ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO - LOVE ALL DAY ❤ KRISLAY (SHORTFIC)

    ลำดับตอนที่ #3 : in your eyes [krislay] - part 2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 55


    In your eyes…







     




     

    2

     

     

                อาจเพราะตอนนี้เป็นเวลามืดค่ำ  อีกทั้งอากาศยังหนาวเกินกว่าที่จะมีใครออกมานั่งเล่น สวนสาธารณะแห่งนี้จึงว่างปล่าวอย่างน่าใจหาย ผมพยายามมองหาลูกแก้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกลิ้งไปถึงไหนแล้ว ผมทำของสำคัญหล่นหายได้ยังไงกัน นั่นเป็นของที่จงอินให้มาเชียวนะ ผมกำลังร้องไห้อยู่ ยิ่งหาลูกแก้วไม่เจอน้ำตามันก็เริ่มไหลขึ้นมาอีกและยิ่งมากกว่าเดิม ใจคอสวรรค์จะไม่เหลืออะไรให้ผมเลยหรอ

               

    “นี่ใช่ของเจ้าหรือเปล่า?”

               

     

    ผมกลับไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง เจ้าของเสียงเป็นชายร่างสูงโปร่งหน้าตาคม แต่ผมต้องชะงักทันทีเมื่อสบตากับเขา ดวงตาของเขามีสีเดียวกับลูกแก้วของผมที่เขาถืออยู่ในมือ เขากำลังนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนอันเงียบสงัด เหมือนมีอะไรมาดลใจผมราวกับว่าผมต้องมนต์สะกดของคนคนนี้ ผมไม่อาจละสายตาจากดวงตาคู่นั้นได้เลย จนกระทั่ง...

               

     

    “ลูกแก้วลูกนี้คงไม่ใช่ของเจ้าสินะ” ผมตกใจเบากับคำถามของเขา พยายามมองสิ่งที่เขาถือไว้ในมือแล้วก็พบว่ามันคือลูกแก้วของผมจริงๆ

               

    “นั่นของผมเองฮะ...ผมขอคืนนะครับ”

               

     

    ชายคนนั้นยื่นลูกแก้วคืนมาให้ผม ผมรีบคว้ามาพร้อมกับขอบคุณเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปทางนอกสวนที่มีผู้คนพลุกพล่านดังเดิม แต่ผมก็ต้องหันลังกลับไปมองผู้ชายคนนั้นแล้วเดินกลับไปหาเขา ดูสภาพเขาตอนนี้สิ ใส่เสื้อผ้าบางขนาดนี้มีหวังได้หนาวตายตรงนั้นแน่

               

     

    “ถ้าคุณไม่รังเกียจผมหล่ะก็....ช่วยใส่เสื้อนี้ไว้หน่อยนะฮะอากาศมันหนาวมากแล้ว ถือซะว่าผมตอบแทนที่คุณเก็บลูกแก้วให้ผม เสื้ออาจจะตัวเล็กไปหน่อยแต่มันคงพอช่วยคลายหนาวให้คุณได้”

     

                ผมถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองออกแล้วจัดการเอามันคลุมไหล่ให้คุณตัวสูงตาสีฟ้าที่นั่งหนาวอยู่ คงจะหนาวน่าดูสินะเพราะเสื้อที่เขาใส่เป็นเสื้อฮู้ดแขนยาวบางๆเท่านั้น

               

    “แล้วเจ้าหล่ะ...ไม่หนาวหรือ”

     

                “บ้านผมอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่สักพักก็เดินไปถึง ให้คุณใส่ไว้คงจะดีกว่า”

     

                “เอ่อ....คุณทานอะไรรึยังฮะ คือพอดีผมไปหัดทำคุกกี้ที่บ้านคยองซูมา...”ผมหันไปถาม

     

                “คยองซู??” คุณตัวสูงตาสีฟ้าหันมาถามผมอย่างไม่เข้าใจ

               

    ผมถามเขาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ มันดูวุ่นวายไปหรือปล่าวที่จะให้เขามากินอะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผมกับรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูไม่มีพิษภัยอะไรเลย ตรงกันข้ามเขากลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมไม่สามรถละสายตาไปจากเขาได้เลย

               

    “ข้า...สนใจ...คุก...นั่น..อ...เอ่อ...อาหารมนุษย์นั่น”

     

    คำสรรพนามแปลกๆที่เขาใช้แทนตัวเองทำให้ผมต้องกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ ผมขยับเข้าไปนั่งข้างๆเขา ค่อยๆหยิบกล่องคุกกี้ออกมาจากกระเป๋าแล้วหยิบมาจ่อที่ปากของคุณตัวสูง  ผมคิดว่าเราเหมือนคู่รักที่พึ่งออกเดทกันใหม่ๆยังไงอย่างนั้น

     

    “มัน....กินได้...หรือ?”

