ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] SF - Only One :: รักหนึ่ง... ของเรา

    ลำดับตอนที่ #7 : -3- [NiorBam] ... สักวันที่ฉันมีเธอ + Talk

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 57



     

                                                                                                                                           - 3 -   

    NiorBam – สักวันที่ฉันมีเธอ
     

      


     

      

     

    ออกตามหาซึ่งกันและกัน
    เพื่อจะอยู่เคียงกันและกัน
    ต่างคนตั้งคำถามและหาคำตอบ
    เมื่อไหร่เราจะพบกัน

     

     

    หนังสือในมือถูกเปลี่ยนไปเล่มแล้วเล่มเล่าตลอดสองวันจนคนที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงเบื่อหน่ายและยิ่งเบื่อเพิ่มขึ้นที่ไม่สามารถไปไหนได้อย่างใจจนบางทีก็อยากกระโจนลงจากเตียงวิ่งไปหาใครอีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการจะเป็นอย่างไรบ้างติดอยู่ตรงที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนนี่สิ

     

    ทว่าในตอนนี้... แม้จะเรียกว่าถูกคุ้มกันก็คงจะดูเป็นเรื่องปกติแต่ความรู้สึกที่ได้รับราวกับกำลังถูกขังเสียมากกว่าเพราะด้านหน้าประตูมีคนของอิมเทคเฝ้าอยู่จนจูเนียร์แทบกระดิกไปไหนไม่ได้ รวมทั้งช่วงขาที่ยังใช้งานไม่ได้สะดวกนักเพราะแผลจากกระสุนปืนและเอ็นข้อเท้าพลิกทำให้การที่จะหลบออกไปข้างนอกก็ยังดูเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

     

    หนังสือในมือถูกปิดลงก่อนที่เจ้าตัวจะเบนสายตาออกไปที่ด้านนอกอย่างเป็นกังวล ข่าวคราวที่ฝากให้อิมแจบอมช่วยตามให้ก็ยังไม่คืบหน้าทั้งที่แบมแบมเป็นถึงหนึ่งในทายาททีกรุ๊ปที่ใหญ่โตแต่เรื่องราวกลับเงียบหาย

     

     

     

    แกร๊ก....

     

     

     

    เสียงเปิดประตูเรียกสายตาของคนป่วยได้ในฉับพลันและมีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันใดเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่คือ... อิมแจบอม

     

    ผู้มาเยือนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ พร้อมกับยื่นกระเป๋าให้ จูเนียร์รับมันมาอย่างงงๆ โดยมีเพื่อนของตัวเองนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียง

     

    “อยู่เฉยๆ สองวัน เป็นง่อยเลยสิมึง!?”   

     

    “แจบอม... เรื่องของแบมแบมล่ะ?”

     

    จูเนียร์ไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเอ่ยถึงเรื่องที่ฝากไปหาข่าวอย่างอยากรู้

     

    “ยังไม่ตาย เพราะยังมีเครื่องช่วยหายใจช่วยอยู่”   

     

    แจบอมตอบง่ายๆ แต่มันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับจูเนียร์จนแทบกระชากคอมาต่อยให้หายหงุดหงิดซึ่งเขาก็รู้ดีจึงได้แต่ยกมือสองข้างชูขึ้นอย่างยอมแพ้

     

    “เออๆ... นี่เดี้ยงแล้วยังจะใจร้อนอีกนะ”

     

    “อย่ามาลีลา...สองวันได้มาแค่นี้ก็ตลกเกินไปแล้ว”  จูเนียร์ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมมองจ้องอย่างเอาเรื่อง

     

    “จริงๆ ก็รู้แค่นั้น... ถ้ามากกว่าที่บอกก็... ขาขวาหัก ซี่โครงก็หัก ฟกช้ำ เอ้...แล้วอะไรอีกวะ..”

     

    “คิดเร็วๆ ไอ้แจบอม!”   ฟังแค่นั้นจูเนียร์ก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้วยังจะมาอึกอักอีก

     

    “เออ... คิดอยู่! อ๊า... ใช่ๆ เห็นเฝือกดามคออยู่ แล้วที่ร้ายที่สุดก็คงเป็น... ยังไม่รู้สึกตัวเลย”

     

    “ยะ..ยัง...ไม่รู้สึกตัว...”

