ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]BBC Sherlock: 221b ดาวพระศุกร์

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ:คืนนนนนนี้...เป็นคืนเดือนแรมมมม

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 57


    ก่อนอ่านบทนำ ขอบอกก่อนเลยว่านี่คือซาวน์แทร็คค่ะ 

    และอีกเพลงไม่ใช่ซาวน์แทร็ค ไม่เกี่ยวอะไรกับฟิกเลย แต่พอดีคนเขียนติดเพลงนี้ค่ะ (แอบจิ๊กมาจากบล็อกชาวบ้านค่ะ หุหุ)

    เรื่องนี้เชอร์ล็อกจะอายุน้อยกว่าทุกคนนะคะ ทุกคนอายุใกล้เคียงใน bbc sherlock แต่ดาวพระศุกร์เชอร์ล็อกนี่จะอายุน้อยค่ะ สัก 20 ปี เป็นเด็กเพิ่งโต ถ้าคิดไม่ออก เอารูปนี้ไปดูนะคะ

     

    บทนำ  คืนนนนนนี้เป็นคืนเดือนแรม

    นายแพทย์วัทสันเดินขโยกเขยกไปตามถนน แม้จะขาไม่ค่อยดี แต่ด้วยความที่อยากกินบรรยากาศละแวกนี้เขาจึงเลือกเดินชมตึกชมถนนยามค่ำคืน แทนการเลือกโบกแท็กซี่ 

     

    จะว่าไปวันนี้เป็นวันดี ถ้าเทียบกับทุกๆวัน เพราะตั้งแต่กลับจากรบที่อัฟกานิสถานเมื่อสี่ปีที่แล้ว ชีวิตเขาก็สวิทช์กลับจากสนามรบมาเป็นคลินิกหมอเหมือนสมัยก่อน แต่มันก็ไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิดไว้ กลับกลายเป็นว่าเขาต้องเปลี่ยนหลายคลินิก ที่อยู่อาศัยก็เปลี่ยนหลายหน แม้กระทั่งแฟนก็ยังเปลี่ยนหลายคน

     

    ไม่มีอะไรลงตัว...

     

    อย่าว่าแต่แฟนที่ต้องนอนร่วมเตียงเดียวกันเลยแค่เพื่อนร่วมแฟล็ต ยังหาเป็นตัวเป็นตนอยู่ทนๆกันยังไม่ได้

     

    อะไรมันเกิดขึ้นกับชีวิตเขากันแน่ทำไมคนที่ควรจะมีชีวิตที่มั่นคงอย่างเขา จึงต้องระเห็จระเหเร่ร่อนเหมือนเจ้าไม่มีศาลแบบนี้ ดีนะที่ก่อนไปรบ เขาเป็นถึงนายแพทย์ หากทำอาชีพอื่น ไม่รู้ป่านนี้จะไปนอนอยู่ในกล่องไหนบนถนนอะไรไปแล้ว

     

    วันนี้เขามีงานต่อตอนค่ำเป็นงานที่วิกเตอร์เทรเวอร์เพื่อนยากหยิบยื่นมาให้ เพราะหมาเจ้ากรรมของวิกเตอร์ดันไปกัดคนคนนึงเข้า เลยจะแสดงความรับผิดชอบโดยการส่งหมอไปดูแลถึงบ้าน...ซึ่งจอห์นก็ชอบไปตามบ้านคนมากกว่าอยู่คลินิกอยู่แล้ว เพราะนอกจากพาร์ทเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว เขายังได้เห็นวิถีชีวิตในด้านอื่นๆของพวกเขาด้วย ,แต่มันก็แอบน่าเบื่อเพราะคนไข้ตามบ้านส่วนมากก็จะมาพิมพ์เดียวกัน คือเป็นชนชั้นกลางระดับสูงขึ้นไปจนถึงรวย ไม่มนุษย์เงินเดือนก็เจ้าของกิจการ นอกจากเครื่องเรือนเเล้วก็ไม่มีอะไรให้เขาดูมากนัก

     

