ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1 Liter of tear

    ลำดับตอนที่ #1 : บันทึกหน้าที่ 1 ( ปฐมบท )

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 51


    ประโยคซึ้งใจใน *1 Litre of Tears*

    หลังจากที่ดูเรื่องนี้จบด้วยความซึ้งใจ
    พร้อมกับน้ำตาที่หมดไปหลายลิตร...
    พบว่ามีประโยคที่ซาบซึ้งใจอยู่หลายประโยค
    เลยอยากรวบรวมและแปลมาให้ได้อ่านกันค่ะ


    Impression phrases in each episode of
    “1 Litre of Tears”



    Eps#1
    Aya
    “หากเปรียบชีวิตฉันเช่นดอกไม้ที่กำลังรอวันเบ่งบาน
    ฉันไม่อยากต้องเสียใจ
    และจะให้ความสำคัญกับช่วงชีวิตวัยรุ่นที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น”


    Haruto
    “ไม่ว่าจะสัตว์ หรือต้นไม้ มันต่างก็รู้ว่ามีช่วงชีวิตของมันเอง
    แต่มนุษย์นี่ซิ..กลับโลภมากและโหยหาการที่จะยืดเวลาชีวิตของตัวเอง...”


    Eps#2
    “แม่คะ...
    แม่ที่คอยเชื่อใจหนู อยู่ในใจของหนูตลอด
    ต่อจากนี้...ขอความกรุณาด้วยนะคะ...
    ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วงบ่อยๆ...”

    Eps#3
    “บางครั้ง...รู้สึกเหมือนว่าร่างกายของฉันมันไม่ใช่ของฉันยังไงก็ไม่รู้
    ฉันจะเป็นยังไงต่อไปนะ....”

    “ทำไม..โรคนี้ถึงเลือกฉันนะ...
    ฉันรับไม่ได้หรอก กับคำว่า *โชคชะตา* ...”



    Eps#4
    “ทั้งๆที่ก็รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์เดิมๆ
    กับถนนเดิมๆที่เคยผ่านเหมือนเมื่อวาน
    แต่โลกของฉันมันกลับเปลี่ยนแปลงไป
    ฉันคงหัวเราะไม่ได้เหมือนเดิม
    ตัวฉันที่ผ่านมาจนถึงวันนี้
    คงไม่มีอีกต่อไปแล้ว”


    Eps#5
    Aya มองขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยมี Haruto ยืนอยู่ข้างๆ
    เมฆสีขาวที่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปบนท้องฟ้าอันสดใส...
    “ฉันจะไม่พูดว่า อยากกลับไปเป็นเหมือนวันเก่าๆอีก...
    ฉันจะยอมรับในความเป็นตัวเองและใช้ชีวิตต่อไป”


    Eps#6
    “ฤดูหนาวค่อยๆย่างก้าวเข้ามาแล้ว
    ฉันเองก็อยากจะวิ่งให้ร่างกายอบอุ่นบ้าง
    ทว่า...ตอนนี้กลับเดินยากขึ้นกว่าเดิมทีละนิด
    แต่ถึงแม้จะไม่สามารถวิ่งได้อย่างเต็มที่ก็ตาม...
    และถึงแม้จะเดินได้เพียงช้าๆก็ตาม...
    ฉันก็คิดว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างที่ฉันทำได้...”


    “ก็มีบ้างที่รู้สึกเจ็บกับสายตาที่ไร้ซึ่งหัวใจ
    แต่ขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ว่ายังคงมีสายตาที่ห่วงใยกันอยู่บ้างเหมือนกัน”




    Eps#7
    ย่างเข้าปีใหม่แล้ว
    แต่ฉันกลับกลายเป็นต้องให้คนคอยช่วยเหลือมากกว่าเดิม
    แต่ว่า ถึงแม้จะต้องเปลี่ยนมานั่งรถเข็นก็ตาม
    เพื่อนๆก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย...
    “เพื่อน” นี่ดีจัง...อยากอยู่กับเพื่อนๆตลอดไป....
    ฉันชอบเสียงลูกบาสเวลาที่ดังก้องโรงยิม...
    ชอบความเงียบที่กลับสู่ห้องเรียนอีกครั้งเวลาเลิกเรียน...
    ชอบทิวทัศน์ที่มองออกมานอกหน้าต่าง...
    ชอบเสียงเอี๊ยดอ๊าดบนพื้นทางเดินหน้าห้อง...
    ชอบเสียงพูดคุยใน Homeroom ...ชอบทั้งหมด...
    ฉันอาจจะสร้างความเดือดร้อนบ้าง
    อาจจะไม่สามารถเป็นประโยชน์กับคนอื่นเท่าไหร่
    ถึงกระนั้นฉันก็ยังอยากอยู่ที่นี่...
    ก็เพราะว่า..ที่นี่เป็นที่ที่ฉันอยู่