     

    จูเนียร์มีอาการติดขัดขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ภายเหตุการณ์วันนั้นเขายังจำมันได้แม่นรวมถึงการประสานแววตาเพียงเสี้ยววิที่ลอดผ่านหน้ากากหมวกกันน็อคเหมือนจะบ่งบอกให้เขามั่นใจโดยไม่รู้เลยว่าอีกคนจะทำเรื่องที่ไม่คาดคิดได้ขนาดนี้

     

     

     

    ในวันนั้นจูเนียร์รีบเปิดประตูรถวิ่งลงไปโดยไม่สนใจสภาพของตัวเอง ทว่ากลับยืนมองอย่างทำอะไรไม่ถูก เขาไม่กล้าพอที่จะจับหรือแตะตัวคนตัวเล็กแม้แต่นิดเพราะเกรงว่าจะทำให้หนักกว่าเก่า

     

    แต่เพียงไม่กี่วินาทีที่เขาตัดสินใจทรุดนั่งลงข้างๆ และเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเนียนที่ตอนเต็มไปด้วยเลือดที่ออกจากทั้งปากและจมูกก็ถูกแจบอมกระชากแรงๆ ให้กลับไปขึ้นรถเพราะเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นโดยรอบซึ่งอาจเป็นคนของทีกรุ๊ปหรืออาจเป็นคนที่ต้องการทำร้ายเขาก็ได้

     

     

     

    แม้จะถูกลากออกไปแต่จูเนียร์ยังคงทิ้งสายตามองร่างที่แน่นิ่งไม่วางตา ทว่ายังคงเบาใจอยู่เล็กน้อยที่คนตรงหน้ายังมีลมหายใจ

     

     

     

     

     

    “เฮ้ย... ก็ไม่แปลกหรอกน่า อาการไม่ได้เบาเลยนะ”  แจบอมทำลายความเงียบขึ้น

     

    “แต่...”  

     

    “แล้วก็รถ... เหมือนจะอยู่ในอู่ซ่อมนะ”    เขายังคงพูดไปเรื่อยๆ

     

    “ทำไมล่ะ?”   

     

    “ลืมไปรึเปล่าว่ารถของใคร? ทายาททีกรุ๊ปเชียวนะ หรือให้ถูกก็รถของแฟนแบมแบม”  แจบอมตอบด้วยสีหน้าหมั่นไส้นิดหน่อยจนจูเนียร์หลุดหัวเราะเบาๆ และก็เป็นการหัวเราะครั้งแรกหลังจากวันที่เกิดเรื่อง

     

    “แล้วฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่... วันนี้ได้ไหม?”

     

    “ไอ้บ้า! รู้นะว่าจะทำอะไร นี่โดนยิงนะเว้ย ไม่ได้ตกต้นไม้ แขนก็ยังมีเข็มคาอยู่อย่าห้าวนัก” แจบอมร่ายยาวก่อนจะบอกลาแล้วกลับไป

     

    จูเนียร์ก้มมองเข็มน้ำเกลือที่หลังมือตัวเองแล้วถอนหายใจ รู้ตัวเองดีว่าสภาพยังไม่พร้อมที่จะไปทำอะไรแผลงๆ อย่างเคย แต่แค่วันนี้เท่านั้นที่เขาจะยอมทนอยู่สถานที่แสนน่าเบื่ออย่างโรงพยาบาลนี่

     

     

     

     

     

     

    ...รอก่อนนะแบมแบม...

     

     

     

     

     

    จากตรงนี้ไปไกลแสนไกล
    หรือต้องผ่านเวลาแสนนาน
    กับชีวิตที่เหลือฉันรู้ว่าเราต้องได้มาอยู่คู่กัน

     

     


    วันนี้เข้าวันที่สามแต่จูเนียร์กลับยังคงถูกห้ามให้ออกจากโรงพยาบาลโดยพลการ แต่คนอย่างเขาถ้าได้ลงว่าตัดสินใจแล้วก็ไม่มีอะไรจะขวางได้แม้แต่สภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง การหาข้อมูลของแบมแบมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจูเนียร์ที่ตอนนี้มีอุปกรณ์ในมือพร้อมสรรพ

     

    ทันทีที่ได้เวลาในช่วงดึกเจ้าตัวก็เริ่มทำการหนีออกไปยังโรงพยาบาลที่แบมแบมรักษาตัวอยู่อย่างร้อนใจ แต่กว่าจะไปถึงตัวเขาเองก็ตัองกัดฟันสู้กับความเจ็บปวดทางร่างกายของตัวเองที่ยังไม่หายดี

