คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -สุสานรถมือสองPresent By กระดุม บ้านศิขริน
ชมรมหลังเลิกเรียน
‘Mission #2’
‘สุสานรถมือสอง’
Present By กระดุม บ้านศิขริน
ฉันเตรียมกล้องถ่ายรูปคู่ใจติดตัวมาด้วย เพราะภารกิจในครั้งนี้คือการสำรวจสถานที่เฮี้ยนและสุสานรถมือสองคือสถานที่ที่เฮี้ยนที่สุดในบรรดาบ้านทั้งสี่หลังที่ได้เจอ สิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้คือการสำรวจซากรถแวนสีแดงที่จอดสนิทอยู่ไม่ไกลจากฉันเท่าไร พี่เซียมซีบอกว่ามีเหตุการณ์ชนคนแล้วหนี
สภาพรถตรงหน้าฉันยังใหม่แกะกล่องอยู่เลย จะไม่ใหม่ก็ตรงที่ฝากระโปรงบุบเข้าไปนี่แหล่ะ รถดีดีแบบนี้เอาไปซ่อมเสียหน่อยท่าทางคงใช้ได้ ถ้าไม่ติดว่ามีอะไรตามมาด้วยน่ะนะ
ฉันเปิดเข้าไปเช็คในส่วนของคนขับ ทันทีที่ฉันเข้าไปนั่ง กลิ่นบางอย่างเริ่มตลบอบอวนเข้ามาที่จมูกฉันจนแทบจะสำลัก ไม่แน่ใจว่ามันเป็นกลิ่นชื้นของรถหรือว่ากลิ่นของอะไรตายในนี้กันแน่เพราะมันเหม็นจนฉันอยากจะออกไปข้างนอก
“ไม่ไหว!” อยู่ไปได้ประมาณห้านาทีฉันเริ่มทนกับสภาพของความเหม็นนั่นไม่ไหว ตัดสินใจที่จะออกมายังรถแวนสีแดงสดนั่น แต่จู่ๆ
“เอ๊ะ!” ประตูที่เคยเปิดคล่องมือเกิดไม่ยอมเปิดออกซะอย่างนั้น ฉันพยายามออกแรงกระชากประตูให้เปิดเท่าไรก็ไม่ได้ผล โชคยังดีที่ตอนนั้นฉันเห็นใครสักคนที่ฉันคิดว่าเป็นเพื่อนในบ้านของฉันแน่นอน
“เฮ้! เอ่อ .... นินิว เรย์ หรือว่าจันทร์เจ้า ใครก็ตามแต่ มาช่วยฉันเปิดประตูที” ฉันทั้งเรียกทั้งทุบกระจกหวังจะให้คนตรงนั้นได้ยิน ซึ่งมันก็ได้ผล เขาหันมามองที่รถของฉัน ฉันค่อยสบายใจไปเปราะหนึ่ง แต่แค่เปราะเดียวเท่านั้นเหมือนจู่ ๆ ฉันรู้สึกว่าล้อรถแวนกำลังหมุนออกจากที่จอดเดิมของมัน
ฉันไม่ได้แตะต้องอะไรของตัวรถเลยนะ อีกอย่างฉันไม่มีกุญแจรถ!
รถแวนเริ่มออกตัวไปข้างหน้า ตามสัญชาตญาณฉันรีบหันมาจับพวกมาลัยเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเสียหลักไปชนกับใครที่กำลังทำภารกิจอยู่ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ารถคันนี้ทำไมถึงต้องถูกทิ้งเอาไว้อย่างน่าเสียดาย เพราะถ้าเป็นฉันฉันก็ไม่เสียดายเหมือนกัน!
รถแวนเริ่มเร่งความเร็วขึ้นด้วยตัวของมันเองก่อนที่จะพุ่งทะยานไปยังคนที่ฉันเพิ่งจะขอความช่วยเหลือเมื่อกี้ ฉับพลันแสงไฟหน้ารถก็สาดไปให้ฉันเห็นหน้าของคนคนนั้นอย่างชัดเจน
นั่นไม่ใช่เพื่อนของฉันนี่!