    Eps#8
    “คิดว่าบางคนคงพอจะรู้แล้ว
    ว่าโรคที่ฉันเป็นน่ะไม่สามารถหายได้
    เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีทางรักษา
    คุณหมอบอกว่าสักวัน ก็จะเริ่มเดินไม่ได้...ยืนไม่ได้ และพูดไม่ได้
    ในช่วงเวลา 1 ปีมันค่อยๆทำไม่ได้ทีละอย่าง
    ในความฝัน..ฉันเดินไปคุยไปกับเพื่อนๆไป..ฉันเล่นบาสเก็ตบอล
    และทั้งๆที่วิ่งได้ดั่งใจคิด แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาบนความจริง
    กลับพบกับร่างกายที่ขยับเขยื้อไม่ได้ดังที่คิด
    ทุกๆวันของฉันมันเปลี่ยนไป
    ฉันคิดว่าจะเดินยังไงไม่ให้ล้ม...ทำยังไงจะทานอาหารได้เร็วๆ
    ทำยังไงไม่ให้เป็นที่สะดุดสายตาคนอื่น ฉันต้องอยู่อย่างค่อยๆคิดค่อยๆทำ
    สิ่งที่วาดไว้ไม่ว่าจะการเรียนมัธยม..เข้ามหาวิทยาลัย..หรือไปทำงาน อนาคตที่วาดไว้ทั้งหมดเหลือเพียงแค่ศูนย์
    ฉันมองไม่เห็นหนทางที่จะเดินต่อไป ...แสงสว่างแห่งความหวังกลับเลือนลาง
    บ่อยครั้งที่ฉันคิดว่าเป็นเพราะโรคร้ายนี้ทำให้ชีวิตฉันต้องพังลง......



    แต่ว่า..แต่ว่า ถึงจะเศร้าแค่ไหนแต่มันก็เป็นเรื่องจริง
    ไม่ว่าจะร้องไห้แค่ไหน มันก็ไม่สามารถหนีไปจากโรคนี้ได้
    ไม่ว่าอยากจะย้อนอดีตแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาเวลานั้นกลับคืนมาได้
    เพราะฉะนั้น ฉันจึงคิดว่าจะต้องรักตัวเองในแบบที่เป็นตอนนี้ให้ได้
    ก็พอร่างกายเป็นแบบนี้ ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
    เช่นความรู้สึกซาบซึ้งที่มีครอบครัวคอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอ
    มือของเพื่อนๆที่คอยช่วยเหลือนั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน
    การมีสุขภาพที่ดีนั้นช่างเป็นเรื่องน่ายินดีแค่ไหน
    และรู้ว่าการเจ็บป่วยก็ไม่ได้นำมาซึ่งความสูญเสียแต่เพียงอย่างเดียว
    และไม่เพียงแต่ร่างกายของฉัน แม้แต่ฉันเองก็แบกรับคำว่า “อุปสรรค”เอาไว้
    แต่มันก็คือตัวฉัน
    ฉันคิดว่าอยากจะยืดอกและใช้ชีวิตต่อไป
    เพราะฉะนั้น ฉันจึงตัดสินใจเองที่จะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนคนพิการ
    ถึงแม้ฉันจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างที่จากพวกเธอ
    แต่ว่าฉันจะแสวงหาแสงสว่างเพื่อค่อยๆเดินไปตามทางที่ฉันเป็นคนเลือกเอง
    และกว่าจะถึงวันที่ฉันสามารถยิ้มรับและพูดออกมาได้
    ก็เสีย “น้ำตาหนึ่งลิตร” เป็นอย่างน้อย...
    แต่ถึงแม้ว่าฉันจะต้องจากโรงเรียนนี้ไป
    ฉันจะไม่คิดเด็ดขาดว่านี่คือจุดจบ...
    ฉันขอบคุณทุกคนมากที่ดีกับฉันมาตลอด ขอบคุณจริงๆ”







    Eps#9
    Haruto : งั้นให้ฉันพูดความรู้สึกของฉันได้มั๊ย...
    ฉันม่รู้หรอกนะว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ว่าถ้าพูดถึงความรู้สึกในตอนนี้ล่ะก็
    ฉันรับรองได้ 100% ว่าไม่โกหกแน่ ฉันมั่นใจที่จะพูดออกมา
    ฉันน่ะ...หากเธอต้องการจะพูดแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะช้าแค่ไหนฉันก็จะรอฟัง
    หากแม้ไม่สามารถพูดทางโทรศัพท์ได้..ฉันก็จะมาหาเธอที่นี่ด้วยตัวเองแบบนี้
    ฉันไม่ใช่ปลาโลมา เธอเองก็ไม่ใช่ (ที่จะได้ยินกันแม้จะอยู่ไกล)
    หากเธอจะเดิน..ไม่ว่าจะช้าแค่ไหน ฉันก็จะเดินไปพร้อมๆกับเธอ
    ถึงแม้ง่าตอนนี้ฉันอาจจะไม่สามารถให้เธอพึ่งพาได้
    แต่สักวัน ฉันอยากจะเป็นคนที่มีความหมายสำหรับเธอบ้าง
    ไม่จำเป็นต้องเหมือนเมื่อก่อน...เพราะเราสามารถเชื่อมถึงกันได้ด้วยความรู้สึก
    ฉันไม่ได้คิดว่าเราอยู่กันคนละโลก
    ฉัน...คงจะ...ชอบเธอ...ล่ะมั๊ง...
    บางที...คงเป็นเพราะชอบเธอล่ะมั๊ง....