     

     

     

     

    แว่นสายตา เสื้อกาวน์ และชาร์ตประวัติคนไข้ ทำให้เขาพอจะกลมกลืนไปกับบรรดาบุคลากรของโรงพยาบาลได้ไม่ยากจนมาถึงชั้นห้องผู้ป่วยพิเศษทว่าชื่อที่ควรจะติดอยู่หน้าห้องกลับหายไป ตอนแรกเขาเองก็คิดว่าเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยแต่อะไรบางอย่างที่เรียกว่าสัญชาตญาณกลับบอกว่ามีสิ่งผิดปกติ

     

    “เอ้อ... คุณพยาบาลครับ คนไข้ห้องนี้ไปไหนแล้วล่ะครับ?”  

     

    จูเนียร์เอ่ยถามพยาบาลที่เพิ่งเปิดประตูมาจากอีกห้องหนึ่งราวกับเป็นเรื่องพูดคุยธรรมดา

     

    “ออกไปตั้งแต่เย็นแล้วน่ะค่ะ เห็นว่าอนุมัติให้ย้ายด่วน”

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    จูเนียร์เอ่ยขอบคุณตามมารยาทแล้วเดินออกมาด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นพลางเฝ้าโทษตัวเองที่มัวแต่เสียเวลาทั้งวันทำให้พลาดที่จะได้พบแบมแบมไปเพียงก้าวเดียว

     

     

     

     

     

    ความเครียดที่ก่อตัวขึ้นทำให้จูเนียร์นอนไม่หลับแต่เพราะพยาบาลที่เข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้จึงทำให้เขาหลับไปได้ซึ่งอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ผสมอยู่

     

     

     

     

     

    เธออยู่ไหน และเธอคือใคร
    เธออยู่ไหน เฝ้ารอเธอมา
    ฉันอยู่ด้วยความศรัทธาว่าเธอมีจริง

     

     

     

     

     

    ผ่านไปอีกหลายวันแต่จูเนียร์ก็ยังหาเบาะแสของแบมแบมไม่พบจนเขาชักไม่แน่ใจว่าที่ไม่รู้ว่าเพราะลุงของแบมแบมพาหลานไปซ่อนไว้อย่างดีหรือเพราะเขาความสามารถไม่พอกันแน่

     

    จากความเป็นห่วงก็เริ่มมีความกระวนกระวายเข้ามาแทนที่ แต่เขาเองก็ไม่ได้หนักใจมากเกินไปนักเนื่องจากพรุ่งนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากอยู่มาเกือบอาทิตย์ด้วยการถูกบังคับซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจะต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้น

     

     

     

     

     

     

                ภายในห้องของจูเนียร์ยังคงเหมือนเดิม แม้แต่การจัดวางต่างๆ ที่เขาเคยจำมันได้ก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ที่มันเปลี่ยนไปคือบรรยากาศที่อบอวลอยู่ภายในห้องนี้ต่างหาก

     

                มือหนาเปิดประตูห้องนอนด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ภาพซ้อนทับระหว่างห้องสองห้องที่เหมือนกันเรียกความทรงจำบางอย่างของเขากลับมาอีกครั้ง จูเนียร์คว้ากุญแจรถบนโต๊ะทำงานขึ้นมาก่อนจะเดินเร็วๆ เพื่อไปยังที่ที่เขานึกออก ถึงไม่มั่นใจนักว่าจะได้ประโยชน์อะไรแต่ก็คงลืมที่นั่นไม่ได้

     

     

               

    บ้านสีครีมหลังใหญ่ของแบมแบมยังคงไร้ผู้คนเหมือนเดิมแต่คราวนี้เขาไม่คิดจะหลบอีกต่อไปในเมื่องานของเขามันจบแล้ว จูเนียร์ปีนกำแพงข้ามไปด้วยความทุลักทุเลเพราะเกรงว่าแผลจะปริอีกรอบหลังจากวันนั้นที่บ้าระห่ำปีนหนีออกจากโรงพยาบาลไปหาแบมแบมยามดึกแล้วคว้าน้ำเหลวกลับมา

     

                จูเนียร์เป็นคนที่ค่อนข้างความจำดี เขาเดินตรงไปที่ห้องของแบมแบมโดยไม่ต้องหยุดคิดแม้แต่นิด  ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบเตียงสี่เสาประดับม่านสีขาวปักลายที่เคยพบเมื่อคราวก่อน แต่ที่เขาจำได้ที่อยู่ของเตียงนี้มันคืออีกห้องหนึ่งแล้วบรรยากาศที่เหมือนกันกับห้องของเขามันหายไปไหนกัน

