ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO - LOVE ALL DAY ❤ KRISLAY (SHORTFIC)

    ลำดับตอนที่ #6 : in your eyes [krislay] - part 5

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 56


    In your eyes…

     

     
     


     

     

     

     

    5

     

                ผมกับคริสนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน น้องชายตัวดีก็โทรมาบอกว่าอาจจะกลับดึกๆ เพราะขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ

     

                “ทำไมมนุษย์ถึงเข้าไปอยู่ในกล่องนั้นล่ะ”

     

                “ในนั้นไม่มีคนหรอกฮะ ”

     

                “นั่นไม่ใช่คนหรอ!!

     

                “มันเป็นแค่ภาพหน่ะคริส”

     

                เราสองคนนั่งดูโทรทัศน์พร้อมกับ กินช็อกโกแลตไปด้วย หันมาดูอีกทีพบว่าในกล่องไม่เหลือช็อกโกแลตแล้ว ผมสาบานเลยว่าตัวเองกินไปแค่สองชิ้น แต่ในกล่องมันมีถึงสิบชิ้น คริสจะกินเยอะเกินไปแล้วนะ

     

                “คริสอ่า...เอาช็อกโกแลตในมือมาแบ่งผมเลย”

     

                “แต่...นี่ชิ้นสุดท้ายแล้วนะ”

     

                “นั่นแหละ เอามาเลย”

     

                “นายกินช้าเองนะช่วยไม่ได้ มันอยู่กับฉันตอนนี้มันต้องเป็นของฉันสิ”

     

                “แต่ผมอยากกินหนิ”

     

                “ฉันก็อยากกินเหมือนกัน”

     

                “คริสคุณใจร้ายมาก” ผมเบะปากทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

     

                “อย่าร้องไห้สิ นะ...นี่ เอาไปเลย ฉันให้นายกินก็ได้”

     

               

                พอคริสยื่นช็อกโกแลตมาให้ ผมรีบคว้ามาแล้วเอาใส่ปากทันที หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเพราะผมหลอกเขาสำเร็จ คริสมองตามช็อกโกแลตอย่างเสียดาย พอรู้ว่าโดนผมหลอกก็มองหน้าผมทันที

     

                “นิสัยไม่ดี” คริสว่าผม ก็แล้วไงหล่ะ คนมันอยากกินหนิ

     

                “อื้ม อร่อยจัง” ผมหันไปเย้ย

     

                “ฉันอยากกินบ้างอี้ซิง”

     

                “แต่ผมใส่ปากไปแล้ว เสียใจด้วยนะคริส” ผมยิ้มร่า

     

                “ใส่ปากแล้วก็กินได้”

               

     

    ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คริสโน้มตัวเข้ามาจูบโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมไม่สามารถผละจูบนี้ได้เพราะคริสประครองใบหน้าผมไม่ให้เบนหนี ผมจึงต้องจำยอมให้คริสสอดแทรกเข้ามาชิมช็อกโกแลตในปากผม นานเท่านานที่คริสลิ้มลองช็อกโกแลตในปากผม หัวใจกำลังเต้นรัวราวว่าจะหลุดออกมาจากอก ร่างกายอ่อนระทวยเหมือนคนหมดแรง  แม้ว่าตอนนี้ช็อกโกแลตจะหมดแล้วแต่ผมก็สัมผัสได้กับความอ่อนหวานและละมุนที่เกิดขึ้น สัมผัสที่หวานกว่าช็อกโกแลตเสียอีก และผมพยายามดันคริสออกเพราะตอนนี้ผมเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว

     

    “ขะ...ขอโทษ”

     

    ผมอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคริส ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้คริสกำลังพูดอะไร  ถึงแม้ว่าคริสจะถอนจูบออกไปนานแล้วแต่รสชาติที่ผมพึ่งได้สัมผ้สยังติดอยู่ที่ริมฝีปากผม

     

    “โกรธหรอ อี้ซิง  อย่าโกรธเลยนะๆๆๆ” คริสพยายามก้มมองผมที่กำลังก้มหน้าอยู่

     

    “ผะ...ผม ไปทำกับข้าวก่อนนะ”

     

    “ให้ฉันช่วยนะ”

     

    “ไม่ต้อง!!

