ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลักทางการแพทย์ที่ใช้ในการสืบสวน

    ลำดับตอนที่ #1 : หลักการตอนที่ หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 52


    - เลือดของคนเราจะแข็งตัวในอุณหภูมิปกติต้องใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที - ขากรรไกรยังไม่แข็ง แต่ม่านตาริ่มปิดแล้ว ถ้าดูจากอุณหภูมิร่างกายที่ลดลง แสดงว่าเสียชีวิตได้ 40-50 นาที - ปากกระป๋องเริ่มผุ แต่หลอดไม่มีอะไรผิดปกติ แสดงว่าเป็นโซเดียมไฮดรอกไซด์ ต้องรีบล้างเอาของในปากออกมา (หาอะไรที่เป็นโปรตีนล้าง) - ปลายเท้าเริ่มแข็ง แสดงว่าตายมาหลายชั่วโมงแล้ว (กว่า 7 ชั่วโมง) ** ร่างกายมนุษย์เมื่อเสียชีวิตแล้วจะแข็งทั้งตัว ใช้เวลาประมาณ 6-12 ชั่วโมง - กรณีที่เสียชีวิตกระทันหันขณะที่ร่างกายมีการออกกำลังกายมากๆ ในกรณีนั้นกล้ามเนื้อจะเครียด และแข็งตัวง่าย ทำให้ศพแข็งตัวเร็วกว่าการตายแบบปกติ (ตายแบบ มุซาชิโบ เบ็งเค) - ริมฝีปากกับปลายมือปลายเท้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง มีเส้นเลือดแตกในตา เป็นอาการของการเสียชีวิต เนื่องจากขาดอากาศหายใจ แต่ไม่มีทั้งร่องรอยการถูกกัด ไม่มีสภาพของการจมน้ำ หรือแม้แต่ สภาพดิ้นรนทุรนทุราย โอกาสเป็นไปได้จึงมีเพียง ถูกพิษที่ทำให้ระบบประสาท เป็นอัมพาต หายใจไม่ออก จนตายเป็นพิษที่รุนแรง ที่ทำให้ตายได้ในเวลาสั้นๆ และการที่ศพยังอุ่นอยู่ กับการที่ร่างกายยังไม่มีส่วนใด แข็งตัวเลย แสดงให้เห็นว่า ศพถูกพบในช่วงเวลาประมาณ 30 นาที หลังการเสียชีวิต - ปอดมีรูรั่ว (แทงทะลุปอด) ถึงแม้จะสูดลมเข้าไป ปอดก็ไม่ขยายทำให้หายใจไม่ได้ กว่าจะเสียชีวิตก็กินเวลาตั้ง 10-15 นาที ทรมานมากทีเดียว - ปกติร่างกายคนเราหลังจากเสียชีวิตประมาณ 30 นาที - 2 ชั่วโมง ร่างกายจะเริ่มแข็ง 9-12 ชั่วโมง จะแข็งหมดทั้งตัว หลังจากนั้นไป 30 ชั่วโมง ร่างกายจะแข็งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขีดสุดแล้วจะเริ่มอ่อนตัวลงจน 70 ชั่วโมง ก็จะกลับเป็นอย่างเดิม - ถ้าอุณหภูมิรอบๆศพ สูงประมาณ 35 องศา เวลาในการแข็งตัวและอ่อนตัวของศพจะเร็วขึ้นแค่ 24-30 ชั่วโมง ศพก็เริ่มอ่อนตัวลงแล้ว - อโคนิซิน เป็นพวกที่มีฤทธิ์ทำให้ระบบประสาทเป็นอัมพาต สกัดได้จากใบหรือรากของต้นอโคไนท์ เป็นยาพิษที่ร้ายแรงมาก หากเข้าสู่ร่างกายเพียง 2 มก. จะทำให้อวัยวะภายในถูกทำลายเสียชีวิตในเวลาไม่กี่นาที มันมีอยู่มากตามป่าเขา คนส่วนใหญ่เขาจะเอาส่วนที่เป็นพิษออก เอาที่เหลือไปทำยาโด๊ป - จิโอโซเดียมซัลเฟต เป็นน้ำยาฟอกขาวที่แพทย์มักใช้ล้างสีของน้ำยาฆ่าเชื้อ เป็นยาล้างสภาพความเป็นพิษของโปแตสเซียมไซยาไนด์ได้อีกด้วย - ถ้าฝังศพไว้ในดิน ไม่ให้สัมผัสถูกอากาศ อัตราการเน่าเปื่อยจะช้าลงกว่าปกติ 1/8 เท่า เทียบกับในน้ำก็ยังช้ากว่าเท่าตัว - รอยเลือดของมนุษย์ที่ตกลงพื้น จะมีลักษณะแตกต่างกันตามความสูง ยิ่งสูงวงก็จะยิ่งใหญ่และรัศมีแตกกระจายกว้างมาก - สารทันนินในน้ำชา ใช้ล้างปากแผลระงับพิษงู เป็นวิธีปฐมพยาบาลคนที่ถูกงูทะเลกัดได้ดีที่สุด คนที่ใช้ปากดูดพิษงูออก ก็ต้องใช้น้ำชากลั้วพิษงูออกจากปากด้วยเหมือนกัน - ศพที่ถูกเผา กระดูก กล้ามเนื้อ เอ็น และส่วนต่างๆ ในร่างกายจะเกิดปฏิกิริยากับความร้อนทำให้แข็งตัวและหดตัวเข้า แต่เพราะกล้ามเนื้อที่ใช้งอแขนขา มีมากกว่าที่ใช้ยึดข้อต่อต่างๆ จึงอยู่ในลักษณะกึ่งๆงอเข้าเหมือนท่าตั้งการ์ดของนักมวย - ศพเย็นแล้ว คงเสียชีวิตมาประมาณ 1 ชั่วโมง - ปกติคนเสียชีวิตตัวจะต้องซีด แต่ถ้าริมฝีปากกับเล็บเป็นสีชมพูอมม่วง แสดงว่าตายด้วยโพแทสเซียมไซยาไนด์ เพราะโพแทสเซียมไซยาไนด์ต่างกับพิษชนิดอื่น ถ้าดื่มเข้าไปจะทำให้การส่งผ่านอิเล็กตรอนในเซลล์ถูกทำลายเอนไซม์ในกระแสเลือดจะไม่ทำงาน แทนที่ตัวจะซีดจึงกลับมีสีเลือด และที่ปากจะมีกลิ่นอัลมอนด์ โพแทสเซียมไซยาไนด์เมื่อแช่แข็งแล้วจะละลายยาก - Tetrodotoxin = พิษปักเป้า ชื่อย่อคือ TTX เป็นพิษที่น่าทึ่งมาก ปริมาณแค่ 0.5 - 1 mg. หรือ ประมาณ 1/200 ของโปแตสเซียมไซยาไนด์ก็ทำให้คนตายได้ ถ้าเข้าร่างกายทางปาก พิษจะกระจายช้า โอกาสช่วยชีวิตได้มีอยู่มาก แต่ถ้าเข้าสู่ร่างกายทางกระแสเลือดโดยตรง ชั่วเวลาสั้นๆ ระบบประสาทจะเป็นอัมพาต ระบบหายใจจะหยุดทำงาน แล้วก็ตายในที่สุด - การปฐมพยาบาลข้อเท้าพลิก เอากรรไกรตัดผ้าขนหนูซิกแซกไปมา จะได้ผ้าพันแผลยาวๆ ก่อนอื่นพันที่ข้อเท้า 2 รอบ แล้วพันจากหลังเท้ามาที่ฝ่าเท้า แล้วอ้อมกลับไปที่ข้อเท้าอีกที พันซ้ำอย่างนี้ ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายผูกปลายมัดให้แน่น - การหาวและปวดตามข้อเป็นอาการถอนยาของคนติดยาเสพย์ติด - Heparin ยาป้องกันเลือดแข็งตัว ปกติแล้วเลือดมักจะแข็งตัวเป็นก้อนในเวลาไม่นานทำให้พกพาไม่สะดวก แต่ถ้าผสม Heparin เข้าไปและใส่ไว้ในถุงที่ปิดมิดชิดเป็นถุงเลือด จะสามารถพกพาได้สบาย - รูมินอล เมื่อฉีดพ่นใส่รอยเลือด แอคทีฟออกซิเจนในเลือดจะเกิดออกซิเดชั่น สารเรืองแสงก็จะเปล่งแสงสีม่วงฟ้าออกมา - ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วง แต่ไม่มีอาการลมหายใจติดขัด แถมยังมีกลิ่นอัลมอลด์ เป็นลักษณะพิเศษของก๊าซกรดไซยาไนด์ - อุณหภูมิร่างกายสูง ผิวหนังแห้ง ไม่มีเหงื่อ รูม่านตาหดตัว หน้าเป็นสีชมพู แต่ชีพจรเต้นเร็วและแรง คืออาการของคนเป็นลมแดด วิธีปฐมพยาบาล ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำโปะหน้าผาก หน้าอก กับซอกรักแร้ให้เย็นแล้วพามาพักในที่ร่ม - ปกติการสันนิษฐานเวลาตายจะดูจากสีเลือดที่ผิว การแข็งตัวของศพ อุณหภูมิในช่องทวาร ในกรณีที่ศพอยู่ที่ใดที่หนึ่ง อุณหภูมิใดอุณหภูมิหนึ่งที่คงที่ การสันนิษฐานจากเลือดที่ผิวด้านล่างซึ่งถูกน้ำหนักตัวของศพกดทับไว้จึงใช้ไม่ได้ จะตรวจจากการแข็งตัวของกล้ามเนื้อก็ทำไม่ได้ และการที่คลื่นซัดตัวตลอดเวลาทำใหอุณหภูมิในร่างกายเปลี่ยนแปลง อัตราการลดลงของอุณหภูมิในช่องทวารจึงต่างไปจากปกติ การสันนิษฐานเวลาที่แน่นอนจึงระบุไม่ได้ - หน้าซีดขาว เหงื่อออกมาก ชีพจรเต้นเร็ว มือสั่น ท่าทางหงุดหงิด แสดงว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น ตอนทานยาลดน้ำตาลในเลือด (ยาที่คนไข้เบาหวานใช้) ถ้าคนปกติกินเข้าไประดับน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำกว่าเกณฑ์และถ้าเป็นแบบนี้นานๆ ร่างกายจะรับไม่ไหว จนตายในที่สุด - Peritonitis : โรคเยื่อกระเพาะอักเสบ - Apoplexy : โรคเส้นโลหิตในสมองแตก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×