     

                ขายาวรีบวิ่งไปอีกห้องที่เคยเป็นห้องของเตียงสี่เสา เขาหยุดหน้าห้องนั้นและสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปิดประตูไม้บานหนาออก แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาใจเต้น

     

     

     

     

     

                ... ห้องที่เคยมีเตียงสี่เสาคราวก่อน กลับเป็นเพียงห้องว่าง

     

     

     

     

     

                ... นี่มันอะไรกัน!

               


     

     

     


    เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน
    นี่คือบัญชาของสรวงสวรรค์
    ให้เราต้องเจอกันสักวันในชีวิตนี้
    เกิดมาดูแลหัวใจอีกดวง
    เกิดมาเพื่อรักแค่คนนี้ เกิดมาเพื่อมี
    สักวันที่ฉันมีเธอ

     

     

     

     

    ...อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าค่ายลูกเสือ...

     

     

     

    ถรุ๊ย! เล่นมุกแบบนี้ปรึกษาใครบ้างหรือเปล่า? -_-

     

     

    บางทีจูเนียร์ก็ไม่อยากจะทำตัวให้เครียดจนเกินไป แต่มาจอดรถมองอาคารสำนักงานใหญ่ของทีกรุ๊ปก็ประหม่าจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่เคยล้วงข้อมูลบริษัทใหญ่ขนาดทีกรุ๊ปมาก่อนแถมยังไม่ใช่ตามแผนกทั่วไปแต่เป้าหมายคือประธานบริษัทผู้เป็นลุงของแบมแบม

     

     

    จูเนียร์กลับมาคิดจนหัวแทบระเบิดเพราะระบบข้อมูลของบริษัทนั้นไม่ธรรมดาและเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้นในเมื่อสิ่งที่เขาอยากรู้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งวิธีเดียวที่ได้ผลเสมอแต่เสี่ยงต่อการจับได้ง่ายที่สุดคือ... เครื่องดักฟัง

     

     

     

    ทุกๆ วันจูเนียร์ก็ใช้เวลาในแต่ละวันเพื่อไล่ฟังเสียงที่อัดเอาไว้จนแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะไหนจะต้องสะสางงานที่ค้างไว้รวมถึงงานใหม่ที่ได้รับมอบหมาย โชคดีที่ผู้ว่าจ้างเจ้าปัญหาถูกทั้งอิมเทคและทีกรุ๊ปถอนรากไปแล้ว ไม่อย่างนั้นชีวิตเขาก็คงต้องมีคนของอิมเทคมาคอยเฝ้าเหมือนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลแน่ๆ

     

     

     

    ทว่าเมื่อเข้าอาทิตย์ที่สามโชคก็เริ่มเข้าข้างเมื่อเบาะแสที่ตามหาก็ปรากฏ

     

     

     

    ประธานทีกรุ๊ปรับสายโทรศัพท์ในภาษาที่จูเนียร์ไม่รู้จัก แต่เพราะข้อความเสียงที่ถูกอัดไว้ทำให้สามารถหาข้อกระจ่างได้ไม่ยากนัก

     

    ข้อความที่ถูกแปลเป็นภาษาเกาหลีถูกยื่นให้ในเย็นวันหนึ่ง เริ่มรู้สึกภูมิใจนิดหน่อยที่เรียนมหาวิทยาลัยนานาชาติก็วันนี้แหละ

     

     

     

     

    ... แบมแบม ย้ายไปบ้านพักเรียบร้อยดี....   มันคือภาษาไทย...

     

     

     

     

     

     

    ต่างก็พร้อมจะไปด้วยกัน
    พร้อมจะออกเดินทางด้วยกัน
    ฝากความฝันความหวังและหัวใจเรา
    ในมือของกันและกัน

     

     


    จูเนียร์นอนนิ่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิมหลังจากกลับมาจากการไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คร่างกายที่ทำกายภาพบำบัดซึ่งตอนนี้สภาพร่างกายถือได้ว่าปกติดี แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจโทรหาอิมแจบอม

     

     

    “แจบอม ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้หน่อยสิ เดี๋ยวส่งรายละเอียดไปให้”

     

     

