอพอดี ความอยากรู้อยากเห็น ประกอบกับกิจวัตรในฐานะคู่หูนักสืบ ทำให้เขาลืมความโกรธชั่วขณะ และตลอดไป
“นี่มัน?” หมอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ผู้ตายมีสี่คน ทั้งหมดน่าจะฆ่าตัวตาย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือขัดขืน ดูเหมือนว่าจะ ‘เดินลงทะเลไปเฉยๆ’”
“เป็นไปไม่ได้”
“ลองบอกฉันหน่อยสิว่าทำไม”
“ง่ายมาก แรงจูงใจ ในนี้เขียนไว้ว่าพบแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของผู้ตายสองคนแรก แต่อีกสองคนต่อมานอกจากจะไม่พบร่องรอยของสารพิษแล้ว ในนี้ยังเขียนไว้อีกว่ามาฮันนีมูนทั้งคู่” คุณหมอเงียบไปหนึ่งอึดใจ “หรือว่าเจ้าสาวจะแย่ขนาดนั้นจริงๆ?”
เชอร์ล็อค โฮล์มส และ ดร.จอห์น วัตสัน สบตาแล้วหัวเราะให้กันเป็นครั้งแรกนับจากปิดประตูรถ
“นี่มันคดีสาวชุดชมพูอีกแล้วสินะ” วัตสันยิ้มมุมปาก ตาเป็นประกายกับคดีใหม่ที่อยู่ตรงหน้า เชอร์ล็อคเพียงแต่ยื่นมือไปรับไอโฟนใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตฮาวายของเขา
“เยี่ยมมากจอห์น” นักสืบผมหยักศกชมเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“สำหรับคนธรรมดาน่ะนะ” เชอร์ล็อคจัดปกเสื้อเชิ้ตให้ตั้งขึ้น ตาหันกลับไปมองถนน ทิ้งให้จอห์นรู้สึกกึ่งพอใจกึ่งโดนดูถูก
แต่ใช่ว่าเขาจะแคร์สักหน่อย
* * * * *
เชอร์ล็อค โฮล์มส เดินตัวปลิวนำหน้าไปยังบ้านพักที่นายกเทศมนตรีจัดไว้ให้ภายในรีสอร์ทเจ้าภาพร่วมของงานวิวาห์หมู่ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในอีกสองวันข้างหน้า เชอร์ล็อคห้จอห์นฟังระหว่างเดินทาง ถึงแผนการณ์ของผู้ว่าจ้างที่ต้องการให้ทั้งคู่แฝงตัวอยู่ในงานเพื่อทั้งสาวตัวฆาตกรและชี้ว่าที่เหยื่อ หมอวัตสันไม่ได้โกรธเพื่อนแล้ว เพียงแต่ภาวนาไม่ให้ข่าววิวาห์นี้ลอยไปไกลถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่อีกทวีป
นอกจากนั้นแล้ว หาดกะรณยาวสุดสายตาพร้อมด้วยชายหาดสีขาว ถ้าไม่ต้องห่วงเรื่องฆาตกรรม นี่อาจจะเป็นการพักร้อนที่เขากำลังมองหาอยู่ดี
เชอร์ล็อคเดินนำเขาไปที่บ้านหลังสุดท้ายของรีสอร์ทซึ่งถูกแบ่งไว้เป็นห้องแฝด แต่ก่อนที่หมอวัตสันจะมีโอกาสย่างท้าวเข้าประตูห้อง เขาก็ได้ยินเสียงผู้ชายสองคนจากห้องติดกัน ที่แท้ก็เป็นสองพี่น้องยักษ์และหนุ่มเก็บกดจากสนามบินนี่เอง
เชอร์ล็อคซึ่งเดินเข้าห้องไปแล้ว กลับออกมาหน้าประตูอีกครั้งแล้วจ้องไปยังห้องตรงข้าม
“พวกอเมริกันน่ะ” หมอวัตสันส่ายหัวด้วยความขบขัน เมื่อเขาสังเกตว่าเชอร์ล็อคไม่ยิ้มด้วย เขาจึงหันหลังกลับไปมองห้องตรงข้ามอีกครั้ง
“สองคนนี้ไม่ใช่นักท่องเที่ยว” ในที่สุดหนุ่มนักสืบก็พูดขึ้น
“คุณหมายความว่า
” ปัญหาอีกแล้วล่ะสิ จอห์นต่อประโยคนั้นในใจ
“เข้าห้องมาเถอะจอห์น ทีนี่ไม่ปลอดภัย” เชอร์ล็อคพูดราวกับกระซิบ แล้วเปิดบานประตูกว้างเพื่อให้เพื่อนเข้ามาทั้งๆ ที่ตนเองยังคงจับตาดูเงาร่างยักษ์ในห้องอีกฝั่ง
“วินเชสเตอร์”
เชอร์ล็อคพูดคำๆ นั้นผ่านริมฝีปากด้วยความรังเกียจ เขาไม่ชอบการมาถึงของสองหนุ่มข้างห้องเอาเสียเลย
หรือถ้าจะพูดให้ดี เขาไม่เข้าใจ ดูเหมือนจะถูกต้องกว่า
ความคิดเห็น