     

    ผมเผลอตวาดใส่คริสดังลั่นดูเหมือนคริสจะกลัวจริงๆด้วย แค่นี้ผมก็เขินจะบ้าตายอยู่แล้วถ้าให้เข้าไปในครัวมีหวังไม่ได้เรื่องอะไรแน่ เมื่อกี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะดุเขานะ

     

    “ขอโทษนะอี้ซิง คราวหลังจะไม่ทำอีกแล้ว”

     

    คริสก้มหน้านิ่งเหมือนเด็กรู้สึกผิด

     

    “เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจว่าคุณนะคริส แล้วผมก็ไม่ได้โกรธคุณด้วย ผะ....ผม ไปทำกับข้าวก่อนนะ”

     

    ผมรีบเดินหนีเข้าไปในครัว  ตอนนี้ผมไม่กล้าสบตากับคริสเลยจริงๆ

     

    “อี้ซิง เมื่อกี้ไม่ได้โกรธฉันแน่นะ”

     

    คริสตะโกนตามหลังมา แน่นอนว่าผมต้องหันไปตอบ

     

    “ไม่โกรธ”

     

    “งั้นทำอีกได้ไหม?”

     

    ประโยคเมื่อกี้ทำเอาใจผมเต้นไมเป็นจังหวะอีกครั้ง แค่เมื่อกี้ก็อายจนแทบมุดแผ่นดินหนีแล้ว

     

    “ไม่ได้นะ ห้ามทำ!!

     

    ผมตอบกลับโดยที่ไม่หันไปมองคริส

     

     

     

    31 ธันวาคม 11.30 PM

     

     

    ผมพาคริสออกมานับถอยหลังแถวๆใจกลางโซล  การจัดงานปีใหม่ดูอลังการและยิ่งใหญ่ คู่รักต่างพากันมาส่งท้ายปีเก่าเต็มไปหมด แต่คราวนี้ผมไม่อิจฉาพวกเขาอีกแล้ว  เพราะผมมีคริส อยู่ข้างๆ ตลอดหลายวันมานี้เราอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา  ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย  มีแต่อยากจะเพิ่มเวลาให้แต่ละวันมันเนิ่นนานออกไป มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ผมสามรถยิ้มและหัวเราะออกมาได้เอง ไม่เหมือนตอนที่รักจงอิน มันทั้งเจ็บปวดและสิ้นหวัง...

     

    ปีนี้พ่อกับแม่ของแบคฮยอนติดงานด่วน  กว่าจะมาหาพวกเราได้ก็หลังปีใหม่แล้วนู่นล่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงโวยวายไปแล้ว เพราะเทศการปีใหม่ครอบครัวเราควรอยู่พร้อมหน้ากันสิ แต่คราวนี้ผมกับดีใจที่พ่อกับแม่ไม่ได้มาหาเรา ส่วนแบคฮยอนน่ะหรอ ขอไปเที่ยวบนโซลทาวน์เวอร์กับเจ้าชานยอลสุดที่รักนั่นแหละ ถึงจะพยายามห้ามไม่ให้ไปยังไง แต่น้องตัวดีก็หาข้ออ้างมาพูดว่าถ้าไม่ให้ไปจะฟ้องพ่อแม่ว่าผมพาคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้าน

     

    “แค่กๆ แค่กๆ”

     

    “ไออีกแล้วหรอ เป็นไข้หรือปล่าวคริส จะกลับบ้านไหม?”

     

    คริสส่ายหน้าเบาๆ ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้เขาเอาไว้เช็ดปาก  พักนี้คริสไอบ่อยมากผมได้ยินเสียงเขาไออยู่ในห้องน้ำหลายครั้ง ชักเป็นห่วงแล้วสิ จะพาไปหาหมอดีไหมนะ

     

    “เขาจะจุดพลุกันหรือยังอี้ซิง”

     

    “ใกล้แล้วหล่ะฮะ  พอเขานับถึงศูนย์เมื่อไหร่ ก็จะมีพลุออกมา”

     

    คริสจูงมือผมให้ไปนั่งตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งประดับประดาไปด้วย แสงไฟหลากสีสวยงาม เขาไวจริงๆเพราะเมื่อกี้ที่ผมหันไปตรงนั้นยังมีคนนั่งอยู่เลย โดยปกติแล้วจะไม่มีที่ว่างเหลือหรอก เพราะคนมาร่วมฉลองที่นี่ก็เยอะพอสมควร

     

    “อี้ซิงเดี๋ยวทำอะไรให้ดูนะ”

     

    “คุณจะทำอะไรหรอคริส”

     

    คริสยิ้มออกมานิดๆ นั่นก็ทำให้ผมใจเต้นแรวออกมาทันที เขาค่อยๆจับมือผมให้แบบออก

     