    การที่จูเนียร์เฝ้าตามหาแบมแบมไปทั่วอย่างยากลำบากทำให้เขารู้ตัวเองว่ารักคนตัวเล็กมากมายแค่ไหน ยิ่งอีกคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาขนาดนั้นยิ่งทำให้เขาพยายามที่จะตามหามากขึ้น แม้จะรู้ดีกว่ากำลังถูกกีดกันเพราะเขาทำให้แบมแบมต้องเจ็บตัวขนาดนั้น

     

     

     

     

    ... หรืออาจเรียกได้ว่าเกือบตายเลยก็ได้

     

     

     

     

     

     

    การตัดสินใจครั้งนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จไหม... แต่จูเนียร์ก็อยากลองดู

     

     

     

     

     

     

    .... สักครั้ง

     

     

     

     

     


    เธออยู่ไหน และเธอคือใคร
    เธออยู่ไหน เฝ้ารอเธอมา
    ฉันอยู่ด้วยความศรัทธาว่าเธอมีจริง

     

     

     

     

             

    เครื่องบินสัญชาติเกาหลีบินผ่านน่านฟ้าเข้าสู่ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ผมไม่เคยเหยียบผืนแผ่นดินนี้เลยสักครั้งในชีวิต และมันคงเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อยที่จะตามหาเขา

     

    แม้ว่าที่นี่จะเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่สำหรับคนต่างชาติมันก็ยังเป็นสถานที่ที่เรียกว่าอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว

     

    จูเนียร์ทำตามแผนที่วางไว้ทั้งหมดนั่นคือเข้าพักโรงแรมที่ไม่ไกลจากบ้านของแบมแบมเพื่อง่ายต่อการหาข้อมูลด้วยวิธีการเดิมๆ

     

     

     

    ... วิธีการบุกบ้านเป้าหมาย...

     

     

     

    ...เป็นเรื่องที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางแบบข้ามประเทศเลยทีเดียว

     

     

     

     

    แต่ก็พร้อมที่จะเสี่ยง..

     

     

     

     

    ชื่อเสียงของเขาไม่ได้แลกมาด้วยเงินแต่สร้างมาจากผลงาน ฉะนั้น หากคราวนี้มาถึงบ้านเจ้าตัวแต่ยังไม่ได้อะไรก็คงต้องพิจารณาตัวเองใหม่

     

    เขาเคยคิดที่จะเข้าไปพบคนที่บ้านของแบมแบมอย่างตรงไปตรงมา ทว่าคิดอยู่หลายตลบ...ถ้าหากเรื่องมันง่ายอย่างนั้น คงไม่ต้องตะเกียกตะกายขนาดนี้

     

     

     

    โทรศัพท์เครื่องสวยถูกเปิดไล่ดูภาพต่างๆ มากมายที่เคยถ่ายด้วยกันอย่างคิดถึง ไม่รู้ตอนนี้คนตัวเล็กจะเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่เขารู้และอยู่ได้อย่างสบายใจจนถึงวันนี้มีเพียงเรื่องที่แบมแบมฟื้นหลังจากนั้นได้หนึ่งอาทิตย์

     

     

     

    แต่คราวนี้ดูเหมือนเขาจะพกโชคมามากพอสมควรเมื่อรู้ถึงที่อยู่ของคนรักได้โดยบังเอิญจากการนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับครอบครัวแบมแบมในร้านอาหารซึ่งเขาก็ต้องรอคำแปลจากเพื่อนของเขาอีกทีเพราะจูเนียร์เองก็คงไม่ไว้ใจคนอื่นนัก และถ้าหากคนที่เข้าไปขอความช่วยเหลือคิดว่าเขาเป็นคนร้ายคราวนี้คงได้กลับเกาหลีมือเปล่าแน่ๆ

     

     

     

    เวลาหนึ่งวันช่างยาวนานจนเกินกว่าจะบรรยายได้หมด ความรู้สึกเหมือนมันนานยิ่งกว่าเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ อีกทั้งเป็นห่วงอาการเจ็บของแบมแบมที่รับรู้มาจากอิมแจบอมตั้งแต่วันแรกๆ เขาไม่อาจวางใจได้ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ข่าวที่ได้มาก็ใช่ว่าจะเชื่อได้ทั้งหมดเสียเมื่อไหร่ ไม่อย่างนั้นคงขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