    งานตอนค่ำย่ำดึกที่ว่ามันเริ่มจากอยู่ๆตอนบ่ายไมค์แสตมฟอร์ดไลน์มาหาเขาว่าวิกเตอร์ เพื่อนที่หล่อที่สุดในกลุ่มเอฟโฟร์ฝากถามว่า ในระหว่างเขาสองคน,จอห์นหรือไมค์ก็ได้...หากใครว่างเย็นนี้ อยากให้ไปช่วยรักษาใครสักคนที่บ้านหลังหนึ่งที่ถนนเบเกอร์ เขาเลยไลน์ไปหาวิกเตอร์ว่าตกลงเขารับงานนี้ แล้ววิกเตอร์ที่รีบไปสอนเลยบอกให้เขาไปคุยกับไมค์เเทนเพราะไมค์รู้จักคนคนนี้


    และไมค์ก็ได้ให้รายละเอียดทั้งที่อยู่ ต้องทำตัวยังไง และต้องให้เข้าไปในเวลากี่โมง เนื่องจากที่นี่มันคนเยอะ มีทั้งพนักงานบริการและแขกเต็มไปหมด และคนไข้รายนี้จะต้องเลิกงานดึก

     

    ไมค์ยังบอกด้วยว่า คนไข้เป็นโสเภณีชื่อดัง ที่ดังแค่ในหมู่ไฮโซที่ชอบลองของ ยังไม่เคยมีใครโค่นลงได้ อยู่ในห้องที่ชื่อ "ดาวศุกร์" ห้องเดียวที่มีชื่อของตึก ตั้งอยุ่บนชั้นสาม

     

     “คนไข้ขายตัวหรือเป็นแชมป์สภามวยโลกเนี่ย โค่นอะไรกัน แขกนะไม่ใช่ผู้ท้าชิง” JW

     

    “แชมป์หรือเปล่าไม่รู้แต่ที่แน่ๆคือต่อยเจ็บ...ไม่ได้โดนเองหรอกนะ แขกคนอื่นเล่ามา”  MS

     

    “S&M?" JW

     

    "ไม่หรอก แล้วแต่คนน่า...เอาเป็นว่าเด็ดแล้วกัน" MS ไมค์ย้ำว่าเด็ด จอห์นเลยถามไปว่า เด็ดยังไง ใครเด็ด ทำไมต้องเด็ดปล่อยจนบานเต็มต้นไม่ได้หรือ...แต่ไมค์ก็ไม่ยอมตอบเก็บอุบพิกุลทั้งต้นทั้งดอกไว้ในปากไม่ให้ร่วงออกมาเลยแม้แต่กลีบเดียว


    "เอาหนะ...ไปเหอะ เดี๋ยวก็รู้" MS

     
    "ไปหากินไมได้ไปซื้อกิน จะมาเด็ดทำไม ถ้าคืนนี้จะได้ทิ่มได้แทงอะไรสักอย่างก็คงเป็นเข็มฉีดบาดทะยักนั่นแหละ" JW แล้วก็เล่าต่อว่า ถึงอยากได้ก็ไม่มีตังจะไปซื้อ แล้วจะซื้อทำไมก็ไม่รู้ รูปโป๊เต็มคอม อยู่คนเดียวก็ตำข้าวสารกรอกหม้อลูบครกลูบสากตะบันเรื่อยๆเปื่อยๆ พอฟินๆอิ่มๆไปเป็นมื้อๆ เหมือนพวกคนจนในหนังสือการ์ตูนชวนขันนั่นแหละที่วาดรูปปลาเค็ม แล้วตักข้าวมากินแกล้ม

     

    พูดไปไมค์ก็หาว่าจอห์นทะลึ่งแก่นเซี้ยวใหญ่แล้ว จอห์นก็ไม่รู้ว่าจะมาว่าเขาลามกจกเปรตทางอ้อมทำไม รูปโป๊ในคอมจอห์นก็หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง เสิร์ชก็เสิร์ชเอง ค่าเน็ตก็ออกไปตรวจโรคฉีดยาหามาจ่ายเอง ขอตังใครที่ไหน แล้วรูปโป๊ก็คนอื่น ไม่ใช่แอบถ่ายเมิงสักหน่อยจะมาเดือดร้อนทำไม

     