    “นี่กระดาษ  นี่ดินสอ”

     

    คริสพูดพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา ผมกำลังหัวเราะกับความเพี้ยนของเขา คริสค่อยๆ เขียนตัวหนังสือลงบนมือผม ผมเริ่มหัวเราะคิกคักเพราะมันจั๊กจี้ ผมลืมไปว่าคริสเขียนตัวหนังสือไม่ได้ แต่น่าแปลกคือคริสกับพูดได้ชัดแจ๋ว บางทีอาจจะชัดกว่าผมเสียอีก

     

    “ตัวนี้เขียนว่าไง”

     

    คริสถามพร้อมกับสบตาผม  เขาค่อยๆยิ้มออกมาน้อยๆ

     

    “คำว่า wo หรอ”

     

    คริสพยักหน้า ผมหลับตาจินตนาการต่อ เมื่อเขาเขียนตัวหนังสือลงบนมือผม

     

    “อืม ใช่ xihuan หรือปล่าว”

     

    คริสพยักหน้าอีกครั้ง เขาเริ่มเขียนตัวต่อไป เวลาที่คริสเริ่มลากนิ้วลงบนฝ่ามือแล้วหยุดมัน มันรู้สึกร้อน ร้อนเหมือนใจของผม

     

    “อ่ะเสร็จแล้ว นี่ตัวอะไร”

     

    ni ใช่ไหม อ้ะเดี๋ยว...”

     

    คริสหัวเราะออกมา ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่ผม และความหมายของคำที่คริสเขียนบนมือผมมันอ่านได้ว่า...

     

     

    Wo xihuan ni... (ฉันชอบเธอ)

     

     

     

    “ใครสอนให้เขียนประโยคนี้”

     

    “แบคฮยอน”

     

    หนอยแหนะ เด็กบ้า กลับมาเจอดีแน่

     

    “รู้ไหมว่ามันมีความหมายว่ายังไง อย่าเอามาพูดเล่นสิ”

     

    “ไม่ได้พูดเล่นนะ”

     

    ผมก้มหน้าลงไม่อยากให้คริสเห็นว่าอายแค่ไหน ให้ตายสิหน้าผมแดงไปถึงไหนแล้วเนี่ยรู้สึกเหมือนตัวจะลอยเลย คริสจับมือผมไว้ทั้งสองข้างแล้วพูดต่อ

     

    “เขินหรอ”

     

    “บะ...บ้าหรอ  ใครเขิน ไม่มี”

     

    “งั้นเงยหน้าสิ  ขอดูหน้าหน่อย”

     

    พอผมไม่เงยหน้า  เข้าก็ก้มมาดูหน้าผมแทน ผมเลยต้องรีบหันไปทางอื่น คราวนี้คริสลุกจากม้านั่งแล้วมานั่งยองๆอยู่ตรงหน้าผม

     

    นี่เขาจะรุกผมไปถึงไหนเนี่ย  แค่นี้ก็เขินจะตายอยู่แล้วนะ

     

    “เงยหน้าหน่อยสิ อี้ซิง อยากเห็นหน้านายนะ”

     

    คำพูดของคริสทำให้ผมก้มหน้าหนักเข้าไปอีก นี่ใจคอจะให้ผมเขินจนตายไปเลยใช่ไหม แล้วดูท่าทางเขาสิ ไม่มีหัวเราะออกมาสักนิด ท่าทางที่ดูจริงจังเกือบทำให้ผมหลุดขำออกมา

     

    “เลิกล้อเล่นไดแล้วคริส  ผมโกรธจริงๆนะ”

     

    “พูดจริงๆนะ  ฉันไม่ได้ล้อเล่น ถ้าไม่เงยหน้าฉันจะ...”

     

    ช่วงคำที่หายไปทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองคริส และนั่นทำให้ผมเห็นใบหน้าคริสที่เลื่อนเข้ามาใกล้ๆจนเกือบจะ...จะ....

     

    “สวัสดีอี้ซิง  อะ..เอ่อ...ฉันเข้ามาขัดจังหวะพวกนายหรือปล่าวเนี่ย”

     

    “ฝากไว้ก่อนก็ได้...”