    จูเนียร์เดินทางทันทีที่ได้รายละเอียดการแปลทั้งหมด เขากำลังจะไปภาคเหนือของประเทศไทย ถือว่าครอบครัวของแบมแบมสุดยอดมากจริงๆ ที่พาแบมแบมไปพักฟื้นที่นั่นแถมความสัมพันธ์ของเจ้าของรีสอร์ทเป็นเพียงรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของพี่สะใภ้ซึ่งหากให้เขาสืบเองคงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสาวไปได้ขนาดนั้น

     

     

     

    และเมื่อจูเนียร์มาถึงจุดหมายได้การจะพบแบมแบมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป บ้านไม้หลังเล็กที่เป็นบ้านพักของคนที่เขาตามหามากว่าสามอาทิตย์ปรากฏอยู่ตรงหน้า

     

    ชายหนุ่มยิ้มเมื่อหน้าต่างของบ้านไม่ได้ล็อคเอาไว้ ขายาวๆ จัดแจงเลื่อนบานกระจกออกอย่างเบามือก่อนจะปีนเข้าไปด้านในอย่างชำนาญ

     

    สิ่งที่อยู่ภายในห้องทำให้เขาพูดไม่ออก ไม่มีแบมแบมอยู่ในห้องนี้อย่างที่คาดหวัง แต่กลับพบสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว

     

     

    ห้องนอนที่เหมือนกับห้องนอนภายในคอนโดของเขา ห้องที่หายไปจากบ้านสีครีมของแบมแบมกลับพบว่ามาอยู่ที่นี่ จูเนียร์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาคมเต็มตื้นไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงจริงๆ

     

     

     

    เพียงแค่นี้ก็ทำให้รู้ว่า... แบมแบมยังคงคิดถึงเขาตลอดเวลา

     

     

     

    มือหนาลูบไปบนผ้าห่มที่ถูกจัดอย่างเรียบร้อย แค่เขาคิดว่าแบมแบมจะต้องนอนอยู่ที่นี่ทุกคืนคล้ายนอนอยู่ที่เดียวกันแต่ขาดก็แค่กันและกัน ยิ่งทำให้จูเนียร์สะท้อนใจจนแทบรอที่จะพบคนตัวเล็กไม่ไหว

     

     

    รีสอร์ทแสนสวยที่มีไร่และป่าเขาล้อมรอบเป็นที่พักผ่อนที่ดีแต่ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้กลับร้อนใจผิดกับบรรยากาศสบายๆ รอบตัว

     

     

     

     

    “แบมแบม...”             

     

     

    ภาพตรงหน้าที่ไกลออกไปทำให้จูเนียร์วิ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กที่เขาเฝ้าตามหามาหลายอาทิตย์อย่างคิดถึงที่สุด แม้จะเห็นไม่ชัดนักแต่รับรองว่าเขาจำไม่ผิด

     

    ร่างสูงวิ่งมาจนถึงศาลาเล็กๆ เขาชะงักเท้าเอาไว้ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งและเดินอ้อมด้านหลังวีลแชร์จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า จูเนียร์คุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่แทบลืมไปแล้วของตัวเองเมื่อเห็นหน้าของคนตัวเล็กชัดๆ อีกครั้ง

     

     

     “จูเนียร์!”    

     

    คนถูกเรียกชื่อลูบผมนิ่มของคนตรงหน้าเบาๆ

     

    “ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว”   แบมแบมยกมือข้างที่ยังปกติดีขึ้นจับมือของจูเนียร์มาแนบแก้มของตัวเอง

     

    “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”  จูเนียร์ถามเสียงแผ่วพลางลูบเนื้อตัวของคนรักไปทั่วเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บ มือหนาลูบไปบนเฝือกที่ขาข้างขวาก่อนจะเลื่อนมาที่แขนที่ถูกคล้องเอาไว้เพื่อลดการเคลื่อนไหวรุนแรง

     

    แบมแบมสั่นหน้าเบาๆ น้ำสีใสไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อเห็นคนที่มาหาเขายังแข็งแรงดีอย่างที่เขาต้องการจะเห็น

     

    “ร้องไห้ทำไมครับคนดี?”   จูเนียร์ยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อจนเปรอะดวงตากลมโตคู่สวยของคนรัก แม้ว่าตัวเองก็ปริ่มไปด้วยน้ำตาไม่ต่างกัน

     

    “คุณลุงบอกว่า...ถ้าคุณหาผมไม่เจอก่อนที่ผมจะหาย ชื่อเสียงของคุณมันก็แค่เด็กเล่นขายของ”