    Aya ตอบพลางน้ำตาร่วงด้วยความดีใจ : ขอบคุณนะ....




    Eps#9
    “หยุดก้าวเดิน แล้วใช้ชีวิตต่อไป...
    ถึงแม้ว่าวันนึงจะไม่เหลืออะไร
    ความฝันที่ต้องตัดใจไป ก็มอบให้ใครสักคนต่อก็ได้นี่นา...
    คนเราน่ะ..อย่ายึดติดกับชีวิตที่ผิดพลั้งในอดีต
    แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ”


    Eps#10
    “ถึง Aso Kun
    หากต้องอยู่ตรงหน้า ฉันคงไม่สามารถพูดได้ทั้งหมดจึงได้เขียนจดหมายแทน
    ขอบคุณนะ ที่คอยอยู่เคียงข้างฉันมาตลอด
    และขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้ฉันมาตลอด
    ฉันรูสึกดีใจมาก ที่ได้เห็นเธอค้นพบความฝันของตัวเอง
    และเห็นเธอส่องสว่างสดใส
    ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย ได้พบคนหลากหลาย
    เธอจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อจากนี้ไปอีกนานเท่านาน
    อนาคตของเธอมันไม่มีที่สิ้นสุด
    ทว่า สำหรับฉันมันไม่ใช่
    อนาคตที่เหลือไว้สำหรับฉัน...
    คือต้องทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
    เพียงเท่านั้นเอง
    ความแตกต่างตรงนี้มันช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
    ฉันต่อสู้กับตัวเองทุกๆวัน
    ทั้งกังวล และทรมาน
    และเพียงแค่ต้องเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ ก็เกินกำลังแล้ว...




    ฉันบอกตามตรงว่า
    เวลาอยู่กับ Aso Kun ฉันทรมาน
    เพราะฉันจะอยากทำโน่น และอยากทำนี่
    และอดคิดไม่ได้ว่าหากเพียงฉันแข็งแรงฉันคงทำได้ไปแล้ว
    เวลาอยู่กับ Aso Kun ฉันอดวาดฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงไม่ได้
    แน่นอน นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก
    แต่ว่า มันอดอิจฉา และอดเสียใจไม่ได้
    มันช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา
    หากเป็นเช่นนั้นฉันคงไม่สามารถเงยหน้าสู้ชีวิตต่อไปได้อีกแน่
    ขอบคุณนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
    ขอบคุณนะที่บอกว่าชอบฉัน ทั้งๆที่ฉันเป็นแบบนี้
    และขอโทษนะที่ฉันไม่สามารถตอบแทนอะไรเธอได้เลย
    ฉัน...คงพบเธอไม่ได้อีกแล้ว”




    Eps#11
    “แม่ไม่ได้มีโอกาสเจอลูกมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว....
    อายะ..ลูกเดินอยู่รึเปล่า...ลูกทานข้าวได้รึเปล่า...
    ลูกหัวเราะเสียงดังได้ไหม และพูดคุยได้รึเปล่า...ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ได้อยู่ข้างๆลูก ลูกสามารถยืนหยัดอยู่ได้ใช่มั๊ยจ๊ะ...แม่เอง...เพียงแค่...เป็นห่วงลูกมากจนไม่เป็นอันทำอะไร
    ลูกเคยถามแม่ว่า... “ทำไมโรคร้ายถึงเลือกหนู”... “หนูมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร”....
    ลูกทรมาน ทรมานจนร้องไห้และสงสัยว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่...แม่เองก็คิดมาจนถึงทุกวันนี้...และยังใช้ชีวิตอยู่อย่างหาคำตอบไม่ได้...



    แต่ว่า Aya จ๊ะ...
    เป็นเพราะลูกทำให้ใครหลายคนได้ระลึกถึงการมีชีวิตอยู่
    และทำให้พวกเขาคิดได้ว่าการใช้ชีวิตอยู่ในทุกๆวันนั้นมันช่างมีความสุข และมันช่างเป็นความอบอุ่นซะเหลือเกิน และรู้สึกได้ถึงความมีน้ำใจของคนที่อยู่ข้างๆ
    และคนที่ทรมานเพราะโรคนี้ ก็คิดได้ว่าเข้าใจว่าแท้ที่จริงเขาไม่ใช่ตัวคนเดียวในโลกนี้เลย
    หยาดน้ำตาที่ลูกเสียไปมากมาย กลายเป็นคำพูดที่สามารถสื่อถึงใจหลายๆคนทีเดียว
    Aya จ๊ะ...หวังว่าอยู่ที่นั่นลูกคงไม่ร้องไห้แล้วนะ
    แม่อยากจะเห็นรอยยิ้มของลูกอีกสักครั้งจัง...”






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×