     

    คริสทิ้งท้ายไว้ก่อนลุกขึ้นยืนข้างๆ ผมค่อยๆยืนขึ้น มองเห็นแทมินเดินควงกันมากับจงอิน  ทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันตรงหน้าผม คราวนี้หัวใจผมเป็นอะไรไป มันไม่รู้สึกเจ็บหรอกอยากร้องไห้เหมือนที่เคยเป็น แม้จะเห็นหน้าจงอินก็ตาม

     

    “เอ่อ...เปล่าๆ นายก็มานับถอยหลังกับจงอินเหมือนกันหรอ”

     

    “ใช่แล้ว ฉันเห็นอี้ซิงนั่งอยู่  ก็เลยชวนจงอินมาทักทาย เอ่อ นี่...”

     

    แทมินหันไปทางคริส ผมเลยแนะนำให้เขารู้จักกับคริส  ระหว่างนั้นผมแอบมองไปที่จงอิน เขากำลังมองมาที่ผมเหมือนว่ากำลังโกรธ

     

    “สวัสดี คริส” แทมินทักทายพร้อมรอยยิ้ม

     

    คริสไม่ตอบแทมิน  แต่เพียงก้มหัวให้น้อยๆ ไม่มีแม่แต่รอยยิ้มให้สักนิด ทำไมเขาถึงไร้มารยาทแบบนี้นะ

     

    “คริส ทักทายแทมินสิ ผมเคยบอกแล้วไง”

     

    ผมตีแขนคริสเบาๆ  แต่ก็ยังไม่มองหน้าเขา ก็เรื่องเมื่อกี้มันยัง...

     

    “สวัสดีครับ”

     

    “จงอินกับอี้ซิงไม่คุยกันหน่อยหรอ”

     

    คุยหรอ มีอะไรให้คุยอีกหล่ะ ในเมื่อผมประกาศกร้าวแล้วว่าให้จงอินเลิกยุ่งกับผม ลำบากใจชะมัด ขณะที่ผมกำลังสมเพสกับความคิดตัวเองแต่แล้วก็มีมืออุ่นๆเข้ามากุมมือผมไว้...มือของคริส

     

    “ว่าไงจงอิน ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอกัน แกสบายดีนะ”

     

    ทำไมจงอินถึงมองผมแบบนั้น สายตาที่มองมาราวกับว่ารังเกียจผมนักหนา แกจะทำให้ฉันเสียใจไปถึงไหนจงอิน

     

    “ไปเถอะแทมิน  ฉันอยากไปทางนู้น เบื่อคนลืมคำพูดตัวเอง”

     

    ลืมคำพูดตัวเอง? เรื่องที่ผมไปพูดกับเขาหน่ะหรอ? มันเป็นความผิดของผมเองสินะ

     

    ผมคิดเองหรือป่าวว่าจงอินกับคริสกำลังปะทะสายกัน นี่พวกเขาเล่นสงครามประสาทกันอยู่หรือเปล่า

     

    “งั้นฉันไปก่อนนะอี้ซิง บาย คริสด้วยนะฮะ บายฮะ”

     

    ดีที่แทมินพูดขัดขึ้นมาก่อน คงรู้ถึงบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้แล้วสินะ จงอินโอบไหล่แทมินแล้วเดินออกไป แต่ก่อนไป

     

    “แกคงสนุกมากสินะที่ปั่นหัวคนอื่นเล่น หึ...วันก่อนบอกรักอีกคน วันนี้มาอยู่กับอีกคน สุดยอดเป็นบ้าเลยหว่ะ เห็นทีต้องมองกันใหม่แล้ว”

     

    จงอินแสยะยิ้มก่อนจะโอบแทมินแล้วเดินออกไป ผมได้แต่กำมือแน่นด้วยความโกรธ

     

    “จงอิน!! ที่ฉันบอกแกคือเรื่องจริง รู้ไว้ด้วย  และที่ฉันทำแบบนี้เพราะชีวิตฉันไม่ได้มีแกคนเดียว ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะทำตามใจตัวเอง!!

     

    ผมตะโกนสุดเสียงและหวังว่ามันจะไปถึงหูของจงอิน น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาอีกครั้งและครั้งนี้เหมือนจะมากจนหยุดไม่อยู่

     

    “ร้องไห้ทำไม  อย่าร้องนะ ซิงถั่ว (xingtuo)”

     

    “นี่!! ใครสอนให้พูดคำนี้”

     

    “แบคฮยอน”

     