    ไมค์เลยขอโทษขอโพยที่ล้ำเส้น แล้วอธิบายว่า ที่ไม่ได้ส่งรูปให้จอห์นดู เพราะไม่เคยถ่ายต่างหาก จอห์นเลยยิ้มออกที่เพื่อนไม่ได้ใจจืดใจดำอะไรกะเขา พอจอห์นสบายใจแล้ว บวกนัดแนะเสร็จหมด เลยปิดเคสโทรศัพท์ เตรียมรับคนไข้รายต่อไป แต่ใจเขาก็ยังประหวัดถึงเรื่องนี้ มันก็แปลกตั้งแต่ไอ้วิกเตอร์มาเที่ยวโสเภณีคู่หมั้นก็มีเป็นตัวเป็นตน แถมยังงงว่าทำกันยังไงทำไมมีหมาไปกัดคุณเธอได้

    จอห์นยิ้มให้กับตัวเองเพราะนึกๆแล้วก็น่าสนใจดี วันนี้เขาไม่ต้องไปตามบ้านไปดูตู้โชว์ เกียรติบัตร ถ้วยรางวัล  เฟอร์นิเจอร์ กับวอลเปเปอร์บนฝาบ้านอีกแล้ว เพราะมันไม่ใช่แค่บ้าน แต่นั่นมันคือ....


    เอ้อ... โฮมออฟฟิซ....


    นั่นแหละ จะเรียกอะไรมันก็คือโฮมออฟฟิซ เพราะเจ้าตัวทำงานที่บ้าน มันก็ไม่ผิดอะไรที่จะเรียกแบบนี้...ดูน่าตื่นเต้นดีแต่ก็ไม่อยากจะให้ความหวังตัวเองมาก เพราะทุกครั้งที่คิดว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น พอเอาเข้าจริง เมื่อไปถึงหน้างานมักจะเฟลทุกที เหมือนแกะห่อของขวัญที่จับฉลากได้ที่คลินิกในวันคริสต์มาส หมอคนอื่นห่อกล่องซะสวย เปิดมาก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีไปกว่าเน็คไท ผ้าเช็ดตัว คัฟลิง น้ำหอม ปากกา
    ทำไมหมอคลินิกนี้ไมีแต่ตังความคิดสร้างสรรค์ไม่เห็นจะมีงานจับของขวัญคริสท์มาสที่ทำงานนี่มันเทศกาลหลอกให้อยากแล้วจากไปสำหรับเขาชัดๆเขาจึงนึกจะเดินวนเล่นสักรอบสองรอบในละแวกนี้เพื่อเลี้ยงไอเดียชวนตื่นเต้นไว้ในหัวนานๆ

     

    ก่อนจะไปพบกับคุณเธอที่คงเป็นแค่แผลเหวอะหวะจากหมากัด เขาเช็คแผลให้ สั่งยานิดหน่อย

     

    แล้วก็กลับบ้าน

     

     

    ….กลับไปเปิดลิ้นชักดูปืนที่อยู่แยกจากลูกกระสุนของเขาเหมือนทุกๆวัน

     

     

    ….. คิดไว้สี่ห้าปีแล้วว่า วันไหนเขาทนกับตัวเองไม่ไหว คงให้ปืนกะลูกมาอยู่ด้วยกันในกะโหลกเขาสักที ดูซิจะเป็นยังไง จะหายเบื่อไหม

     

     

    คิดแล้วก็หมดอารมณ์สุนทรีย์

     