     

    “ปรามาสแบบนี้ให้ลูกน้องมาซ้อมกันเลยดีกว่า”

     

    จูเนียร์ดึงแบมแบมเข้ามากอดเบาๆ อย่างแสนรัก ยิ่งเห็นคนรักในสภาพที่เจ็บขนาดนี้เขายิ่งปวดใจ แบมแบมเองก็ยกมืออีกข้างกอดตอบไปเช่นกัน คางเล็กเกยอยู่บนไหล่ของจูเนียร์น้ำตาของคนตัวเล็กกว่ายังคงไหลจนสุดท้ายกลายเป็นเสียงสะอื้นอย่างสุดกลั้นเพราะเขารอที่จะได้พบจูเนียร์อยู่ทุกวันจนจูเนียร์ต้องยกมือขึ้นลูบผมเบาๆ เพื่อปลอบประโลม

     

     

     

     

    ...สำหรับแบมแบม การรออย่างไม่รู้จุดหมายแต่รู้จุดจบมันโหดร้ายมากทีเดียว...

     

     

     

     

    ...แต่วันนี้ทั้งคู่ก็ได้พบกันเสียที

     

     

     

     

     

     

    จูเนียร์พาแบมแบมกลับมาที่บ้านพักในตอนเย็นก่อนจะพยุงมาที่เตียง

     

     

     

    “ฉันสัญญา... ว่าฉันจะดูแลนายให้ดีกว่านี้...”     

     

     

    “คุณจะรักผมใช่ไหม?”   แบมแบมถามพลางขยับตัว ทำให้จูเนียร์รีบเข้าไปช่วยอย่างถะนุถนอมสุดๆ

     

     

    “ไม่ใช่นะ...”  จูเนียร์แก้

     

     

    “ฉันน่ะรักนายคนเดียวมาตลอด แต่ช่วยสัญญากับฉันที... ว่านายจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก”  

     

     

    “ครับ ผมจะพยายาม”    แบมแบมก้มหน้าตอบเสียงเบา

     

     

    “ไม่นะ... ต้องทำให้ได้ หากฉันเห็นนายเจ็บแบบนั้นอีกครั้ง ฉันคงขาดใจตาย ถ้านายจากฉันไปเพราะเรื่องแบบนี้จริงๆ ฉันคงทนไม่ไหว”    

     

    จูเนียร์เชยคางแบมแบมขึ้นและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาจนคนถูกมองเริ่มหน้าขึ้นสีระเรื่อที่จูเนียร์ระบายความรู้สึกให้ฟังแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จูเนียร์กดจูบเบาๆ ที่หน้าผากของแบมแบมอย่างต้องการยืนยันคำพูด

     

     

     

     

     

     

    “ฉันรักนายนะแบมแบม ... รักนายคนเดียว และจะรัก... ตลอดไป”  

     

     

     

     

     

     

    “ผมก็รักคุณ... รัก... มากเท่ากับชีวิตของผม”

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน
    นี่คือบัญชาของสรวงสรรค์
    ให้เราต้องเจอกันสักวันในชีวิตนี้
    เกิดมาดูแลหัวใจอีกดวง
    เกิดมาเพื่อรักแค่คนนี้ เกิดมาเพื่อมี
    สักวันที่ฉันมีเธอ

     

     

     

     

     

     

     

     

    -END- …

     

    สำหรับเซตนี้คงหาเรื่องงงยากอยู่เพราะมีแค่ จูเนียร์และแบมแบม
     

    ด้วยสาเหตุที่ทุกคนบอกว่า ไม่นะ! อย่ามาจบแบบนี้ จึงบังเกิดตอนนี้เป็นตอนจบ

    แต่...เราไม่ถนัดเรื่องโรแมนติกสักเท่าไหร่ ขออภัยทุกคนด้วย ฮอลลลล... T^T

    และส่วนหนึ่ง

    ก็มาจากตัวเองที่คิดว่าถ้าจบแบบนั้นเราเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน งื้ออออ...

     




    Talk ::

    ตอนนี้ส่วนหนึ่งมาจากรีดเดอร์บอกว่า...TBC เถอะ อย่ามาเศร้าแบบนี้นะ 

     

    หรือ...

    ถ้าใครชอบจบแบบตอนที่แล้วก็ลืมตอนนี้ไปนะคะนะ...

    (ทันไหม? ไม่ทันสินะ >< ) 

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×