    แบคฮยอนอีกแล้ว ซิงถัวเป็นชื่อจีนที่เพื่อนผมชอบเรียกตอนเด็กๆ มันแปลว่าซิงเซอะซะ เหมือนกับบุคลิกของผมไง ผมกำลังจะเช็ดน้ำตา แต่กลับเป็นคริสที่ทำมันแทน  ถ้ามีคริสอยู่ด้วย  ไม่ว่าหัวใจผมบอบช้ำกี่ครั้ง มันก็จะสามารถกลับมาดีดังเดิมได้

     

    เป็นไปได้ไหมคริส....คุณจะอยู่กับผมไปนานๆ...อย่าไปไหนเลยนะ

     

     

     

     

    เสียงพิธีกรกำลังกล่าว นี่ก็ถึงเวลานับถอยหลังแล้ว ตอนนี้เวลาบนจอพลาสมากำลังถอยหลังไปเรื่อยๆ คริสจับมือผมแน่น อากาศที่หนาวเย็นไม่มีผลอะไร ผมกำลังอุ่น อุ่นตรงนี้อุ่นที่ใจ

     

    “เดี๋ยวเขาจะจุดพลุแล้วนะคริส”

     

    “คนเยอะจัง”

     

    “หนาวไหม” ผมหันไปถามเขา

     

    “ไม่หนาว”

     

    “พรุ่งนี้เราไปโบสถ์กันนะ”

     

    “อื้อ...เอ่อ...อี้ซิงคนผิดคำพูดนี่ไม่ดีหรอ?”

     

    คริสถามผมเสียงอ้อมแอ้ม  ทำอย่างกับว่าทำผิดอะไรกับใครไว้

     

    “ก็ใช่น่ะสิ  สัญญาหรอรับปากอะไรใครไว้แล้วไม่ทำตามนี่แย่มากๆ”

     

    “ถึงกับแย่เลยหรอ...”

     

    “แย่สิ อ๊ะเขานับถอยหลังกันแล้วคริส”

     

    สามสิบห้า... สามสิบสี่... สามสิบสาม...

     

    “อี้ซิง...”

     

    “หืม?”

     

    “ฉันคงทำอย่างที่พูดไว้ไม่ได้แล้วหล่ะ...”

     

    “อะไรนะ ผมไม่ได้ยินเลย”

     

    ผมพูดกับคริสเสียงดังขึ้นอีก เพราะคนรอบๆต่างพากันนับถอยหลัง เสียงดังกลบเสียงพวกเราไปหมด

     

    “ฉันบอกว่าฉันคงทำตามที่พูดไม่ได้แล้ว”

     

    “อะไรนะคริส  เรื่องอะไรหรอ??!!...”

     

    สิบสอง... สิบเอ็ด...

     

    “ฉันคงเป็นมนุษย์ได้อีกไม่นาน”

     

    “ฮะ...ว่าไงนะ?”

     

    “หลังจากที่ฉันกลับไปแล้วฉันคงมาเจอนายอีกไม่ได้  แต่ทุกนาทีที่ฉันยังเป็นมนุษย์  และยังมีชีวิตอยู่ในตอนนี้...”

     

    “ผมไม่ได้ยินที่คุณพูดเลยคริส”

     

    “ฉันขออุทิศให้นาย...”

     

    หก... ห้า... สี่...

     

    “ขอโทษที่ผิดคำพูดนะ...อี้ซิง”

     

    สาม...  สอง... หนึ่ง... ศูนย์!!! Happy New Year!!!! ปัง! ปัง! ตู้ม! ตูม!

     

    คริสดึงผมมากอดเมื่อการนับถอยหลังสิ้นสุด  และก่อนที่พลุจะจุดขึ้นสู้ท้องฟ้า คริสก็โน้มหน้าเข้ามาประกบริมฝีปากผม ไม่มีเสียงพลุ ไม่มีเสียงคน มีแต่เสียงหัวใจของเราที่เต้นดัง ตอนนี้เหมือนทั้งโลกเหลือเพียงเราสองคน จูบครั้งที่สองที่หวานกว่าครั้งแรกมากมายนัก ทุกสัมผัสเป็นไปด้วยความนุ่มนวล ผมยอมให้คริสเข้ามาสัมผัสความหวานจากผมได้เท่าที่เขาต้องการ

     

    คริส...  คุณจะอยู่กับผมแบบนี้ตลอดไปสินะ.....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Etc

     

    มาแล้วจ้า ตอนหน้าจบ -..-

    โคตรตัดตอนอ่ะ ความดราม่าพึ่งเกิด

    ตอนหน้าเราจะเฉาะพระเอกแล้ว  หึหึหึ

     

                    รักนะม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ -3-

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×