    จอห์นแหงนมองฟ้าอย่างเซ็งๆ แต่ยังไม่ทันได้ถอนหายใจเพื่อเป็นฟินาเล่ของช่วงที่คิดอะไรดราม่าๆ... บังเอิญตาเขาจับภาพอะไรแว้บๆไหวๆได้ คล้ายกับใครสักคนทะยานผ่านตึก จริงๆแว้บแรกเขานึกว่าเห็นกระหังเลยกะจะถ่ายคลิปแล้วส่งเรื่องจริงผ่านจอ แต่พอหันไปมองเต็มตา เขาเห็นว่าเป็นบุคคลที่ใส่ผ้าคลุมไหล่ไม่ก็โค้ท ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำว่ากระหัง เป็นแบ็ทแมน...แบ็ทแมนเหวี่ยงอะไรสักอย่างลูกโตๆคล้ายๆกระเป๋าไปตึกถัดไปแล้วก็กระโดดตามกระเป๋าไปอีกที  จอห์นหันไปรอบๆก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมองบุคคลนั้นเหมือนอย่างเขา จอห์นมองคนบนถนนคนอื่นๆ สลับไปมากับพ่อแบ็ทแมนบนยอดตึก จนแน่ใจว่าไม่มีใครมองจริงๆ น่าจะเป็นเพราะยอดตึกมันพ้นไฟถนนไปแล้ว แถมคืนนี้เป็นคืนเดือนแรมจนเกือบเดือนดับ ฟ้าก็มืดเลยมองเห็นแค่เป็นเงาๆกำลังเคลื่อนไหว ถ้าไม่ว่างจริงๆหรือบังเอิญคงไม่สังเกตเห็น

     

    แม้ว่าจอห์นคิดว่าจะกลับไปเขียนบล็อกเป็นครั้งแรกสักหนึ่งประโยค

     

     “วันนี้ผมเจอแบ็ทแมน

     

    เพราะเขาเคยได้การบ้านจากหมอบำบัดอาการ PTSD ของเขาว่า ให้ลองเขียนบล็อกมานานชาติแล้ว วันนี้แหละเพิ่งสบโอกาส


    เพราะที่ผ่านมา ไม่ใครมีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นจนต้องเขียนถึงเลย...


    แต่แย่หน่อยที่มันคงจะเป็นเอ็นทรี่ย์สุดท้ายของเขาในบล็อก ในรอบหลายๆปีนี้

     

    เพราะนั่นไม่ใช่แบ็ทแมน แต่เป็นแค่ฟรีรันเนอร์

     

    ไอ้ไหวๆบนบ่านั่นก็คงเป็นแค่เสื้อโค้ท ไม่ใช่เสื้อคลุม

     

    และเพราะไม่ใช่แบ็ทแมนนั่นแหละ

     

    จึงไม่ต้องการโรบิ้น

     

    จอห์นส่ายหน้า แล้วยิ้มออกมาไม่รู้เขาเผลอนึกไปได้ยังไงเกี่ยวกับการไปเป็นโรบิ้นของแบ็ทแมน..เขานึกขันตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงกับขันเป็นไก่ และแม้จะคิดว่าตัวเองบ๊อง เขาก็ไม่ละสายตา เขาเห็นร่างนั้นโยนของแล้วกระโดดข้ามตึกตามไปจนถึงตึกที่สี่ แต่คราวนี้เซเล็กน้อยและหยุดยืนสะบัดแขนสองสามที ก่อนหันมามองเขาอยู่แว่บหนึ่งเหมือนรู้ว่าเขาจ้องอยู่ ... จ้องไม่กี่อึดใจมนุษย์ผ้าคลุมก็หันกลับและมุ่งหน้าเดินทางไม่นานก็ลับสายตา ฉากหลังเหลือแต่ท้องฟ้าที่ขาดพระจันทร์ เห็นเพียงดาวดวงใหญ่สุกใสอยู่ปลายฟากฟ้าที่มืดสนิท

     

     

    ดาวประกายพรึก

     

     

     
    มันขึ้นทางตะวันตกนี่นะ...




    งั้นก็ไปทิศเดียวกับเราน่ะสิ

     

     

    จอห์นวัทสัน เลี้ยวซ้ายไปทางทิศตะวันตกเพื่อตรงไปยังสถานที่นัดหมายโดยลืมเรื่องที่เขาตั้งใจจะเดินเล่นเปะปะรอบเมือง ชื่นชมกระดาษห่อของขวัญก่อนที่จะเปิดกล่องออกมาพบเพียงปากกาลูกลื่นราคาแพงที่ใช้ได้แค่เซ็นชื่อเท่านั้น

     

     

     

    เอาเหอะไหนๆวันนี้ก็มีอะไรจะเขียนแล้วนี่

     

     

     

    งานนี้จะน่าเบื่อเหมือนงานอื่นๆจะเป็นอะไรไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×