     

    “เอ่อ.....กินได้สิ..ถึงจะพึ่งเคยทำเป็นครั้งแรกก็เถอะ  ลองชิมดูสิฮะ”

     

    ผมขอร้องแกมบังคับให้คุณตัวสูงตาสีฟ้าช่วยชิมคุกกี้ที่พึ่งทำมา ผมรู้สึกว่าอยากให้เขาลองชิมคุกกี้ที่ทำมามากกว่าอยากให้เขาหายหิวเสียอีก ตอนนี้ผมไม่นึกถึงสภาพของเขาหลังจากที่กินคุกกี้นี้เข้าไป คุณตัวสูงตาสีฟ้ามองคุกกี้แล้วหยิบมันขึ้นมามองอย่างไม่แน่ใจ เขาเอามันมาเคาะกับม้านั่งสองที และนั่นทำให้ผมงงกับการกระทำของเขาเข้าไปอีก

     

     

    “เอ่อ...มีอะไรหรอ?” ผมถามเขา

     

    “ข้าไม่แน่ใจ....เอ่อ..ข้าแค่นึกว่ามัน...อาจเป็นหิน”

     

    นี่เปรียบเทียบได้ทุเรศเกินไปแล้วนะคุณตาสีฟ้า ถึงจะหัดทำเป็นครั้งแรกก็เถอะรูปร่างมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย

     

    “คือ...มนุษย์เค้ากินกันยังไง”

     

    ผมมองหน้าเขาแล้วเกาหัวอย่างงง นี่เกิดมาไม่มีใครเคยถามผมแบบนี้เลยนะ นี่ถ้าหน้าตาเขาไม่ได้หล่อเหมือนนายแบบตามแม็กกาซีนผมคงคิดว่าเค้าหลุดมาจากอีกมิติหนึ่งที่มองไม่เห็น

     

    “ก็...เอามันเข้าปาก... ค่อยๆเคี้ยว อ่อ...แล้วก็ต้องกลืนมันลงไปด้วย”

     

    คุณตาสีฟ้าค่อยๆพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบคุกกี้ชิ้นใหม่ใส่ปาก และนั่นทำให้ผมเกือบหลุดขำออกมากับท่าทางของเขา ผมกำลังลุ้นว่ารสชาติที่ออกมาว่ามันเป็นยังไง เพราะผมเองก็ยังไม่ได้ชิมมัน และคุณตาสีฟ้าก็ยังไม่ยอมบอก

     

     

    เขาไม่คายทิ้ง  ไม่อ้วกหรือสำลักออกมา แถมเริ่มหยิบชิ้นที่สองกินอีกด้วย!!

     

    แปลว่ามันกินได้ มันอร่อยสินะ สงสัยผมต้องลองชิมฝีมือตัวเองดูสักชิ้นแล้วหล่ะ  แต่แค่ผมลองหยิบใส่ปากแล้วเคี้ยวแค่นั้นแหละ...

     

     

    “แค่กกก พรวดดด แหวะ!!

     

    ผมคายออกมาแทบไม่ทัน ทำไมรสชาติมันห่วยแบบนี้หล่ะ นี่ผมคงไม่หยิบเกลือใส่ลงไปแทนน้ำตาลหรอกนะ คุณจอมเพี้ยน นี่คุณกินมันเข้าไปได้ยังไงกัน  ถ้าคุณเป็นอะไรไปเพราะคุกกี้นี่ผมไม่มีปัญญาหามคุณส่งโรงพยาบาลหรอกนะ

     

     

    “พอเถอะฮะ ผมกลัวคุณจะเป็นอะไรไปเพราะคุกกี้นี่”

     
     

    ผมแย่งคุกกี้นี่มาจากมือของเขา แต่คุณจอมเพี้ยนดันแย่งมันกลับไปพร้อมกับหยิบมันใส่ปากอีกชิ้น เค็มขนาดนั้นคุณกินมันลงไปได้ยังไง มันไม่ใช่เค็มธรรมดาเลยนะ มันสุดยอดของความเค็มเลยหล่ะ ถ้าผมไม่ได้ทำเองผมคงคิดว่า มันเป็นเกลือรูปแบบใหม่ที่สร้างมาให้มีหน้าตาเหมือนขนม แต่ผมก็ยังดีใจนะที่เขายังกินมันต่อและไม่บ่นอะไรสักคำ นี่ถ้าเป็นจงอิน หมอนั่นคงเขวี้ยงมันลงถังขยะไปแล้ว