ว่าแล้วรถแวนก็พุ่งชนร่างนั้นให้ลมลงไปกองกับพื้น ฉันกรีดร้องออกไปสุดเสียงเพราะสิ่งที่ฉันกำลังอยู่ ฉันกำลังขับรถชนคน รถที่บังคับด้วยตัวของมันเอง
ร่างนั้นกลิ้งไปไกลหลายเมตร รถยังคงเร่งความเร็วและเข้าไปซ้ำอีกที คราวล้อรถบดร่างนั้นทั้งล้อหน้าและล้อหลังก่อนที่มันจะเริ่มถอยมาทับอีกที ภาพตรงหน้าเกิดขึ้นรวดเร็วจนฉันไม่สามารถตั้งตัวได้ทันเวลา ฉันจะต้องโดนตำรวจจับแน่ ๆ
“คุณจะทำอะไรฉัน!?” ระหว่างที่ฉันกำลังจะเสียสติเพราะชนคนตายไปหมาด ๆ จู่ ๆ ด้านหลังรถแวนผีสิงนั่นรากฎเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันหันไปก็พบว่าแท้จริงแล้วคือร่างของผู้ที่ถูกมัดอยู่ตรงหน้า และแล้วประตูรถก็เปิดออกก่อนที่จะมีมือปริศนาพาร่างเธอออกไปให้ข้องนอกและมัดเธอไว้ที่ฝากระโปรงรถด้านหน้าสุด ประตูปิดลงอีกครั้งพร้อมกับความเร็วที่เร็วกว่าเดิม คราวนี้เป้าหมายของมันอยู่ที่เสาไฟฟ้าต้นใหญ่ มันขับทะยานออกไปชนกระเสาไฟฟ้าอย่างจัง ซึ่งแน่นอนว่าร่างของผู้หญิงคนนั้นหลุดกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!” ฉันกรีดร้องไปสุดเสียงจนกระทั่งตืนจากภวังค์เพราะเสียงเคาระกระจกของใครบางคน
“เข้าไปทำอะไรนนั้นน่ะ?” คนที่มาเคาะกระจกคือจันทร์เจ้า ฉันโล่งใจขึ้นเป็นกองก่อนที่จะรีบลงมาจากรถ
“จันทร์เจ้า เมื่อกี้ฉันขับรถชนคนตาย จะทำยังไงดี?” ฉันเสียสติร้องฟูมฟายออกมา
“ชน .. ชนคนเมื่อกี้เหรอ?” เขาทวน
“ใช่ จู่ ๆ รถแวนก็ออกตัวไปพุ่งชนผู้หญิงคนหนึ่งจนตายและก็มีใครไม่รู้ลากผู้หญิงอีกคนในรถไปมัดไว้ที่ฝากระโปรงและชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ฉัน ฉันไม่ได้ทำนะ!” ฉันพูดจนสำลักน้ำลายตัวเอง
“ฉันว่าเธอเจอดีเข้าให้แล้วสิ เมื่อกี้ฉันยังเห็นเธอนั่งอยู่ในรถคันนี้ตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้วก็ร้องโวยวายจนฉันต้องออกมานี่ไง” จันทร์เจ้าอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
เมื่อกี้มันเป็นเพียงภาพลวงตาหรอกเหรอ!?
“ไปกันเถอะ ฉันว่าอยู่ที่นี่นาน ๆ ไม่น่าไว้ใจเท่าไร” จันทร์เจ้าพูด ฉันเห็นด้วย
เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ฉันตัดสินใจได้สองอย่าง ... คือหนึ่ง ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าของรถที่ไม่ใช้มันต่ออย่างน่าเสียดาย
และสอง ... คนที่ตายด้วยรถคันนี้มีสองคน ไม่ใช่คนเดียวอย่างที่ทุกคนเข้าใจ!
ความคิดเห็น