     

     

    “นี่รอผมตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำหวานมาให้”

     

    ผมรีบวิ่งไปซื้อน้ำผลไม้ที่ร้านสะดวกซื้อข้างๆสวนสาธารณะ คุณตาสีฟ้ามองผมเปิดกระป๋องอย่างแปลกใจ ผมส่งน้ำผลไม้ให้เขาดื่มแล้วสาธิตวิธีการดื่มให้เขาดูด้วย ผมว่าคุณตาสีฟ้าเขาดูเพี้ยนๆนะ เขาว่ากันว่าอากาศร้อนทำให้คนเป็นบ้า แต่นี่อะไรกันคนเพี้ยนทั้งๆที่อากาศหนาวได้ด้วย

     

     

    “ว่าแต่คุณชื่ออะไร ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย อ้อ ผมชื่อ อี้ซิงนะฮะ จาง อี้ซิง”

    ผมแนะนำตัวขณะที่เราดื่มน้ำผลไม้กันอยู่ นี่ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

     

     

    “ข้าชื่อ...คริส”

     

    “เอ่อนี่...ผมสงสัยมานานแล้วว่าทำไมคุณถึงแทนตัวเองว่าข้า แล้วเรียกผมว่าเจ้า คำพวกนี้เขาเลิกใช้กันไปนานแล้วนะคุณ”

     

    “อ้อ...นั่นสินะ ฮ่ะฮ่า ข้า...ไม่สิ..ฉันชื่อคริส”

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะออกมา ทำไมดูเหมือนการขยับมุมปากแล้วส่งเสียงออกมาเท่านั้นหล่ะ คุณตาสีฟ้านี่เหมือนกับว่าคนไม่เคยหัวเราะอย่างนั้นแหละ

     

    “คุณเป็นลูกครึ่งหรอฮะ?”

     

    “ลูกครึ่งคืออะไร?”

     

    “สอง สัญชาติไงฮะ พ่อแม่อยู่คนละประเทศอะไรประมาณนั้น”

     

    “แล้วสัญชาติคืออะไร?” เขาหันมาถามผม

     

     

    นี่บนโลกนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกอีกหรอ เค้าเพี้ยนหรือความจำเสื่อมกันแน่นะ ปต่คงไม่หรอกมั้ง เค้าจำชื่อตัวเองได้หนิ นี่ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองต้องกลับบ้านไปนอนร้องไห้เสียใจเรื่องจงอิน แต่นี่กลับเป็นว่าผมมานั่งคุยกับคนแปลกหน้าแล้วยังเพี้ยนอีก คิดแล้วอดขำไม่ได้ อย่างน้อยเค้าก็ทำให้ผมรู้สึกไม่แย่เกินไปสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

     

     

    อากาศเริ่มเย็นมากแล้ว นี่ก็มืดมากแล้วด้วย ไหนจะทำการบ้านไหนจะต้องเตรียมกับข้าวไว้ให้น้องชายอีก ผมอยู่กับน้องชายสองคนที่บ้านพักที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้ จะมัวแต่ช้าอยู่ไม่ได้แล้ว ผมกอดตัวเองให้อุ่นขันตอนที่ลมหนาวพัดมา ตัวผมสั่นไปหมดแล้ว รีบกลับบ้านดีกว่าไม่งั้นได้แข็งตายแน่

     

     

    “ผมคงต้องกลับบ้านแล้วหล่ะคุณคริส นี่มืดมากแล้ว ไว้เราเจอกันใหม่นะฮะ คุณคริส”

     

    “เจ้า...เอ้ย...นายคงหนาวนะ เอาเสื้อกันหนาวของนายคืนไปสิ”
     

    “ไม่เป็นไรฮะ ผมยังไหว บ้านผมอยู่ใกล้แค่นี้เอง คุณคริสเก็บไว้คงจะมีประโยชน์กว่า เจอกันคราวหน้าคุณค่อยคืนผมก็ได้ ผมไปหล่ะ”

     

     

    ผมรีบวิ่งออกมาจากสวนสาธารณะพอย้อนมองกลับไปก็เห็นคริสกับดวงตาสีฟ้าของเขาจ้องมาที่ผม เขานั่งอยู่ที่เดิมและไม่ขยับไปไหน ผมโบกมือและส่งยิ้มให้เขา ดูเหมือนคริสจะโบกมือกลับมาให้ผมด้วยนะ

     







     



     



     



     



     



     



     



     



     



     



     



     


     



     




     





     

     

    ทายสิเราเมนใคร? อิอิอิอิอิ










     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×